0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

Part 15 turnover

+2
plengklui
0ctogus
6 posters

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

1Part 15  turnover  Empty Part 15 turnover Fri Dec 14, 2012 9:32 am

0ctogus

0ctogus
Admin


ร่างสูงค่อยๆเลือนลางหายไปจากบริเวณนั้นอย่างไร้ร่องรอย ไม่หลงเหลือหลักฐานให้ใครได้รู้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยยืนอยู่ตรงนี้ ในหัวของเขาฉายภาพของชานยอล เซฮุน ไค และลู่ฮานที่มีความสุข ใบหน้าทุกคนเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ สนุกสนาน หากแต่ความสดใสเหล่านั้นไม่ได้ซึมซับเข้ามาภายในจิตใจของเขา เลยสักนิด สิ่งเดียวที่มีอิทธิพลกับความรู้สึกตอนนี้คือ ความโกรธ เขาไม่พอใจที่ไคแตะต้องของของเขา ทั้งๆที่เด็กนั่นก็รู้ดีว่าไม่ควรทำ แต่ก็ยังจะทำ มันทำให้เขาโมโห และเสียใจ อยากจะเข้าไปกระชากคอหมอนั้นให้รู้แล้วรู้รอด แต่นั่นก็ไม่แย่เท่ากับการที่ชานยอลยิ้มให้มัน!! รอยยิ้มที่เขาผู้เป็นเจ้าของร่างนั้นกลับไม่เคยได้รับ แล้วหมอนั่นมันมีสิทธิอะไร!!!



คริสค่อยๆย่างก้าวเดินเข้าไปในคฤหาสถ์ สุนัขหนึ่งในสี่ตัววิ่งเข้ามาหาเขา มันเอาหัวถูไถออดอ้อนขาของเขา ร่างสูงแค่เหลือบตามองต่ำ



“นิสัยเหมือนเจ้าของไม่มีผิด หึ” แสยะยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าตัวคฤหาสถ์ไป



ขายาวพาร่างตัวเองกลับขึ้นไปยังห้องบนชั้นสอง ห้องซึ่งเคยเป็นของเขากับชานยอล......



ทั้งห้องยังคงเหมือนเดิม จะผิดต่างไปบ้างก็แค่มันถูกทำความสะอาดโดยแม่บ้านชราคนนั้น หากแต่เครื่องเรือนเหล่านั้นก็ไม่ได้ดูสดชื่นสดใสขึ้นเลยสักนิด มันยังคงรักษาอัตตาลักษณ์ของมันได้เป็นอย่างดี หากเทียบเป็นคน พวกมันก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่มีเอกลักษณ์ มีนิสัยหรือลักษณะเฉพาะตัวสูง แต่น่าผิดหวังที่พวกมันไม่ได้รักษาในสิ่งที่ดี แต่มันกลับหวงแหนความไร้ชีวิตชีวา แข็งกระด้างของมันเอาไว้อย่างนั้น ทำให้บรรยากาศในห้องนี้แม้จะดูดี แต่ก็ซ้อนเร้นพลังแห่งความหงอยเหงาอยู่ภายใน





ร่างสูงกวาดสายตาไปทั่วห้อง ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เว้นเสียแต่.....ผ้าปูที่นอนจากสีขาวถูกเปลี่ยนเป็นสีแดงสด คริสยกยิ้มมุมปากก่อนจะหันไปมองร่างร่างหนึ่งที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ





“กว่าจะมาได้ รอตั้งนาน” ร่างสูงหัวเราะในลำคอ เขายังคงยืนกอดอกอยู่ที่เดิม ไม่มีท่าทีว่าจะเดินเข้าไปหาอีกคน ร่างนั้นสวมเพียงแค่ชุดคลุมอาบน้ำที่ดูจะไม่ค่อยเรียบร้อยซักเท่าไร แผงอก และเรียวขาสีแทน ออกมาจากชุดที่ถูกสวมเอาไว้ ทำให้ร่างนี้ดูเร่าร้อนและเซ็กซี่ขึ้นมามากทีเดียว ขาเรียวก้าวขาฉับๆเข้ามาหาร่างสูง ทุกย่างก้าวเผยให้เห็นต้นขาอ่อนด้านในยิ่งยั่วยวนอีกฝ่ายมากกว่าเดิม เรียวแขนได้รูปโอบรอบลำคออีกฝ่าย ตาเฉี่ยวสบเข้ากับดวงตาอีกฝ่าย กัดปากเล็กน้อยอย่างเย้ายวน



“โมโหอะไรมาอีกล่ะ ไม่ดีนะครับ พี่คริสของผม”



“หึหึ งั้นก็รีบทำให้หายโมโหซะสิ” ร่างสูงยกยิ้ม อีกฝ่ายค่อยๆผลักร่างของคริสให้นอนลงกับเตียงสีแดงสด ก่อนจะตามขึ้นมาคร่อมบนตัวร่างสูง บดเบียดสะโพกตัวเองเข้าแนบชิดจนแทบไม่มีช่องว่าง ออกแรงขย่มเบาๆจงใจให้โดนแก่นกายใหญ่ของอีกคน บทเพลงรักที่แสนจะเร่าร้อน และวาบหวามค่อยๆถูกบรรเลงขึ้นบนเตียงที่ครั้งหนึ่งเคยมีร่างของปาร์คชานยอลนอนเปลือยร่างยอมให้อู๋อี้ฟานเสพสุข หากแต่บัดนี้พื้นเตียงของเขากลับถูกร่างของใครคนหนึ่งเข้ามาแทนที่.....





------------------------------------------





ชานยอลถูกปลุกขึ้นมากลางดึกด้วยฝันร้าย เขาฝันว่าเห็นร่างสูงกำลังร่วมรักอยู่กับใครบางคน เขาพยายามที่จะมองใบหน้าของคนคนนั้น ในช่วงจังหวะที่กำลังจะได้เห็นใบหน้านั้น เขาก็ตกใจสะดุ้งตื่นขึ้นมาเสียก่อน ฝ่ามือเรียวถูกยกขึ้นมาปิดหน้า ดวงตากลมโตสั่นระริกด้วยความตกใจปนหวาดกลัว ในความฝันมันช่างน่ากลัวเหลือเกินสำหรับเขา มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะทำใจยอมรับภาพเหล่านั้น ภาพที่คริสมีคนอื่น แม้เขาจะรู้ดีว่าตัวเองเป็นเพียงแค่ของเล่นของร่างสูง ไม่ได้มีสิทธิอะไรที่จะหึงหวง หรือแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ แต่เขาก็ยังเป็นคน ยังคงมีจิตใจ มีความรู้สึก ไม่แปลกที่เขาจะเจ็บปวด และทุกข์ทรมานกับฝันนี้ หยาดน้ำใสค่อยๆไหลรินอาบแก้ม นึกจินตนาการถึงภาพเมื่อครู่ ภาพเหล่านั้นถูกตัดฉับไปฉับมา ฉายซ้ำๆ ทุกการกระทำและคำพูดของคนทั้งสอง ราวกับตามหลอกหลอน ราวกับซ้ำเติมให้จิตใจย่ำแย่หนักกว่าเก่า ชานยอลนึกกลัวและเสียใจขึ้นมาจับจิต แค่ความฝันเขาก็กลัวได้ถึงขนาดนี้แล้วหรือ หากเรื่องนี้เกิดขึ้นมาจริงๆ เขาจะทำอย่างไร จิตใจที่แสนเปราะบางนี้จะทำอย่างไร!! มันจะรับได้มั้ย จะทนทุกข์ทรมาน อดทนเป็นที่สองได้หรือไม่ จะยอมให้ใครอีกคนมาร่วมเสพสุขกับร่างนั้นได้หรือ.........





ภาพของคุณคริสกำลังมีอะไรกับอีกคนฉายซ้ำไปซ้ำมาในหัวสมองของผม ยิ่งภาพเหล่านั้นเด่นชัดเท่าไร จิตใจผมก็ยิ่งเจ็บ ราวกับว่าภาพนั้นเกิดขึ้นจริงในชีวิตของผม แต่มันไม่ใช่ มันเป็นแค่ความฝัน แต่ผมก็กลัว ผมกลัวไปหมด กลัวว่าวันหนึ่งถ้ามันเกิดขึ้นจริง ลูกหมาอย่างผมจะทำยังไง แค่คิดผมก็เจ็บไปหมดแล้ว ผมจะทนได้อย่างไรกัน ผมจะทนเห็นเจ้าของตัวเองไปมีอะไรกับคนอื่นได้ยังไง น้ำตาผมค่อยๆไหลอาบแก้ม ผมร้องไห้เงียบๆอยู่คนเดียว พยายามกั้นเสียงสะอื้นไม่ให้ไปรบกวนเซฮุนกับคุณลู่ฮานที่นอนซบกันอยู่บนโซฟา ผมยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง ปล่อยน้ำตาให้อยู่กับตัวเองอย่างนั้นไปสักพัก



“เฮ้ย พี่ร้องไห้ทำไม” ผมสะดุ้งตกใจเงยหน้าขึ้นมา ไคกำลังยื่นอยู่หน้าผม เสียงร้องของเขาปลุกให้อีกสองคนตื่นขึ้นมา ผมรีบปาดน้ำตาออกลวกๆ อีกสองคนรีบเดินมาหาผม เซฮุนดูจะโวยวายมากที่สุดที่เห็นผมร้องไห้



“เฮ้ย เป็นไรวะ ไอ้เวรนั่นมาหรอ ห๊ะ พี่ มันทำไรพี่”



“ปะ เปล่า” ผมรีบส่ายหน้า ไม่อยากให้เซฮุนโวยวายมากกว่านี้



“เป็นอะไรไปวะพี่ เกิดไรขึ้น” ไคเอ่ยถาม



“พี่แค่ฝัน ฝันร้าย”



“แค่ความฝันนะชานยอล อย่าคิดมากเลย” คุณลู่ฮานพูดปลอบใจผม “แล้วนายฝันว่าอะไรล่ะ”



“.............ฝันว่า คุณคริสมีคนอื่น” คุณลู่ฮานกับไคนิ่งเงียบไป ผมไม่รู้ว่าผมแอบเห็นทั้งคู่สบตากันอย่างมีความหมายอะไรสักอย่างรึเปล่า



“พี่แค่ฝัน ช่างมันเหอะ มันไม่ใช่ความจริงหรอก ถึงมันจะจริงก็ช่างแม่งดิวะ จะไปรักทำไมคนเวรๆแบบนั้น”



“โอเซฮุน” ทั้งไคและคุณลู่ฮานเรียกชื่อปรามเซฮุนขึ้นมาพร้อมกัน เพราะเซฮุนเริ่มออกอาการปากเสียขึ้นมาอีกแล้ว เซฮุนชักสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงอะไรอีก



“ไม่ต้องร้องหรอกชานยอล แค่ฝันเอง ไม่ได้เกิดขึ้นจริงหรอก” ลู่ฮานเอ่ยปลอบ



“ใช่ ไม่มีอะไรหรอก นอนเถอะพี่ ” ไคเอ่ยปลอบ พร้อมกับคลี่รอยยิ้มให้กำลังใจ อีกสองคนพยักหน้าเห็นด้วย



“นอนกันพี่ ผมเองก็เริ่มง่วงละ” เซฮุนให้กำลังใจ อ้าปากหาววอดๆ ผมเลยยอมนอนแต่โดยดี





ใช้เวลาไม่นานนักทั้งสองก็เข้าสู่ห้วงนิทรา ด้วยเพราะตอนนี้เป็นเวลากลางดึก และร่างกายพวกเขาก็ยังต้องการการหลับใหลอยู่ ไม่แปลกที่เขาจะผล็อยหลับไปในเวลาอันรวดเร็ว สองแวมไพร์ที่ตื่นอยู่นั่งมองร่างทั้งสองนิ่ง แววตาเต็มไปด้วยความห่วงใยและกังวล



“ไค”



“ผมรู้แล้ว หมอนั้นกลับมาแล้ว”



“เราจะทำยังไงกันดี ชานยอลจะเป็นยังไงถ้ากลับไปเจอคริสอยู่กับ......”



“ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่อยู่ข้างๆนั้นแหละ เฮ้อ” ร่างเข้มนั่งประสานมือออกข้างหน้า พิงศรีษะลงบนสองมือนั่น ในหัวก็จินตนาการถึงตอนที่ชานยอลกลับบ้านไปเห็นแขกคนนั้น ไม่สิ ไม่ใช่แขก เขาเป็นคนที่อยู่ที่นั่นแต่แรก แต่แค่ติดธุระนิดหน่อยเลยต้องไปอยู่ที่อื่น ตอนนี้ก็แค่กลับมาเฉยๆ



“ฉันชักไม่อยากให้ชานยอลกลับไปแล้วแฮ่ะ”



“พี่ยังอยากโดนบีบคออีกรอบรึไง” ไคเห็นหน้ามาพูดกับลู่ฮาน เหตุการณ์ครั้งที่ร่างเล็กโดนบีบคอเพราะไปตวาดใส่หน้าคริสนั้นแม้เขาจะไม่ได้อยู่ด้วย แต่เขาก็พอจะรับรู้ที่ความโหดร้ายของร่างสูง



“เหอะ! พูดมากนะไอ้ไค แล้วนี่มาตั้งแต่เมื่อไร”



“ก็เพิ่งมานี่ล่ะ มาแล้วก็เจอพี่เอ๋อร้องไห้เลย แจ็กพ็อตชะมัด เฮ้อ พี่ว่ามันจะเป็นไงต่อ ถ้าฝันนั่นมันดัน....”



“เงียบเลยไอ้ไค อย่าโยนเรื่องหนักหัวมาให้ฉันคิดตอนนี้ ขออยู่อย่างสงบๆสักพักเถอะ” ลู่ฮานยกมือเป็นเชิงห้าม จากนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมานั่งเล่นเกมส์



“พรุ่งนี้พี่ชานยอลก็ต้องกลับบ้านแล้วไม่ใช่หรอ......” ไคเอ่ยพูดลอยๆขึ้นมา เมื่อนึกคิดได้ว่าเมื่อเย็นแพทย์มาอนุญาติให้รุ่นพี่ของเขากลับบ้านได้ในตอนเที่ยงของวันพรุ่งนี้ ลู่ฮานเหลือบตาไปมองเล็กน้อยแต่ก็ไม่คิดจะตอบอะไร เขายังคงสนใจหน้าจอทัชสกรีนในมือ นิ้วเล็กแตะสัมผัสเล่นเกมส์ต่อไป



“แล้วความฝันนั่น.......” ไคเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ



“มันก็จะกลายเป็นจริง....”





-------------------------------





ท้องฟ้ายามเช้าสดใสไร้ก้อนเมฆ ผืนฟ้าสีโปร่งทอดตัวยาวสุดลูกหูลูกตา มันแผ่คลุมตัวยาวไปจนสุดจะคาดคะเนระยะทางได้ ฝูงนก ฝูงสัตว์ที่ออกหากินในตอนกลางวันต่างตื่นขึ้นมารับรุ่งอรุณ เช่นเดียวกับพืชพันธุ์ต่างๆ หยดน้ำค้างที่เกาะประดับเพิ่มน้ำหนักตามใบจนมันลู่ลงเรี่ยพื้นดินค่อยๆถูกความร้อนจากพระอาทิตย์หลอมระเหยกลายเป็นไอปะปนไปในอากาศ





เหล่ามนุษย์เงินเดือนมากมายต่างพากันรีบออกไปทำงาน ใช้ชีวิตขับเคลื่อนไปตามครรลองเดิมๆดั่งเช่นทุกๆวันที่เคยทำมา บ้างมีเหนื่อย บ่น และเบื่อหน่าย บ้างมีสุข ดีใจ และกระตือรือร้น ทุกความรู้สึกเกิดขึ้นผสมปนเปกันไป อาจจะคนละหนึ่งอารมณ์ ความรู้สึก หรือบางทีคนหนึ่งก็สามารถรู้สึกทีเดียวได้หลากอารมณ์ มนุษย์ก็เป็นอย่างนี้ อ่อนไหว วูบไหวไปตามสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวได้ง่าย จิตใจไม่เคยได้สัมผัสกับคำว่าแน่นอน มันผันแปร ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรเลยที่คนๆหนึ่งจะสามารถมีความรู้สึก นึกคิดที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ โดยแทบจะไม่ซ้ำกันเลย ตอนนี้คิดอย่างนี้ แต่ต่อไปอาจไม่ใช่แล้วก็ได้ สิ่งแวดล้อม เหตุการณ์ต่างๆที่เราพบเจอล้วนเปรียบเสมือนตัวแปรที่คอยควบคุม สั่งการความรู้สึกของเราให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เราไม่สามารถจะรู้สึกหรือนึกคิดอะไรได้เหมือนเดิม ซ้ำอยู่กับที่ได้ตลอดเวลา สักวันหนึ่งเมื่อถูกภาวะต่างๆรุมเร้าไม่นานเราก็จะเปลี่ยนความคิดไปอีก อย่างอุดมการณ์ของคนเรา สิ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นความคิดที่มั่นคงและแน่วแน่ที่สุดแล้ว มันยังถูกเปลี่ยนแปลงด้วยกาลเวลาและความคิดได้เลย ทุกๆอย่างที่เรียกว่ามนุษย์ล้วนเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน พริ้วไหวไปได้เรื่อยๆ พร้อมที่จะรอวันเปลี่ยนแปลง





ผู้คนมากมายเดินกันให้ขวักไขว่ไปตามถนนหนทาง นำพาตัวเองไปสู่จุดหมายที่ต้องการ ภาพทุกอย่างล้วนเป็นส่วนประกอบหลักสำคัญที่ทำให้ยามเช้าเป็นเวลาแห่งการขับเคลื่อนและเริ่มต้น กลิ่นไอแห่งการตื่นจากภายนอกค่อยๆแทรกกาย แทรกซึมเข้ามาภายในห้อง แขนเรียวเล็กค่อยๆไล่ตามปลุกทุกๆคนให้ตื่นจากห้วงนิทรา ชานยอลค่อยๆปรือตาตื่นขึ้นมาก่อนเป็นคนแรก ถัดมาก็ ลู่ฮาน ไคและเซฮุน เป็นคนสุดท้าย พวกเขาพูดคุยกันนิดๆหน่อยๆไม่ได้โฟกัสเรื่องไหนเป็นพิเศษ ไคและลู่ฮานพยายามคุมสถานการณ์ให้กลับไปดีอย่างเดิม อยากจะให้ห้วงเวลาของชานยอลได้มีความสุข และรอยยิ้มบ้าง เพราะจากนี้เรื่องไม่ดีอาจจะตั้งหน้าตั้งตาจ่อคิวกันเข้ามาหาร่างโปร่งก็เป็นได้.....





ระหว่างที่พวกเขากำลังนั่งคุยกันอยู่นั้น เสียงเปิดประตูก็ดังขัดขึ้นโดยนางพยาบาล เธอยกถาดอาหารมาพร้อมกับแก้วยา ร่างโปร่งเบ้ปากเล็กน้อยที่เห็นมัน แวบแรกชานยอลนึกเบื่อที่จะต้องมานั่งอยู่ที่นี่ ติดแง็กอยู่โรงพยาบาล แต่แวบความคิดต่อมาเขากลับรู้สึกอยากอยู่ที่นี้ต่อ ความฝันเมื่อคืนเขาหลอกหลอนเขา เขาคิดมาก ฟุ้งซ่านจนถึงขั้นกลัวว่าเหตุการณ์นั้นอาจจจะเกิดขึ้นจริง ภาพที่คริสมีอะไรกับคนอื่นอาจจะปรากฎสู่สายตาเมื่อเขากลับไปถึงที่นั้น ร่างโปร่งพยายามสลัดความคิดเหล่านั้นให้ออกไปจากหัว แต่ยิ่งทำมันก็ยิ่งตอกย้ำให้หวาดกลัวหนักกว่าเก่า การอยู่นิ่งเงียบคนเดียว กลายเป็นเรื่องที่ชานยอลขยาด เพราะมันจะทำให้เขาฟุ้งซ่าน และเอาแต่คิดถึงเรื่องน่ากลัวนั่น ร่างโปร่งพยายามใช้เวลาของเขาร่วมกับเพื่อนๆ พยายามสนุกสนาน เฮฮาไปกับพวกเขา เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมานั่งครุ่นคิดแต่เรื่องน่ากลัวนั่น





มื้อเช้าของชานยอลผ่านไปเหมือนวันก่อนๆ ต่างกันนิดหน่อยตรงที่เขาไม่ต้องให้ใครมาป้อนแล้ว เขาสามารถทานอาหารด้วยตัวเองได้ หลังจากทานเสร็จก็ทานยาต่อ ระหว่างที่กำลังจะกิน จู่ๆประตูห้องก็ถูกเปิดออก จิตใจดวงน้อยของเขาก็ยังคงหวังลึกๆว่าให้เป็นใครคนนั้น แต่เขาก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง เมื่อบานประตูถูกเปิดโดยแพทย์ผู้เป็นเจ้าของไข้ของเขา หมอเข้ามาทักทายเขาอย่างอบอุ่น ถามถึงอาการต่างๆว่าเป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกดีขึ้นมั้ย ชานยอลตอบกลับไปอย่างร่าเริง จะมากหรือน้อย ไม่อาจตอบได้ เพราะไม่รู้ว่าจะเทียบจากอะไร หากเทียบกับนิสัยเดิมก็นับว่าน้อย แต่หากเทียบกับสภาพจิตใจที่กำลังกังวลอยู่ตอนนี้ มันก็ถือว่ามากพอแล้ว





หมอพูดถึงเรื่องการได้ออกจากโรงพยาบาล ร่างโปร่งยิ้มกว้างแต่รอยยิ้มนั้นก็ค่อยๆหุบลง เมื่อความกังวลเข้าเกาะกุมจิตใจ จิตใจของชานยอลตอนนี้กำลังสับสน ทั้งดีใจ ทั้งกลัวที่จะได้กลับไป ดูเหมือนว่าเขาจะแสดงอารมณ์ออกมามากเกินไปจนลู่ฮานจับความรู้สึกได้ มือเล็กบีบมือเรียวของเขาอย่างให้กำลังใจ แม้จะเป็นการกระทำเพียงน้อยนิด แต่ก็มีอิทธิพลช่วยรักษาใจของชานยอลได้ระดับหนึ่ง



“ชานยอล อย่ากลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดสิ อย่าเอาความกลัวมาทำลายความสดใสของนายสิ อย่าให้อะไรมาทำร้ายนายได้ ชานยอล” ร่างเล็กเอ่ยปลอบ ชานยอลนิ่งเงียบไป คิดตามคำพูดของลู่ฮาน

อย่ากลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิด.......ใช่ ผมกำลังกลัว กลัวทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าจะเกิดหรือไม่เกิดด้วยซ้ำ และเพราะความกลัว มันเลยทำให้ผมอ่อนแอ ไม่ร่าเริง ไม่เป็นปาร์คชานยอลคนเก่ง

อย่าให้อะไรมาทำร้ายเราได้......ใช่แล้ว! ทุกอย่างที่เข้ามา จะไม่ร้ายแรงอะไรเลย ถ้าผมไม่ใส่ใจ และไม่ยอมให้มันทำร้ายตัวผม

ปาร์คชานยอลคนเก่งจะต้องไม่เครียดกับความฝันบ้าๆนั่นสิ ใช่!!! เราจะต้องไม่เครียด

ไคกับเซฮุนที่เห็นชานยอลนั่งหน้าเครียดอยู่ จึงพยายามหาเรื่องสนุกๆมาชวนคุย



“โหย พี่อย่าเครียดๆ เครียดมากหน้าแก่นะเว้ย” เซฮุนยีผมชานยอลจนยุ่งไปหมด ร่างโปร่งส่งค้อนกลับเข้าให้ เรื่องอะไรมาเล่นหัวเขาล่ะ


“พี่โตกว่านะเว่ย”


“อ่าวหรอ เห็นหน้าเด็กคิดว่ารุ่นเดียวกัน”


“มุขแม่ง โคตรจะ......” ไคทำหน้าเอือมกับมุขสุดจะ4Dของเซฮุน


“ไรวะ มุขแบบนี้ไม่ใช่ฉัน แม่งไม่มีใครกล้าเล่น”


“กลับไปเล่นบนยานแม่แกเหอะว่ะ” ทั้งหมดหัวเราะออกมาพร้อมกัน เซฮุนถึงกับยืนหน้านิ่งไปเลยทีเดียว ชานยอลเลยเอื้อมมือมาตบบ่าเพื่อปลอบใจ......หรือซ้ำเติมอันนี้ก็ไม่แน่ใจเท่าไร


“นี่พี่จะซ้ำเติมหรืออะไรวะเนี่ย”


“ฉันว่าน่าจะซ้ำเติมนะ” ลู่ฮานหัวเราะ ทีเหลือเลยพากันหัวเราะครืน เซฮุนยิ่งยืนนิ่งหน้าหงิกหนักกว่าเก่า นี่คนหล่อหรือตลกคาเฟ่วะครับ เซฮุนคิดในใจ



หลังจากนั้นเข็มของนาฬิกาก็ถูกพระเจ้าจับหมุนให้เดินเร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า เข็มสั้นเดินมาถึงเลข11 ส่วนเข็มยาวไปยืนปักหลักอยู่ที่เลข30 อีกแค่ครึ่งชั่วโมง เขาก็จะได้กลับบ้านแล้ว ลู่ฮานและคนอื่นๆช่วยกันเก็บเสื้อผ้า และข้าวของลงใส่กระเป๋า เตรียมพร้อมที่จะเดินทางกลับ ชานยอลในชุดเสื้อเชิ้ตสีครามกับกางเกงผ้าบางสีขาวกำลังนั่งกอดเข่า รอเวลาอยู่บนเตียง ตากลมมองเหม่อไปที่หน้าจอทีวีที่กำลังฉายภาพการ์ตูนเรื่องดังอยู่ หากแต่เขาไม่ได้ใส่ใจจะดูเท่าไร ในหัวของเขากำลังครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อเท้าเหยียบถึงบ้านแล้วต่างหาก ร่างโปร่งอยู่กับความกังวลเพียงครู่เท่านั้น จากนั้นก็สลัดมันทิ้งออกไปให้พ้นๆทาง เซฮุน ลู่ฮาน และไค นั่งชวนชานยอลคุยเรื่องนู่นเรื่องนี่ไปเลยรอให้เจ้าหน้าที่จัดการเรื่องให้เรียบร้อย ไม่นานก็เสร็จสิ้น ได้เวลากลับบ้าน



ไคกับลู่ฮานสบตากันอย่างมีความหมาย

เขาอยากจะยื้อเวลาให้ชานยอลไปถึงที่นั้นช้าๆเหลือเกิน




----------------------------------------------




กลุ่มของชานยอลเดินมาตามทางเดินที่ทอดสู่คฤหาสถ์ สุนัขสีดำสองตัวต่างวิ่งเข้ามาหาลู่ฮานและไค ทันทีที่เห็นสุนัขวิ่งเข้ามา เซฮุนก็รีบถอยห่างออกทันที ยังขยาดไม่หายกับการถูกหมากัด ลู่ฮานรีบอธิบายว่านี่ไม่ใช่ตัวที่กัดเซฮุน แต่หนุ่มร่างขาวก็ยังยืนยันขออยู่ดูไกลๆดีกว่า ไคหัวเราะกับท่าทางกลัวจัดของเพื่อนซี้ต่างสีผิว ก่อนจะหันกลับไปเล่นกับเจ้าหมาต่อ เซฮุนที่ยืนรออยู่สักพักเริ่มทนไม่ไหว ขอเข้าบ้านก่อน แล้วเรื่องอะไรที่เขาจะเดินกลับคนเดียวละ เกิดเจ้าหมาพวกนั้นมันเกิดบ้าจี้วิ่งไล่ตามเขามาอีกล่ะ ใครจะช่วยทัน ร่างขาวเลยลากแขนร่างโปร่งให้ตามมาด้วย ระหว่างทางชานยอลก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากกับอาการกลัวสุดขีดของรุ่นน้อง ร้อยวันพันปีไม่เคยจะกลัวอะไร วันนี้ดันมากลัวเจ้าหมาซะนี่





ทันทีที่ขาเรียวของชานยอลก้าวเข้ามาในตัวคฤหาสถ์ เหล่าคนใช้ก็พากันรีบมาช่วยร่างโปร่งถือของ ชานยอลรีบร้องห้าม ปฎิเสธ ขอถือของเองทั้งหมด เขาไม่ใช่เจ้านายของคนพวกนี้ แล้วก็ไม่คิดว่าอยากจะเป็นด้วย เขาเป็นเพียงคนอาศัย ไม่ใช่เจ้านายอะไร เผลอๆฐานะอาจจะต่ำต้อยยิ่งกว่าคนพวกนี้ก็ได้ การรับใช้ คอยปรนนิบัติจึงเป็นสิ่งไม่จำเป็นสำหรับเขา คุณยายแม่บ้านโผเข้ากอดเขา สองมือเหี่ยวประครองใบหน้าของเขาไว้ในมือ เธอถามถึงอาการ ความเป็นอยู่ตอนอยู่ที่โรงพยาบาล และอื่นๆอีกมากมาย ชนิดที่ว่าชานยอลแทบตอบไม่ทัน ร่างโปร่งยิ้มกว้างให้กับคุณยายก่อนจะเอ่ยตอบ พอบทสนทนาเริ่มจะหมดม้วน คุณยายก็ยิงคำถามใหม่ เป็นอยู่อย่างนี้ได้สักพักจนชานยอลเริ่มเอะใจ นึกคิดในใจว่าคุณยายทำเหมือนกับไม่อยากให้เขาขึ้นห้อง ทีแรกชานยอลก็ไม่ได้สนใจความคิดนั้น แต่ไปๆมาๆมันชักเริ่มเข้าเคล้ามากขึ้นเรื่อยๆ จนร่างโปร่งเริ่มทนไม่ไหว เอ่ยตัดบทว่าของหนัก เดี๋ยวจะขึ้นไปเก็บของก่อน แล้วค่อยมาคุยด้วย





ชานยอลค่อยๆเดินขึ้นไปตามขั้นบันใดที่เรียงตัวกันยาวขึ้นไปยังอีกชั้นของคฤหาสถ์ เหล่าคนใช้ที่ยืนมองอยู่ข้างล่างได้แต่มองหน้ากัน สีหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ในใจทุกคนนึกอยากจะให้ชานยอลหันหลังตัดสินใจเดินกลับลงมา เซฮุนที่ยืนรอลู่ฮานอยู่ข้างล่าง สังเกตุเห็นความผิดปกติของเหล่าคนใช้ ร่างขาวขมวดคิ้วหมุน คำถามมากมายลอยอยู่ในหัว ทำไมต้องกังวล แล้วทำไมต้องรั้งชานยอลไม่ให้ขึ้นไปด้วย แล้วอะไรทำให้ไม่อยากให้ขึ้นไปล่ะ เซฮุนครุ่นคิด และเขาก็ไม่ใช่คนที่ไม่ชอบสะสมความไม่รู้ซะด้วยสูง ร่างขาวตัดสินใจเอ่ยถามออกไปถึงสาเหตุของการกระทำของทุกๆคน



“ข้างบนนั่นมีอะไรหรอครับ”




-----------------------------------------------------





ขาเรียวพาร่างของเจ้าของเดินไปตามทางเดินเรื่อยๆ อีกไม่ไกลก็จะถึงห้องของคุณคริส ความรู้สึกหลากหลายเริ่มถาโถม สาดซัดเข้ามาในจิตใจของเขา ทั้งรู้สึกกลัวว่าคุณคริสจะทำร้ายจิตใจ และร่างกายของเขาอีก ภาพเหตุการณ์ความโหดร้ายของร่างสูง ไม่ว่าจะเป็นตอนขืนใจ ดูถูกถากถางเรื่องสร้อย ตอนหลอกกินเลือด และที่เจ็บช้ำมากที่สุดก็ตอนทำพันธสัญญา ภาพทุกอย่างไหลย้อนกลับเข้ามาในหัวเรื่อยๆ โดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่ายๆ แผลความเจ็บปวดค่อยๆผุดขึ้นบาดลึกลงในหัวใจ แต่อีกความรู้สึกหนึ่งก็เข้าแทรกแซง ยับยั้งการเกิดแผล ชานยอลจำความรู้สึกตอนที่คริสมอบความอ่อนโยนให้ที่โรงพยาบาล แม้จะเป็นเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น แต่เขาก็จำกลิ่นไอ ความละมุนละไมของมันได้ดี คลื่นแห่งความกลัว และดีใจโหมกระหน่ำ เข้ามาหาเขาเรื่อยๆ ยิ่งเข้าใกล้ห้องนั้นเท่าไร คลื่นมันก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนหัวใจของชานยอลเต้นไม่เป็นส่ำ ระหว่างที่ปล่อยสติ และสมาธิต่างๆไปกับความรู้สึกของตัวเอง จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงประหลาดดังมาจากห้องของร่างสูง ความรู้สึกต่างๆถูกปัดกระจัดกระจาย พังทลาย หายไปจนหมด สมาธิทั้งหมดถูกเพ่งไปที่เสียงเสียงนั้น โสตประสาทตื่นรับเต็มที่ เตรียมเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ยิ่งแต่ละก้าวย่างเข้าใกล้เท่าไร เสียงๆนั้นก็ยิ่งชัดเจนแจ่มแจ้งขึ้น



“อื้มมมม อื้อออ คริส” ชานยอลขมวดคิ้วหมุ่น ไม่เข้าใจ และไม่อยากจะเข้าใจกับสิ่งที่ตัวเองได้ยิน ในใจนึกภาวนาว่าอย่าให้เป็นแบบที่สมองตัวเองคิด ด้วยความอยากรู้เขาจึงรีบก้าวขาไปยังห้องๆนั้น



“อ้า อื้อออ” ขายาวรีบพาตัวเองให้ไปเร็วขึ้น หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเสียจนน่ากลัว แต่เขาก็ยังเดินต่อไปจนมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าบานประตู ทันทีที่มาถึง มือเรียวสั่นระริก นึกกลัวกับสิ่งที่ตัวเองจะต้องพบเจอหลังบานประตู แต่ด้วยอำนาจของความอยากรู้ที่มีมากกว่า มันสั่งให้เขาเปิดประตูออก.......



หยาดน้ำใสร่วงเผาะออกมาจากดวงตากลมโตที่เบิกโพล่งด้วยความตกใจ กลีบปากบางเผยอค้างออกเล็กน้อย ฝ่ามือเรียวที่จับค้างอยู่ที่ลูกบิดประตูนั่นเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง ร่างทั้งร่างหยุดนิ่งราวกับถูกสาป ชานยอลได้แต่ยื่นตกใจค้างอยู่ที่ประตู ผิดกับอีกสองร่าง.....

“นี่ใคร ของเล่นใหม่หรอ”



“อืม เดาเก่งดีนี่ เทา”



“หึหึ งั้นก็ดีเลย ดูดีๆนะ เจ้ามนุษย์โง่เง่า” ชายคนนั้นค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปหาคุณคริสของชานยอล กลีบปากได้รูปนั้นทามทับลงบนปากหนา ดูดเม้มอย่างเย้ายวน ระหว่างที่ทำตาเฉี่ยวคู่นั้นก็หันมามองที่ชานยอล ทีแรกร่างสูงยืนนิ่งปล่อยให้อีกฝ่ายจูบตนเอง แต่สักพักเขาก็เริ่มสนอง จูบตอบอีกฝ่าย



ชานยอลเม้มปากเข้าหากันแน่น ทันทีที่กระพริบตาน้ำตาก็ร่วงหล่นลงมาอาบแก้มเนียน เจ็บ เจ็บจนพูดไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก ร่างโปร่งจับจ้องไปที่ภาพเบื้องหน้าค้าง มองคนที่ตัวเองรักกำลังจูบอยู่กับคนอื่น เสื้อผ้าที่พวกเขาทั้งสองสวมใส่ต่างรุดรุ่ย ปกปิดเรือนร่างไว้อย่างหมิ่นเหม่ บ่งบอกให้รู้ว่าทั้งสองทำอะไรกันมา ชายคนนั้นทำท่าว่าจะทำมากกว่าจูบ ปากได้รูปของเขาเลื่อนต่ำลงมายังลำคอของคริส ชานยอลไม่ทนดูต่ออีกต่อไป เขารับอะไรที่มากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ไม่อีกแล้ว!!!



มือเรียวปิดประตูเสียงดัง รีบวิ่งพาร่างตัวเองลงมาชั้นล่าง ทันทีที่เห็นเซฮุน เขาก็รีบโผเข้ากอด ร้องไห้อยู่อย่างนั้นจนเซฮุนตกใจ



“พี่ เป็นอะไรๆ พี่ มันทำอะไรพี่มา พี่!!!”



“เซฮุน” ชานยอลเอาแต่เรียกชื่อเขาแต่ไม่ยอมตอบหรืออธิบายอะไรออกมา ไคและลู่ฮานที่เดินเข้ามาพอดี พอเห็นอาการของชานยอล ก็ได้แต่ถอนหายใจ คงเจอแล้วสินะ.....เจอกับเจ้าของคริสอีกคน





ลู่ฮานและไคเดินไปนั่งที่โซฟาเงียบๆ ไม่ได้เข้ามาปลอบ หรือพูดอะไรเป็นพิเศษ รู้ดีว่าต่อให้พูดอะไรไปเท่าไร ก็ไม่สามารถทดแทนความรู้สึกที่ชานยอลรู้สึกอยู่ตอนนี้ได้เลย เหล่าคนใช้ทุกคนต่างมองร่างโปร่งด้วยความสงสารแต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครเดินออกไปทำงาน ไม่มี ทุกคนกำลังสงสารร่างนี้จับจิต ไม่มีพลังงานที่ไหนจะไปทำการทำงานได้ อยากจะเขาไปปลอบ อยากจะทำให้ร่างนี้กลับมาสดใส แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง หมดหนทาง หมดทางจะคิดช่วยเหลือใดๆ





เซฮุนเลิกที่จะโวยวาย หาคำตอบให้กับคำถามของตัวเอง เริ่มรู้ว่ามันไร้ประโยชน์ที่จะมาซักถามหาความจริงในตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขาควรจะทำคือ กอดชานยอล และปลอบให้ร่างนี้หายเศร้า ร่างขาวลูบหลังชานยอล เอ่ยปลอบแต่คำว่าไม่เป็นไรๆ ใจเย็นๆ อย่าร้องๆ เขาพูดประโยคเหล่านี้ซ้ำไปซ้ำมา แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ร่างโปร่งยังคงร้องไห้ ร้องอยู่อย่างนั้น ไม่ได้สะอื้นเสียงดัง มีเพียงหยาดน้ำตาที่ไหลรินลงมาอาบแก้มเท่านั้นที่บ่งบอกถึงความเสียใจของคนคนนี้ ความเสียใจที่มากเกินกว่าที่เขาจะทานทนได้อีกต่อไป





เสียงสะอื้นไห้เบาๆดังคลอไปกับเสียงครางของใครบางคนจากห้องของคริส ชานยอลกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น มือเรียวกำเสื้อของเซฮุนจนยับยู่ยี่ไปหมด ร่างขาวได้แต่ยืนนิ่งน้ำตาซึม ทั้งโกรธคริส ทั้งสงสารชานยอล นึกอยากจะเดินขึ้นไปฆ่าไอ้ตัวต้นเหตุให้รู้แล้วรู้รอด แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น ชานยอลจะเสียใจมากถ้าเขาทำอย่างนั้น เซฮุนลูบหลังปลอบชานยอลต่อไปเรื่อยๆ ตาก็แอบเหลือบไปหาไคและลู่ฮานที่นั่งอยู่ เป็นเชิงขอความเห็น แต่ทั้งคู่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ทั้งไคและลู่ฮานต่างอยู่ในอารมณ์สงสาร ไคหันหน้าเมินหนีภาพสะเทือนใจไปอีกทาง ส่วนลู่ฮานก็มองชานยอลร้องไห้อยู่อย่างนั้น





ผมเจ็บ ผมเจ็บมากๆ เจ็บจนอธิบายไม่ถูก ผมไม่รู้จะหาคำไหนมาอธิบายความรู้สึกของผมตอนนี้ รู้สึกเหมือนตัวเองจะขาดใจ ที่ผ่านมาผมทนได้มาตลอด รับไหวมาทุกครั้ง แม้จะโดนทำร้าย โดนดูถูกยังไงผมก็ยังทนไหว เพราะผมรักเขา ต่อให้หลอกตัวเองแค่ไหน ลึกๆในใจผมก็ยังรักเขาอยู่ แต่ตอนนี้.......ภาพเมื่อกี้.......





ราวกับเจ้าลูกหมาน้อยที่แสนโง่เขลา นั่งรอ นั่งเฝ้าคิดถึงเจ้าของของมัน หวังจะให้เจ้าของเหลียวแลมันสักนิด แต่เปล่าเลย ตลอดเวลาที่เจ้าหมาชะเง้อมองหาชายผู้นั้น เขากลับกำลังเริงร่า มีความสุขอยู่กับคนอื่น ทิ้งให้เจ้าหมาแสนโง่เขลาตัวนี้นั่งรออยู่อย่างนั้น



ลูกหมาน้อยเจ็บแสนเจ็บ นั่งหวนคิดคำนึงถึงตอนที่ตัวเองสะบักสะบอม เจ็บป่วยปางตาย แต่เจ้าของกลับไม่มาดูดำดูดี เขาคนนั้นไปหาคนอื่น ไปหาคนที่จะให้ความสุข เล่นแล้วสนุกได้มากกว่าการเล่นกับลูกหมาอย่างเขา



เราร้องไห้ แต่เขากำลังร้องครางอยู่กับอีกคน

เราทุกข์ แต่เขากลับกำลังสุขอยู่กับอีกคน

เราเสียใจ แต่เขากำลังรู้สึกดีที่อยู่กับอีกคน ที่ไม่ใช่เรา.....





เสียงชานยอลร้องไห้เงียบหายไปพร้อมๆกับเสียงครางจากห้องด้านบน ร่างโปร่งร่างไห้นานจนผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของเซฮุน ไคกับลู่ฮานค่อยๆพยุงร่างให้นอนลงบนโซฟา มือเล็กหยิบผ้าห่มที่ได้จากคุณยายแม่บ้านขึ้นมาห่มให้ชานยอล ไคมองคราบน้ำตาบนแก้มเนียนนิ่ง ก่อนจะหลับตาข่มความโกรธและสงสารไว้ในใจ คยองซูจับบ่าร่างเข้มเบาๆ ไคบีบมือนั้นกลับไปด้วยแรงไม่มากนัก ส่วนเซฮุนและลู่ฮาน พวกเขาได้แต่จับมือกัน ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทุกคนต่างนั่งนิ่ง มองร่างของชานยอลที่หลับใหลอยู่บนโซฟา.....





เวลาล่วงเลยผ่านไปได้ราวชั่วโมงเศษๆ ทุกคนยังนั่งอยุ่กันครบ ไม่มีใครขาดหายไป พวกเขายังคงนั่งเงียบๆ ไม่เอ่ยอะไรออกมา มีเพียงเสียงลมพัดหวีดหวิวเท่านั้นที่ส่งเสียงดังคลอไปกับความเงียบ เสียงของมันฟังดูเศร้าสร้อย หดหู่และเงียบเหงาเหมือนกับเสียงในหัวใจของทุกๆคน ปฎิเสธไม่ได้ว่าน้ำตาของชานยอลไม่มีมีผลกระทบต่อภาวะจิตใจของทุกคน พวกเขารับรู้ได้ถึงความโศกเศร้า เสียใจ และผิดหวัง ของร่างๆนี้ แม้จะรู้สึก เข้าใจความรู้สึกสักเท่าใดแต่พวกเขากลับช่วยอะไรไมได้เลย ทำได้อย่างมากก็แค่ มองดูร่างนี้ร้องไห้เท่านั้น.....



---------------------------------------



ภายในห้อง ร่างหนึ่งกำลังนอนหลับใหลด้วยเพราะความเหนื่อยล้าจากกิจกรรมรักอันแสนเร่าร้อนของพวกเขา ส่วนอีกร่างเขาเพียงแต่นอนหงาย มองเหม่อไปยังผืนเพดานราวกับว่าด้านบนนั้นมีรูปวาดน่าพิศมัย เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เขารู้สึกอย่างไร และไม่รู้ว่าทำไมจะต้องคิดถึงชานยอลตอนที่มีอะไรกับอีกคน....



แก้ไขล่าสุดโดย 0ctogus เมื่อ Fri Dec 14, 2012 1:42 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง

http://0ctogus.forumth.com

2Part 15  turnover  Empty Re: Part 15 turnover Fri Dec 14, 2012 1:41 pm

0ctogus

0ctogus
Admin

สาเหตุของการกระทำเลวๆที่ทำมาทั้งหมด ไม่ว่าจะการร่วมรักกับคนอื่น การจงใจให้ชานยอลมาเห็น ทุกๆอย่างถูกบ่งการสั่งด้วยอารมณ์ความโกรธเกรี้ยว และความโมโหทั้งสิ้น เขาไม่พอใจที่ไคยุ่งกับของรักของหวง เกลียดที่ชานยอลยิ้มให้กับคนอื่น และโกรธที่มีความสุขแม้เขาจะไม่อยู่ด้วย สิ่งที่ทำไปก็เพียงเพื่อต้องการจะประชดประชัน เอาชนะ และต้องการให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด ให้หนักหนาสาหัสกว่าที่เขารู้สึก ใช่ มันควรจะเป็นอย่างนั้น ตอนแรกที่เห็นชานยอลร้องไห้ เขาสะใจ ดีใจ และรู้สึกดีที่สามารถประชดร่างโปร่งได้สำเร็จ และดูเหมือนว่าผลลัพท์จะดีกว่าที่คาดไว้เสียด้วย นับเป็นชัยชนะที่เขาต้องการมาตั้งแต่ต้น แต่แวบความคิดต่อมาทำให้การชนะของเขาดูด้อยค่าลงไป เพราะหัวใจของเขากลับรู้สึกเจ็บแปลบ นึกลังเลกับสิ่งที่ตัวเองทำ ว่านี่หรือคือสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ หยาดน้ำตา และความเสียใจของเด็หคนนั้นน่ะหรือ คือสิ่งที่ชดใช้ความรู้สึกของเขาได้ เสียงวิ่งของชานยอลดังแหว่วเข้ามาในโสตประสาท มันดังตึก ตึก ตึก เข้ามาในหัวใจ เสียงความคิดหนึ่งสั่งให้เขาหยุดแล้วตามออกไป แต่อีกเสียงหนึ่งมันกลับกระซิบซ้ำย้ำๆว่า ดีแล้ว นี่ล่ะที่ฉันต้องการ ให้มันเจ็บแสบ ให้มันทรมาน เขาห้วนนึกถึงภาพที่ไคจับแก้มชานยอล ภาพที่ร่างโปร่งมีความสุขทั้งๆที่ไม่มีเขา แล้วความลังเล แลละห้วงความเจ็บปวดในใจก็ถูกพังทลายมลายหายไปอย่างสิ้นเชิง คริสหันกลับมาสนใจร่างตรงหน้าที่แทบจะนอนเปลือยร่างเสนอให้เขากอดรัดได้ทั้งวันทั้งคืน และแน่นอนเขาไม่ปฎิเสธ ร่างสูงสนองทุกความต้องการของร่างนั้น ใช้ร่างนั้นไม่ต่างอะไรกับที่รำบายความรู้สึกลิงโลดในใจ แต่เมื่อร่วมรักกันไปสักพัก ภาพที่ปรากฎขึ้นในใจกลับเป็นภาพของชานยอล ห้วงความคิดต่างๆถูกร่างโปร่งเข้ายึดครอง ไม่สามารถสลัดให้หลุดออกไปได้ แล้วพอทุกอย่างผ่านพ้นไป ความรู้สึกสุดท้ายที่รู้สึกกลับไม่ใช่ชัยชนะ แต่กลับเป็นความรู้สึกอื่นที่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถอธิบายอะไรได้





คริสลุกขึ้นนั่งกับเตียง ทิ้งให้สมองและจิตใจอยู่กับตัวเองสักพักหนึ่ง ก่อนจะเดินออกไปยืนตากลมที่ระเบียงด้วยเพราะสาเหตุอะไรไม่ทราบ รู้ได้แค่ตอนนี้จิตใจของเขากำลังไม่เยือกเย็นและนิ่งสงบอย่างทีมันเคยเป็น ร่างสูงบอกซ้ำๆย้ำๆกับตัวเองให้สลัดความรู้สึกที่เข้ารุมเร้าเหล่านั้นออกไป อู๋อี้ฟานไม่ใช่คนที่จะมาเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำไปแล้ว การกระทำที่ทำลงไปแล้วย่อมการขึ้นจากการไตร่ตรองที่รอบคอบแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้หวนคิดอีกครั้ง คนอย่างเขาไม่เคยสำนึกหรือระลึกถึงผลเสียของการกระทำมิใช่หรือ ต่อให้วันเวลาผันเปลี่ยนหมุนเวียนไปสักเท่าไรเขาก็จะเป็นอย่างนั้น เด็กคนนั้นไม่สามารถเปลี่ยนอะไรเขาได้ ไม่มีทางและจะไม่มีวัน การลังเล และไม่สบายใจถือเป็นสิ่งที่น่าสมเพช และไม่ควรเกิดขึ้นกับเขา จงสลัดมันออกไปเสียให้หมด ไม่ให้เหลือแม้แต่ร่องรอย แล้วจงกลับไปเป็นอู๋อี้ฟานคนเดิม คนที่ไร้หัวใจและความสงสาร......





--------------------------------------





ชานยอลหลับใหลไปนานหลายชั่วโมง กว่าจะตื่นขึ้นมาก็ตอนเย็นย่ำแล้ว ตากลมปรือตาขึ้นมาอย่างยากลำบากเพราะเปลือกตาช้ำจากการร้องไห้มาอย่างหนัก ร่างโปร่งค่อยๆสอดส่ายสายตาไปรอบๆ นึกแปลกใจที่กลับมานอนที่ห้องเก่าของเขาได้ เซฮุนกับลู่ฮานนั่งฟุบหลับอยู่ข้างๆเขา ภาพความรักของคนทั้งคู่เรียกน้ำตาจากตมกลมได้เป็นอย่างดี ร่างโปร่งคิดในใจว่าทำไมเขาไม่มีโอกาสพบเจอความรักที่สวยงามแบบนี้บ้าง ชานยอลปล่อยให้ตัวเองร้องเงียบๆอยู่อย่างนั้นสักพัก ก่อนจะตัดสินใจปาดมันออก แล้วลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ มองใบหน้าตัวเองที่อยู่ในกระจก ภาพของเด็กชายคนหนึ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ดวงตากลมโตที่เคยสุดสนกลับกลายเป็นดวงตาแสนบอบช้ำ แดงก่ำด้วยเพราะร้องไห้มากเกินไป เขามองภาพนั้นนิ่ง ค้างกับสภาพของตัวเองไปครู่หนึ่ง.....



นี่หรอ.......ปาร์คชานยอล

นี่หรอ........คือตัวผม



เปลือกตาบางปิดลงช้าๆ หยาดน้ำใสหลั่งรินลงมาเป็นสายอีกครั้ง ปากบางถูกฟันคมกัดไว้อย่างนั้น ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามา รู้สึกเหมือนโลกนี้มันโหว่งเหว่ง เคว้งคว้างไปหมด เหมือนมีเขาคนเดียวที่ทุกข์ทรมานเจียนตาย หัวใจดวงน้อยเจ็บปวดราวกับมีใครมาบิดที่ขั้วหัวใจ เรี่ยวแรงทั้งหมดที่เคยมีมลายหายไปไหนไม่ทราบได้ เขาไม่มีแรงแม้แต่จะเช็ดน้ำตาให้ตัวเอง ได้แต่ปล่อยให้มันไหลอยู่อย่างนั้น........



เจ้าหมาแสนโง่เขลาเอาแต่ร่ำไห้อยู่อย่างนั้น ใช้น้ำตาปลอบใจตัวเอง

เจ้าหมาแสนโง่เขลาเฝ้าแต่คิดถึงภาพที่เจ้าของอยู่กับคนอื่น มันทำได้แค่เสียใจ และร้องไห้อยู่ตัวเดียว

ไม่มีสิทธิเข้าไปอาละวาด หรือโวยวาย เพราะรู้ตัวว่าเป็นเพียงแค่ลูกหมาที่หลงทางเข้ามาในชีวิตเจ้าของ

เป็นได้แค่นั้นเอง.......จริงๆ





ที่ผ่านมาเขายังพอทนไหว ยังรับได้ แม้จะมีเรื่องให้เจ็บช้ำน้ำใจมากแค่ไหน ก็พยายามทนมาตลอด แต่สำหรับเรื่องนี้มันร้ายแรงเกินกว่าที่หัวใจคนคนหนึ่งจะทนได้ไหว ภาพเมื่อบ่ายไหลย้อนกลับเข้ามาในหัวซ้ำไปซ้ำมา ราวกับจะตอกย้ำให้หัวใจยิ่งบอบช้ำลงไปหนักกว่าเก่า นี่ใช่มั้ย คือสาเหตุที่หายไป ไม่มาเยี่ยม ไม่มาดูแล นี่น่ะหรอคือสิ่งตอบแทนความรัก ความอดทนของเขา หยาดหยดน้ำตาที่หลั่งรินออกไปไม่รู้มากมายมหาศาลเท่าไร ไม่เคยมีครั้งไหนเจ็บปวดเท่านี้ และต่อให้เขาไปแหกปากร้องไห้ต่อหน้า คนใจร้ายคนนั้นก็คงจะไม่สนใจ เพราะน้ำตา ไม่สิ เพราะเขาไม่เคยมีค่าอะไรในสายตาคนคนนั้น ในขณะที่มันมีค่ากับคนอื่น เซฮุน ไค ลู่ฮาน หรือแม้แต่คุณยายแม่บ้าน และคนใช้คนอื่นๆ พวกเขากลับคอยห่วงใย คอยปลอบเขา คอยกอดเขา และอยู่ข้างๆเขาตลอด เห็นค่าความเป็นคนของเขา มากกว่าผู้ชายคนนั้น แต่เขากลับปล่อยปะละเลยไม่สนใจคนพวกนั้น เอาแต่วิ่งไล่ตามคนใจร้ายคนนั้น ปล่อยให้เขาทำร้ายตัวเองสารพัดสารเพ โง่งมเป็นคนอ่อนแออยู่นาน คำพูดของลู่ฮานไหลเข้ามาในหัวอีกครั้ง อย่าให้อะไรมาทำร้ายเราได้ ใช่ จริงอยู่ว่าการกระทำ และคำพูดเหล่านั้นร้ายแรง และมีพลังที่จะกัดกร่อนจิตใจของเขาได้ แต่ทำไมมันถึงทำได้ล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะเขายอมให้มันทำเอง ชานยอลค่อยเงยหน้าขึ้นมองกระจก ภาพที่สะเทือนไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเท่าไร ใบหน้าของเขายังคงบอบช้ำ เละเทะไปด้วยคราบน้ำตา หากแต่ดวงตาของเขาไม่ได้เจือไปด้วยความเศร้าอย่างเดียวอีกแล้ว....





ภาพเหตุการณ์ที่เซฮุน ไค และลู่ฮานอยู่ดูแลเขาที่โรงพยาบาล ภาพคุณยายแม่บ้านวิ่งเข้ามากอดและถามถึงอาการป่วยของเขา ทุกๆความห่วงใยและการดูแลของทุกๆคนไหลย้อนกลับเข้ามาในหัวคำพูด ที่ผ่านเขาไม่ทันได้สังเกตุเห็นสิ่งเหล่านี้เลย เขาเอาแต่สนใจ เฝ้าคิดถึงคนที่ไม่เคยเห็นค่าของเขาเลย วิ่งไล่ตาม คอยเป็นเหยื่อให้ผู้ชายคนนั้นทำอะไรตามใจชอบ เอาแต่คอยตักตวงความสุขจากร่างกายของเขาอย่างเดียว ทุกครั้งที่เขาเศร้าเพราะผู้ชายคนนั้น รอบกายเขากลับไร้เงาของร่างสูง มีเพียงเพื่อนและคนอื่นๆเท่านั้นที่อยู่กับเขา ชานยอลค่อยๆหลับตาลงช้าๆ นึกคิดทบทวนเหตุการณ์ เหตุผลต่างๆ และตั้งคำถามกับตัวเองว่า จากนี้จะยอมให้ถูกทำร้ายอีกต่อไปหรอ......จริงอยู่ว่าเขายังรักผู้ชายคนนั้น แต่ความรักของเขามันมีให้แค่คุณคริสที่ใจดีเท่านั้น ไม่ใช่ไอ้สารเลวคนนี้ มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะลุกขึ้นมารักตัวเองบ้าง ถึงเวลาที่จะหันไปสนใจคนรอบข้างที่เห็นค่าเขา มันถึงเวลาแล้ว ถึงเวลาแห่งความโศกเศร้าควรจะสิ้นสุดสักที.....



เปลือกตาบางค่อยๆลืมตามองตัวเองในกระจก แววตาที่แน่วแน่ผิดกับเมื่อครู่จับจ้องไปที่ดวงตาที่บอบช้ำ ไล่ต่ำลงมาตามคราบน้ำตาที่ไหลรินไปถึงคางมน นี่ไม่ใช่เขา.....นี่ไม่ใช่ปาร์คชานยอลที่เขารู้จัก ภาพชานยอลที่อ่อนแอคนนี้จะเป็นภาพสุดท้าย จากนี้มันจะไม่มีคนแบบนี้อีกแล้ว



ชานยอลสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด หลับตานิ่ง ก่อนจะปล่อยพรูลมหายใจออกมา มือเรียวค่อยๆเอื้อมไปเปิดก็อกน้ำ สองมือรองน้ำขึ้นล้างใบหน้าของตัวเองให้กลับมาสะอาดหมดจดอีกครั้ง ใช้เวลาชำระล้างอยู่สักพักใบหน้าของเขาก็กลับมาเหมือนเดิม แม้ดวงตาจะยังแดงก่ำอยู่แต่มันก็ไม่ได้ดูเศร้าสร้อยเหมือนเดิมอีกแล้ว ตากลมจับจ้องไปที่ภาพสะเทือนของตัวเอง ปล่อยความคิดให้ไหลเข้ามาในหัวเรื่อยๆ ระหว่างที่กำลังอยู่ในภวังค์ จู่ๆเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงร้องเรียก



“พี่ อยู่ในนั้นใช่ป่ะ คือว่า.....เมื่อกี้”



“ว่าไงไอ้ฮุน” เซฮุนที่อยู่อีกฟากของประตูถึงกับชะงักไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าชานยอลจะเอ่ยตอบ เขาคิดว่ารุ่นพี่น่าจะร้องไห้เศร้าโศกเสียใจอยู่



“เอ่อคือ......พวกผมจะลงไปกินข้าวข้างล่างนะ แต่พี่ไม่ต้องไปหรอก เดี๋ยวให้คุณยายยกมาให้” ถ้าไม่ลงก็เท่ากับยอมรับว่าตัวเองพ่ายแพ้ ถ้าไม่ลงก็เท่ากับก้าวไม่พ้นความอ่อนแอ



“ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่ลงไปด้วย” ชานยอลเดินไปเปิดประตู เซฮุนและลู่ฮานอึ้งไปเล็กน้อยที่ชานยอลเลิกร้องไห้



“ชานยอล ฉันว่าอย่าเลย อยู่นี่เถอะ” ลู่ฮานดูมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยที่ต้องพูดแบบนั้น ร่างโปร่งขมวดคิ้วไม่เข้าใจในท่าทางของร่างเล็ก



“ทำไมถึงไม่อยากให้ผมลงไปล่ะครับ ผมโอเคแล้วนะ”



“พี่.....คือ แม่งเอ้ย อย่าลงเลยว่ะ”



“คนที่ทำให้นายเสียใจ คริสและเทา ลงไปกินด้วย” ร่างโปร่งชะงักไปเล็กน้อยที่ได้ยิน ความเศร้าเจือในแววตาเพียงชั่วครู่ แต่สุดท้ายก็ถูกสลัดออกไป



“งั้นเรา.......ก็ลงไปกินกันเถอะ” ชานยอลว่าพร้อมกับบ่นว่าเขาเริ่มหิวแล้ว ขาเรียวพาร่างตัวเองเดินนำหน้าไปที่ประตูห้อง เซฮุนได้แต่ทำหน้างงกับอาการของอีกฝ่าย คงจะมีเพียงลู่ฮานที่พอจะเดาๆได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของชานยอล........



ร่างโปร่งค่อยๆเดินออกจากห้องไป ถึงอดีตความโศกเศร้าและความเจ็บปวดไว้เบื้องหลัง สิ่งเหล่านั้นจะไม่ใช่ผีที่คอยตามหลอกหลอนเขาอีกแล้ว มันจะเป็นเพียงบทเรียนราคาแพงที่เขาจ่ายมาด้วยความรู้สึกของตัวเอง และต่อจากนี้ เขาจะใช้มันเพื่อเรียนรู้และทำให้เขาเข้มแข็งขึ้น



จากนี้จะไม่มีปาร์คชานยอลคนอ่อนแอคนนั้นอีกแล้ว จะมีก็แต่คนที่เข้มแข็งขึ้นเท่านั้น









“ของเล่นชิ้นนี้ จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว คุณคริส”


---------------------------------------------------------------------------

http://0ctogus.forumth.com

3Part 15  turnover  Empty Re: Part 15 turnover Fri Dec 21, 2012 11:25 am

bew


ผู้มาเยือน

โอ๊ย ึริสแม่มเลวไม่มีที่ติเรย
บังอาจทำให้ยอลเสียใจอยู่เรื่อยเรย
มันน่าโมโหนัก #อินเกิ๊น 5555
ต่อไปนี้ ไม่มียอลลี่คนอ่อนแอคนนั้นแล้ว
เข้มแข็งไว้ เอาคืนคริสให้สาสามเรยนะยอล

4Part 15  turnover  Empty Re: Part 15 turnover Sun Dec 23, 2012 3:40 pm

plengklui



อุกรี๊ด ในที่สุดวันนี้ที่เรารอคอยก็มาถึงแล้ว ><

ชานหยอยของเราเข้มแข็งแล้ว ลูกแม่ *ปลาบปลื้ม*

อย่าให้ใครมาทำร้ายเราได้เข้าใจมั๊ยลูก เข้มแข็ง สู้ๆ ฮึ่ยยะ! ==;;;

ชอบเสี่ยวลู่จัง >.< ยิ่งอ่านก็ยิ่งชอบ กวางกวางน่ารักอ๊าาาาา <3
นิสัยของเน่ฮุนยิ่งน่ารักกว่า เด็กอะไรอย่างนี้ ><

5Part 15  turnover  Empty Re: Part 15 turnover Tue Mar 26, 2013 10:26 pm

pachaam_

pachaam_

เอาเลยยๆๆๆๆ T _ T
ของมีค่ากลับไม่ใส่ใจ
รักชานยอลก็บอกมาเหอะๆ โห่วเก๊กๆ -_-

https://twitter.com/_5Qwc

6Part 15  turnover  Empty Re: Part 15 turnover Wed Apr 10, 2013 12:50 pm

rquniqa



ในที่สุดชานนอลก็เข้มแข็งขึ้นแล้ว
ถูกแล้วลูกแกจะต้องไม่เสียน้ำตาให้คนสารเลวแบบนั้น
อิพี่คริสเลวววววววววววววว

7Part 15  turnover  Empty Re: Part 15 turnover Wed Jun 26, 2013 11:11 pm

panaddaj



บอกได้คำเดียว
"เจ็บปวด"
สงสารชานยอลที่สุด

8Part 15  turnover  Empty Re: Part 15 turnover Sun Aug 04, 2013 11:39 pm

potter



เจ็บโคตรๆเลยล่ะเห็นคนที่เรารักอยู่กับคนอื่น

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ