0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

thank you to the post man [Part 1]

+3
Wisakha01
ShiShiz_
0ctogus
7 posters

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

1thank you to the post man [Part 1] Empty thank you to the post man [Part 1] Sat Dec 15, 2012 7:44 pm

0ctogus

0ctogus
Admin

thank you to the post man [Part 1] Postman



“โหย เยอะขนาดนี้ พรุ่งนี้มันจะเสร็จมั้ยเนี่ย” ผมกำลังนั่งมองกองจดหมายที่เยอะจนแทบจะไปถมบ้านผมให้จมดินได้ โอ้ ให้ตาย ทำไมมันถึงได้เยอะงี้เนี่ย ไม่คิดจะไปใช้เมลล์ ทวิต เฟส กันรึไง คิดมั่งมั้ยว่าโพสแมนอย่างผมมันต้องลำบากแค่ไหน กว่าจะไปส่งเสร็จ ผมนั่งบ่นกระปอดกระแปดอย่างนั้นไปนานอีกหลายนาที ไม่สิ ผมก็บ่นมันไปตลอดทางที่ไปส่งจดหมายนั่นแหละ ก็มัน....เยอะนี่! มันเยอะจริงๆนะ ดูดิ ขนาดมอเตอร์ไซด์ฟีโน่น้อยของผมมันยังบ่นเลย เฮ้อ ไม่น่าหลวมตัวมาเลยเรา แย่จริง....




สวัสดีครับ ผมปาร์คชานยอล โพสแมนจำเป็น ที่โดนคุณลุงที่เป็นหัวหน้าไปรษณีย์สาขาเขตคังนัม (มาถึงตรงนี้คุณอย่าเพิ่งเต้นกังนัมสไตล์นะครับ ฟังผมพูดให้จบก่อน) กับคุณแม่ของผม ทั้งคู่รบเร้า ขอร้องให้ผมไปช่วยส่งจดหมายแทนคนที่เพิ่งลาออกไป ตอนแรกผมก็กะจะไม่ทำหรอกครับ แต่พอเจอเหตุผลที่ว่า -ชานยอล ลูกก็ปิดเทอมอยู่ จะอยู่บ้านทำไม ไปช่วยงานคุณลุงเขาสิ - ส่วนอีกคนหนึ่งก็ - หลานรัก ลุงมีค่าขนมเล็กๆน้อยๆให้ด้วยนะ วันละ ห้าหมื่นวอนพอไหม- เท่านั้นแหละครับ ผมก็ตอบรับทันที ไม่ได้หน้าเลือดนะครับ แค่รู้จักอดออม แต่พอมาทำงานวันแรก ผมก็แทบอยากจะกลืนคำพูดตัวเอง เงินห้าหมื่นวอนยังน้อยไปด้วยซ้ำ กับค่าเหนื่อยที่ผมต้องขนไอ้กองจดหมายยักษ์นี่ไปส่ง เพิ่งรู้ว่าสมัยนี้ยังมีคนชอบส่งจดหมายหากันนะ คิดว่าจะไปพึ่งโซเชียลกันหมดแล้ว ผมขับรถไปก็คิดนู่นคิดนี่ไปเรื่อย จนสักพักเพิ่งระลึกได้ว่า.........ผมไม่รู้ทางแถวนี้ แล้วแผนที่ผมก็ดันลืมไว้ที่ออฟฟิส



“อ๊ากกก นรกชัดๆ ไอ้เอ๋อยอล โอ่ย แล้ววันนี้จะไปส่งได้มั้ยเนี่ย” ตบหัวตัวเองด้วยแรงไม่เบานักอีกสองสามทีพอให้ไอคิวทั้งหมดร่วงหล่นลงพื้น พอพวกมันหล่นเกลื่อนกลาดพื้นจนหมด ผมก็ค่อยๆขับรถไปต่อ พร้อมกับหอบหิ้วความหวังว่า ตัวเองจะส่งจดหมายทั้งหมดเสร็จภายใน เอ่อ....อย่างน้อยมันก็ต้องเสร็จก่อนหมดวันสิน่า




ฮือออ.....อยากจะโหยหวน





แล้วหลังจากนั้นชีวิตผมก็เหมือนกับ......การนั่งตามหา RCที่ตัวอักษรเยอะแยะไปหมด เริ่มแรกก็หาเส้นทาง จากนั้นก็บ้านเลขที่ และสุดท้ายก็เสียบจดหมายตามตู้ กว่าผมจะนั่งตามหา RC เกือบครบ ก็ปาเข้าไปเกือบจะเย็นแล้ว ตอนนี้เหลือจดหมายแล้วก็พัสดุอยู่อีกแค่บ้านเดียวเท่านั้นครับ แล้วไอ้บ้านนี้ก็มีคนส่งจดหมายชนิดที่ว่า....ประทานโทษนะครับ ชาตินี้ไม่เคยคุยกันรึไง ทำไมมันถึงได้มีจดหมายหลายสิบฉบับส่งมาถึงที่นี้ ตอนแรกก็คิดว่าเป็นจดหมายจากพวกคอนโด โรงบาล ประกันภัย อะไรทำนองนั้น แต่ไม่ใช่เลยครับ มันมาจากพวกสาวน้อยจากทั่วประเทศ โห อยากจะเห็นหน้าเจ้าของบ้านจริงๆ




ผมขับรถวนหาบ้านเลขที่นั้นอยู่อีกประมาณสามสี่รอบกว่าจะเจอ แล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองขับผ่านบ้านนั้นมาสองรอบแล้ว ผมไม่เอ๋อนะ แค่ไม่ทันมอง บ้านหลังสีน้ำเงินของเขาไม่จัดว่าใหญ่มากนัก มีสวนดอกไม้ขนาดกลางอยู่รอบตัวบ้าน รั้วบ้านที่ทำจากไม้ถูกทาเป็นสีขาวเหลือบไปทางสีฟ้าอ่อน มีเถาไม้เลื้อยไปตามรั้ว พวกมันชูช่อดอกสีม่วงเป็นพวงย้อยลงมาตามแรงโน้มถ่วง บ้านของเขาถือว่าเป็นบ้านในฝันผมเลยทีเดียวล่ะ มันดูอบอุ่น และสดใส ผมยืนชื่นชมความสวยงามของมันอยู่อย่างนั้นจนลืมไปว่าตัวเองมาทำอะไร พอคิดได้ผมก็ล้วงเอาจดหมายนับสิบฉบับใส่ตู้จดหมายที่เก่าจนสนิมกิน จะว่าไปทั้งบ้านก็ดูดีหมดนะยกเว้นไอ้ตู้จดหมายนี่ล่ะ แต่ผมไม่ได้คิดจะใส่ใจอะไรมันมากนักหรอก เรื่องที่ผมสนตอนนี้คือเจ้าพัสดุอีกสองสามกล่องมากกว่า ผมกดกริ่งที่อยู่ริมประตูแต่ดูท่าว่าเจ้าของบ้านจะไม่อยู่ ถ้าผมหย่อนมันไว้นี่ โดยไม่มีคนเซ็นต์รับ ผมต้องโดนคุณลุงดุแหงๆ แต่จะให้ผมนั่งรอเจ้าของบ้านอยู่อย่างนี้น่ะหรอ โห ตายๆ แต่ทำไงได้ล่ะ ดีกว่ากลับไปโดนลุงด่าล่ะว๊า อีกอย่างขอถือโอกาสดูหน้าเจ้าของจดหมายที่ชื่อ ไรนะ เมื่อกี้แอบอ่านมา Kris ไครส์ ไครส์ๆ แสดงว่าต้องเป็นคนต่างชาติชัวร์ ไม่ก็พวกลูกครึ่ง



ผมนั่งรอต่อไปราวสิบห้านาทีได้ จู่ๆก็มีรถยุโรปคันหรูขับเข้ามา แสงไฟหน้ารถสาดส่องเข้ามาแยงตาผม ผมรีบลุกขึ้นยืน ปัดกางเกงตัวเองสองสามที เจ้าของรถคันหรูนั้นค่อยๆก้าวลงมาจากรถ เขาสวมเพียงแค่เสื้อยืดสีขาว กับกางเกงยีนธรรมดา แต่ทำไมมัน......หล่ออย่างนี้นะ โหย คนรึเปล่าเนี่ย นั่นๆ ย๊า เขาค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ผมแล้ว อย่าสิ อย่าเข้ามาใกล้ ผมทำตัวไม่ถูกนะ หยุด หยุดเลยๆ


“มีอะไรรึเปล่าครับ” เขาถามด้วยใบหน้ายกยิ้มน้อยๆ



“คะ ครับ ครับ ห๊ะ มี มีๆ” ผมอ้ำอึ้งพูดถูกๆผิดๆ ยิ่งเจอสายตานั่นมองมาผมยิ่งเขิน แล้วนี่หน้าผมคงไมได้กำลังแดงอยู่นะ คงไม่หรอก....มั้ง ผู้ชายคนนั้นหัวเราะออกมาเบาๆกับท่าทางของผม เขาทำท่าทางเป็นเชิงถามผมว่ามีอะไร ผมเลยรีบยื่นพัสดุให้พร้อมกับใบเซ็นต์ชื่อรับของ



“นะ นี่ครับ คุณไครส์” เขาเลิกคิ้ว หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหยิบใบไปเซ็นต์ชื่อ แล้วรับพัสดุไป ผมโค้งศรีษะลาอย่างเก้ๆกังๆ เดินกลับไปที่มอร์ไซด์ตัวเอง ยังไม่ทันที่ผมจะสตาร์ทรถ เขาก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน



“คุณโพสแมนครับ ผมชื่อคริสนะ ไม่ใช่ไครส์” แล้วเขาก็ขับรถเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้ผมอยู่กับความเขินอาย สองมือของผมถูกยกขึ้นมาปิดหน้า ใบหน้าร้อนผะแผ่วจนมันขึ้นสี แก้มผมตอนนี้คงแดงเป็นลูกมะเขือเทศ





ย๊า เจอกันครั้งแรกก็หน้าแตกใส่แล้วอ่ะ



-------------------------------------------



ผมเดินเข้ามาในออฟฟิส ซึ่งตอนนี้ปิดทำการไปแล้วล่ะครับ ตอนนี้ทุกคนกำลังรอผมอยู่ ผมวางหมวกกันน็อคลงบนเค้าเตอร์ จากนั้นก็เดินมาทรุดตัวนั่งลงกับโซฟาอย่างแรง ยกหมอนขึ้นมาปิดหน้า ก่อนจะแหกปากออกมาดังๆ



“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ปาร์คชานยอลๆ”



“เสียงดังจริงๆ ชานยอล แล้วนี่กว่าจะกลับ ทำไมเย็นอย่างนี้” เสียงคุณลุงดังแหว่วมากระทบหู ผมตอบไปทั้งๆที่หมอนยังปิดหน้าอยู่



“ก็ผมนั่งรอเจ้าของบ้านมาเซ็นต์รับพัสดุอาดิลุง เจอแล้วก็หน้าแตกใส่เขาเลยอ่ะ โหยยยย จบกัน จบกัน”



“แค่ก แค่ก ว่าไงนะ รอเซ็นต์ชื่อ”



“สำลักกาแฟเลยหรอลุง ก็ใช่อาดิ นี่ดีนะ ผมรอไม่นานเจ้าของบ้านก็มา ไม่งั้นนะ......โดนยุงหามตายอยู่หน้าบ้านเขาแน่ๆ ” ผมโยนหมอนอยู่ข้างตัว เด้งตัวขึ้นมาตอบคุณลุงที่ตอนนี้กำลังยืนสำลักกาแฟหน้าผม



“ไอ้ชานยอล นี่แกจะเอ๋อไปถึงไหน เอาพัสดุไปหย่อนไว้ที่บ้านเขาก็ได้ ไม่ต้องนั่งรอ หรือถ้ามันเป็นแบบที่ต้องมีคนเซ็นต์รับ ก็เซ็นต์รับแทน แล้วให้เขามารับที่ออฟฟิส จะไปรอทำไม ฮ่าๆ” แล้วซิมโฟนี่ความฮาก็เริ่มบรรเลงขึ้น แล้วดูท่าทางจะไม่จบง่ายๆด้วยสิ



“โห แล้วไมลุงไม่บอกผมอ่ะ ไม่งั้นปานนี้นะผมก็ไม่ต้องไปหน้าแตกใส่คนหน้าหล่อคนนั้นแล้ว” ลุงวางแก้วกาแฟลงบนเค้าท์เตอร์ก่อนจะหันมามองหน้าผม

“คริสหรอ”



“ลุงรู้จักได้ไงอะ สนิทหรอๆ”



“ลุงไม่ใช่เด็กเอ๋อหลังเขาอย่างแกนะ คริสเขาเป็นดารา หน้าตาก็คงจะหล่อสุดในเขตนี้แล้ว แล้วไปหน้าแตกอะไรใส่เขา” เป็นดารา!!! ดารา!!! เราหน้าแตกใส่ดารา!!! โอ๊ยยย ไอ้เอ๋อเอ๊ย



ผมเล่าเหตุการณ์ที่ผมไปหน้าแตกชนิดหมอไม่รับเย็บให้คุณลุงฟัง ตลอดเวลาที่เล่าไปซิมโฟนีความฮาก็ถูกบรรเลงขึ้นด้วยฝีมือของคุณลุง มันดังโหมกระหน่ำตอกย้ำความหน้าแตกปนแหกของผมต่อไปเรื่อยๆ คาดว่าวันนี้เสียงหัวเราะของคุณลุงคงจะค้างเติ่งอยู่ในหูของผมไปอีกนาน แม้เวลาหลับผมก็อาจจะละเมอออกมาเป็นเสียงหัวเราะของลุงได้ ลุงอะไรก็ไม่รู้ ทำไมไม่เข้าข้างหลาน หัวเราะอยู่ได้! รู้มั้ยว่าผมอายแค่ไหนเนี่ย ถ้าหัวเราะนานกว่านี้ผมจะร้องไห้แล้วนะ หยุดเลย! หยุดสิ เฮ้ย ลุง ขอร้องละ หยุดหัวเราะผมที พลีสสสสส........



แล้วคืนนั้นคุณลุงก็หัวเราะต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่มีท่าทีว่าจะสนใจแววตาระห้อยใกล้จะร้องไห้ของผมเลยสักนิด แต่อะไรก็ไม่แย่เท่าที่พอกลับบ้านลุงก็ยังเล่าต่อให้คนที่บ้านผมฟัง และเป็นเรื่องน่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่วันนี้เพื่อนผมทั้งแก๊ง ไค และเซฮุนดันมาที่บ้าน เยี่ยม!



และแล้วท่านผู้ชมทุกคนก็หัวเราะตลกคาเฟ่อย่างผม ต่อไป.....อีกนาน





ผมหอบเอาน้ำตา และเศษหน้าหนีขึ้นบ้าน ไม่อยู่มันแล้วข้างล่างนั่น ขำกันขนาดนั้น ไปสูดแก๊ซหัวเราะกันมาจากไหน ผมล้มตัวนอนลงกับเตียงสีน้ำเงินของตัวเอง ตาก็มองเหม่อไปที่เพดาน พลางนึกถึงตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมกลายเป็นตลกคาเฟ่ คนอะไร หล่ออย่างกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย คิ้วหนา ดวงตาคมกริบ แค่โดนจ้องก็ละลายแล้ว จมูกโด่งรับกับริมฝีปากได้รูปนั่น โห ทำไมพระเจ้าสรรค์สร้างเขามาให้.....หล่ออย่างนี้ล่ะครับ



“คนบ้าอะไร โคตรดูดีเลยอะ” ผมเพ้อกับตัวเองเบาๆ ใบหน้าเคลิบเคลิ้มราวกับเด็กสาวช่างฝัน แต่แน่ล่ะผมไม่ใช่เด็กสาว แต่ผมเป็นเด็กหนุ่ม ให้ตายเถอะ ทำไมพระเจ้าไม่สร้างผมเป็นเด็กผู้หญิงนะ เฮ้อออ คิดแล้วก็นึกอิจฉาเด็กผู้หญิงที่นั่งเขียนจดหมายให้คริส เขาอยากจะบรรยายความรัก ความเพ้อฝันของเขายังไงก็ได้ ก็มันเป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงจะเพ้อไม่ใช่หรอ แต่ผมนี่สิ เกิดเขียนจดหมายไปหาบ้าง เขาคงจะตกใจแย่ ที่เห็นเด็กผู้ชายมานั่งพร่ำเพ้อถึงตัวเอง เอ๊ะ เดี๋ยวนะ จดหมายหรอ จดหมาย!



“ใช่ ปิ้งป่องงง เขียนจดหมายให้เขา!!!” ลืมคิดไปเลย! ถ้าผมเขียนจดหมายให้เขา แล้วก็ใช้นามแฝงซะ ทีนี้ก็ตัดปัญหาบ้าๆนั่นได้แล้ว เสร็จแล้วผมก็เอาจดหมายตัวเองไปส่งพร้อมกับของคนอื่นที่บ้านเขาทุกวัน แค่นี้ก็บิงโกแล้ว!!!




“บิงโก บิงโก บิงโก” ผมเด้งตัวเองขึ้นมาจากเตียง ตรงดิ่งไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ หยิบกระดาษสีฟ้าอ่อนขึ้นมา ก่อนจะจรดปากกาเขียนจดหมายถึงคริส ผมนั่งเขียนจดหมายจนเวลาล่วงเลยเข้าไปถึงเที่ยงคืน ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะเขียนอะไรเยอะแยะ พอเขียนเสร็จผมก็ไปรื้อหาซองจดหมายที่คิดว่าดูดีที่สุดออกมา ค่อยๆบรรจงพับจดหมายสอดใส่ซอง ผนึกอย่างดีก่อนจะติดสแตมป์ ผมวางซองลงกลางโต๊ะ มองผลงานของตัวเอง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนคนบ้าอยู่อีกสักพักก่อนจะยอมเดินไปเข้านอน




----------------------------------------------------



เช้าวันใหม่ อากาศสดใส ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆฝน ผมเดินเข้ามาในออฟฟิสตั้งแต่ยังไม่เปิดทำการ ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตัวเอง ฟุบหน้าลงกับโต๊ะในหัวก็พลางคิดถึงใครบางคน วันนี้ผมจะได้เจอคริสอีกมั้ยนะ ขอให้ได้เจอเถอะ แล้วถ้าเจอผมจะทำยังไงดีนะ จะพูดอะไรดี จะทำท่ายังไงดีนะ อ่า ผมว่าทำอะไรก็ได้ที่ไม่สุ่มเสี่ยงต่อการหน้าแตกอีกเป็นโอเคล่ะ ให้แตกอีกรอบคงไม่ไหวแล้วนะ ขอดูดีในสายตาเขามั่งเถอะ นี่วันนี้ก็อุส่าใส่สเว็ตเตอร์สีฟ้าส้ม กับเกงยีนส์ตัวเก่งมาเลยนะเนี่ย เขาเห็นแล้วจะชอบมั้ยนะ ว่าแต่ ที่คิดมานี่ ยังไม่รู้เลยแฮะ ว่าเขาชอบผู้ชายหรือผู้หญิง สาธุ ขอให้ชอบผู้ชายทีเถอะ.....




ผมปล่อยให้ตัวเองฟุ้งซ่านเรื่องของคริสไปตลอดเวลาที่ทำงานในครึ่งเช้า พอตกบ่ายผมก็ยิ่งกระตือรือร้น ขอคุณลุงไปส่งจดหมายเร็วกว่าเวลาปกติ และแน่นอน ปาร์คชานยอลขอซะอย่าง คุณลุงก็ไม่ให้น่ะสิ!!! คุณลุงบอกปฎิเสธด้วยเหตุผลที่ว่าเราจะต้องทำงานตามเวลาที่กำหนดไว้ โด่ว ตอนเปิดออฟฟิสเปิดเรทไปตั้งสิบห้านาที ตรงเวลายังไงครับ ลุง หึ่ย!!!




ผมนั่งรอเวลาไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็ได้ฤกษ์งามยามดีไปส่งจดหมายสักที วันนี้ผมไม่พลาดลืมแผนที่อีกแล้วครับ เก็บพับมันอย่างดี พกไว้ในกระเป๋าสตางค์เลยล่ะ ผมรีบขับรถตรงดิ่งไปที่บ้านของคริสทันที ถึงแม้ว่าจะต้องไปส่งจดหมายบ้านหลังอื่นก่อนก็เถอะ ก็นะ.....ดาราคิวงานมันเยอะ ไปเร็วๆ เผื่อจะได้เจออีก......มั้ง



“บิงโก!” ผมร้องดีใจออกมาเสียงดังเมื่อพบว่ารถยุโรปคนนั้นยังจอดอยู่ที่โรงจอดรถ แสดงว่าเจ้าของมันก็ต้องอยู่บ้านสิน่า นับว่าผมนี่ฉลาดจริงๆที่เลือกมาส่งที่นี้ก่อน




ผมตั้งท่าเตรียมจะกดกริ่ง แต่เพิ่งคิดได้ว่าวันนี้ไม่มีพัสดุนี่หว่า จะกดไปทำป๊ะป๋าอะไร โห พระเจ้าครับ ทำไมไม่ช่วยผมอีกนิดเล่า หึ่ย!!! ไม่ใจเลย อย่างงี้ก็อดเจอหน้ากันพอดี แต่ไม่เป็นไร ปาร์คชานยอลคนฉลาด แค่นี้ไม่หมดหนทางหรอก หึหึ



“จดหมายมาส่งแล้วครับบบบ” ผมตะโกนออกไปด้วยเสียงไม่เบานัก จนเกรงว่าอาจจะโดนข้างบ้านเขวี้ยงรองเท้ามาให้ได้ เสียงเราก็ใช่ว่าจะเพราะพริ้งเสนาะหูน่ะนะ ผมยืนรอคริสด้วยดวงตาเปี่ยมความหวังสุดๆ แล้วไม่นานเจ้าของบ้านก็ออกมา เขาเดินออกมาด้วยท่าทีสบายๆ แต่ โอ๊ะ!!! นั่นๆๆ เสื่อนั่นนน!!!.....



“เสื้อเหมือนกันเลยนะ ต่างกัน…..แค่สี” เขาทักขึ้นก่อน ณ จุดนี้ๆ สติผมได้หลุดรอยไปแล้วครับ ย๊ากกกกกก พรหมลิขิตชัดๆ



“คุณโพสแมนครับ” มือใหญ่โบกไปโบกมาตรงหน้าผม ผมเรียกสติตัวเองกลับคืนมา ก่อนจะหุบยิ้ม พยายามปรับสีหน้าให้เหมือนคนปกติมากที่สุด ก่อนจะยื่นจดหมายนับสิบฉบับ(ที่หนึ่งในนั้นมีของผมด้วย)ให้กับร่างสูง คริสโค้งศรีษะน้อยๆเป็นเชิงขอบคุณพร้อมกับยื่นมือมารับจดหมาย แล้วก็เดินเข้าบ้านไป



“เยส!!!” ผมร้องออกมาอย่างดีใจสุดๆ จนสุนัขข้างบ้านหันมามองหน้า



“ไม่เคยเห็นคนมีความสุขหรอไอ้หมา ฮ่าๆ ไปส่งจดหมายต่อกันเถอะ ชานยอล” แล้วผมก็ขึ้นคร่อมฟีโน่คันน้อย บึ่งขับมันออกไปทำงานต่อด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ผู้คนที่เห็นผมต้องหัวเราะชอบใจใหญ่ ก็รอยยิ้มของปาร์คชานยอลน่ะ.......มันสดใสที่สุดเลยน่ะสิ



คริสที่เดินเข้ามาในบ้าน หยิบจดหมายจากแฟนคลับขึ้นดูแบบผ่านๆตา เขายังไม่คิดจะอ่านมันทั้งหมดตอนนี้หรอก อุส่าห์ได้หยุดทั้งที เขาขอนอนเล่นให้เต็มที่ก่อน แต่แล้วตาคมก็ต้องสะดุดเข้ากับซองจดหมายสีน้ำเงินเข้มที่สแตมป์ไม่ได้ถูกปั้มตราไปรษณีย์ เขายกยิ้มน้อยๆ นึกขันที่เจ้าของจดหมายนึกเลินเล่อทำให้เขาจับได้ซะนี่



“ไม่เนียนเลยนะ คุณโพสแมน” คริสตัดซอง คลี่กระดาษออก เปิดอ่านมันไปเรื่อยๆจนจบ มันเป็นจดหมายที่ทำให้เขายิ้มได้ตลอดการอ่าน ไม่รู้ว่าเพราะจดหมายน่ารัก หรือคนเขียนน่ารักกว่ากันแน่........




-----------------------------------------------------




ตลอดวันชานยอลก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จนคุณลุงแทบจะเอาหลานตัวเองไปรพ.บ้า พอเลิกงานร่างโปร่งก็รีบกลับบ้าน ทานข้าว ดูหนังเสร็จก็ตรงขึ้นห้อง นั่งเขียนจดหมายอีก จนเวลาล่วงเลยไปจนเที่ยงคืน



“เที่ยงคืนอีกละ รู้งี้ไม่เผลอดูหนังดีกว่า” ผมนึกบ่นตัวเองที่เผลอไปดูหนังจนลืมเวลาซะได้นี่ พอติดสแตมป์เสร็จผมก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง ในหัวก็คิดประมวลเหตุการณ์วันนี้ หลังจากนั้นก็คิดนู่นคิดนี่เรื่อยไปจนสะดุดกึกที่ตู้จดหมายสนิมเขรอะนั่น มันไม่น่าจะเป็นแบบนั้นเลยแฮะ บ้านสวยแต่ตู้จดหมายนี่เก๊าเก่า เดี๋ยวแฟนคลับมาเห็นจะนินทาเอาได้นะ สงสัยเราจะต้องทำอะไรให้คริสซะแล้วแฮะ ........










เช้าวันรุ่งขึ้น ที่บ้านผมลมแทบจับ เมื่อเห็นลูกชายตัวเองทำตัวเป็นช่างทาสี จะอะไรซะอีกล่ะ ก็ผมเล่นใส่ชุดเอี๊ยมยีนส์สีน้ำเงินเข้ม(ผมเลือกสีนี้เพราะคิดว่าคริสน่าจะชอบสีนี้ สังเกตุจากสีบ้านน่ะครับ) ทับเสื้อเชิ้ตสีแดง ในมือถือกระป๋องสีสองสามกระป๋อง และแปรงทาสี พ่อถามผมว่าผมจะไปส่งจดหมายหรือผมจะไปทาสี ผมแค่ยิ้มกว้างตอบ แล้วก็เดินออกไปทำงาน



ผมขอคุณลุงลางานครึ่งเช้า เพื่อที่จะไปซ่อมตู้จดหมาย ฮ่ะฮ่ะ บ้าดีใช่มั้ยล่ะ นี่ล่ะนิสัยผม ผมซิ่งฟีโน่ไปตามถนนเส้นที่พาไปสู่บ้านของคริส ไม่นานก็มาถึง รถไม่อยู่ในโรงจอดรถแสดงว่าเจ้าของบ้านไม่อยู่ ที่นี่ก็เข้าทางปาร์คชานยอลสิ ผมจอดรถไว้ข้างๆรั้ว หอบเอากระป๋องสีมาวางตรงประตู จากนั้นก็เริ่มทาสี เนรมิตให้ตู้จดหมายกลับมาใหม่อีกครั้ง




ผมเลือกที่จะทาสีน้ำเงินเข้มให้กับมัน ตู้จดหมายจะได้เข้ากับตัวบ้าน ทาไปก็ยิ้มไปเมื่อนึกถึงตอนที่เจ้าของมันมาเห็น เขาจะชอบมั้ยนะ คงชอบล่ะ อุส่าห์มีคนมาทำให้แถมไม่คิดตังค์ทั้งทีนะ ผมทาต่อไปเรื่อยๆจนมันทั่วทั้งตู้เสร็จก็รอให้มันแห้ง จากนั้นก็จุ่มแปรงอีกอันลงในถังสีสีขาวก่อนจะเอามันมาทาไปทั้วทั้งฝ่ามือตัวเอง แล้วทาบมือลงบนตู้จดหมาย เกิดเป็นรอยมือสีขาวผาดเป็นลายบนตู้จดหมายสีน้ำเงินเข้ม ผมกอดอก ยืนมองผลงานตัวเองจนลืมไปว่ามือเลอะอยู่ สุดท้ายผมจึงได้ชุดเอี๊ยมเปื้อนลอยมือสีขาว ซุ่มซ่ามจริงๆ เสร็จผมก็รีบบึ่งรถกลับออฟฟิส เพราะอีกไม่นานจะได้เวลาส่งจดหมายแล้ว




คริสที่ยืนมองชานยอลถึงกับหลุดขำให้กับความเอ๋อของร่างโปร่ง นี่แค่ไม่เห็นรถก็คิดว่าเขาไม่อยู่บ้านแล้วหรอเนี่ย ร่างสูงเดินออกมาจากบ้าน ขายาวพาร่างนั้นมายืนอยู่นอกรั้ว ตาคมมองไปที่ตู้จดหมาย ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา



“น่ารักจริงๆ”




-----------------------------------------------



หลังจากผมกลับมาถึงออฟฟิส ผมก็นั่งทำงานนู่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย (ความจริงผมป่วนไปเรื่อยมากกว่า) รอให้ถึงเวลาไปส่งจดหมายสักที เมื่อถึงเวลาคุณลุงก็เดินมาหา พร้อมกับถุงใส่จดหมายขนาดกลาง ผมยิ้มร่า หอบเอาถุงไปวางไว้ที่เบาะมอไซด์ ก่อนจะขับออกไปส่งจดหมายอย่างเช่นที่เคยทำมา



ผมส่งจดหมายไปตามบ้านเรื่อยๆ เจอเจ้าของบ้านก็ส่งยิ้มกว้างให้เขา จนเขาถึงกับหัวเราะในความบ้าของผม ฮ่ะฮ่ะ คนมันมีความสุขนี่จะให้หน้าบึ้งได้ยังไงกันละ ยิ่งใกล้ถึงบ้านคริสผมก็ยิ่งยิ้มร่า ขนาดว่าน้องหมาน้อยยังต้องเหลียวมองเลยทีเดียว ผมพูดจริงๆนะเนี่ย ผมจอดรถมอไซด์ไว้หน้าบ้านคริส ก่อนจะกระโดดลงมาจากเบาะ เสียบจดหมายไว้ที่ตู้ มองดูผลงานของตัวเองแล้วก็อดมีความสุขไม่ได้ ไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านมาเห็นรึยัง ถ้าเห็นแล้วเขาจะชอบมั้ยนะ ว่าแต่นี่เจ้าของบ้านอยู่รึเปล่า ผมชะโงกหน้าไปดูที่โรงจอดรถ ปรากฎว่ารถคันหรูกลับเข้ามาจอดในโรงรถแล้ว แสดงว่าเจ้าของบ้านต้องอยู่สิ แล้วไหนล่ะ ผมแกล้งเดินไปเดินมา เผื่อคริสจะเดินออกมาบ้าง โห นี่เขาไม่คิดจะมาเปิดเอาจดหมายหน่อยรึไงเนี่ย ยืนรอนานแล้วน่ะ และแล้วผมก็เห็นประตูเปิดออก ร่างสูงที่ผมอยากเจอเดินออกมา วันนี้เขาใส่เสื้อยืดสีขาวสวมทับด้วยเสื้อคลุมสีกรมท่า ผมรีบเดินกลับไปที่รถ ตั้งท่าจะสตาร์ทออก เอาจริงๆเลยนะ ผมเขินชะมัด ที่ต้องเจอกับเขาตรงๆ แต่พอไม่เห็นหน้าก็ดันอยากเจอซะนี่


“เดี๋ยวครับ คุณโพสแมน” ผมหันหลังกลับไปตามเสียงเรียก คนเขามีชื่อนะ เรียก โพส โป๊ตๆ อยู่ได้



“ครับ คุณคริส”



“จะเป็นไรมั้ยถ้าผมจะฝากให้คุณส่งจดหมายอันนี้ให้หน่อย” คริสยื่นซองจดหมายอันหนึ่งมาให้ผม ซองของมันเป็นแบบเดียวกับที่ผมส่งให้เขา ผมรับมันมาอย่างงงๆ ไม่รู้หรอกว่าบุรุษไปรษณีย์ต้องทำอะไรงี้มั้ย แต่ก็......รับๆไปเถอะ



“ขอบคุณครับ” ผมโค้งศรีษะให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะสตาร์ทรถออก



สงสัยจังว่าเขาส่งจดหมายให้เขากันนะ ขอดูหน้าซองหน่อยแล้วกัน ผมหยิบซองจดหมายขึ้นดู พลิกหน้าพลิกหลัง ด้านหลังมันเขียนว่า Thank you for the postman ตรงที่อยู่ผู้รับเป็นชื่อ.........





...............................................

http://0ctogus.forumth.com

2thank you to the post man [Part 1] Empty Re: thank you to the post man [Part 1] Wed Jan 02, 2013 7:14 pm

ShiShiz_



อ๊ายยยยย คุณโพสแมนน่ารักมากจริงๆ
มีพูดกับหมาด้วย 555555
อ่านไปยิ้มไป แก้มจะแตกอยู่แล้นนนน ^+++++++^

3thank you to the post man [Part 1] Empty Re: thank you to the post man [Part 1] Mon Jan 21, 2013 1:53 am

BunnnY


ผู้มาเยือน

อ้ายยยยยย อายแทนยอลลี่เลยอ่ะ หน้าแตกแต่ก็น่ารัก
กลับมาอ่านอีกรอบ ก็ยิ้มเหมือนเดิม คริคริ

4thank you to the post man [Part 1] Empty Re: thank you to the post man [Part 1] Thu Jan 31, 2013 5:29 am

ing_kano


ผู้มาเยือน

โหย ยอลลี่จะน่ารักและเอ๋อไปไหนเนี่ย

เป็นไปได้ไงที่จะไม่รู้จักดาราดังอย่างคริส

มันน่าเอาน้องยอลไปเก็บจริงๆ

แต่ถ้าคุณโพสแมนจะน่ารักได้ขนาดนี้

เฮียคริสไม่หลงรักน้องบ้างก็ให้มันรู้ไปจิ 555

5thank you to the post man [Part 1] Empty Re: thank you to the post man [Part 1] Thu Mar 14, 2013 3:05 am

Wisakha01



น่าฮักอย่างแฮง!!! ยอล~~~~ albino albino
เฮียบ่อฮัก ให้มันรู้ไปเลยจิ

6thank you to the post man [Part 1] Empty Re: thank you to the post man [Part 1] Thu Mar 21, 2013 3:28 pm

poy_honey



คริสแบบใสๆ(?)

น่ารักไปอีกแบบ

7thank you to the post man [Part 1] Empty Re: thank you to the post man [Part 1] Sat Jun 08, 2013 9:05 pm

tip_ky


ผู้มาเยือน

อ่านไปยิ้มไป น่ารักมากๆๆๆๆ ชอบๆๆๆๆๆ Very Happy

8thank you to the post man [Part 1] Empty Re: thank you to the post man [Part 1] Sun Jun 16, 2013 12:59 am

BenDobi

BenDobi

ยิ่งอ่าน ยิ่งเขินแทน อร๊ายยยยยยย >////< มุ้งมิ้งมากชานลดา 555555

9thank you to the post man [Part 1] Empty Re: thank you to the post man [Part 1] Tue Jun 18, 2013 10:58 pm

HANAMI

HANAMI

น่ารักมากกกกกก คุณโพสแมนนนนนน

เอ๋อไปหน่อย แต่น่่ารัก 5555555555555555

10thank you to the post man [Part 1] Empty Re: thank you to the post man [Part 1] Sun Oct 12, 2014 10:47 pm

theparan

theparan

คุณโพสแม๊นนนน น่ารักม๊ากกกกกก
อ่านแล้วนี่ยิ้มตามเลย น่ารักที่สุด
แล้วแบบไปทาสีตุ้รับจดหมายเค้าแบบไม่ถามก่อนเลยนะ ฮ่าาา

คุณไครส์ เอ๊ยคุณคริส เห็นความน่ารักของคุณโพสแมนแล้ว คงชอบเหมือนฉันสินะ ฮ่าาา

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ