0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

Part 9 whispers in the darkness

+2
plengklui
0ctogus
6 posters

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

1Part 9 whispers in the darkness Empty Part 9 whispers in the darkness Fri Dec 14, 2012 9:23 am

0ctogus

0ctogus
Admin




ร่างโปร่งที่นอนอยู่บนเตียงมองคราบเลือด คราบน้ำรักที่เปรอะเปื้อนบนผ้าปูที่นอนด้วยความโกรธผสมปนเปไปกับความเศร้า เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองจะต้องรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ในเมื่อเขาทั้งคู่ก็ไม่ได้รักกัน สำหรับผู้ชายการมีอะไรกันโดยไม่ได้รักกันมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกไม่ใช่หรอ มันเป็นเรื่องของอารมณ์ไม่ใช่หรอกหรอ ชานยอลจำได้ดีถึงความโหดร้าย ความรุนแรงของคริส ทุกสิ่ง ทุกคำพูดที่ออกมาล้วนเฉือดเฉือนและเต็มไปด้วยการดูถูก........... เขาควรจะโกรธ เกลียดผู้ชายคนนั้น ใช่!!! เขาควรจะเกลียดให้ไปถึงขั้วหัวใจ แต่ทำไมกัน!!!......ความโกรธของเขาต้องมาแบ่งพื้นที่กับความเสียใจ เขาจะร้องไห้ทำไม จะเสียใจไปทำไม











ชานยอลยกมือขึ้นมากุมหัวใจตัวเอง ร่างโปร่งร้องไห้จนตัวโยน เจ็บปวดไปหมดทั้งร่างกายและหัวใจ อยากจะโกรธอยากจะเกลียดคนคนนั้นให้ถึงที่สุด เท่าที่คนคนหนึ่งจะเกลียดใครได้ แต่สุดท้ายเมื่อคิดถึงตอนมีอะไรกันน้ำตามันก็พลันจะไหล ความเสียใจมันก็เข้ามาทักทาย ยิ่งตอนที่คริสบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันก็แค่ความต้องการ และแค่อยากจะเอาชนะเท่านั้น เขาก็ยิ่งร้อง ตอนที่มีอะไรกัน ร่างสูงไม่แม้แต่จะพูดชื่อของเขาด้วยซ้ำ ในขณะที่เขาพยายามแล้วพยายามเล่าที่จะไม่เอ่ยชื่ออีกฝ่ายออกมา มันไม่ยุติธรรมเลย มันไม่ถูกต้องเลยที่เขาจะมาร้องไห้เสียใจแบบนี้ ชานยอลนายต้องโกรธเขาสิ นายต้องเกลียดเขาสิ ปาร์คชานยอล!! นายจะต้องเกลียดเขาให้ได้ !!! หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้!!!







“นายต้องเกลียดเขาสิ ชานยอล นายต้องเกลียดเขา” ร่างโปร่งพร่ำบอกกับตัวเอง แต่หัวใจของเขาไม่แยแสกับคำพูดเหล่านั้นเลยสักนิด





“คุณทำอะไรกับผม คุณทำให้ผมสับสนแบบนี้ทำไม คุณทำอะไรกับผม คุณคริส!!!” อยากจะโมโห อยากจะอาละวาด ตะโกนด่าอีกคนให้เจ็บแสบ แต่สุดท้าย.....กลับนอนร้องไห้เสียใจอยู่คนเดียว



“อย่าเล่นตลกกับหัวใจผมเลย” ชานยอลเอ่ยพร้อมน้ำตา บางครั้งเขาก็สงสัยว่าคริสคิดยังไงกับเขากันแน่ ดีก็ดีจนน่าใจหาย ร้ายก็ร้ายเสียจนน่ากลัว ร่างโปร่งจำรสขมปร่าของจูบแรกที่ร่างสูงมอบให้ได้ดี มันเต็มไปด้วยกลิ่นคราวเลือดและความรุนแรง แต่พอจูบครั้งที่สองร่างสูงกลับจูบเขาอย่างอ่อนหวาน เหตการณ์ในห้องน้ำร่างสูงอ่อนโยน ค่อยเป็นค่อยไปกับเขามากเสียจนเขาเผลอไผลไปกับสัมผัส แต่เหตุการณ์เมื่อบ่ายกลับทำเขาสับสน คริสทำเหมือนกับเขาไม่มีหัวใจ ไม่มีความรู้สึก..........จริงๆแล้วร่างสูงเป็นคนยังไงกันนะ อ่อนโยนอยู่ภายใน หรือ เย็นชาจากขั้วหัวใจ





“จริงๆคุณเป็นคนแบบไหนกัน”









--------------------------------------------------











ตอนนี้เป็นเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่คริสก็ยังไม่กลับมา ชานยอลพยายามยันตัวลุกขึ้นยืนไปเปิดประตูให้คุณยายแม่บ้านที่ยกอาหารมาให้เขา เป็นเวลาอยู่นานทีเดียวกว่าที่เขาจะลุกไปถึงประตู คุณยายแม่บ้านยิ้มให้เขาน้อยๆก่อนจะบอกกับเขาว่าวันนี้มีเมนูอาหารอะไร ร่างโปร่งยิ้มบางๆตอบกลับไป



“วันนี้คุณชานยอลไม่ร่าเริงเลยนะคะ”



“ผม...”



“ถ้าเป็นเรื่องคุณคริส ยายแนะนำว่าอย่าใส่ใจเลย เธอเป็นของเธออย่างนั้นล่ะค่ะ”



“คุณ.....คริส” เมื่อได้ยินชื่อความโกรธและน้ำตามันก็เข้ามา



“คุณคริสเธอจะดีถ้าคุณชานยอลไม่ดื้อ ถ้าคุณชานยอลดื้อเธอก็จะเป็นแบบนั้น อย่าสนใจเลย ที่คุณคริสทำทั้งหมดก็เพราะโมโห” คุณยายแม่บ้านพูดไปพลางก็จัดของไปพลาง ร่างโปร่งทวนคำพูดคุณยายในใจ........ที่ทำไปทั้งหมดเพราะโมโห เขาควรจะโกรธ เกลียด ร่างสูงหรือจะเสียใจดีกับคำพูดนี้...ที่ทำ เพราะ โมโห งั้นหรอ



“คุณยายพูดเหมือนสิ่งที่เขาทำมันน่าให้อภัยได้ คุณยายทนเขาไปได้ยังไง”



“ผูกพันมั้งคะ ยายอยู่ที่นี่มานานแล้ว”



“โมโหก็ลงโทษแบบนั้น นี่ปกติเขาลงโทษคนแบบนี้ตลอดเลยหรอ”ประโยคสุดท้ายชานยอลพูดกับตัวเองเบาๆ



“แบบที่ลงโทษกับคุณชานยอลนี่คนเดียวค่ะ”



“ผมควรดีใจมั้ย”ชานยอลหัวเราะสมเพชตัวเอง



“ดีใจสิคะ ทานข้าวได้แล้วค่ะคุณชานยอล คุณคริสมาเห็นคุณยังไม่กิน เดี๋ยวจะโกรธอีก” ร่างโปร่งพยักหน้าก่อนจะจัดการกับอาหารตัวเอง ชานยอลใช้เวลานานสักพักกว่าจะกินอาหารจนหมด ร่างโปร่งกินไปก็เหม่อลอยคิดนู่นคิดนี่ไปด้วย จนคุณยายแม่บ้านส่ายหน้า –ถ้าคุณคริสมาเห็นคงไม่ชอบใจแน่- หลังจากชานยอลทานเสร็จคุณยายแม่บ้านก็ยื่นยาเม็ดเล็กมาให้ ร่างโปร่งมาด้วยความงงงวย



“ครับ?”



“ยาแก้ปวดน่ะค่ะ”



“หื้ม ขอบคุณครับ” ชานยอลมองเม็ดยาในมือ ทำไมต้นเหตุไม่มาให้เขาล่ะ อ้อ ลืมไป เขาไม่ใช่คนสำคัญอะไรนี่



“ แล้วก็นี่ยาทาค่ะ คุณคริสสั่งให้เอามาให้น่ะค่ะ ”



“คุณคริส!?” ชานยอลขมวดคิ้ว



“ค่ะ รีบทานเถอะค่ะ ยายขอตัวก่อนนะคะ” คุณยายโค้งศรีษะเป็นเชิงขอตัว ชานยอลมองเม็ดยาในมืองงๆ เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง อย่างคุณคริสเนี่ยนะ ที่เอามาให้เขา มันแทบ....ไม่น่าเชื่อ ชานยอลอยู่ในภวังค์ตัวเองได้อยู่เดี๋ยวเดียวก็ต้องถูกดึงสติกลับมาเมื่อคุณยายแม่บ้านเตรียมจะลุกออกจากห้องไป ร่างโปร่งพยายามรีบลุกเดินมาส่งหน้าประตู



“วันหลังไม่ต้องมาส่งยายหรอกค่ะคุณชานยอล” คุณยายว่า ชานยอลที่กำลังจะตอบบังเอิญสายตาไปสะดุดเข้ากับใครบางคน ที่ยืนอยู่แถวๆนั้น



“คุณยายครับ ฝากบอกเจ้านายคุณยายด้วยว่า ผมไม่กิน ไม่ทายาของเขาหรอกครับ ขอบคุณ การทำแค่นี้ไม่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นหรอก” ชานยอลพูดกระทบอีกคนที่ยืนพิงหลังเสาร์อยู่ ร่างสูงหันมามองหน้าเขาทันที ไม่ต้องรอให้คุณยายพูดอะไรต่อ คริสก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับลากชานยอลลงกับเตียง ร่างโปร่งนิ้วหน้าด้วยความเจ็บปวด



“จะโยนผมลงมาทำไม” ชานยอลจับสะโพกตัวเอง ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด



“คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าพูดจากับฉันอย่างนั้น เมื่อบ่ายนี่ยังไม่เข็ดอีกรึไง” ร่างสูงตวาด ชานยอลสะดุ้งด้วยความตกใจ อีกแล้ว….อีกแล้วสินะที่โหดร้ายกับเขา



“......เป็นใครก็ได้ที่คุณไม่คิดจะสนใจ” ชานยอลพูดเสียงเบา น้ำตาเริ่มหน่วงที่เบ้าตา



“หึ ร้องไห้ ร้องไห้อีกแล้วงั้นหรอ” ร่างสูงแสยะยิ้ม ชานยอลมองเขาด้วยสายตาทั้งโกรธทั้งเจ็บปวด คริสกระชากชานยอลเข้ามาประชิดตัว



“โอ๊ยยย ผมเจ็บอยู่นะ”



“เลิกทำปากเก่งแล้วกินๆยานั่นไปซะ” คริสชี้ไปที่แก้วยาที่วางอยู่บนโต๊ะ



“ผมไม่กิน ทำแค่นี้แล้วผมจะรู้สึกดี ลืมสิ่งที่คุณทำไปได้หรอ คุณไม่ใช่คนที่ถูกกระทำนี่ คุณสนใจด้วยหรอว่าผมจะรู้สึกยังไง จะเจ็บจะร้องไห้ยังไง คุณจะสนใจไปทำไม คุณมันก็ดีแต่สั่ง ตวาด คุณคิดบ้างมั้ยว่าผม.....ผม....ผมก็เสียใจเป็น” อีกแล้ว อีกแล้วที่น้ำตาหยดนี้ไหลริน อ่อนแอจริงๆนะชานยอล นายมันน่าสมเพชจริงๆ อยากจะด่าเขา อยากจะทำให้เขาเจ็บ แต่สุดท้ายกลับเป็นตัวเองที่ร้องไห้ นายมันอ่อนแอจริงๆ



“หยุดร้องไห้!!! ฉันเกลียดน้ำตาของนาย!!!” คริสตวาดลั่น



“........คุณมัน.......ก็เกลียดผมทั้งตัวนั่นแหละ” ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง ชานยอลเม้มปากแน่นพยายามไม่สะอื้นออกมา



“เลิกทำตัวงี่เง่า เลิกเถียง แล้วไปกินยาสักที” คริสออกคำสั่ง



“ผมไม่กิน”



“ก็ได้ นายเลือกเองนะ” คริสหยิบยาเข้าปาก ยกน้ำขึ้นดื่ม ก่อนจะประกบปากจูบชานยอล ลิ้นร้อนดันเม็ดยาเข้าไปในปากอีกฝ่าย ชานยอลที่พยายามต่อต้านถึงกับสำลักเมื่อร่างสูงถอนริมฝีปากออก



“แฮ่ก…..แฮ่ก.....” ชานยอลสำลักไอจนตัวโยน ร่างโปร่งทรุดตัวนั่งลงกับเตียง มือเรียวกุมหน้าท้องตัวเองเอาไว้ อาจเพราะเขาคิดมากอย่างหนัก ทำให้ร่างกายเครียดลงกระเพาะ ประกอบกับการสำลักไอมากๆ ทำให้ชานยอลอยากคลื่นไส้



“ทำไม แค่จูบแค่นี้ถึงกับอ้วกเลยรึไง” ชานยอลเปรยตาขึ้นมองร่างสูงที่ยืนค้ำศรีษะเขาอยู่ ไม่ทันที่ร่างโปร่งจะตอบอะไรกลับไปก็ต้องรีบวิ่งไปอาเจียนที่ห้องน้ำเสียก่อน อาหารที่เพิ่งกินไปทั้งหมดถูกขับออกมาจนหมด ชานยอลผู้น่าสงสารได้แต่นั่งหอบหายใจอยู่หน้าห้องน้ำ ร่างสูงที่เดินตามมายืนกอดอกมองดูอย่างไม่คิดจะช่วยอะไร







ดวงตากลมโตที่แดงก่ำหันมาสบตาร่างสูงอย่างเจ็บปวด ตัวเองเป็นคนทำแท้ๆแต่กลับไม่ช่วยอะไรเขาเลยสักนิด ร่างโปร่งนั่งหอบ เอนตัวพิงกับประตูห้องน้ำอย่างเหนื่อยอ่อน





“เสร็จแล้วก็จัดการอ้วกตัวเองด้วย” ชานยอลหันมามองอย่างไม่คาดคิดว่าคนตรงหน้าจะพูดประโยคนี้กับเขา น้ำตาเม็ดใสร่วงเผาะอย่างห้ามไม่ได้ คริสไม่คิดจะมองดูเขาอีกต่อไป ร่างสูงชักเท้าเดินออกไปจากบริเวณทิ้งให้ชานยอลนั่งอยู่ตรงหน้ากับความเจ็บปวด





ร่างโปร่งค่อยๆยันตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เดินไปเปิดฝักบัวก่อนจะหยิบมันมาฉีดทำความสะอาดอ้วกที่เขาเพิ่งอาเจียนไป ทำไปก็ร้องไห้ไป อยากจะทำมันให้เสร็จเร็วๆแต่ความเจ็บปวดจากสะโพกก็เข้าขัดขวางเขาตลอด ร่างโปร่งเดินฉีดน้ำอยู่อย่างนั้นแต่ด้วยความที่ไม่ระวัง จังหวะที่เขากำลังจะเดินไปเก็บฝักบัวก็เสียหลักพลาดล้มจนแขนกระแทกกับขอบอ่างล้างหน้าเข้า ชานยอลเจ็บจนร้องไม่ออกได้แต่ทรุดตัวนั่งร้องไห้กับพื้นห้องน้ำ สองมือยกขึ้นปิดหน้าตัวเองก่อนจะปล่อยก้อนสะอื้นออกมา





ที่ร้องไห้ไม่ใช่เพราะเจ็บตัว แต่เพราะเจ็บที่หัวใจ



ที่ไม่อยากคร่ำครวญ เพราะไม่อยากดูน่าสมเพช



ที่โกรธ ไม่ใช่โกรธอีกคน แต่โกรธตัวเอง ที่เกลียดคนใจร้ายไม่ลงสักที......









ชานยอลนั่งร้องไห้กับพื้นห้องน้ำอยู่นานจนร่างสูงเริ่มผิดสังเกตจึงเดินเข้ามาดู คริสกอดอกยืนพิงขอบประตูมองดูร่างโปร่งที่เอาแต่นั่งร้องไห้กับพื้น ร่างสูงยืนมองเงียบๆอยู่เป็นเวลานานแต่ชานยอลก็ยังคงไม่รู้การมีอยู่ของเขา สุดท้ายคริสจึงเคาะประตูสองสามทีเรียกสติอีกคน ชานยอลเงยหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตาขึ้นมองคริส..........รู้แล้วๆ รู้แล้วว่าจะมาเร่งให้ออกไป ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนเต็มความสูงจนลืมไปว่าเขากำลังเจ็บสะโพกอยู่ ชานยอลกัดฟันพยายามเดินออกไป ขณะที่กำลังจะเดินผ่านร่างสูง คริสก็จับแขนเข้าไว้เสียก่อน ชานยอลหันมามองเชิงไม่เข้าใจ ร่างสูงไม่ได้ตอบอะไรเขาแต่ช้อนตัวเขาขึ้น อุ้มไปวางไว้ที่เตียง





“กว่าจะเดินถึง ฉันรำคาญจะดู” ชานยอลหน้าหมองลงไปทันทีเมื่อคริสพูดจบ ทำอะไรก็ขวางหูขวางตาสินะ ร่างโปร่งเลือกที่จะนั่งกอดเข่าเงียบๆอยู่บนเตียงแทนที่จะพูดอะไรออกมา คริสขมวดคิ้วไม่พอใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ร่างสูงเลิกที่จะสนใจชานยอลแล้วไปนั่งอ่านหนังสือคนเดียว





ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ร่างสูงทำเหมือนคนที่นั่งอยู่บนเตียงไม่มีตัวตน เขาไม่แม้แต่จะหันไปเหลือบตาดูสักนิด ต่างจากอีกฝ่ายที่ลอบมองเขาอยู่เป็นระยะๆ ไม่รู้ว่าเพราะกลัวหรือเพราะอยากให้อีกคนสนใจตนบ้าง ทั้งคู่ยังคงไม่มีใครพูดออกมาจนความอึดอัดเข้าเกาะกุมจิตใจของชานยอล เขาอึดอัด ชานยอลไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาก็คงจะหาเรื่องคุยกับร่างสูงไปเรื่อย แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ร่างโปร่งทนกับความอึดอัดอยู่นานกว่าจะมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำลายมัน คริสลุกขึ้นยืนก่อนเดินไปเปิดประตู ลู่ฮานส่งยิ้มอารมณ์ดีให้กับร่างสูง ผิดกับอีกคนที่ยืนหน้ายักษ์ ทั้งคู่คุยกันอยู่สักพัก ระหว่างที่คุยลู่ฮานก็ลอบมองเข้ามาในห้องเป็นระยะจนคริสหงุดหงิด



“ลู่ฮาน”



“ห๊ะ หา โอเคๆ คืนนี้ฉันไม่ไปกินเลือดพวกนั้นนะ อยู่กับเซฮุนต้องอยู่ดูแลไอ้เด็กนั้น เอาแต่บ่นเจ็บแขนเจ็บขาทั้งวัน” ลู่ฮานร่ายยาว ปากก็ยกยิ้มเมื่อนึกถึงอีกคนที่อยู่ที่ห้อง



“อืม แค่นี้ใช่มั้ย”



“อารมณ์ไม่ดีหรอคริส ทะเลาะกับชานยอล?”



“ไม่ใช่ธุระอะไรของนาย” ร่างสูงชักสีหน้า เขาไม่ชอบให้ใครยุ่งเรื่องส่วนตัว



“.....ก็แค่ถามดูน่ะ ชานยอลเป็นยังไงบ้าง” ลู่ฮานถามเสียงเบา กลัวว่าคริสจะดุด่าเขาอีกถ้าถามมากเกินไป



“ก็ยังไม่ตาย”



“ดูท่านายจะอารมณ์ไม่ดีนะ ฉันไปดีกว่า” ลู่ฮานยิ้มแหยๆให้ คริสแค่พยักหน้ารับรู้ ร่างสูงตั้งท่าจะปิดประตูแต่ก็ต้องชะงักเพราะคำพูดของลู่ฮานซะก่อน



“อย่าทำให้รอยยิ้มของชานยอลหายไปนะคริส” ร่างสูงปิดประตู เขายืนนิ่งทบทวนที่ลู่ฮานพูดอยู่สักพัก



“นั่น.......คือสิ่งที่ฉันจะทำ” ร่างสูงเดินไปหาอีกคนที่นั่งขุดขู้อยู่บนเตียง เขาออกแรงดึงเพียงนิดเดียวชานยอลก็ลุกออกจากเตียงอย่างง่ายดาย



“คุณ จะพาผมไปไหน”



“อาบน้ำ” ชานยอลพยายามดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย แต่เขาก็แพ้แรงของแวมไพร์อยู่ดี สุดท้ายร่างของเขาก็ถูกพาเข้าห้องน้ำอยู่ดี เมื่อเข้ามาคริสก็ค่อยๆถอดเสื้อผ้าออกก่อนจะเดินลงไปแช่ในอ่างน้ำ ส่วนชานยอลก็เอาแต่นั่งพิงริมขอบอ่างอีกฝั่งไม่ยอมลงตามมาเสียที จนคริสเริ่มหงุดหงิด



“ลงมาสักที” ชานยอลส่ายหน้าไม่ยอมทำตาม แขนทั้งสองยกกอดอก เขากำลังดื้อและเริ่มแผลงฤทธิ์ใส่ร่างสูงแล้ว



“อย่าดื้อ ถอดเสื้อผ้าซะ” คริสเอ่ยเสียงเข้ม แต่ชานยอลก็ยังนั่งนิ่งอยู่ดี



“ฉันบอกให้ถอด” ร่างโปร่งเม้มปากแน่น ส่ายหน้าไปมา



“จะถอดเองหรือจะให้ฉันถอดให้ คงรู้นะว่าฉันคงไม่ทำแค่ถอด อยากเจอแบบตอนบ่ายมั้ย” อีกแล้ว อีกแล้วที่พูดจาทำร้ายจิตใจเขา จะมีบ้างมั้ยที่พูดกับเขาดีๆ ร่างโปร่งนิ่งไปสักพักจนคริสนึกโมโหเตรียมจะลุกมาถอดเสื้อผ้าให้



“มะ ไม่ต้อง ผมจะถอดแล้ว” ชานยอลพูดขัดก่อนที่คริสจะถึงตัว ร่างโปร่งค่อยๆถอดเสื้อผ้าเนื้อบางออก เผยให้เห็นเรือนร่างที่เต็มไปด้วยรอยแดงที่คริสทำไว้ ลำคอของชานยอลปรากฎแผลรอยกัด หน้าอกที่เคยน่าสัมผัสบัดนี้กลับเต็มไปด้วยแผลจากคมเขี้ยว บางแผลมีเลือดแห้งกรังติดอยู่ บางแผลก็ห้อเลือดเสียจนน่ากลัว สะโพกมนที่เคยขาวเนียนกลับเต็มไปด้วยรอยนิ้วมือของคริส ร่างโปร่งค่อยๆหย่อนขาลงไปในน้ำช้าๆ เขาเลือกที่จะนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับร่างสูง ไม่อยากจะอยู่ใกล้คนคนนี้ กลัวจะโดนทำร้ายไปมากกว่านี้





“มานั่งกับฉัน” ชานยอลส่ายหน้าปฎิเสธทันที ร่างสูงชักสีหน้าไม่พอใจ คริสดึงอีกคนเข้ามาใกล้ จัดท่าให้ชานยอลนั่งหันหน้าไปทางเดียวกับตน ชานยอลมองภาพในกระจกที่สะท้อนร่างบอบช้ำของตัวเองแล้วน้ำตาก็ไหล แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ทันสังเกตเลยด้วยซ้ำ คริสสวมกอดชานยอลจากด้านหลัง ปากหนาค่อยๆคลอเคลียอยู่กับลำคออีกฝ่าย แรงสั่นสะอื้นน้อยๆทำให้คริสละออกจากลำคอ ร่างสูงมองภาพที่สะท้อน ชานยอลกำลังร้องไห้ ดวงตากลมโตเอาแต่จับจ้องภาพสะท้อนในกระจก คริสไม่รู้ว่าที่ร้องเป็นเพราะเห็นรอยแผลบนร่างตัวเอง หรือเพราะรังเกียจสัมผัสของเขากันแน่





“ร้องทำไม” คริสกระซิบถามเสียงแผ่ว ชานยอลหันหน้าหนีไปอีกทาง ร่างโปร่งไม่ตอบอะไรเอาแต่ก้มหน้าร้องอยู่อย่างนั้น





“ฉันถามว่าร้องทำไม” ชานยอลเอาแต่นิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าคงไม่ตอบคำถามของเขา คริสก็เลิกถาม ร่างสูงหันมาสนใจคลอเคลียเรือนร่างอีกฝ่ายเช่นเดิม คริสเลียรอยแผลชานยอลเบาๆ ปากหนาพรมจูบซ้ำๆที่รอยแผลเดิม ชานยอลที่สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนหันมองอีกคนในกระจกอย่างไม่เข้าใจ ทำไมมันช่างต่างจากเมื่อบ่าย ดวงตาคมหันมาสบตาชานยอล ร่างโปร่งหลบตาหนีทันที คริสเชยคางอีกฝ่ายให้หันกลับมามองตนเหมือนเดิม เขาอยากจะให้ชานยอลเห็นทุกสิ่งที่เขากำลังจะทำ.......





คริสรั้งอีกคนเข้ามาในอ้อมกอดมากขึ้น ร่างโปร่งออกแรงขัดขืน แต่คริสก็ไม่สนใจ เขาส่งมือลูบไล้เรืองร่างชานยอลอย่างเบามือ ในขณะที่ริมฝีปากก็ค่อยๆเลื่อนลงจูบซับไปตามแผล ชานยอลค่อยๆสงบลงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้โหดร้ายกับตน ดวงตากลมที่เริ่มหยุดร้องไห้หันไปมองในกระจก คริสสบตาชานยอลเป็นระยะๆ ด้วยดวงตาคมที่ส่อความหมายอะไรบางอย่างที่ยากเกินกว่าจะเข้าใจ มันทั้งลึกซึ้งและลึกลับ ปากหนายังคงพรมจูบไปทั่วเรือนร่างของอีกฝ่ายราวกับกำลังจะปลอบโยนและขอโทษร่างในอ้อมกอดนี้ สัมผัสที่เบาหวิว อ่อนละมุนละไม เหมือนสายไหม ค่อยๆทำให้ชานยอลเคลิบเคลิ้ม เขาจะขอเผลอไผไปกับมันได้มั้ย จะขอคิดว่าร่างสูงกำลังปลอบเขาได้มั้ย.....







คริสดึงชานยอลเข้ามาใกล้เสียจนด้านหลังของชานยอลสัมผัสเข้ากับแก่นกายของตน ร่างโปร่งสะดุ้งโหยงตั้งท่าจะผละออกแต่ก็ถูกคริสดึงกลับเข้ามาเสียก่อน แล้วคราวนี้มันก็ใกล้ชิดกว่าเดิมเสียด้วย ชานยอลเริ่มนั่งตัวเกร็ง คริสยกยิ้มเมื่อเห็นปฎิกริยาอีกฝ่าย ร่างสูงเข้าคลอเคลียอยู่กับกลีบปากอิ่ม ดูดเม้มเบาๆแต่ไมได้สอดลิ้นเข้าไปลุกลาม คริสละออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ต่อจากนั้นก็เลื่อนใบหน้ามาซุกไซร้ลำคอขาว ร่างโปร่งนั่งนิ่งยอมให้อีกคนสัมผัสร่างตัวเองตามใจชอบ ชานยอลค่อยๆลับตาลงช้าๆให้ร่างสูงคลอเคลียกับเรือนร่างอยู่อย่างนั้น แต่แล้วชานยอลก็ต้องเบิกตาโพล่งเมื่อความเจ็บปวดที่คอแล่นเข้ามาในสมอง ภาพในกระจกสะท้อนภาพคริสกำลังฝังคมเขี้ยวลงไปที่คอของเขา........ที่ทำไปเมื่อกี้.......มันก็แค่..........ให้คนโง่ๆคนหนึ่งเคลิ้มกับสัมผัส หลงดีใจว่าร่างสูงคนนี้กำลังปลอบ ขอโทษตัวเองอยู่สินะ แต่สุดท้ายแล้ว.....ก็แค่ต้องการกินเลือดของเขาเท่านั้น







ชานยอลกั้นน้ำตาตัวเองเอาไว้ ริมฝีปากถูกเม้มเข้าหากันจนซีด เขานั่งนิ่งๆยอมให้คริสกินเลือดของเขาจนพอใจ ร่างสูงเลียชิมเลือดที่ปากแผลอย่างช้าๆก่อนจะจูบซับเลือดเบาๆ ไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไรมากกว่านั้น ร่างโปร่งก็ลุกขึ้นจากอ่าง หยิบเสื้อผ้าใส่ลวกๆ แม้เขาจะเจ็บสะโพกแค่ไหน แต่เขาก็ไม่อยากจะอยู่ที่นี้อีกต่อไป ชานยอลกลั้นใจเดินออกจากห้องไปโดยไม่สนใจคริสเลย







ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองเพดาน พยายามไม่ร้องไห้ออกมา นิ้วเรียวแตะเบาๆที่ปากแผล เลือดสีสดไหลติดนิ้วของเขา ร่างโปร่งมองมันอย่างสมเพช ก่อนจะกำมือแน่น เขาโกรธตัวเองที่หลงคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะใจดีกับเขาบ้าง ร่างโปร่งเค้นยิ้มสมเพชให้กับตัวเอง สมควรแล้วล่ะชานยอล ก็นายมันโง่เองที่หลงไปกับสัมผัสของเขา ที่โดนเขากัดก็เพราะนายโง่เอง ร่างโปร่งที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ตัวเองสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของร่างสูง



“ออกมาทำไม”



“......เรื่องของผม”



“ปาร์คชานยอล”



“จะทำอะไรผมอีกล่ะ” ชานยอลหันไปมอง ตาคมของคริสฉายแววไม่พอใจทันที



“จะกวนทำไม”



“.........คุณก็เอาแต่ทำร้ายผม จะให้ผมคิดยังไง” คริสคลายความโมโหลงไปบ้าง เขาเดินเข้ามาใกล้ชานยอลก่อนจะฉุดให้ร่างโปร่งนั่งลงกับเตียง



“จะทำอะไรผมอีก”



“อยู่เงียบๆบ้างได้มั้ย” คริสหยิบหลอดยาขึ้นมาก่อนจะป้ายไปที่นิ้วแกร่ง ชานยอลมองตามอย่างไม่เชื่อสายตา



“คุณจะ...”



“ฉันจะทายาให้” หัวใจของชานยอลสั่นไหวเล็กน้อยกับคำพูดของอีกฝ่าย แต่สุดท้ายมันก็ต้องหยุดเมื่อได้ยินประโยคต่อมา



“เวลามีอะไรแล้วเห็นแผล มันขัดใจฉัน” สุดท้ายก็......โหดร้ายเหมือนเดิม





มีบ้างมั้ยที่จะพูดจาดีๆกับเขา มีบางมั้ยที่จะเสียใจกับสิ่งที่ทำ มีบ้างมั้ยที่จะสนใจความรู้สึกคนฟัง มีบ้างมั้ยที่จะเอาใจใส่เขา......คำตอบมันคือ...ไม่มี



สิ่งที่ได้มา สิ่งที่หัวใจรับรู้ มีเพียงสิ่งเดียว คือ ความเย็นชา





ชานยอลปัดมือคริสที่พยายามจะทายาให้เขา ก่อนจะดึงหลอดยาไปจากมือร่างสูง



“ผมทาเองได้” ร่างโปร่งกระชากเสียง คริสชักสีหน้าไม่พอใจ



“จะดื้ออะไรอีก” ชานยอลไม่ตอบอะไร ดวงตากลมมองกลับอย่างไม่เกรงกลัว



“อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนี้ ปาร์คชานยอล”



“............ผมจะทำอะไรมันก็ขัดใจคุณอยู่ดี” นิ้วเรียวป้ายยาที่แผลของตัวเอง



“ปากดีตลอด มานี่ฉันจะทาให้ เห็นแล้วมันขัดลูกตา” คริสกระชากชานยอลเข้ามากใกล้ นิ้วแกร่งกำลังจะป้ายยาให้ชานยอลแต่ก็ถูกร่างโปร่งสะบัดทิ้งเสียก่อน



“ไม่ต้องมาแตะต้องตัวผม”



“หึหึ ปากเก่งตลอด ทำไมรังเกียจกันมากนักรึไง แค่จูบก็อ้วก แค่แตะต้องนิดแตะตัวหน่อยก็สะบัดทิ้ง ทีเมื่อบ่ายล่ะ เรียกร้องหาฉันจะเป็นจะตาย”



“ไม่จริง!!!” ชานยอลเถียงกลับ



“อยากจะดูหนังซ้ำมั้ยล่ะ เดี่ยวฉันจะทำให้” ร่างสูงลุกขึ้นคร่อมร่างโปร่ง



“ไม่ อย่าทำผม ไม่เอาแล้ว” ชานยอลวอนขอคนบนร่าง ไม่อยากจะเจอฝันร้ายแบบนั้นอีกแล้ว ไม่อยากจะเจอความป่าเถื่อนของคนคนนี้อีกแล้ว



“ทำไม รังเกียจกันมากนักรึไง ชานยอล” ร่างสูงก้มลงซุกไซร้ลำคออีกฝ่าย ชานยอลได้แต่ดิ้นหนีไปมา ดวงตากลมโตค่อยๆหลั่งน้ำตาออกมา



“อย่าทำผม ขอร้อง อย่าทำผม ผมไม่อยากเจอฝันร้ายแบบนั้นอีกแล้ว” ชานยอลร้องขอทั้งน้ำตา คริสผงะไปชั่วครู่ แต่แล้วเขาก็ตอบประโยคที่ทำให้ชานยอลเจ็บช้ำมากที่สุด



“มีหน้าที่สนองก็สนอง อย่าคิดขัดขืนฉัน” แล้วฝันร้ายในตอนบ่ายก็เข้ามาหลอกหลอนชานยอลอีกครั้ง...........





ผมไม่มีสิทธิจะปฎิเสธมัน สิ่งที่ทำได้คือ.....สนองและทนรับความเจ็บปวดแต่โดยดี



----------------------------------------------------------------------

http://0ctogus.forumth.com

2Part 9 whispers in the darkness Empty Re: Part 9 whispers in the darkness Tue Dec 18, 2012 9:14 pm

plengklui



TT__TT ชะ ชีวิตของน้องยอลช่างรันทด
อุตสาห์คิดว่าอิพี่คริสจะยอมใจอ่อนให้แล้วบ้าง
แต่มันก็....
.
.
.
ไม่!!! ToT

ลดาาาา สงสารลดาอ่าาา
คือจริงๆแล้วคริสนิสัยดีใช่มะ เป็นคนอ่อนโยน ไม่ปากร้าย *โลกสวย*
ที่ทำไปนี่คือต้องการเอาชนะหยอยเฉ๊ยเฉย T^T

เค้าจะบอกให้นะอิพี่คริส หยอยมันไม่รู้ร้อกกกกก ชอบยังไงบอกกับมันตรงๆ
มาทำปากไม่ตรงกับ มันไม่รู้ววววว ที่นี่เอ๋อครองโลกค่ะ!

มาเกรียนจบกากๆแล้วก็จากไป~ ==

3Part 9 whispers in the darkness Empty Re: Part 9 whispers in the darkness Mon Mar 25, 2013 11:06 pm

pachaam_

pachaam_

ลดาาาาาาา ~ แงๆๆๆๆ อิพี่คริสสส!!!!
ฉันจะเอากระเทียมฟาดแกกกกก เอาไว้กางเขนปักอก
ฮึ่ยยยยย!!!

https://twitter.com/_5Qwc

4Part 9 whispers in the darkness Empty Re: Part 9 whispers in the darkness Wed Apr 10, 2013 1:19 am

rquniqa



อิพี่คริสสสสสสสสสสสสสสค่ะ
ทำไมพี่คริสถึงพูดไปแบบนั้นนน
เหมือนจะพูดดีแต่สุดท้ายก็ทำร้ายจิตใจ
ชานยอลก็เจ็บนะะะะะ
จะพูดอะไรก็พูดไปตรงๆเลยมายึกยักอะไรอยู่่

5Part 9 whispers in the darkness Empty Re: Part 9 whispers in the darkness Wed Jun 26, 2013 10:29 pm

panaddaj



งึมๆๆๆๆๆๆ
เจ็บช่ำยิ่งกว่าตอนที่แล้วอีก
สงสารชานยอลสุด ๆ
ทำไมคริสทำร้ายจิตใจชานยอลได้ขนาดเน้

6Part 9 whispers in the darkness Empty Re: Part 9 whispers in the darkness Sun Aug 04, 2013 10:54 pm

potter



ชีวิตน้องยอลรันทดจริงๆ ฮือออ

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ