0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

5Element Part 5

2 posters

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

15Element Part 5 Empty 5Element Part 5 Sun Dec 08, 2013 9:58 pm

0ctogus

0ctogus
Admin

“ที่นายเห็นอยู่นี้ นี่คือภาพเหตุการณ์จำลองสงครามในเมืองอคิวร่าของเผ่าไฟเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน”คริสเหลือบตามามองผม เหมือนต้องการจะดูว่าผมจะมีปฏิกิริยายังไงกับสิ่งที่เขาพูด ก่อนจะพูดต่อเมื่อหน้าของผมกำลังแปะเครื่องหมายคำถามกลางหน้าผาก


“ถ้าอยากรู้ความจริงทั้งหมด นายต้องรู้ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของมัน”


“ผมพร้อมจะฟัง”คริสหันกลับไปมองแผนที่จำลองสามมิติ ก่อนจะอธิบายต่อ


“สาเหตุของสงครามเกิดจากแค่คำพยากรณ์ศักดิ์สิทธิของเลอร์วันน่าแค่บทหนึ่ง บทที่พูดถึงการกลับมาของผู้พิทักษ์แห่งอัคคีคนสุดท้าย ในคำพยากรณ์บอกว่า เขาคนนี้จะเป็นขุมทรัพย์ของพลัง และราชันต์แห่งอัคคี คืออยู่เหนือแม้กระทั่งพลังงานต้นกำเนิดที่อยู่ในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ พลังงานต้นกำเนิดของนายก็คือไฟศักดิ์สิทธิที่นายไปแตะเข้า ซึ่งนายไม่ควรจะไปยุ่งกับมันเลยด้วยซ้ำ เพราะไฟนั้นถ้ายังไม่ใช่ผู้พิทักษ์เต็มตัวมันจะกระตุ้นพลังภายในตัวนาย แล้วถ้านายควบคุมไม่อยู่มันก็จะเป็นแบบเมื่อกี้ ส่วนพื้นที่ศักดิ์สิทธิก็คือที่ที่นายเผลอหลงเข้าไป เพราะตามไคไปนั้นแหละ”ผมอึ้งกับคำพูดของคริส ผมคือคนที่จะชนะพลังงานต้นกำเนิดอย่างนั้นน่ะหรอ ผมเนี่ยนะจะชนะฟีนิกส์ คนอย่างผมเนี่ยนะ เอาอะไรมาตัดสินกัน..


“นายอาจจะไม่เชื่อ แต่นั่นคือคำพยากรณ์ที่ศักดิ์สิทธิที่สุดของที่นี่ และขึ้นชื่อว่าคำทำนาย ทุกอย่างต้องมีทั้งดีและไม่ดีเสมอ คำพยากรณ์บทนี้ก็เหมือนกัน คำทำนายได้บอกไว้ว่า ในวันสุริยุปราคา วันศึกแห่งราชันย์ ถ้าผู้พิทักษ์คนนี้ถูกครอบงำด้วยความชั่วร้าย  เขาจะกลายเป็นปีศาจที่แม้แต่พลังงานต้นกำเนิดก็ยับยั้งเขาไว้ไม่ได้ “



“เรื่องนี้ทำให้เหล่าผู้พิทักษ์ในตอนนั้นกังวลมาก พวกเขาพยายามปิดเรื่องนี้ให้เป็นความลับโดยเฉพาะกับพวกสมาพันธ์แห่งความมืด กลุ่มอาชญากรที่จ้องจะครองเลอร์วันน่าอยู่ก่อนแล้ว เพราะถ้าพวกมันรู้เรื่องเมื่อไร พวกมันต้องอยากให้ผู้พิทักษ์คนสุดท้ายมาอยู่ฝ่ายมันอยู่แล้ว เพื่อจะได้ยืมพลังอำนาจของเขาไปใช้ในทางที่ผิด แล้วสุดท้ายพวกมันก็รู้จนได้ พวกมันทำในสิ่งที่โหดร้ายที่สุดโดยการบุกโจมตีเผ่าไฟ แล้วฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ทั้งหมด เพื่อให้เหลือผู้พิทักษ์คนสุดท้ายตามคำพยากรณ์”ผมอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองภาพตรงหน้าค้าง ชายชุดดำคนหนึ่งกำลังเงื้อดาบแล้วฟันใส่เด็กตัวเล็กๆที่ไร้ทางสู้ ถัดไปพวกของมันกำลังฆ่าคนแก่ ทหาร และชาวบ้านคนอื่นๆอย่างทารุณ



 ตัวของผมสั่นไปทั้งตัว ความกลัว สับสน และตกใจจู่โจมผมอย่างไม่ทันตั้งตัว คนของผมถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ทั้งผู้ใหญ่ คนแก่ และเด็ก ทุกๆคนถูกฆ่าตายกันหมด…ไม่เหลือ…แม้สักคน  



“ฉันรู้ว่ามันโหดร้าย…..แต่นั่นคือความจริง เหล่าผู้พิทักษ์ในตอนนั้นหาทางทำทุกอย่างเพื่อให้นายปลอดภัยจากสมาพันธ์ มีข่าวว่าพวกเขาพานายไปอยู่ยังอีกโลกหนึ่งที่สมาพันธ์ไปไม่ถึง ตอนแรกฉันก็ไม่ค่อยเชื่อ แต่ตอนนี้ก็อย่างที่เห็น นายถูกพาไปอยู่อีกโลกหนึ่งจริงๆ แต่เรื่องใครพาไป พาไปยังไงตัวฉันเองก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดเรื่องนั้นเท่าไรหรอก เพราะทุกอย่างถูกปิดเป็นความลับขั้นสุดยอด แม้แต่พวกเราที่จะกลายเป็นผู้พิทักษ์คนต่อไปก็ยังไม่รู้เลย”คริสเล่าประวัติของผม โดยที่หัวของผมแทบไม่รับรู้อะไรที่เขาพูดอีกแล้ว…


“ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์….”ผมพึมพำเสียงเบา ถ้าพวกมันฆ่าทุกคนจริง ครอบครัวของผมก็คง………..แค่คิดน้ำตาก็รื้นขึ้นมาอยู่ที่ขอบตาแล้ว


“ฉันรู้ว่ามันยอมรับได้ยาก แต่ฉันคิดว่านายคงทำใจได้บ้างแล้วตั้งแต่รู้ว่าตัวเองคือคนสุดท้าย”ลู่หานพูดขึ้น น้ำเสียงและท่าทางดูแปลกใจกับสิ่งที่ผมพูด


“ผมไม่คิดว่ามัน…..”ผมมองไปยังภาพสงครามตรงหน้า ไม่อยากจะเชื่อว่ามันเกิดขึ้นจริง ครอบครัวของผม พ่อแม่ พี่น้องที่แท้จริงของผม….ถูกฆ่างั้นหรอ


“มันจะร้ายแรง….เท่านี้”ผมยอมรับไปตามจริง ผมไม่คิดว่ามันจะร้ายแรงอย่างนี้ แล้วก็ไม่เคยสนใจจะถามไคจริงๆจังๆด้วยว่าทำไมผมถึงเป็นคนสุดท้าย คงเพราะสมองของผมใช้ไปกับการฝึก และสงสัยในปริศนาที่พวกเขาพูด โดยลืมที่จะสนใจภูมิหลังของตัวเอง


“ทุกคนก็ไม่คิดเหมือนกัน”ลู่หานพูดขึ้น ก่อนที่ความเงียบจะมาเยือนพวกเราทุกคน ไม่มีใครพูดอะไร  ไม่มีใครทำอะไร เว้นเสียแต่คริสที่ทำให้โต๊ะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ภาพเหล่านั้นก็ยังคงติดตาผมอยู่ดี  ผมไม่สามารถลบมันออกไปได้ ไม่แน่ว่าคนที่ผมเห็นอาจจะเป็นพ่อเป็นแม่ หรือญาติพี่น้องของผมก็ได้ ตอนนี้ผมไม่เหลือใครเลย ไม่เหลือใครสักคนเดียว ผมเป็นผู้ใช้ไฟคนสุดท้ายบนโลกใบนี้…



  ผมอธิบายสิ่งที่รู้สึกอยู่ตอนนี้ไม่ถูก มันเหมือนกับว่าเราตื่นขึ้นมาบนโลกที่ไม่เหลือใคร มีแต่เราคนเดียวที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ ไม่มีคนรู้จัก ไม่มีใครช่วยเหลือ ไม่มีทั้งพ่อไม่มีทั้งแม่ ไม่มีใครเลยสักคน มันทั้งอ้างว้าง โดดเดี่ยว และหวาดกลัว ผมไม่รู้จะทำยังไงต่อไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นดี ทุกอย่างดูสับสน ไม่มีจุดหมาย และเลื่อนลอยจนไม่เห็นทางที่จะต้องเดินไป



  ถ้าตอนนี้คุณป้าอยู่กับผมด้วยทุกอย่างก็คงดีกว่านี้ ป้าคงจะกอดผมไว้ ถามว่าผมเป็นอะไร แล้วให้คำปรึกษากับผม แต่มันเป็นไปไม่ได้ ผมติดอยู่ที่นี่ตามลำพัง…



“พี่ไม่เป็นไรนะครับ….ทุกอย่างมันผ่านไปแล้วนะ”จู่ๆไคก็พูดขึ้นมาพร้อมกับแตะบ่าของผม ความใจดีของเขากำลังทำให้ผมอ่อนแอจนน้ำตาที่เอ่ออยู่ที่ขอบตาร่วงเผาะลงมาทันที


“ไค….”ไคยิ้มบางๆให้ผม ก่อนจะบีบบ่าผมเบาๆ


“ร้องออกมาเถอะครับ ผมจะอยู่ข้างๆพี่เอง”


“เฮ้อ…น้ำตาอีกแล้ว บอกตรงๆนะว่าฉันเกลียดน้ำตา แต่ฉันจะยกให้นายเป็นกรณีพิเศษ”ลู่หานพูดขึ้น แม้แต่เขาที่ดูใจร้ายกับผมตลอดเวลายังห่วงผม


“ผม…ผม….”


“ผมไม่ถนัดแปลภาษาคนร้องไห้หรอกนะ”คนที่ชื่อเซฮุนพูด ผมเกือบจะคิดว่าเขารำคาญผมแล้วถ้าไม่มีรอยยิ้มที่ดูเหมือนอยากจะปลอบแต่ไม่รู้จะแสดงออกยังไงมาให้ผม


“ขี้แยจริงๆ”คริสพูดขึ้นอย่างรำคาญ แต่ก็ยังยื่นผ้าเช็ดหน้าสีเทามาให้ผม ผมมองพวกเขาอย่างขอบคุณ รู้สึกซาบซึ้งอย่างบอกไม่ถูกที่พวกเขายื่นมือมาให้ผม มาช่วยผมออกไปจากความสับสนและความจริงที่โหดร้ายนี้



     ผมปล่อยให้น้ำตาไหลอยู่อย่างนั้นสักพัก  ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ข้างในค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่หายไปเลยซะทีเดียว มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผมจะทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาไม่กี่นาที



    ผมค่อยๆหยุดร้องไห้ โดยตลอดเวลาที่ผมจมอยู่กับความเศร้า พวกผู้พิทักษ์ก็ยังนั่งอยู่ด้วย ไม่มีใครทำหน้ารำคาญ หรือคำพูดเบื่อหน่าย พวกเขาแค่นั่งอยู่ด้วยให้รู้ว่าผมไม่โดดเดี่ยว


“ดีขึ้นมั้ยครับพี่”ไคเป็นคนแรกที่ถาม ก่อนที่ผมจะพยักหน้าตอบ ทันทีที่เขาเห็น เขาก็ก็ยิ้มออกมา


“คิดว่าลูกไฟนี่จะร้องไห้จนน้ำตาหมดตัวซะแล้ว”ลู่หานพูดขึ้น


“นายก็สาดใส่หน้าเขาอีกสิ ลู่หาน นายชอบไม่ใช่รึไง”คริสกวนประสาทใส่ลู่หานจนลู่หานแยกเขี้ยว เตรียมจะพุ่งเข้าใส่ ก่อนจะมีม่านพลังอะไรบางอย่างขึ้นมาขวางลู่หานเอาไว้


“ไว้คราวหน้าละกันนะลู่หาน”เขาพูดก่อนจะหันมาพูดกับผม


“นายควรไปพักได้แล้ว จากนี้เราคงต้องฝึกหนักกันแล้ว”


“ผมขอพักก่อนได้มั้ย”ตอนนี้ผมไม่พร้อมสำหรับการฝึก ภาระหน้าที่ หรือความรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น ผมอยากอยู่เฉยๆ ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น


   คริสมองผมเหมือนผมเป็นตัวประหลาด ผมเห็นความผิดหวังอยู่ในแววตาของเขา แต่ผมไม่อยากสนใจ เขาไม่ใช่ผม เขาไม่รู้ความรู้สึกของผมหรอก


“ถ้าพวกสมาพันธ์รู้ว่านายเป็นคนอย่างนี้ เชื่อเถอะว่าพวกมันต้องเสียใจแน่ที่คิดให้นายเป็นเจ้านายของมัน”


“นายจะไปเข้าใจอะไร  นายไม่ใช่คนเจอเรื่องแบบนี้นี่!”


“คนอย่างพวกเรา  ไม่มีเวลาจะมานั่งเสียใจหรอก เพราะหนึ่งวินาทีที่เรามัวแต่เศร้ากับอดีตที่แก้ไขไม่ได้ นั้นหมายถึงหนึ่งวินาทีที่เสียไปของคนอีกเป็นล้านที่ฝากชีวิตไว้กับเรา”


“……………….ผมยังไม่พร้อม”



“เหอะ…..นายมันก็แค่คนเห็นแก่ตัวเท่านั้นแหละ ปาร์คชานยอล”เขาพูดก่อนจะลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินออกจากห้องไป ผมหันไปมองหน้าคนอื่นๆ ลู่หานทำหน้าผิดหวัง เซฮุนไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว ส่วนไคเหมือนจะเป็นคนที่เข้าใจผมมากที่สุดแล้ว…


“ไปพักเถอะครับพี่ เดี๋ยวพี่คริสก็หายโกรธ เขาเป็นอย่างนี้ล่ะ”


“อืม…”



-------------------------------------------------------------




คืนนั้นไม่มีอะไรเหมาะกับการนอนหลับพักผ่อน ผมกำลังเครียดกับชีวิต ทั้งเรื่องภูมิหลังของตัวเอง และภาระหน้าที่ที่ผมต้องรับผิดชอบ ผมคิดไม่ออกว่าตัวเองจะรับผิดชอบในสิ่งที่สำคัญอย่างนั้นได้ยังไง ผมเป็นแค่เด็กวัยรุ่นที่ทำตัวเงอะๆงะๆ และดูเป็นคนไม่ได้เรื่องเมื่อมาอยู่ที่นี่ แต่ผมกลับกลายเป็นคนในคำพยากรณ์ เป็นคนที่แข็งแกร่งและทรงพลังที่จะช่วยทุกคนที่อยู่ที่นี่ ผมจะทำอะไรแบบนั้นได้ยังไงกัน ผมไม่ใช่คนเก่ง ไม่ใช่คนที่ทุกคนควรจะฝากความหวังไว้เลย



 เสียงฟ้าร้อนครืนๆและฟ้าผ่าดังเปรี้ยงป้างดังเข้ามาในห้องของผมจนผมสะดุ้ง นอกหน้าต่างนั่นพายุกำลังโหมกระหน่ำ ต้นไม้ที่ผมเคยใช้ใบเป็นทางผ่านข้ามออกไปนอกวังกำลังโงนเงนไปตามแรงลม ไม่รู้ว่าฟ้าจงใจหรือนี่แค่เรื่องบังเอิญ แต่พวกพายุก็ดูเหมือนจะทำให้ผมรู้สึกหดหู่มากขึ้นกว่าเดิม



“เฮ้อ….”ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ห้องที่ดูอบอุ่นและสบายสำหรับผม ตอนนี้มันดูหนาวยะเยือกอย่างบอกไม่ถูก


“จะตกอีกนานมั้ย”ผมหันไปมองฟ้าฝนนอกหน้าต่าง พวกมันไม่สนใจคำพูดของผมเลยสักนิด มันยังคงกระหน่ำตกลงมา ฟ้าแลบแปลบปลาบไปทั่วท้องฟ้า ขณะนั้นเองที่ท้องฟ้าสว่างวาบ ผมก็เห็นอะไรบางอย่างนอกหน้าต่างนั้น



  ผู้ชายสวมชุดคลุมสีดำยืนอยู่ระหว่างกิ่งต้นไม้ต้นหนึ่ง ตัวผมชาวาบไปทั้งร่าง เขาสวมชุดเหมือนกับพวกสมาพันธ์แห่งความมืดที่ผมเห็นในภาพจำลอง แต่ความกลัวก็หายไปอย่างรวดเร็วพอๆกับที่มันมา เมื่อความโกรธแค้นพุ่งขึ้นมาแทน ผมแทบจะรู้สึกถึงเลือดและความร้อนที่เดือดปุดๆอยู่ในตัว


“แก…”ผมพุ่งไปที่หน้าต่าง เปิดผัวะออกมาจนสายฝนสาดเข้ามา  ตัวผมเปียกและหนาวอย่างรวดเร็วแต่นั่นดับความโกรธในตัวผมไม่ได้


“แกคือคนของสมาพันธ์ใช่มั้ย!!!”ผมตะโกนถามด้วยความโกรธท่ามกลางเสียงฝนที่กระหน่ำลงมา ผู้ชายคนนั้นยังคงยืนอยู่เฉยๆ ไม่ขยับและไม่พูดอะไร นั่นยังทำให้ผมโกรธมากขึ้น


“พูดออกมาสิ!!! ไอ้คนชั่ว!!!”ผมเดินตรงเข้าไปหาเขา โดยไม่ทันมองว่าสิ่งที่ผมเหยียบลงไปไม่ใช่ใบไม้ แต่เป็นไฟที่ลุกโหมขึ้นมาโดยไม่สนใจฝนที่ตกลงมาจะดับมัน


“น่าประทับใจ!”ผู้ชายคนนั้นพูดขึ้น ความโกรธของผมพุ่งจนเกินจะควบคุม ผมพุ่งลูกไฟใส่เขาไม่ยั้ง แต่แทนที่เขาจะถูกไฟครอกตายกลับกลายเป็นว่าร่างของเขาสลายไปเสียเฉยๆเหมือนว่าทั้งตัวของเขาทำมาจากหมอกควัน


“อย่าเพิ่งใจร้อนไปท่านชานยอล ผมไม่ได้มาเพื่อทำร้ายท่าน”


“งั้นหรอ!!! แล้วที่พวกแกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นั่นล่ะ นั่นคือไม่ได้ทำร้ายงั้นหรอ!!!”ผมตะโกนใส่หน้าเขา ก่อนจะอัดลูกไฟใส่ผู้ชายคนนั้นอย่างบ้าคลั่ง เหมือนยิ่งทำอะไรเขาไม่ได้ผมก็ยิ่งโมโห


“ผมมายื่นข้อเสนอ..”ผู้ชายคนนั้นไม่สนใจคำพูดของผม


“ฉันไม่ฟัง!!!”


“ท่านไม่อยากกลับโลกของท่านหรอครับ”ผมชะงักทันทีที่ได้ยิน เหมือนโดนสะกิดความต้องการอะไรบางอย่างในตัวของผม


“หมายความว่าไง นายต้องการใช้พลังของฉันไม่ใช่หรอ”


“มันก็ใช่ครับ….แต่เราแค่ขอใช้พลังของท่านเท่านั้นไม่ได้รั้งตัวท่านให้อยู่ที่นี่ตลอดชีวิตแล้วปิดกั้นท่านจากอีกโลกหนึ่งเหมือนอย่างที่พวกผู้พิทักษ์ทำหรอกนะ”ผมจ้องเขา พยายามหาการเสแสร้งในน้ำเสียงและท่าทางของเขา แต่ก็ไม่เจอ


“พวกเขาพากลับไปไม่ได้ต่างหาก  คริสยังพูดอยู่เลยว่าการข้ามไปโลกนู่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้”


“โถ่ นี่ท่านเชื่ออย่างนั้นจริงๆหรอ เขาเป็นถึงผู้พิทักษ์ ผู้คุมแห่งพลังธาตุทั้งห้านะ แค่ไปยังโลกนู่นทำไมพวกเขาจะทำให้ไม่ได้ แต่พวกเขาไม่คิดจะทำให้ท่านมากกว่า พวกเขาอยากให้ท่านตัดขาดจากโลกนู่น แล้วก็จะรั้งตัวท่านให้อยู่ที่นี่เพื่อดูแลพลังธาตุ  ผมถามจริงๆเถอะครับ….”ผู้ชายคนนั้นเว้นช่วงก่อนจะพูดต่อ


“ทำไมท่านจะต้องพยายามเพื่อคนอื่นที่ไม่รู้จักท่านด้วย…”ผมนิ่งไปก่อนจะตอบเขา


“พวกเขาต้องการฉัน…”


“งั้นหรอครับ ท่านคงคิดว่ามันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำสินะ แต่ท่านไม่สงสัยบ้างหรอว่าก่อนที่ท่านจะกลับมาใครคือคนดูแลธาตุไฟ”ผมชะงักอีกครั้ง คำถามนี้ไม่เคยเข้ามาในหัวของผมเลย


“ก่อนท่านจะมา คริสเป็นคนดูแลธาตุไฟควบคู่กับโลหะธาตุหลักของตัวเอง เพราะฉะนั้นต่อให้ท่านกลับไปยังโลกของตัวเอง ที่นี่ก็ยังปกติดีอยู่ เพราะฉะนั้นท่านไม่ต้องกังวลว่าที่นี่จะไม่มีคนรับผิดชอบเลย”


“แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น  ฉันจะกลับมาที่นี่เพื่ออะไร ในเมื่อคริสก็ดูแลได้อยู่แล้ว”


“เพราะการควบคุมพลังธาตุทั้งสองพร้อมๆกันเป็นภาระหนัก คริสแค่ต้องการจะปลดเกษียรตัวเองจากการดูแลธาตุไฟ เลยผลักภาระให้ท่านทำ  เห็นแก่ตัวมากใช่มั้ยล่ะครับ ให้ท่านกลับมา ตัดขาดจากโลกนั้น กรอกหูอยู่ทุกวันว่าให้ทำเพื่อทุกคนบนโลกนี่ทั้งๆที่เขาก็ทำเองได้ และให้ท่านอยู่ที่นี่ทั้งๆที่มันไม่ใช่ที่ของท่าน ดูสิครับท่านต้องเสียสละอะไรไปตั้งเท่าไรเพื่อแลกกับความสบายของคริสน่ะ”ผมยอมรับว่าโอนอ่อนตามคำพูดของเขา ก่อนจะรีบควบคุมตัวเองไม่ให้หลงไปกับคำพูดของเขา


“พูดเหมือนนายไม่หวังประโยชน์ในตัวฉัน นายฆ่าทุกคน!!!”


“ผมยอมรับว่าพวกเราหวังผล แต่พวกเราก็พูดออกมาอย่างจริงใจ ไม่เหมือนพวกผู้พิทักษ์”


“พวกเขาไม่เคยโกหก”


“แต่แค่ไม่บอกความจริงเรื่องภูมิหลังของท่าน ท่านครับเพื่อนที่ไว้ใจได้คือเพื่อนที่ปิดบังอดีตที่ท่านควรจะรู้มากที่สุดงั้นหรอครับ”ผมชะงักไปกับคำพูดของเขา


“ลองคิดดูสิครับ มันจะดีแค่ไหนถ้าท่านได้กลับบ้าน ไปหาป้า หาเพื่อน อยู่ในสถานที่ที่ท่านไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องบ้าๆพวกนี้ และใช้ชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่นธรรมดาทั่วไปอย่างที่ท่านเคยทำ ส่วนโลกนี้ก็ไม่มีอะไรต้องห่วง ให้พวกเราใช้พลังของท่านปกครองโลกนี้ ทุกอย่างยุติธรรมจะตายไป”


“พวกแกเป็นคนเลว แกจะทำให้ที่นี่วุ่นวาย”


“พวกผู้พิทักษ์กรอกหูมาสินะ ท่านครับ เราแค่จะทำให้โลกนี้เปลี่ยนแปลง เราไม่ได้ทำให้วุ่นวาย อย่าไปเชื่อพวกจอมหลอกลวงพวกนั้นเลย


“พวกแกเชื่อถือไม่ได้!”


“ท่านไม่จำเป็นต้องเชื่อก็ได้ครับ แค่ลองกลับไปคิดดูเท่านั้นเอง”ผมนิ่งเงียบไป ไม่ยอมตอบอะไรอีก ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะพูดแทรกขึ้นมา


“ตอนนี้ท่านควรเข้านอนได้แล้ว เพราะอีกสักพักคริสจะมาที่นี่”


“นายรู้ได้ยังไง”


“โลหะสะท้อนอยู่ทุกที่ ผมเห็นทุกสิ่งได้จากดวงตา ไว้ผมจะมาเยี่ยมท่านใหม่นะครับ ราตรีสวัสดิ์”ผู้ชายคนนั้นพูดลา ก่อนที่เขาจะเลือนหายไป สิ่งสุดท้ายที่ผมเห็นคือ ใบหน้าของเขา ดวงตาคู่นั้นมีประกายวิบวับเหมือนโลหะ รอยยิ้มของเขาดูจริงใจ ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้น


“ชานยอล นอนรึยัง”เป็นจริงอย่างที่เขาบอก ผมรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้อง ก่อนจะวิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว


“ยัง!”


“ขอฉันเข้าไปหน่อย”


“รอเดี๋ยว”ผมตะโกนบอกเขา ก่อนจะวิ่งพรวดออกมาจากห้องน้ำ แล้ววิ่งไปเปิดประตู คริสกำลังยืนอยู่ตรงนั้นตามที่ผู้ชายคนนั้นบอกจริงๆ


“มีอะไรหรอ”


“ฉันแค่จะ….”คริสพูดก่อนจะชะงัก ดวงตาของเขามองเลยไปข้างหลังของผม ผมมองกลับไปก่อนจะเบิกตาโพล่งตกใจ หน้าต่างเปิดอ้าทิ้งไว้  ไฟที่ผมใช้เหยียบยังคงลุกโชนอยู่ตรงนั้น ต่อให้เด็กอนุบาลมาดู ให้ตายยังไงก็รู้ว่าเมื่อกี้มีคนออกไปข้างนอก ผมหันกลับมามองหน้าคริสที่จ้องผมอย่างจับผิดก่อนจะกลืนน้ำลายดังเอื๊อก


“เมื่อกี้นายออกไปไหนมา”

http://0ctogus.forumth.com

25Element Part 5 Empty Re: 5Element Part 5 Fri Jul 11, 2014 6:31 pm

ky_palm



ชานยอลอย่าไปฟังพวกมันนะ
เชื่อเฮียนะ!!

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ