วันเวลากว่าสิบปีผ่านไปอย่างยาวนานจนดูเหมือนเป็นทั้งชีวิตของชานยอล ทุกวันที่ผ่านไปของร่างโปร่งไม่เคยมีวินาทีไหนที่จะไม่คิดถึงคริส ไม่เคยมีนาทีไหนที่เขาจะเลิกรักคริส ไม่เคยมีวันไหนที่เขาจะหวั่นไหวกับคนอื่น เขายังคงซื่อสัตย์อยู่แต่กับคริสคนเดียวเท่านั้น แรกๆความคิดถึงคริสทวีคูณมากล้นจนเขาร้องไห้ออกมาแทบทุกวัน จนนานวันเขาก็เริ่มทำใจได้ และหันเหความสนใจไปหาเรื่องเรียนแทน
วันทั้งวันที่อยู่ต่างประเทศของเขาหมดไปกับการเรียนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เขาตั้งหน้าตั้งตาเรียนจนจบปริญญาเอก เป็นถึงดอกเตอร์ผู้เชี่ยวชาญจนมีหลายบริษัทเข้ามาทาบทามขอให้ไปทำงานด้วย แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะกลับไปทำงานที่เกาหลี ประเทศบ้านเกิดของเขา และประเทศที่ใครคนนั้นกำลังอาศัยอยู่
ร่างโปร่งเฝ้ารอกำหนดการณ์ที่จะได้กลับไปเกาหลีอีกครั้งอย่างใจจดใจจ่อ เพียรนับวันเวลาให้ผ่านพ้นไปเร็วๆ ทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่ากลับไปแล้วจะไปเจอคริสมั้ย แล้วคริสจะเป็นยังไง จะจำเขาได้รึเปล่า แต่เขาก็ยังอยากเห็นหน้าคนที่เขารักมาตลอดสิบกว่าปีนี้อีกครั้งก็ยังดี ต่อให้อีกฝ่ายจะจำเขาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
จนกระทั่งวันหนึ่งวันที่เขารอคอยก็มาถึง เขาได้กลับเกาหลีเสียที วินาทีแรกที่เท้าเหยียบแผ่นดินบ้านเกิด หัวใจของเขาก็เต้นโครมครามอย่างบ้าคลั่ง รอยยิ้มกว้างถูกวาดขึ้นที่กลีบปาก ก่อนจะหายใจเอาอากาศเข้าเต็มปอด เขาได้กลับมาที่นี่แล้ว ได้กลับมาหาคริสแล้ว
ร่างโปร่งรีบตรงไปที่บ้าน เบอร์ของเพื่อนที่พอจะรู้เรื่องราวของคริส เตรียมจะถูกกดโทรออก แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้โทรไปหาเสียที เพราะเขามีภารกิจมากมายรัดตัวให้วุ่นไปหมด ทั้งปาร์ตี้เลี้ยงต้อนรับเขา ทั้งเดินสายไปเยี่ยมญาติที่ไม่ได้เจอกันนาน แต่ภารกิจที่ดูจะขโมยเอาเวลาของเขาไปมากที่สุดก็คือเรื่องงาน งานของดอกเตอร์ที่แทบจะสุมเท่าหัว จนเขาแทบไม่มีเวลาไปทำเรื่องอื่นเลย
“ดอกเตอร์คะ ผลวิจัยที่ดอกเตอร์ขอไว้คะ”พนักงานสาวคนหนึ่งยื่นแฟ้มเอกสารมาให้เขา ถ้านับเจ้าแฟ้มนี่ด้วยตอนนี้บนโต๊ะของเขาก็มีแฟ้มอยู่สิบกว่าแฟ้มได้แล้ว ทั้งเอกสารอ้างอิง โครงการ ผลการวิจัย หลักสถิติมากมายกองกันอยู่บนโต๊ะให้ปวดหัวไปหมด
“ขอบใจมาก วานหน่อยสิ ฝากเอานี่ไปให้หัวหน้าลีที”ร่างโปร่งไว้วานพนักงานตำแหน่งต่ำกว่าอย่างสุภาพ พร้อมกับยื่นแฟ้มเอกสารอันหนึ่งให้
“ถ้าเป็นดอกเตอร์ต่อให้สั่งมาฉันก็ทำค่ะ”พนักงานพูดติดตลก
“งั้นสรุปผลการวิจัยอันนี้แทนผมทีสิ”ชานยอลหยอกล้อกลับ
“โถ่ ดอกเตอร์ก็….ทำเป็นล้อเล่นไปได้ เดี๋ยวฉันเอาเอกสารไปให้หัวหน้าลีดีกว่า อยู่นานเดี๋ยวดอกเตอร์ให้สรุปผลการวิจัยอีก”เธอตอบอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ชานยอลยิ้มให้กับผู้ร่วมงานก่อนจะถอดแว่นตาออกแล้วนั่งพักสายตา
“งานเยอะจนไม่มีเวลาเลย”ชานยอลพูดก่อนจะหยิบรูปของคริสขึ้นมาดู แล้วเอ่ยถามกับรูปนั้นเบาๆ
“ป่านนี้จะทำอะไรอยู่นะ คุณองครักษ์”ร่างโปร่งบอกก่อนจะเก็บรูปนั้นไว้ในที่ของมันตามเดิม แล้วหยัดการลุกขึ้น เดินลงไปยังร้านกาแฟ หาคาเฟอีนมากระตุ้นร่างกายในการทำงานเพิ่มเสียหน่อย
สองขาเรียวพาร่างตัวเองเดินตรงไปยังร้านกาแฟที่อยู่ชั้นล่างของบริษัท แต่ด้วยความไม่ระวังทำให้ชนเขากับอีกฝ่ายที่เดินสวนออกมาจากร้านเข้าอย่างจัง
“ขอโทษครับๆ เป็นอะไรมั้ยครับ”ร่างโปร่งรีบขอโทษขอโพยยกใหญ่ ก่อนจะร้องตกใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“พี่อลิซ// อ้าว ชานยอล”หญิงสาวตรงหน้า พี่สาวของรุ่นพี่ที่เขาหลงรักทำงานอยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกันทำให้พวกเขารู้จักและสนิทกันไปโดยปริยาย แต่ก็ไม่กล้าพอจะถามเรื่องของคริสจากพี่สาวของเขาสักเท่าไรนัก
“มาซื้อกาแฟหรอเรา”
“ครับ พี่เจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ ผมนี่ซุ่มซ่ามจริงๆเลย”หญิงสาวโบกมือปัดก่อนจะตอบ
“พี่ซุ่มซ่ามเองมากกว่า เราไม่เจ็บอะไรใช่มั้ย”
“ไม่เลยครับๆ”
“นี่ว่าเจอกันก็ดีแล้ว ชานยอล งานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัท จะมารึเปล่า”
“ถ้าไม่ติดอะไรก็คงมาแหละครับ แล้วพี่ล่ะครับ”
“มาสิ เราก็อย่าลืมมาให้ได้นะ งานนี้เห็นว่าจัดใหญ่กว่าครั้งที่แล้วอีก”
“ผมคงต้องมาซะแล้วล่ะแบบนี้”
“มาให้ได้ล่ะ โอ๊ะ เดี๋ยวพี่ต้องไปแล้ว ติดประชุมต่อ ไว้เจอกันที่งานนะจ๊ะ ชานยอล”หญิงสาวพูดก่อนจะเดินออกไป ชานยอลเดินเข้าไปสั่งกาแฟพลางนึกสงสัยว่า….งานเลี้ยงปีใหม่ครั้งนี้จะมีคริสมาร่วมงานด้วยรึเปล่านะ
“รับอะไรดีครับ”
“คาปูชิโน…ไม่ดีกว่าครับ ขอเปลี่ยนเป็นเอสเปสโซ่ร้อนแก้วหนึ่งดีกว่า”ร่างโปร่งเปลี่ยนเมนูอย่างกะทันหันเป็นเอสเปสโซ่ กาแฟที่รุ่นพี่คริสชอบดื่ม
------------------------------------------------------
งานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัทเป็นงานใหญ่อย่างที่พี่สาวคริสบอกชานยอลไว้จริงๆ แขกเหรื่อมากันกว่าหลายร้อยคน ทั้งพนักงานบริษัท หุ้นส่วน และลูกค้าของบริษัทมากมายต่างพากันมาร่วมเฉลิมฉลองปีใหม่ที่ใกล้จะมาถึงนี้ กันอย่างเนืองแน่น ร่างโปร่งที่มาคนเดียวจึงรู้สึกเคอะเขินไปบ้าง แต่ก็ยังดีที่มีคนรู้จักเขามาทักทายเข้าบ้างประปราย
“อ้าว คุณดอกเตอร์ มาร่วมงานนี้กับเขาด้วยหรอครับเนี่ย”
“โถ่ หัวหน้าลี ถึงผมจะอยู่แต่ในห้องทำงานแต่ผมก็สังสรรค์เป็นนะครับ”หัวหน้าลีหัวเราะชอบใจยกใหญ่ก่อนที่พนักงานอีกคนจะเข้ามาทักชานยอล
“นานๆจะได้เห็นดอกเตอร์เลิกใส่แว่น อ่านแต่เอกสารนะครับเนี่ย”
“คุณคิมก็”
“อ้าว ดอกเตอร์คนเก่งของผม สวัสดีปีใหม่ครับ”ลูกค้าคนหนึ่งของบริษัทเดินตรงเข้ามาทักทาย ในขณะที่ชานยอลเองก็ส่งยิ้มและพูดคุยด้วยอย่างเป็นกันเองจนสร้างความสนุกครื้นเครงให้กับผู้ที่คุยด้วย พวกเขาตางพากันยิ้ม หัวเราะ และคุยกันอย่างสนุกสนาน โดยที่ไม่รู้เลยว่ากำลังมีสายตาของใครคนหนึ่งกำลังมองมาที่พวกเขาด้วยความไม่พอใจ…
เขาอุตส่าห์เลิกเที่ยว เลิกยุ่งกับผู้หญิง เลิกทำตัวนิสัยเสเพลไปวันๆ เพราะแค่มีอะไรกับเด็กผู้ชายคนนั้นโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงได้ยอมเลิกทุกอย่าง แต่ดูวันนี้สิ เด็กคนนั้นกลับไม่สนใจเขาเลยสักนิดเดียว! เพราะเอาแต่ยั่วผู้ชาย อ่อยคนไปทั่ว ทำตัวเหมือนพวกอย่างว่าไม่มีผิด นี่น่ะหรอคือสิ่งที่เขาควรได้รับ!!!
“อ้าว ชานยอล!”หญิงสาวคนหนึ่งที่เพิ่งเดินออกมาจากการพูดคุยกับลูกค้าร้องทักชานยอล ก่อนจะเดินเข้ามาหา
“สวัสดีครับพี่อลิซ วันนี้สวยเหมือนเจ้าหญิงเลยนะครับ”
“เจ้าหญิงที่ไหนจะมากับปีศาจล่ะ ชานยอล”ร่างโปร่งเลิกคิ้วงงกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
“ก็น้องชายพี่น่ะสิ เดี๋ยวจะเรียกให้มารู้จักกันไว้นะ”หัวใจชานยอลเต้นระรัว ความฝันของเขาเป็นจริงแล้ว เขาได้เจอรุ่นพี่คริสอีกครั้งหนึ่งแล้ว
“คริส มานี่หน่อย”ชานยอลหันไปตามทิศทางที่พี่สาวของคริสหันไป ก่อนจะต้องชะงักกับสิ่งที่เห็น……ผู้ชายที่รอมาสิบกว่าปีกำลังยืนจูบอยู่กับผู้หญิง
“ตาคริส!!!”อลิซดุน้องชาย ก่อนที่เจ้าตัวจะยอมผละออกจากสาวเจ้า
“เดี๋ยวผมมานะครับ”รอยยิ้มร้ายถูกวาดขึ้นที่กลีบปากหยัก ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาหาพวกเขา คริสไม่เคยเปลี่ยนไปเลย รูปลักษณ์ยังคงหล่อเหลา และนิสัยเจ้าชู้ที่ยังคงไม่จางหาย ชานยอลพยายามตีสีหน้าให้เรียบเฉย เป็นปกติ ไม่แสดงอาการอะไรออกไป ในขณะที่ร่างสูงเองก็จับจ้องอยู่ที่อีกฝ่ายพร้อมกับความหงุดหงิดในใจที่ค่อยๆลุกโหมขึ้นมา เขาอุตส่าห์จงใจจูบให้ร่างโปร่งได้เห็น ทำไมเด็กคนนี้ยังยืนหน้านิ่งอยู่ได้
“นี่คริส น้องชายพี่เอง ทำงานอยู่ที่กระทรวงต่างประเทศ ส่วนนี้ ชานยอล ดอกเตอร์ปาร์คชานยอล รุ่นน้องที่ทำงานพี่เอง เก่งมากเลยนะ เพิ่งจะจบมาจากอเมริกา แต่ทำงานนี่เนี๊ยบมากเลยล่ะ”พี่สาวของคริสชมเขาให้อีกฝ่ายฟัง แต่แทนที่เขาจะดีใจ ดันกลับกลายเป็นเสียใจอยู่กับภาพที่เห็นเมื่อครู่นี้ ……สุดท้ายพี่ก็เหมือนเดิม เจ้าชู้และไม่เคยจำผมได้เหมือนเดิม มีแต่ผมคนเดียวที่ยังจำและรักพี่ได้มากว่าสิบปีเหมือนเดิม
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”คริสเอ่ยทักทายตามมารยาทพร้อมกับยื่นมือมาให้จับ ในขณะที่ชานยอลเองก็ฝังกลบความเสียใจไว้ในอก ก่อนจะตอบกลับไปเช่นกัน
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”มือเรียววางลงบนมือหนาก่อนที่ทั้งคู่จะทักทายตามมารยาท หากแต่หัวใจดวงน้อยกลับปวดหนึบมากกว่าจะดีใจที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง รุ่นพี่คริสของเขาจำเขาไม่ได้ ลืมเด็กคนหนึ่งที่ยอมแลกความบริสุทธิ์ของตัวเองกับความรักของอีกฝ่ายไปจนหมดสิ้น ตอกย้ำให้รู้ว่าการเสียสละของเขาครั้งนั้นไม่มีค่าอะไรกับอีกฝ่ายเลย ปาร์คชานยอลไม่มีค่าอะไรกับอู๋อี้ฟานเลย
“รู้จักกันไว้ก็ดีแล้ว เผื่อต่อไปจะได้คอยช่วยเหลือกันได้”
“ธุระพี่เสร็จแล้วใช่มั้ยครับ”คริสพูดขึ้นมา จนพี่สาวของเขาขมวดคิ้วทำหน้าไม่พอใจใส่ที่น้องชายทำตัวเสียมารยาทกับแขก
“จะรีบไปไหน”
“ผมคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ ให้ผู้หญิงรอนานๆมันไม่ดี”หัวใจของชานยอลกระตุกวูบ รุ่นพี่คริสใส่ใจคนอื่น แต่ไม่เคยจะใส่ใจเขาเลย แค่จะอยู่ทักทายกันยังไม่ได้ เจ้าตัวจะรู้มั้ยว่าสำหรับเขา เขารอเวลาที่จะได้กลับมาเจออีกฝ่ายตั้งสิบกว่าปี
สิบกว่าปีที่ผมรอ กลับได้มาแค่สิบวินาทีจากพี่ งั้นหรอครับ
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”ชานยอลเลือกจะเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้กลับไปหาคู่ควงของตัวเอง ทั้งๆที่เขาอยากจะคุยกับอีกฝ่ายใจแทบขาด แต่ก็ไม่อยากฝืนใจคริสให้มาคุยด้วย หัวใจดวงน้อยเฝ้าบอกตัวเองว่า สิบปีที่รอมา ได้แค่สิบวินาที ก็พอใจแล้ว
ร่างโปร่งเดินเลี่ยงออกมา ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะของตัวเอง แต่ละย่างก้าวที่ก้าวเดินก็เหมือนหัวใจของเขาจะหลุดร่อนออกมาเป็นชิ้นๆไปตามทาง ก่อนจะแหลกสลายเมื่อนั่งลง แล้วแตกละเอียดเมื่อมองเห็นภาพบาดตาบาดใจระหว่างคริสกับผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง ปากที่เคยใช้จูบเขา ดวงตาที่เคยใช้จ้องมองเขา ถ้อยคำหวานหูที่เคยพูดให้เขาฟัง ตอนนี้รุ่นพี่คริสกลับใช้มันกับคนอื่น ลืมไปแล้วว่าเคยใช้มันกับเขา ลืมไปแล้วว่าเขาเป็นใคร ลืมไปแล้วว่าเจ้าหญิงคนนี้รอให้องครักษ์อย่างเขามาปกป้องแทบตาย
‘เรามันไม่มีสิทธิ ท่องเอาไว้ ว่าเรามันไม่มีสิทธิ’ชานยอลได้แต่ย้ำประโยคนี้ในใจซ้ำๆ ก่อนจะฝังกลบรอยแผลที่ร่างสูงฝากไว้ แล้วพยายามร่วมงานให้เป็นปกติที่สุด ถึงแม้ว่าใจดวงน้อยๆนี้กำลังปวดร้าวจากพิษของบาดแผลที่ร่างสูงฝากไว้อยู่ก็ตาม….
----------------------------------------------------
ชานยอลพยายามร่วมงานอย่างปกติ และมีความสุขเท่าที่หัวใจจะทำได้เมื่อต้องมานั่งทนเห็นรุ่นพี่คริสคนที่รักกำลังออเซาะอยู่กับคนอื่นตลอดทั้งงาน จนในที่สุดก็ถึงเวลาที่เขาจะหลีกหนีจากภาพเหล่านั้นได้เสียที ร่างโปร่งหยัดกายขึ้นลุกขึ้น เอ่ยลากับแขกเหรื่อที่รู้จัก ก่อนจะเดินตรงไปหากลุ่มของร่างสูง หากถามว่าพร้อมมั้ยที่จะต้องไปเจอ ก็คงต้องเลยว่าไม่ แต่คำว่ามารยาทมันค้ำคออยู่ ต่อให้เจ็บเขาก็ต้องทนฝืน
“พี่อลิซครับ ผมกลับก่อนนะครับ”ชานยอลเลือกที่จะเอ่ยบอกพี่สาวของร่างสูงก่อนจะเหลือบตาไปมองน้องชายของเธอ แล้วก้มศีรษะให้เป็นเชิงลา
“ อ้าว จะกลับแล้วหรอ ใครมารับล่ะ นี่มันก็ดึกมากแล้วนะ ให้คริสไปส่งมั้ย”ชานยอลรีบยกมือขึ้นห้าม
“ไม่เป็นไรครับๆ ผมมีคนมารับ”ร่างโปร่งตอบอย่างรักษาน้ำใจ พี่สาวคริสพยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยลา
“กลับบ้านดีๆนะ ชานยอล สวัสดีปีใหม่จ๊ะ”
“สวัสดีปีใหม่ครับพี่อลิซ”ร่างโปร่งว่าก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้นด้านหลัง
“คุณชานยอลครับ”ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลา มีดีกรีเป็นถึงทายาทเจ้าของโรงแรมที่กำลังชอบชานยอลอยู่ร้องเรียกร่างโปร่ง ก่อนจะโค้งศีรษะทักทายอลิซและคริสเล็กน้อย แล้วเดินนำร่างโปร่งไปที่รถคันหรูที่จอดอยู่ไม่ไกล ก่อนจะขับไปส่งชานยอลที่บ้าน โดยมีสายตาสองคู่มองส่งไป คนหนึ่งมองด้วยความเสียดายเล็กๆอีกคนมองด้วยความโมโหอย่างที่เขาเองก็หาสาเหตุของมันไม่เจอ
“จะกลับกันได้รึยัง”ร่างสูงถามคนเป็นพี่ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อยจนคนข้างตัวหันมาขมวดคิ้วใส่
“จะหงุดหงิดอะไรเนี่ย”คริสไม่สนใจเสียงของพี่สาวก่อนจะหันหลังกลับเดินไปยังลาดจอดรถ เดือดร้อนจนพี่สาวต้องวิ่งตามไป ร่างสูงขับรถกลับมาบ้านด้วยความเร็วที่เกินพิกัด ดวงตาคมฉายชัดว่ากำลังหงุดหงิด แค่เจอคนขับปาดหน้านิดหน่อย ก็บีบแตรไล่ซะจนแทบเป็นเรื่อง กว่าจะเอาชีวิตรอดมาถึงบ้านได้ เล่นเอาพี่สาวที่นั่งมาด้วยหัวใจแทบวาย
“เป็นบ้าอะไรเนี่ยคริส!”
“ไม่รู้!”คริสตอบเสียงกระชากก่อนจะปิดประตูกระแทกแล้วเดินพรวดขึ้นบ้านไปโดยไม่สนใจเสียงต่อว่าของพี่สาว กระดุมเสื้อถูกปลดออกอย่างแรงจนแทบกระเด็น เก้าอี้ที่ขวางทางอยู่ถูกผลักให้พ้นทางอย่างแรง เขากำลังหงุดหงิด หงุดหงิดที่คนที่รอมานานกว่าสิบปี ทำเหมือนไม่รู้จักกัน หงุดหงิดที่คนที่เปลี่ยนนิสัยเขาได้ กลับทำเหมือนจำเขาไม่ได้ หงุดหงิดที่ตัวเองจดจำเรื่องราวดีๆได้ แต่อีกฝ่ายกลับลืม และกำลังหงุดหงิดมากที่สุดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีไฮโซมารับกลับบ้าน!
“ทำไมวะ สิบปีมันเปลี่ยนคนได้ขนาดนี้เลยรึไงวะ”คริสพูดออกมาอย่างกราดเกรี้ยว
“หึ สุดท้ายแม่งก็เหมือนกันหมด ก็เป็นแบบนี้ไปทั่วเหมือนกันทุกคน!”ร่างสูงพูดอย่างเหลืออด สุดท้ายคนที่เข้ามาหาเขาก็เป็นเหมือนกันหมด อยากได้ อยากมี อยากลอง ไม่น่าหลงคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนดี ไม่น่าหลงคิดว่าอาจจะจริงจังด้วยได้ ไม่น่าหลงคิดถึงมาตลอดสิบปีที่ผ่านมา!!!
“เสียเวลาจริงๆ!!!”คริสพูดอย่างเดือดดาล ก่อนจะกดเบอร์หาใครบางคน ในเมื่อเป็นคนดีมานานแล้วมันไม่ได้อะไร เขาจะทนเป็นมันไปเพื่ออะไรล่ะ…
“คืนนี้มาหาผมหน่อย”
-------------------------------------------------------
หลังจากเหตุการณ์เมื่องานปีใหม่ คริสและชานยอลก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย ร่างโปร่งตอบไม่ได้ว่ามันเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี บางครั้งเขาก็อยากเห็นหน้าอีกฝ่ายบ้าง แต่บางครั้งการเข้าใกล้อีกฝ่ายก็ดูจะทำให้หัวใจของเขาเจ็บเอาเสียเปล่าๆ แต่ถึงจะอย่างนั้นเขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขาไม่คิดถึงคริส...
เขารักมาสิบปี จะให้เลิกรักแค่เพราะเรื่องๆเดียว เขาทำไม่ได้ ทุกอย่างตอนนี้มันก็แค่กลับสู่วังวนเดิมๆเท่านั้น ที่เขาเป็นฝ่ายมองร่างสูง ในขณะที่อีกคนก็ไม่เคยเหลียวมองเขาเลย มันก็แค่นั้น เมื่อก่อนเขายังอยู่ได้ ตอนนี้เขาก็ยังอยู่ได้เหมือนกัน
“ดอกเตอร์คะ คุณวูเรียกพบหน่อยคะ”เสียงพนักงานสาวคนหนึ่งร้องบอกกับเขา ปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์
“ห๊ะ อ๋อ ได้สิ เดี๋ยวนี้เลยหรอ”ชานยอลเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าตอนนี้ใกล้เวลาเลิกงานแล้ว
“ใช่ค่ะ บอกว่ามีเรื่องด่วน”
“โอเค เดี๋ยวผมไป ขอบคุณที่มาบอกนะครับ”เขาหันไปยิ้มให้อีกฝ่ายเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องของคุณวู หรือ อลิซ วู พี่สาวของคนที่เขารัก และเพื่อนร่วมงานในบริษัทเดียวกัน
ฝ่ามือเรียวยกขึ้นเคาะที่ประตูเป็นเชิงขออนุญาตสองสามทีก่อนจะเปิดเข้าไปเมื่อได้รับสัญญาณจากคนในห้อง อลิซกำลังกุมขมับอยู่กับเอกสารกองหนึ่งที่ดูจะสำคัญกับบริษัทอยู่มากโข เพราะถ้าไม่ซีเรียสจริงๆอลิซคงไม่มานั่งเครียดและเรียกตัวเขาไว้ทั้งๆที่เป็นเวลาใกล้เลิกงานอย่างนี้หรอก
“มีอะไรหรอครับพี่อลิซ”
“ดูนี่สิ มันมีปัญหา พี่พยายามแก้แล้ว แต่ผลก็ยังเป็นแบบนี้อยู่”อลิซยื่นเอกสารแผ่นหนึ่งมาให้ชานยอลดู ร่างโปร่งอ่านรายละเอียดอยู่สักพักก่อนจะเริ่มตีหน้าเครียด
“ผมคิดว่าเคสนี้แก้ได้ไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วซะอีก มันกลับมาเออเร่อหรอครับ”
“ใช่ แก้ไม่ได้สักที วันพุธนี้ต้องเสนอเข้าบอร์ดแล้วด้วย”
“’งั้นคืนนี้เรามาลองเช็คใหม่อีกทีมั้ยล่ะครับ พี่ติดธุระรึเปล่าครับ”ชานยอลถาม เมื่องานที่ต้องทำต้องอาศัยความรู้ของพี่อลิซด้วย ไม่ใช่แค่จากเขาคนเดียว เพราะเรื่องนี้ในบางจุดเขายังไม่เชี่ยวชาญเท่าไรนัก
“ไม่ว่างน่ะสิ เลยเรียกเรามาคุยก่อน ชานยอล พรุ่งนี้ว่างมั้ย แวะไปคุยงานที่บ้านพี่ได้รึเปล่า”ดวงตากลมวูบไหวเมื่อพูดถึงบ้านของหญิงสาว เพราะบ้านของเธอก็คือบ้านของคริสด้วย….แต่ถึงอย่างไรก็ต้องไป เพราะต้องไปคุยงาน
“ได้ครับ ผมว่างอยู่พอดี ให้ผมเข้าไปกี่โมงดี”
“เที่ยงแล้วกัน กินข้าวก่อนแล้วบ่ายค่อยคุยงานกัน เดี๋ยวพี่ไปรับเราที่บ้านแล้วกันนะ”
“ครับ งั้นเดี๋ยววันนี้ผมเตรียมเอกสารไว้เลยแล้วกัน”ชานยอลตอบไปทั้งๆที่ถ้าให้เขาไปที่บ้านของอลิซเอง เขาก็ไปได้ เพราะช่วงที่ชอบคริสเขาก็รู้แทบทุกเรื่องของคริสแล้ว แต่ถ้าตอบไปอย่างนั้น อลิซก็คงต้องสงสัยว่าทำไมเขาถึงรู้จักได้ทั้งๆที่ไม่เคยไป
“ขอบคุณมากนะ ชานยอล เดี๋ยวพี่ให้ทิปค่าทำงานวันหยุดเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่อลิซ ผมเองก็ว่างอยู่แล้วด้วย แค่นี้เล็กน้อยครับ”ร่างโปร่งยกยิ้มให้อย่างจริงใจ
“ขอบคุณมากนะ ชานยอล เดี๋ยววันนี้พี่ไปก่อน พรุ่งนี้เจอกันนะจ๊ะ”หญิงสาวเอ่ยลา ก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องไป เหลือไว้แต่ชานยอลที่เงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสาร
“พรุ่งนี้ พี่จะอยู่บ้านรึเปล่านะ พี่คริส”
-------------------------------------------------------
ภายในคฤหาสน์หลังหนึ่ง พี่น้องชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ฝ่ายคนเป็นพี่ทานอาหารเช้าอย่างง่ายๆที่ถูกเสิร์ฟมาคู่กับกาแฟ ในขณะที่คนน้องกลับดื่มแค่กาแฟเอสเปสโซ่เพียงแก้วเดียว พร้อมกับนั่งหนังสือพิมพ์ไปเรื่อยเปื่อยด้วยท่าทางสบายๆ
“คริส วันนี้ชานยอลมากินข้าวเที่ยงกับเรานะ”คนเป็นพี่พูดขึ้นทำลายความเงียบ และความสงบสุขของจิตใจคนน้อง ความหงุดหงิด และความโกรธที่ไม่ทราบสาเหตุลุกโหมขึ้นมาอีกครั้ง รอยยิ้มร้ายกระตุกที่มุมปากก่อนจะตอบอีกฝ่าย
“จะมาบ้านเรางั้นหรอ”คริสถามย้ำ น้ำเสียงดูเหมือนคนกำลังมีความคิดชั่วร้ายอยู่ในหัว แต่อีกฝ่ายก็ไม่ทันได้สังเกตเพราะมัวแต่สนใจเนื้อหาในเอกสารอยู่
“ใช่ ทำตัวดีๆด้วยล่ะ”ร่างสูงยกยิ้มก่อนจะตอบ
“ครับ….ผมจะทำตัวดีๆ”รอยยิ้มร้ายถูกวาดขึ้นที่กลีบปากหนาก่อนที่ร่างสูงจะขอตัวกลับขึ้นห้องส่วนตัวของตัวเองไป เพื่อเตรียมแผนการ ‘การทำตัวดีๆ’ ของเขา…
ฝ่ายผู้เป็นพี่ก็ง่วนอยู่กับการอ่านเอกสารคร่าวๆอยู่ที่โต๊ะอาหารจนลืมดูเวลา กว่าที่แม่บ้านจะเดินเข้ามาเก็บจานอาหาร เข้มสั้นก็ชี้เวลาเกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว ดวงตาหวานเบิกตาโพลง รีบลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะเริ่มต่อว่าความเลินเล่อของตัวเอง
“ตายแล้ว จะไปรับชานยอลทันมั้ยเนี่ย”เธอพูดอย่างร้อนรน ก่อนจะรีบขึ้นไปจัดการตัวเอง แล้วรีบออกไปรับชานยอลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ร่างโปร่งกำลังรอพี่สาวของคนที่แอบรักอยู่ที่ห้อง หัวใจดวงน้อยกำลังคิดไกลจินตนาการไปถึงว่าวันนี้จะได้เจอคริสรึเปล่า คริสจะอยู่บ้านมั้ย แล้วจะทำอะไร เขาจะได้แอบเหลือบมองคริสจากไกลๆบ้างมั้ย แล้วจะได้พูดคุยกับร่างสูงบ้างรึเปล่า เพียงแค่คิดหัวใจมันก็พาลจะสั่นไหวแล้ว
เขาไม่อยากหวังอะไรเกินตัว ไม่อยากฝันว่าคริสจะจำได้ ไม่อยากผิดหวังเหมือนเมื่องานปีใหม่ เพราะเรื่องราวมันก็ผ่านมากว่าสิบปี ทั้งในตอนนั้นเขาเองก็เป็นเพียงแค่คู่นอนธรรมดาที่คริสเคยมอบความสุขให้ ไม่ได้มีค่า ไม่ได้สลักสำคัญอะไร เป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่แอบมอง แอบรัก แอบเทิดทูนร่างสูงอยู่ห่างๆโดยที่เจ้าตัวเองแทบไม่รู้ตัวเลย
“แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ”ร่างโปร่งพึมพำกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับยิ้มบางๆ ตอกย้ำหัวใจด้วยน้อยให้รู้ว่า สิ่งที่ได้มามันมากเกินพอแล้ว อย่าได้ไขว่คว้าอะไรอีกเลย
Rrrrrrr Rrrrrr
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ก่อนที่ชานยอลจะกดรับ
“ชานยอล ลงมาเลย พี่อยู่ใต้คอนโดชานยอลแล้ว”อลิซเอ่ยบอกก่อนจะกอดวางสาย ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนแล้วรีบเดินออกไป ขึ้นรถที่จอดรออยู่ ก่อนจะทักทายไปตามประสาคนสนิท และชวนคุยเรื่องอื่นบ้างไปตลอดทางที่มาถึงบ้าน หากแต่ภายใต้ท่าทางที่ดูปกติทุกอย่างนั้น กลับซ่อนไปด้วยความสับสน ถวิลหา และดีใจ จนร่างโปร่งไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี
“วันนี้ให้คุณป้าทำกับข้าวให้เยอะเลยล่ะ กลัวจะขายหน้าแขก”หญิงสาวพูดติดตลก ขณะที่กำลังเดินเข้าไปในตัวบ้าน
“ ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ครับ แค่เรื่องข้าวนี่ผมก็เกรงใจจะแย่แล้ว”ชานยอลพูดไปตามจริง หากแต่ยิ่งเดินเข้าไปในบ้านเท่าไรเขาก็ยิ่งใจเต้นระรัว เขากำลังได้มาบ้านคริส บ้านรุ่นพี่ที่เขาหลงรักมาตลอด
“ถ้าเกรงใจนี่ถือว่าดูถูกมิตรภาพของเรานะ ไม่ต้องเกรงใจหรอก”หญิงสาวแกล้งทำเสียงดุ ก่อนจะหันไปแนะนำชานยอลให้พ่อแม่ของตนที่นั่งประจำอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว
“คุณพ่อ คุณแม่คะ นี่ชานยอล รุ่นน้องที่หนูเคยเล่าให้ฟัง ตัวจริงน่ารักมั้ยล่ะคะ”
“สวัสดีครับคุณลุง คุณป้า”ชานยอลเอ่ยทักทายอย่างนอบน้อม หากแต่สายตาก็มองหาร่างสูงที่ควรจะนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารด้วย ใจดวงน้อยห่อเหี่ยวลงไปเล็กน้อย เมื่อคิดว่าบางทีร่างสูงอาจไม่อยู่บ้าน
“น่ารักสมที่อลิซคุยไว้เลยนะ นั่งลงก่อนสิลูก”ชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานเอ่ยบอกอย่างเอ็นดู ก่อนจะหญิงผู้เป็นภรรยาจะพูดขึ้น
“แล้วเจ้าคริสล่ะ ไปอยู่ไหน ทำไมไม่ลงมาสักที ใช้ไม่ได้เลยให้แขกรอ”หัวใจดวงน้อยกลับมาเต้นโครมครามอีกครั้งเมื่อได้ยิน รุ่นพี่คริสอยู่บ้าน….อย่างน้อยเขาก็ได้เจอรุ่นพี่อีกครั้งแล้ว
“เดี๋ยวลูกโทรตามให้ค่ะ”อลิซเอ่ยบอกก่อนจะโทรตามน้องชายตัวแสบของตัวเอง ไม่นานนักเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นมาจากชั้นสอง หัวใจดวงน้อยเต้นถี่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะลงมา ก่อนที่เสียงหัวใจจะลดฮวบลงอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาคนเดียว หญิงสาวร่างเพรียวบาง ทรวดทรงสะอวดสะองสวมเสื้อผ้ายับยู่ยี่ชวนให้จินตนาการไปไกลเดินแนบเคียงข้างมาด้วย มือสอดประสานจับกัน ท่าทางแนบชิดกันเกินพอดีให้คนดูได้เจ็บปวด ทรมานหัวใจ หัวใจดวงน้อยปวดแปลบ มือเรียวเย็นเยียบ แทบจะไร้เรี่ยวแรง แต่ก็ยังทนฝืนไม่แสดงอาการอะไรออกมาให้ได้เห็น เฝ้าเพียรบอกตัวเองว่า คริสอย่างไรก็คือคริส เมื่อก่อนเขาทนได้ ตอนนี้ก็ต้องทนให้ได้
“ขอโทษที่มาช้านะครับ พอดียุ่งนิดหน่อย” คริสพูดขึ้น ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ให้สาวเจ้า โดยแทบไม่สนใจว่าคำพูดและการกระทำกำลังทำให้ใครเจ็บปวด
“ขอบคุณค่ะคริส”เธอยิ้มก่อนจะทรุดนั่งลงตรงข้ามชานยอล
“เพิ่งรู้ว่าบ้านเรามีแขกเพิ่ม”อลิซพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติ แต่เนื้อหาดูจงใจเหน็บแนมอีกฝ่าย
“ขอโทษที่ผมไม่ได้บอกก่อน”คริสออกรับ ก่อนที่พ่อของร่างสูงจะพูดขึ้น
“เอาล่ะๆ มากันพร้อมก็ทานข้าวกันสักที เดี๋ยวอลิซกับหนูชานยอลต้องไปทำงานต่ออีก”มื้อเที่ยงเริ่มต้นขึ้น ชานยอลทานอาหารไปอย่างกระอักกระอวน รสชาติที่ว่าอร่อยพาลเอาเสียรสเอาเสียดื้อๆ
“ทานนี่ดูครับ แม่ครัวผมทำอร่อยมาก”ร่างสูงพูดขึ้นก่อนจะตักอาหารให้สาวเจ้าที่นั่งข้างตัว แกล้งประชดประชันให้อีกฝ่ายเจ็บปวด ตอบแทนที่ร่างโปร่งไม่สนใจใยดีอะไรเขาเลย
“ขอบคุณค่ะคริส คริสลองอันนี่สิคะ อร่อยมากเลย”หญิงสาวผลัดเป็นฝ่ายตักอาหารให้ร่างสูงบ้าง ชานยอลพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ไม่ใส่ใจกับการกระทำของทั้งคู่ และทานอาหารของตัวเองต่อไปเงียบๆ
“แหมๆ หวานกันเชียวนะ เกรงใจคนอื่นเขามั่งสิ”อลิซแกล้งแซวแต่แฝงการจิกกัดอยู่ในแววตา
“ก็คนกันเองทั้งนั้นนี่ครับ พี่อลิซ”คริสตอบก่อนจะตักอาหารให้ผู้หญิงคนนั้นอีก พร้อมหยิบทิชชู่เช็ดคราบตรงมุมปากให้
“เลอะหมดแล้วครับ”ร่างสูงยิ้มอบอุ่น หากแต่ภายในเนื้อตัวแทบเต้น ระอุไปด้วยความโกรธเมื่ออีกฝ่ายยังคงนิ่งเฉย
ดวงตากลมโตที่ลอบมองอยู่แกล้งทำเพิกเฉย ไม่รู้สึกอะไรทั้งๆที่ข้างในนี้มันเจ็บ มันเสียใจจนแทบทนไม่ไหว แต่ก็ยังฝืนทน ยังกล้ำกลืนความเจ็บปวด ไม่ยอมแสดงออกมา พร้อมกับเฝ้าบอกตัวเองอยู่ทุกวินาทีว่า แค่นี้ก็พอแล้ว แค่นี้ก็มากพอแล้ว ชีวิตของเขาต้องการเพียงเท่านี้ แค่ได้รัก แค่ได้แอบมอง แค่ได้มีอีกคนไว้ในหัวใจก็พอแล้ว อย่าวาดฝัน อย่าคิดไกล อย่าหลงละเมอ มีค่าแค่ไหนก็ควรฝันไกลได้แค่นั้น
เคล้งงงงง....
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ”หญิงสาวร้องอุทานออกมาเมื่อเผลอทำช้อนตกพื้น โชคร้ายที่ช้อนดันไถลมาอยู่ใกล้ชานยอลพอดี
“เดี๋ยวผมเก็บให้ครับ”ร่างโปร่งพูดก่อนจะก้มลงไปเก็บ แต่แล้วตากลมก็ต้องสั่นระริกกับภาพที่อยู่ใต้โต๊ะ
มือหนาของคริสกำลังลูบไล้โคนขาของหญิงสาวก่อนจะผลุบหายเข้าไปใต้กระโปรง ร่างสูงจงใจกลั่นแกล้งให้อีกฝ่ายคลั่ง ให้ได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้สำคัญอะไรกับเขา เขาไม่ได้สนใจใยดี ไม่ได้เห็นค่าของอีกฝ่ายสักนิด ก็แค่คนข้างทางที่ได้แล้วทิ้งเท่านั้น!!!
ร่างโปร่งที่ทนเห็นภาพนั้นต่อไปไม่ได้รีบเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้ววางช้อนไว้ข้างโต๊ะ
“ขอบคุณนะคะ”
“ครับ”ชานยอลตอบรับสั้นๆก่อนจะทานอาหารต่อ
มือเรียวที่เย็นเยียบ แทบไร้เรี่ยวแรงยกช้อนขึ้นตักอาหาร รสชาติอาหารยิ่งเคล้าน้ำตาที่กำลังหลั่งรินในหัวใจมากขึ้นเรื่อยๆจนมันไร้ความอร่อย ความอยากอาหารหมดไปจนไม่อยากแตะต้องอะไรเมื่อภาพเมื่อครู่บาดลึกลงไปในจิตใจของเขาราวกับคริสกำลังเอามีดมากรีด แล้วเอาน้ำเกลือมาราดที่หัวใจที่บอบช้ำของเขาเสียจนเจ็บปวดทรมาน ร่างโปร่งพยายามทานอาหารต่อไป จนกระทั่งมื้ออาหารจบลง
“งั้นขอตัวกลับก่อนนะคะ ไว้ครั้งหน้าจะมาเยี่ยมใหม่”คู่ขาของคริสเอ่ยบอกก่อนจะลาพ่อแม่และพี่สาวของร่างสูงแล้วเดินออกไป โดยมีคริสเดินตามไปส่ง
“อากาศค่อยบริสุทธิ์ขึ้นหน่อย”อลิซพูดทันทีที่พวกเขาคล้อยหลังไป จนได้สายตาดุๆของพ่อแม่มาเป็นรางวัล แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้สนใจนัก
“ป่ะ ชานยอล ไปทำงานกันดีกว่า”เธอว่าก่อนจะเดินนำชานยอลไปที่ห้องส่วนตัวของตัวเอง ดวงตากลมโตเหลียวมองไปเห็นภาพที่คริสกับผู้หญิงคนนั้นกำลังจูบลากัน ก่อนที่จะรีบหันขวับกลับมา
‘ดีแล้ว เขามีความสุขก็ดีแล้ว อย่าเสียใจเลย ชานยอล’ร่างโปร่งเดินแต่บอกตัวเองในใจ
------------------------------------------------------
งานของชานยอลและอลิซซับซ้อนและยุ่งยากกว่าที่คิด ร่างโปร่งและร่างเพรียวบางใช้เวลาปรึกษาเรื่องงานกันยาวนานจนถึงเวลาค่ำโดยที่แทบไม่ได้ลงไปข้างล่างเลย อาหารเย็นถูกนำขึ้นมาเสิร์ฟและถูกรับประทานกันในห้อง เพราะไม่อยากละสายตาออกไปจากงานที่ยังค้างคาอยู่ แต่ถึงกระนั้นงานของพวกเขาก็ไม่เสร็จลุล่วงไปเสียที
“เฮ้อ ทำไมถึงได้ยากเย็นอย่างนี้นะ”หญิงสาวพูดอย่างหนักใจก่อนจะถอดแว่นสายตาออก แล้วกันมาคุยกับชานยอล
“ชานยอล ดึกแล้ว พี่ว่ากลับก่อนมั้ย แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาทำอีกที”
“ก็ดีเหมือนกันครับ ดูท่าวันนี้ไม่เสร็จง่ายๆแน่”ร่างโปร่งเห็นด้วยก่อนจะเก็บเอกสารให้เรียบร้อย
“มีคนมารับรึยัง ดึกแล้ว อย่ากลับเองเลย”
“มีครับๆ เดี๋ยวผมโทรไปบอกเขาก่อน”มือเรียวกดโทรออกหาปลายสาย ก่อนจะตกลงให้มารับร่างโปร่งที่บ้านของคริส
“มา เดี๋ยวพี่ลงไปส่งข้างล่าง”ทั้งสองเดินลงมาถึงชั้นล่าง ร่างโปร่งแอบหวังลึกๆว่าขอให้ได้เห็นหน้าคริสก่อนกลับก็ยังดี แต่ก็เปล่า คริสไม่ได้อยู่ข้างล่าง ชานยอลสรุปเอาเองว่าร่างสูงคงจะไปเที่ยวกลางคืนเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
เสียงรถขับมาจอดหน้าบ้านดังขึ้นรบกวนความคิดของชานยอล ก่อนที่อลิซจะสั่งให้เปิดประตูให้รถขับเข้ามา ชายหนุ่มร่างสูงคนละคนกับเมื่อวานที่ชานยอลวานให้มารับกลับก้าวลงมาจากรถ ก่อนจะทักทายอลิซตามมารยาท แล้วเปิดประตูให้ชานยอลเข้าไปนั่ง
“พรุ่งนี้เจอกันนะครับ พี่อลิซ”
“จ้า พรุ่งนี้เจอกันเวลาเดิมนะจ๊ะ กลับดีๆล่ะ”ร่างโปร่งยิ้มรับก่อนจะเข้าไปนั่งในรถกลับบ้านของตน ท่ามกลางสายตาสองคู่ที่เฝ้ามองอยู่ หนึ่งคือหญิงสาวที่มองส่ง อีกหนึ่งคือชายหนุ่มที่มองลงมาจากห้องนอนด้วยความโกรธเกรี้ยว
“หึ เมื่อวานก็คนหนึ่ง วันนี้ก็คนหนึ่ง เปลี่ยนผู้ชายเป็นว่าเล่นเลยนะ ปาร์คชานยอล”น้ำเสียงเย้ยหยันดูถูกพูดออกมาอย่างโมโห มือหนากำแน่นจนข้อนิ้วซีด ดวงตาคุกกรุ่นไปด้วยความเคียดแค้น
ก๊อก ก๊อก
“คริส วานอะไรหน่อยสิ”เสียงพี่สาวของเขาดังขึ้นที่หลังประตูห้อง ก่อนที่เขาจะเดินไปเปิด
“พี่มีอะไร”
“พรุ่งนี้ไปรับชานยอลที่คอนโดให้หน่อยสิ นี่เบอร์เขา โทรไปถามทางกันเองนะ พี่ไม่ว่าง”หญิงสาวไหว้วานแกมบังคับ เธอทนเห็นพฤติกรรมควงคนไปทั่วของคริสมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่เธอจะหาคนดีๆมาให้คริสคบเสียที
ร่างสูงเลิกคิ้วมองเบอร์โทรศัพท์ที่โชว์หราอยู่ตรงหน้า ก่อนจะแย้มยิ้ม แล้วรับคำขอของพี่สาว
“ได้ เดี๋ยวผมจะไปรับเขาเอง”
วันทั้งวันที่อยู่ต่างประเทศของเขาหมดไปกับการเรียนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เขาตั้งหน้าตั้งตาเรียนจนจบปริญญาเอก เป็นถึงดอกเตอร์ผู้เชี่ยวชาญจนมีหลายบริษัทเข้ามาทาบทามขอให้ไปทำงานด้วย แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะกลับไปทำงานที่เกาหลี ประเทศบ้านเกิดของเขา และประเทศที่ใครคนนั้นกำลังอาศัยอยู่
ร่างโปร่งเฝ้ารอกำหนดการณ์ที่จะได้กลับไปเกาหลีอีกครั้งอย่างใจจดใจจ่อ เพียรนับวันเวลาให้ผ่านพ้นไปเร็วๆ ทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่ากลับไปแล้วจะไปเจอคริสมั้ย แล้วคริสจะเป็นยังไง จะจำเขาได้รึเปล่า แต่เขาก็ยังอยากเห็นหน้าคนที่เขารักมาตลอดสิบกว่าปีนี้อีกครั้งก็ยังดี ต่อให้อีกฝ่ายจะจำเขาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
จนกระทั่งวันหนึ่งวันที่เขารอคอยก็มาถึง เขาได้กลับเกาหลีเสียที วินาทีแรกที่เท้าเหยียบแผ่นดินบ้านเกิด หัวใจของเขาก็เต้นโครมครามอย่างบ้าคลั่ง รอยยิ้มกว้างถูกวาดขึ้นที่กลีบปาก ก่อนจะหายใจเอาอากาศเข้าเต็มปอด เขาได้กลับมาที่นี่แล้ว ได้กลับมาหาคริสแล้ว
ร่างโปร่งรีบตรงไปที่บ้าน เบอร์ของเพื่อนที่พอจะรู้เรื่องราวของคริส เตรียมจะถูกกดโทรออก แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้โทรไปหาเสียที เพราะเขามีภารกิจมากมายรัดตัวให้วุ่นไปหมด ทั้งปาร์ตี้เลี้ยงต้อนรับเขา ทั้งเดินสายไปเยี่ยมญาติที่ไม่ได้เจอกันนาน แต่ภารกิจที่ดูจะขโมยเอาเวลาของเขาไปมากที่สุดก็คือเรื่องงาน งานของดอกเตอร์ที่แทบจะสุมเท่าหัว จนเขาแทบไม่มีเวลาไปทำเรื่องอื่นเลย
“ดอกเตอร์คะ ผลวิจัยที่ดอกเตอร์ขอไว้คะ”พนักงานสาวคนหนึ่งยื่นแฟ้มเอกสารมาให้เขา ถ้านับเจ้าแฟ้มนี่ด้วยตอนนี้บนโต๊ะของเขาก็มีแฟ้มอยู่สิบกว่าแฟ้มได้แล้ว ทั้งเอกสารอ้างอิง โครงการ ผลการวิจัย หลักสถิติมากมายกองกันอยู่บนโต๊ะให้ปวดหัวไปหมด
“ขอบใจมาก วานหน่อยสิ ฝากเอานี่ไปให้หัวหน้าลีที”ร่างโปร่งไว้วานพนักงานตำแหน่งต่ำกว่าอย่างสุภาพ พร้อมกับยื่นแฟ้มเอกสารอันหนึ่งให้
“ถ้าเป็นดอกเตอร์ต่อให้สั่งมาฉันก็ทำค่ะ”พนักงานพูดติดตลก
“งั้นสรุปผลการวิจัยอันนี้แทนผมทีสิ”ชานยอลหยอกล้อกลับ
“โถ่ ดอกเตอร์ก็….ทำเป็นล้อเล่นไปได้ เดี๋ยวฉันเอาเอกสารไปให้หัวหน้าลีดีกว่า อยู่นานเดี๋ยวดอกเตอร์ให้สรุปผลการวิจัยอีก”เธอตอบอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ชานยอลยิ้มให้กับผู้ร่วมงานก่อนจะถอดแว่นตาออกแล้วนั่งพักสายตา
“งานเยอะจนไม่มีเวลาเลย”ชานยอลพูดก่อนจะหยิบรูปของคริสขึ้นมาดู แล้วเอ่ยถามกับรูปนั้นเบาๆ
“ป่านนี้จะทำอะไรอยู่นะ คุณองครักษ์”ร่างโปร่งบอกก่อนจะเก็บรูปนั้นไว้ในที่ของมันตามเดิม แล้วหยัดการลุกขึ้น เดินลงไปยังร้านกาแฟ หาคาเฟอีนมากระตุ้นร่างกายในการทำงานเพิ่มเสียหน่อย
สองขาเรียวพาร่างตัวเองเดินตรงไปยังร้านกาแฟที่อยู่ชั้นล่างของบริษัท แต่ด้วยความไม่ระวังทำให้ชนเขากับอีกฝ่ายที่เดินสวนออกมาจากร้านเข้าอย่างจัง
“ขอโทษครับๆ เป็นอะไรมั้ยครับ”ร่างโปร่งรีบขอโทษขอโพยยกใหญ่ ก่อนจะร้องตกใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“พี่อลิซ// อ้าว ชานยอล”หญิงสาวตรงหน้า พี่สาวของรุ่นพี่ที่เขาหลงรักทำงานอยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกันทำให้พวกเขารู้จักและสนิทกันไปโดยปริยาย แต่ก็ไม่กล้าพอจะถามเรื่องของคริสจากพี่สาวของเขาสักเท่าไรนัก
“มาซื้อกาแฟหรอเรา”
“ครับ พี่เจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ ผมนี่ซุ่มซ่ามจริงๆเลย”หญิงสาวโบกมือปัดก่อนจะตอบ
“พี่ซุ่มซ่ามเองมากกว่า เราไม่เจ็บอะไรใช่มั้ย”
“ไม่เลยครับๆ”
“นี่ว่าเจอกันก็ดีแล้ว ชานยอล งานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัท จะมารึเปล่า”
“ถ้าไม่ติดอะไรก็คงมาแหละครับ แล้วพี่ล่ะครับ”
“มาสิ เราก็อย่าลืมมาให้ได้นะ งานนี้เห็นว่าจัดใหญ่กว่าครั้งที่แล้วอีก”
“ผมคงต้องมาซะแล้วล่ะแบบนี้”
“มาให้ได้ล่ะ โอ๊ะ เดี๋ยวพี่ต้องไปแล้ว ติดประชุมต่อ ไว้เจอกันที่งานนะจ๊ะ ชานยอล”หญิงสาวพูดก่อนจะเดินออกไป ชานยอลเดินเข้าไปสั่งกาแฟพลางนึกสงสัยว่า….งานเลี้ยงปีใหม่ครั้งนี้จะมีคริสมาร่วมงานด้วยรึเปล่านะ
“รับอะไรดีครับ”
“คาปูชิโน…ไม่ดีกว่าครับ ขอเปลี่ยนเป็นเอสเปสโซ่ร้อนแก้วหนึ่งดีกว่า”ร่างโปร่งเปลี่ยนเมนูอย่างกะทันหันเป็นเอสเปสโซ่ กาแฟที่รุ่นพี่คริสชอบดื่ม
------------------------------------------------------
งานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัทเป็นงานใหญ่อย่างที่พี่สาวคริสบอกชานยอลไว้จริงๆ แขกเหรื่อมากันกว่าหลายร้อยคน ทั้งพนักงานบริษัท หุ้นส่วน และลูกค้าของบริษัทมากมายต่างพากันมาร่วมเฉลิมฉลองปีใหม่ที่ใกล้จะมาถึงนี้ กันอย่างเนืองแน่น ร่างโปร่งที่มาคนเดียวจึงรู้สึกเคอะเขินไปบ้าง แต่ก็ยังดีที่มีคนรู้จักเขามาทักทายเข้าบ้างประปราย
“อ้าว คุณดอกเตอร์ มาร่วมงานนี้กับเขาด้วยหรอครับเนี่ย”
“โถ่ หัวหน้าลี ถึงผมจะอยู่แต่ในห้องทำงานแต่ผมก็สังสรรค์เป็นนะครับ”หัวหน้าลีหัวเราะชอบใจยกใหญ่ก่อนที่พนักงานอีกคนจะเข้ามาทักชานยอล
“นานๆจะได้เห็นดอกเตอร์เลิกใส่แว่น อ่านแต่เอกสารนะครับเนี่ย”
“คุณคิมก็”
“อ้าว ดอกเตอร์คนเก่งของผม สวัสดีปีใหม่ครับ”ลูกค้าคนหนึ่งของบริษัทเดินตรงเข้ามาทักทาย ในขณะที่ชานยอลเองก็ส่งยิ้มและพูดคุยด้วยอย่างเป็นกันเองจนสร้างความสนุกครื้นเครงให้กับผู้ที่คุยด้วย พวกเขาตางพากันยิ้ม หัวเราะ และคุยกันอย่างสนุกสนาน โดยที่ไม่รู้เลยว่ากำลังมีสายตาของใครคนหนึ่งกำลังมองมาที่พวกเขาด้วยความไม่พอใจ…
เขาอุตส่าห์เลิกเที่ยว เลิกยุ่งกับผู้หญิง เลิกทำตัวนิสัยเสเพลไปวันๆ เพราะแค่มีอะไรกับเด็กผู้ชายคนนั้นโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงได้ยอมเลิกทุกอย่าง แต่ดูวันนี้สิ เด็กคนนั้นกลับไม่สนใจเขาเลยสักนิดเดียว! เพราะเอาแต่ยั่วผู้ชาย อ่อยคนไปทั่ว ทำตัวเหมือนพวกอย่างว่าไม่มีผิด นี่น่ะหรอคือสิ่งที่เขาควรได้รับ!!!
“อ้าว ชานยอล!”หญิงสาวคนหนึ่งที่เพิ่งเดินออกมาจากการพูดคุยกับลูกค้าร้องทักชานยอล ก่อนจะเดินเข้ามาหา
“สวัสดีครับพี่อลิซ วันนี้สวยเหมือนเจ้าหญิงเลยนะครับ”
“เจ้าหญิงที่ไหนจะมากับปีศาจล่ะ ชานยอล”ร่างโปร่งเลิกคิ้วงงกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
“ก็น้องชายพี่น่ะสิ เดี๋ยวจะเรียกให้มารู้จักกันไว้นะ”หัวใจชานยอลเต้นระรัว ความฝันของเขาเป็นจริงแล้ว เขาได้เจอรุ่นพี่คริสอีกครั้งหนึ่งแล้ว
“คริส มานี่หน่อย”ชานยอลหันไปตามทิศทางที่พี่สาวของคริสหันไป ก่อนจะต้องชะงักกับสิ่งที่เห็น……ผู้ชายที่รอมาสิบกว่าปีกำลังยืนจูบอยู่กับผู้หญิง
“ตาคริส!!!”อลิซดุน้องชาย ก่อนที่เจ้าตัวจะยอมผละออกจากสาวเจ้า
“เดี๋ยวผมมานะครับ”รอยยิ้มร้ายถูกวาดขึ้นที่กลีบปากหยัก ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาหาพวกเขา คริสไม่เคยเปลี่ยนไปเลย รูปลักษณ์ยังคงหล่อเหลา และนิสัยเจ้าชู้ที่ยังคงไม่จางหาย ชานยอลพยายามตีสีหน้าให้เรียบเฉย เป็นปกติ ไม่แสดงอาการอะไรออกไป ในขณะที่ร่างสูงเองก็จับจ้องอยู่ที่อีกฝ่ายพร้อมกับความหงุดหงิดในใจที่ค่อยๆลุกโหมขึ้นมา เขาอุตส่าห์จงใจจูบให้ร่างโปร่งได้เห็น ทำไมเด็กคนนี้ยังยืนหน้านิ่งอยู่ได้
“นี่คริส น้องชายพี่เอง ทำงานอยู่ที่กระทรวงต่างประเทศ ส่วนนี้ ชานยอล ดอกเตอร์ปาร์คชานยอล รุ่นน้องที่ทำงานพี่เอง เก่งมากเลยนะ เพิ่งจะจบมาจากอเมริกา แต่ทำงานนี่เนี๊ยบมากเลยล่ะ”พี่สาวของคริสชมเขาให้อีกฝ่ายฟัง แต่แทนที่เขาจะดีใจ ดันกลับกลายเป็นเสียใจอยู่กับภาพที่เห็นเมื่อครู่นี้ ……สุดท้ายพี่ก็เหมือนเดิม เจ้าชู้และไม่เคยจำผมได้เหมือนเดิม มีแต่ผมคนเดียวที่ยังจำและรักพี่ได้มากว่าสิบปีเหมือนเดิม
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”คริสเอ่ยทักทายตามมารยาทพร้อมกับยื่นมือมาให้จับ ในขณะที่ชานยอลเองก็ฝังกลบความเสียใจไว้ในอก ก่อนจะตอบกลับไปเช่นกัน
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”มือเรียววางลงบนมือหนาก่อนที่ทั้งคู่จะทักทายตามมารยาท หากแต่หัวใจดวงน้อยกลับปวดหนึบมากกว่าจะดีใจที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง รุ่นพี่คริสของเขาจำเขาไม่ได้ ลืมเด็กคนหนึ่งที่ยอมแลกความบริสุทธิ์ของตัวเองกับความรักของอีกฝ่ายไปจนหมดสิ้น ตอกย้ำให้รู้ว่าการเสียสละของเขาครั้งนั้นไม่มีค่าอะไรกับอีกฝ่ายเลย ปาร์คชานยอลไม่มีค่าอะไรกับอู๋อี้ฟานเลย
“รู้จักกันไว้ก็ดีแล้ว เผื่อต่อไปจะได้คอยช่วยเหลือกันได้”
“ธุระพี่เสร็จแล้วใช่มั้ยครับ”คริสพูดขึ้นมา จนพี่สาวของเขาขมวดคิ้วทำหน้าไม่พอใจใส่ที่น้องชายทำตัวเสียมารยาทกับแขก
“จะรีบไปไหน”
“ผมคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ ให้ผู้หญิงรอนานๆมันไม่ดี”หัวใจของชานยอลกระตุกวูบ รุ่นพี่คริสใส่ใจคนอื่น แต่ไม่เคยจะใส่ใจเขาเลย แค่จะอยู่ทักทายกันยังไม่ได้ เจ้าตัวจะรู้มั้ยว่าสำหรับเขา เขารอเวลาที่จะได้กลับมาเจออีกฝ่ายตั้งสิบกว่าปี
สิบกว่าปีที่ผมรอ กลับได้มาแค่สิบวินาทีจากพี่ งั้นหรอครับ
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”ชานยอลเลือกจะเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้กลับไปหาคู่ควงของตัวเอง ทั้งๆที่เขาอยากจะคุยกับอีกฝ่ายใจแทบขาด แต่ก็ไม่อยากฝืนใจคริสให้มาคุยด้วย หัวใจดวงน้อยเฝ้าบอกตัวเองว่า สิบปีที่รอมา ได้แค่สิบวินาที ก็พอใจแล้ว
ร่างโปร่งเดินเลี่ยงออกมา ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะของตัวเอง แต่ละย่างก้าวที่ก้าวเดินก็เหมือนหัวใจของเขาจะหลุดร่อนออกมาเป็นชิ้นๆไปตามทาง ก่อนจะแหลกสลายเมื่อนั่งลง แล้วแตกละเอียดเมื่อมองเห็นภาพบาดตาบาดใจระหว่างคริสกับผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง ปากที่เคยใช้จูบเขา ดวงตาที่เคยใช้จ้องมองเขา ถ้อยคำหวานหูที่เคยพูดให้เขาฟัง ตอนนี้รุ่นพี่คริสกลับใช้มันกับคนอื่น ลืมไปแล้วว่าเคยใช้มันกับเขา ลืมไปแล้วว่าเขาเป็นใคร ลืมไปแล้วว่าเจ้าหญิงคนนี้รอให้องครักษ์อย่างเขามาปกป้องแทบตาย
‘เรามันไม่มีสิทธิ ท่องเอาไว้ ว่าเรามันไม่มีสิทธิ’ชานยอลได้แต่ย้ำประโยคนี้ในใจซ้ำๆ ก่อนจะฝังกลบรอยแผลที่ร่างสูงฝากไว้ แล้วพยายามร่วมงานให้เป็นปกติที่สุด ถึงแม้ว่าใจดวงน้อยๆนี้กำลังปวดร้าวจากพิษของบาดแผลที่ร่างสูงฝากไว้อยู่ก็ตาม….
----------------------------------------------------
ชานยอลพยายามร่วมงานอย่างปกติ และมีความสุขเท่าที่หัวใจจะทำได้เมื่อต้องมานั่งทนเห็นรุ่นพี่คริสคนที่รักกำลังออเซาะอยู่กับคนอื่นตลอดทั้งงาน จนในที่สุดก็ถึงเวลาที่เขาจะหลีกหนีจากภาพเหล่านั้นได้เสียที ร่างโปร่งหยัดกายขึ้นลุกขึ้น เอ่ยลากับแขกเหรื่อที่รู้จัก ก่อนจะเดินตรงไปหากลุ่มของร่างสูง หากถามว่าพร้อมมั้ยที่จะต้องไปเจอ ก็คงต้องเลยว่าไม่ แต่คำว่ามารยาทมันค้ำคออยู่ ต่อให้เจ็บเขาก็ต้องทนฝืน
“พี่อลิซครับ ผมกลับก่อนนะครับ”ชานยอลเลือกที่จะเอ่ยบอกพี่สาวของร่างสูงก่อนจะเหลือบตาไปมองน้องชายของเธอ แล้วก้มศีรษะให้เป็นเชิงลา
“ อ้าว จะกลับแล้วหรอ ใครมารับล่ะ นี่มันก็ดึกมากแล้วนะ ให้คริสไปส่งมั้ย”ชานยอลรีบยกมือขึ้นห้าม
“ไม่เป็นไรครับๆ ผมมีคนมารับ”ร่างโปร่งตอบอย่างรักษาน้ำใจ พี่สาวคริสพยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยลา
“กลับบ้านดีๆนะ ชานยอล สวัสดีปีใหม่จ๊ะ”
“สวัสดีปีใหม่ครับพี่อลิซ”ร่างโปร่งว่าก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้นด้านหลัง
“คุณชานยอลครับ”ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลา มีดีกรีเป็นถึงทายาทเจ้าของโรงแรมที่กำลังชอบชานยอลอยู่ร้องเรียกร่างโปร่ง ก่อนจะโค้งศีรษะทักทายอลิซและคริสเล็กน้อย แล้วเดินนำร่างโปร่งไปที่รถคันหรูที่จอดอยู่ไม่ไกล ก่อนจะขับไปส่งชานยอลที่บ้าน โดยมีสายตาสองคู่มองส่งไป คนหนึ่งมองด้วยความเสียดายเล็กๆอีกคนมองด้วยความโมโหอย่างที่เขาเองก็หาสาเหตุของมันไม่เจอ
“จะกลับกันได้รึยัง”ร่างสูงถามคนเป็นพี่ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อยจนคนข้างตัวหันมาขมวดคิ้วใส่
“จะหงุดหงิดอะไรเนี่ย”คริสไม่สนใจเสียงของพี่สาวก่อนจะหันหลังกลับเดินไปยังลาดจอดรถ เดือดร้อนจนพี่สาวต้องวิ่งตามไป ร่างสูงขับรถกลับมาบ้านด้วยความเร็วที่เกินพิกัด ดวงตาคมฉายชัดว่ากำลังหงุดหงิด แค่เจอคนขับปาดหน้านิดหน่อย ก็บีบแตรไล่ซะจนแทบเป็นเรื่อง กว่าจะเอาชีวิตรอดมาถึงบ้านได้ เล่นเอาพี่สาวที่นั่งมาด้วยหัวใจแทบวาย
“เป็นบ้าอะไรเนี่ยคริส!”
“ไม่รู้!”คริสตอบเสียงกระชากก่อนจะปิดประตูกระแทกแล้วเดินพรวดขึ้นบ้านไปโดยไม่สนใจเสียงต่อว่าของพี่สาว กระดุมเสื้อถูกปลดออกอย่างแรงจนแทบกระเด็น เก้าอี้ที่ขวางทางอยู่ถูกผลักให้พ้นทางอย่างแรง เขากำลังหงุดหงิด หงุดหงิดที่คนที่รอมานานกว่าสิบปี ทำเหมือนไม่รู้จักกัน หงุดหงิดที่คนที่เปลี่ยนนิสัยเขาได้ กลับทำเหมือนจำเขาไม่ได้ หงุดหงิดที่ตัวเองจดจำเรื่องราวดีๆได้ แต่อีกฝ่ายกลับลืม และกำลังหงุดหงิดมากที่สุดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีไฮโซมารับกลับบ้าน!
“ทำไมวะ สิบปีมันเปลี่ยนคนได้ขนาดนี้เลยรึไงวะ”คริสพูดออกมาอย่างกราดเกรี้ยว
“หึ สุดท้ายแม่งก็เหมือนกันหมด ก็เป็นแบบนี้ไปทั่วเหมือนกันทุกคน!”ร่างสูงพูดอย่างเหลืออด สุดท้ายคนที่เข้ามาหาเขาก็เป็นเหมือนกันหมด อยากได้ อยากมี อยากลอง ไม่น่าหลงคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนดี ไม่น่าหลงคิดว่าอาจจะจริงจังด้วยได้ ไม่น่าหลงคิดถึงมาตลอดสิบปีที่ผ่านมา!!!
“เสียเวลาจริงๆ!!!”คริสพูดอย่างเดือดดาล ก่อนจะกดเบอร์หาใครบางคน ในเมื่อเป็นคนดีมานานแล้วมันไม่ได้อะไร เขาจะทนเป็นมันไปเพื่ออะไรล่ะ…
“คืนนี้มาหาผมหน่อย”
-------------------------------------------------------
หลังจากเหตุการณ์เมื่องานปีใหม่ คริสและชานยอลก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย ร่างโปร่งตอบไม่ได้ว่ามันเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี บางครั้งเขาก็อยากเห็นหน้าอีกฝ่ายบ้าง แต่บางครั้งการเข้าใกล้อีกฝ่ายก็ดูจะทำให้หัวใจของเขาเจ็บเอาเสียเปล่าๆ แต่ถึงจะอย่างนั้นเขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขาไม่คิดถึงคริส...
เขารักมาสิบปี จะให้เลิกรักแค่เพราะเรื่องๆเดียว เขาทำไม่ได้ ทุกอย่างตอนนี้มันก็แค่กลับสู่วังวนเดิมๆเท่านั้น ที่เขาเป็นฝ่ายมองร่างสูง ในขณะที่อีกคนก็ไม่เคยเหลียวมองเขาเลย มันก็แค่นั้น เมื่อก่อนเขายังอยู่ได้ ตอนนี้เขาก็ยังอยู่ได้เหมือนกัน
“ดอกเตอร์คะ คุณวูเรียกพบหน่อยคะ”เสียงพนักงานสาวคนหนึ่งร้องบอกกับเขา ปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์
“ห๊ะ อ๋อ ได้สิ เดี๋ยวนี้เลยหรอ”ชานยอลเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าตอนนี้ใกล้เวลาเลิกงานแล้ว
“ใช่ค่ะ บอกว่ามีเรื่องด่วน”
“โอเค เดี๋ยวผมไป ขอบคุณที่มาบอกนะครับ”เขาหันไปยิ้มให้อีกฝ่ายเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องของคุณวู หรือ อลิซ วู พี่สาวของคนที่เขารัก และเพื่อนร่วมงานในบริษัทเดียวกัน
ฝ่ามือเรียวยกขึ้นเคาะที่ประตูเป็นเชิงขออนุญาตสองสามทีก่อนจะเปิดเข้าไปเมื่อได้รับสัญญาณจากคนในห้อง อลิซกำลังกุมขมับอยู่กับเอกสารกองหนึ่งที่ดูจะสำคัญกับบริษัทอยู่มากโข เพราะถ้าไม่ซีเรียสจริงๆอลิซคงไม่มานั่งเครียดและเรียกตัวเขาไว้ทั้งๆที่เป็นเวลาใกล้เลิกงานอย่างนี้หรอก
“มีอะไรหรอครับพี่อลิซ”
“ดูนี่สิ มันมีปัญหา พี่พยายามแก้แล้ว แต่ผลก็ยังเป็นแบบนี้อยู่”อลิซยื่นเอกสารแผ่นหนึ่งมาให้ชานยอลดู ร่างโปร่งอ่านรายละเอียดอยู่สักพักก่อนจะเริ่มตีหน้าเครียด
“ผมคิดว่าเคสนี้แก้ได้ไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วซะอีก มันกลับมาเออเร่อหรอครับ”
“ใช่ แก้ไม่ได้สักที วันพุธนี้ต้องเสนอเข้าบอร์ดแล้วด้วย”
“’งั้นคืนนี้เรามาลองเช็คใหม่อีกทีมั้ยล่ะครับ พี่ติดธุระรึเปล่าครับ”ชานยอลถาม เมื่องานที่ต้องทำต้องอาศัยความรู้ของพี่อลิซด้วย ไม่ใช่แค่จากเขาคนเดียว เพราะเรื่องนี้ในบางจุดเขายังไม่เชี่ยวชาญเท่าไรนัก
“ไม่ว่างน่ะสิ เลยเรียกเรามาคุยก่อน ชานยอล พรุ่งนี้ว่างมั้ย แวะไปคุยงานที่บ้านพี่ได้รึเปล่า”ดวงตากลมวูบไหวเมื่อพูดถึงบ้านของหญิงสาว เพราะบ้านของเธอก็คือบ้านของคริสด้วย….แต่ถึงอย่างไรก็ต้องไป เพราะต้องไปคุยงาน
“ได้ครับ ผมว่างอยู่พอดี ให้ผมเข้าไปกี่โมงดี”
“เที่ยงแล้วกัน กินข้าวก่อนแล้วบ่ายค่อยคุยงานกัน เดี๋ยวพี่ไปรับเราที่บ้านแล้วกันนะ”
“ครับ งั้นเดี๋ยววันนี้ผมเตรียมเอกสารไว้เลยแล้วกัน”ชานยอลตอบไปทั้งๆที่ถ้าให้เขาไปที่บ้านของอลิซเอง เขาก็ไปได้ เพราะช่วงที่ชอบคริสเขาก็รู้แทบทุกเรื่องของคริสแล้ว แต่ถ้าตอบไปอย่างนั้น อลิซก็คงต้องสงสัยว่าทำไมเขาถึงรู้จักได้ทั้งๆที่ไม่เคยไป
“ขอบคุณมากนะ ชานยอล เดี๋ยวพี่ให้ทิปค่าทำงานวันหยุดเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่อลิซ ผมเองก็ว่างอยู่แล้วด้วย แค่นี้เล็กน้อยครับ”ร่างโปร่งยกยิ้มให้อย่างจริงใจ
“ขอบคุณมากนะ ชานยอล เดี๋ยววันนี้พี่ไปก่อน พรุ่งนี้เจอกันนะจ๊ะ”หญิงสาวเอ่ยลา ก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องไป เหลือไว้แต่ชานยอลที่เงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสาร
“พรุ่งนี้ พี่จะอยู่บ้านรึเปล่านะ พี่คริส”
-------------------------------------------------------
ภายในคฤหาสน์หลังหนึ่ง พี่น้องชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ฝ่ายคนเป็นพี่ทานอาหารเช้าอย่างง่ายๆที่ถูกเสิร์ฟมาคู่กับกาแฟ ในขณะที่คนน้องกลับดื่มแค่กาแฟเอสเปสโซ่เพียงแก้วเดียว พร้อมกับนั่งหนังสือพิมพ์ไปเรื่อยเปื่อยด้วยท่าทางสบายๆ
“คริส วันนี้ชานยอลมากินข้าวเที่ยงกับเรานะ”คนเป็นพี่พูดขึ้นทำลายความเงียบ และความสงบสุขของจิตใจคนน้อง ความหงุดหงิด และความโกรธที่ไม่ทราบสาเหตุลุกโหมขึ้นมาอีกครั้ง รอยยิ้มร้ายกระตุกที่มุมปากก่อนจะตอบอีกฝ่าย
“จะมาบ้านเรางั้นหรอ”คริสถามย้ำ น้ำเสียงดูเหมือนคนกำลังมีความคิดชั่วร้ายอยู่ในหัว แต่อีกฝ่ายก็ไม่ทันได้สังเกตเพราะมัวแต่สนใจเนื้อหาในเอกสารอยู่
“ใช่ ทำตัวดีๆด้วยล่ะ”ร่างสูงยกยิ้มก่อนจะตอบ
“ครับ….ผมจะทำตัวดีๆ”รอยยิ้มร้ายถูกวาดขึ้นที่กลีบปากหนาก่อนที่ร่างสูงจะขอตัวกลับขึ้นห้องส่วนตัวของตัวเองไป เพื่อเตรียมแผนการ ‘การทำตัวดีๆ’ ของเขา…
ฝ่ายผู้เป็นพี่ก็ง่วนอยู่กับการอ่านเอกสารคร่าวๆอยู่ที่โต๊ะอาหารจนลืมดูเวลา กว่าที่แม่บ้านจะเดินเข้ามาเก็บจานอาหาร เข้มสั้นก็ชี้เวลาเกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว ดวงตาหวานเบิกตาโพลง รีบลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะเริ่มต่อว่าความเลินเล่อของตัวเอง
“ตายแล้ว จะไปรับชานยอลทันมั้ยเนี่ย”เธอพูดอย่างร้อนรน ก่อนจะรีบขึ้นไปจัดการตัวเอง แล้วรีบออกไปรับชานยอลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ร่างโปร่งกำลังรอพี่สาวของคนที่แอบรักอยู่ที่ห้อง หัวใจดวงน้อยกำลังคิดไกลจินตนาการไปถึงว่าวันนี้จะได้เจอคริสรึเปล่า คริสจะอยู่บ้านมั้ย แล้วจะทำอะไร เขาจะได้แอบเหลือบมองคริสจากไกลๆบ้างมั้ย แล้วจะได้พูดคุยกับร่างสูงบ้างรึเปล่า เพียงแค่คิดหัวใจมันก็พาลจะสั่นไหวแล้ว
เขาไม่อยากหวังอะไรเกินตัว ไม่อยากฝันว่าคริสจะจำได้ ไม่อยากผิดหวังเหมือนเมื่องานปีใหม่ เพราะเรื่องราวมันก็ผ่านมากว่าสิบปี ทั้งในตอนนั้นเขาเองก็เป็นเพียงแค่คู่นอนธรรมดาที่คริสเคยมอบความสุขให้ ไม่ได้มีค่า ไม่ได้สลักสำคัญอะไร เป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่แอบมอง แอบรัก แอบเทิดทูนร่างสูงอยู่ห่างๆโดยที่เจ้าตัวเองแทบไม่รู้ตัวเลย
“แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ”ร่างโปร่งพึมพำกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับยิ้มบางๆ ตอกย้ำหัวใจด้วยน้อยให้รู้ว่า สิ่งที่ได้มามันมากเกินพอแล้ว อย่าได้ไขว่คว้าอะไรอีกเลย
Rrrrrrr Rrrrrr
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ก่อนที่ชานยอลจะกดรับ
“ชานยอล ลงมาเลย พี่อยู่ใต้คอนโดชานยอลแล้ว”อลิซเอ่ยบอกก่อนจะกอดวางสาย ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนแล้วรีบเดินออกไป ขึ้นรถที่จอดรออยู่ ก่อนจะทักทายไปตามประสาคนสนิท และชวนคุยเรื่องอื่นบ้างไปตลอดทางที่มาถึงบ้าน หากแต่ภายใต้ท่าทางที่ดูปกติทุกอย่างนั้น กลับซ่อนไปด้วยความสับสน ถวิลหา และดีใจ จนร่างโปร่งไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี
“วันนี้ให้คุณป้าทำกับข้าวให้เยอะเลยล่ะ กลัวจะขายหน้าแขก”หญิงสาวพูดติดตลก ขณะที่กำลังเดินเข้าไปในตัวบ้าน
“ ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ครับ แค่เรื่องข้าวนี่ผมก็เกรงใจจะแย่แล้ว”ชานยอลพูดไปตามจริง หากแต่ยิ่งเดินเข้าไปในบ้านเท่าไรเขาก็ยิ่งใจเต้นระรัว เขากำลังได้มาบ้านคริส บ้านรุ่นพี่ที่เขาหลงรักมาตลอด
“ถ้าเกรงใจนี่ถือว่าดูถูกมิตรภาพของเรานะ ไม่ต้องเกรงใจหรอก”หญิงสาวแกล้งทำเสียงดุ ก่อนจะหันไปแนะนำชานยอลให้พ่อแม่ของตนที่นั่งประจำอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว
“คุณพ่อ คุณแม่คะ นี่ชานยอล รุ่นน้องที่หนูเคยเล่าให้ฟัง ตัวจริงน่ารักมั้ยล่ะคะ”
“สวัสดีครับคุณลุง คุณป้า”ชานยอลเอ่ยทักทายอย่างนอบน้อม หากแต่สายตาก็มองหาร่างสูงที่ควรจะนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารด้วย ใจดวงน้อยห่อเหี่ยวลงไปเล็กน้อย เมื่อคิดว่าบางทีร่างสูงอาจไม่อยู่บ้าน
“น่ารักสมที่อลิซคุยไว้เลยนะ นั่งลงก่อนสิลูก”ชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานเอ่ยบอกอย่างเอ็นดู ก่อนจะหญิงผู้เป็นภรรยาจะพูดขึ้น
“แล้วเจ้าคริสล่ะ ไปอยู่ไหน ทำไมไม่ลงมาสักที ใช้ไม่ได้เลยให้แขกรอ”หัวใจดวงน้อยกลับมาเต้นโครมครามอีกครั้งเมื่อได้ยิน รุ่นพี่คริสอยู่บ้าน….อย่างน้อยเขาก็ได้เจอรุ่นพี่อีกครั้งแล้ว
“เดี๋ยวลูกโทรตามให้ค่ะ”อลิซเอ่ยบอกก่อนจะโทรตามน้องชายตัวแสบของตัวเอง ไม่นานนักเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นมาจากชั้นสอง หัวใจดวงน้อยเต้นถี่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะลงมา ก่อนที่เสียงหัวใจจะลดฮวบลงอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาคนเดียว หญิงสาวร่างเพรียวบาง ทรวดทรงสะอวดสะองสวมเสื้อผ้ายับยู่ยี่ชวนให้จินตนาการไปไกลเดินแนบเคียงข้างมาด้วย มือสอดประสานจับกัน ท่าทางแนบชิดกันเกินพอดีให้คนดูได้เจ็บปวด ทรมานหัวใจ หัวใจดวงน้อยปวดแปลบ มือเรียวเย็นเยียบ แทบจะไร้เรี่ยวแรง แต่ก็ยังทนฝืนไม่แสดงอาการอะไรออกมาให้ได้เห็น เฝ้าเพียรบอกตัวเองว่า คริสอย่างไรก็คือคริส เมื่อก่อนเขาทนได้ ตอนนี้ก็ต้องทนให้ได้
“ขอโทษที่มาช้านะครับ พอดียุ่งนิดหน่อย” คริสพูดขึ้น ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ให้สาวเจ้า โดยแทบไม่สนใจว่าคำพูดและการกระทำกำลังทำให้ใครเจ็บปวด
“ขอบคุณค่ะคริส”เธอยิ้มก่อนจะทรุดนั่งลงตรงข้ามชานยอล
“เพิ่งรู้ว่าบ้านเรามีแขกเพิ่ม”อลิซพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติ แต่เนื้อหาดูจงใจเหน็บแนมอีกฝ่าย
“ขอโทษที่ผมไม่ได้บอกก่อน”คริสออกรับ ก่อนที่พ่อของร่างสูงจะพูดขึ้น
“เอาล่ะๆ มากันพร้อมก็ทานข้าวกันสักที เดี๋ยวอลิซกับหนูชานยอลต้องไปทำงานต่ออีก”มื้อเที่ยงเริ่มต้นขึ้น ชานยอลทานอาหารไปอย่างกระอักกระอวน รสชาติที่ว่าอร่อยพาลเอาเสียรสเอาเสียดื้อๆ
“ทานนี่ดูครับ แม่ครัวผมทำอร่อยมาก”ร่างสูงพูดขึ้นก่อนจะตักอาหารให้สาวเจ้าที่นั่งข้างตัว แกล้งประชดประชันให้อีกฝ่ายเจ็บปวด ตอบแทนที่ร่างโปร่งไม่สนใจใยดีอะไรเขาเลย
“ขอบคุณค่ะคริส คริสลองอันนี่สิคะ อร่อยมากเลย”หญิงสาวผลัดเป็นฝ่ายตักอาหารให้ร่างสูงบ้าง ชานยอลพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ไม่ใส่ใจกับการกระทำของทั้งคู่ และทานอาหารของตัวเองต่อไปเงียบๆ
“แหมๆ หวานกันเชียวนะ เกรงใจคนอื่นเขามั่งสิ”อลิซแกล้งแซวแต่แฝงการจิกกัดอยู่ในแววตา
“ก็คนกันเองทั้งนั้นนี่ครับ พี่อลิซ”คริสตอบก่อนจะตักอาหารให้ผู้หญิงคนนั้นอีก พร้อมหยิบทิชชู่เช็ดคราบตรงมุมปากให้
“เลอะหมดแล้วครับ”ร่างสูงยิ้มอบอุ่น หากแต่ภายในเนื้อตัวแทบเต้น ระอุไปด้วยความโกรธเมื่ออีกฝ่ายยังคงนิ่งเฉย
ดวงตากลมโตที่ลอบมองอยู่แกล้งทำเพิกเฉย ไม่รู้สึกอะไรทั้งๆที่ข้างในนี้มันเจ็บ มันเสียใจจนแทบทนไม่ไหว แต่ก็ยังฝืนทน ยังกล้ำกลืนความเจ็บปวด ไม่ยอมแสดงออกมา พร้อมกับเฝ้าบอกตัวเองอยู่ทุกวินาทีว่า แค่นี้ก็พอแล้ว แค่นี้ก็มากพอแล้ว ชีวิตของเขาต้องการเพียงเท่านี้ แค่ได้รัก แค่ได้แอบมอง แค่ได้มีอีกคนไว้ในหัวใจก็พอแล้ว อย่าวาดฝัน อย่าคิดไกล อย่าหลงละเมอ มีค่าแค่ไหนก็ควรฝันไกลได้แค่นั้น
เคล้งงงงง....
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ”หญิงสาวร้องอุทานออกมาเมื่อเผลอทำช้อนตกพื้น โชคร้ายที่ช้อนดันไถลมาอยู่ใกล้ชานยอลพอดี
“เดี๋ยวผมเก็บให้ครับ”ร่างโปร่งพูดก่อนจะก้มลงไปเก็บ แต่แล้วตากลมก็ต้องสั่นระริกกับภาพที่อยู่ใต้โต๊ะ
มือหนาของคริสกำลังลูบไล้โคนขาของหญิงสาวก่อนจะผลุบหายเข้าไปใต้กระโปรง ร่างสูงจงใจกลั่นแกล้งให้อีกฝ่ายคลั่ง ให้ได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้สำคัญอะไรกับเขา เขาไม่ได้สนใจใยดี ไม่ได้เห็นค่าของอีกฝ่ายสักนิด ก็แค่คนข้างทางที่ได้แล้วทิ้งเท่านั้น!!!
ร่างโปร่งที่ทนเห็นภาพนั้นต่อไปไม่ได้รีบเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้ววางช้อนไว้ข้างโต๊ะ
“ขอบคุณนะคะ”
“ครับ”ชานยอลตอบรับสั้นๆก่อนจะทานอาหารต่อ
มือเรียวที่เย็นเยียบ แทบไร้เรี่ยวแรงยกช้อนขึ้นตักอาหาร รสชาติอาหารยิ่งเคล้าน้ำตาที่กำลังหลั่งรินในหัวใจมากขึ้นเรื่อยๆจนมันไร้ความอร่อย ความอยากอาหารหมดไปจนไม่อยากแตะต้องอะไรเมื่อภาพเมื่อครู่บาดลึกลงไปในจิตใจของเขาราวกับคริสกำลังเอามีดมากรีด แล้วเอาน้ำเกลือมาราดที่หัวใจที่บอบช้ำของเขาเสียจนเจ็บปวดทรมาน ร่างโปร่งพยายามทานอาหารต่อไป จนกระทั่งมื้ออาหารจบลง
“งั้นขอตัวกลับก่อนนะคะ ไว้ครั้งหน้าจะมาเยี่ยมใหม่”คู่ขาของคริสเอ่ยบอกก่อนจะลาพ่อแม่และพี่สาวของร่างสูงแล้วเดินออกไป โดยมีคริสเดินตามไปส่ง
“อากาศค่อยบริสุทธิ์ขึ้นหน่อย”อลิซพูดทันทีที่พวกเขาคล้อยหลังไป จนได้สายตาดุๆของพ่อแม่มาเป็นรางวัล แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้สนใจนัก
“ป่ะ ชานยอล ไปทำงานกันดีกว่า”เธอว่าก่อนจะเดินนำชานยอลไปที่ห้องส่วนตัวของตัวเอง ดวงตากลมโตเหลียวมองไปเห็นภาพที่คริสกับผู้หญิงคนนั้นกำลังจูบลากัน ก่อนที่จะรีบหันขวับกลับมา
‘ดีแล้ว เขามีความสุขก็ดีแล้ว อย่าเสียใจเลย ชานยอล’ร่างโปร่งเดินแต่บอกตัวเองในใจ
------------------------------------------------------
งานของชานยอลและอลิซซับซ้อนและยุ่งยากกว่าที่คิด ร่างโปร่งและร่างเพรียวบางใช้เวลาปรึกษาเรื่องงานกันยาวนานจนถึงเวลาค่ำโดยที่แทบไม่ได้ลงไปข้างล่างเลย อาหารเย็นถูกนำขึ้นมาเสิร์ฟและถูกรับประทานกันในห้อง เพราะไม่อยากละสายตาออกไปจากงานที่ยังค้างคาอยู่ แต่ถึงกระนั้นงานของพวกเขาก็ไม่เสร็จลุล่วงไปเสียที
“เฮ้อ ทำไมถึงได้ยากเย็นอย่างนี้นะ”หญิงสาวพูดอย่างหนักใจก่อนจะถอดแว่นสายตาออก แล้วกันมาคุยกับชานยอล
“ชานยอล ดึกแล้ว พี่ว่ากลับก่อนมั้ย แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาทำอีกที”
“ก็ดีเหมือนกันครับ ดูท่าวันนี้ไม่เสร็จง่ายๆแน่”ร่างโปร่งเห็นด้วยก่อนจะเก็บเอกสารให้เรียบร้อย
“มีคนมารับรึยัง ดึกแล้ว อย่ากลับเองเลย”
“มีครับๆ เดี๋ยวผมโทรไปบอกเขาก่อน”มือเรียวกดโทรออกหาปลายสาย ก่อนจะตกลงให้มารับร่างโปร่งที่บ้านของคริส
“มา เดี๋ยวพี่ลงไปส่งข้างล่าง”ทั้งสองเดินลงมาถึงชั้นล่าง ร่างโปร่งแอบหวังลึกๆว่าขอให้ได้เห็นหน้าคริสก่อนกลับก็ยังดี แต่ก็เปล่า คริสไม่ได้อยู่ข้างล่าง ชานยอลสรุปเอาเองว่าร่างสูงคงจะไปเที่ยวกลางคืนเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
เสียงรถขับมาจอดหน้าบ้านดังขึ้นรบกวนความคิดของชานยอล ก่อนที่อลิซจะสั่งให้เปิดประตูให้รถขับเข้ามา ชายหนุ่มร่างสูงคนละคนกับเมื่อวานที่ชานยอลวานให้มารับกลับก้าวลงมาจากรถ ก่อนจะทักทายอลิซตามมารยาท แล้วเปิดประตูให้ชานยอลเข้าไปนั่ง
“พรุ่งนี้เจอกันนะครับ พี่อลิซ”
“จ้า พรุ่งนี้เจอกันเวลาเดิมนะจ๊ะ กลับดีๆล่ะ”ร่างโปร่งยิ้มรับก่อนจะเข้าไปนั่งในรถกลับบ้านของตน ท่ามกลางสายตาสองคู่ที่เฝ้ามองอยู่ หนึ่งคือหญิงสาวที่มองส่ง อีกหนึ่งคือชายหนุ่มที่มองลงมาจากห้องนอนด้วยความโกรธเกรี้ยว
“หึ เมื่อวานก็คนหนึ่ง วันนี้ก็คนหนึ่ง เปลี่ยนผู้ชายเป็นว่าเล่นเลยนะ ปาร์คชานยอล”น้ำเสียงเย้ยหยันดูถูกพูดออกมาอย่างโมโห มือหนากำแน่นจนข้อนิ้วซีด ดวงตาคุกกรุ่นไปด้วยความเคียดแค้น
ก๊อก ก๊อก
“คริส วานอะไรหน่อยสิ”เสียงพี่สาวของเขาดังขึ้นที่หลังประตูห้อง ก่อนที่เขาจะเดินไปเปิด
“พี่มีอะไร”
“พรุ่งนี้ไปรับชานยอลที่คอนโดให้หน่อยสิ นี่เบอร์เขา โทรไปถามทางกันเองนะ พี่ไม่ว่าง”หญิงสาวไหว้วานแกมบังคับ เธอทนเห็นพฤติกรรมควงคนไปทั่วของคริสมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่เธอจะหาคนดีๆมาให้คริสคบเสียที
ร่างสูงเลิกคิ้วมองเบอร์โทรศัพท์ที่โชว์หราอยู่ตรงหน้า ก่อนจะแย้มยิ้ม แล้วรับคำขอของพี่สาว
“ได้ เดี๋ยวผมจะไปรับเขาเอง”