0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

Part 18 Lost My Mind

+2
theparan
0ctogus
6 posters

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

1Part 18  Lost My Mind Empty Part 18 Lost My Mind Fri Dec 14, 2012 9:39 am

0ctogus

0ctogus
Admin


ความทรงจำ คือร่องรอยของเหตุการณ์

หัวใจและสมอง คือเครื่องบันทึกความทรงจำ

แต่ถ้าวันหนึ่ง........เครื่องบันทึกเกิดพังหรือสูญหายไปล่ะ

คุณจะใช้อะไรจดจำ “ ความทรงจำ ”





ค่ำคืนที่เงียบสงัด สายลมแรกของฤดูหนาวพัดเอี่อย แวะมาทักทายยอดใบหญ้า กิ่งก้านของต้นไม้ เล็กน้อย ก่อนจะพัดผ่านไป ส่งสัญญาณบอกฤดูกาลใหม่กับพื้นที่บริเวณอื่น ความเย็นจางๆค่อยๆโรยตัวห่มพื้นดินให้หนาวเหน็บ สัตว์หากินกลางคืนมากมาย ต่างรีบออกหาอาหารกักตุนไว้สำหรับจำศีลในช่วงฤดูหนาว ดอกไม้ใบหญ้าเริ่มสลัดใบของมันทิ้งเตรียมที่จะหลับใหล การตื่นและการหลับเกิดขึ้นอย่างช้าๆด้านนอกหน้าต่างห้องของชานยอล หรืออดีตห้องของลู่ฮานนั้นเอง





ร่างโปร่งนอนหลับใหล ขังตัวเองอยู่ในความฝันประหลาด เขากำลังวิ่งหนีใครบางคนอยู่ สองข้างทางที่วิ่งผ่านโล่งและไกลสุดลูกหูลูกตา หาที่สิ้นสุดไม่เจอ ชายคนนั้นตะโกนเรียกชื่อเขาซ้ำๆ ไม่หยุดพักเลย จนชานยอลแอบสงสัยว่านี่เขาไม่เหนื่อยบ้างเลยหรือ สองขายาวของเขาวิ่งตามชานยอลมาเรื่อยๆเสียจนเริ่มกระชั้นชิด ภาพในฝันเริ่มเร็วขึ้นเรื่อยๆ ชานยอลวิ่ง วิ่งอยู่อย่างนั้น จนมาเจอกับหน้าผา ถัดไปไม่ไกลนักมีสะพานไม้เก่าๆถอดตัวยาวไปยังหน้าผากอีกฝั่งหนึ่ง ร่างโปร่งรีบวิ่งข้ามสะพาน ชายปริศนาที่วิ่งไล่ตามเข้ามาหยุดชะงักที่ปลายสะพาน ยังไม่ทันที่เขาจะวิ่งตามมา จู่ๆภาพฝันก็ตัดฉับไปที่อื่น





ผู้ชายคนหนึ่ง สังเกตุเห็นหน้าไม่ถนัดนัก เขากำลังนั่งก้มหน้า หลับตา อยู่ที่ปลายเตียง แขนของเขาชุ่มโชกไปด้วยเลือด ถังขยะที่อยู่ปลายเท้าของเขามีผ้าพันแผลเปื้อนเลือดอยู่ ชานยอลขมวดคิ้ว ทำไมผู้ชายคนนี้ไม่ยอมทำแผลเสียล่ะ จะปล่อยให้เลือดไหลอยู่ทำไม



“คุณ ทำไมไม่ทำแผลล่ะ” ชายคนนั้นนิ่งเงียบ ไม่ตอบอะไรกลับมา



“นี่คุณ เลือดไหลใหญ่แล้วนะ ไม่ทำแผลหรอ ผมทำให้ก็ได้” ชายคนนั้นก็ยังนั่งนิ่ง ราวกับว่าเสียงชานยอลส่งไปไม่ถึงเขา ร่างโปร่งเริ่มหาวิธีใหม่ เขาย่อตัวลงนั่งข้างๆชายคนนั้น พยายามจะมองหน้าอีกฝ่าย แต่ทำเท่าไรเขาก็ก้มมองไม่เห็นใบหน้าของชายคนนั้นที่ซ่อนอยู่ใต้เงาแดดได้เลย



“เฮ้ คุณเห็นผมมั้ย แผลคุณเลือดออกเยอะแล้วนะ ผมทำแผลให้มั้ย” เขายังคงนิ่ง ชานยอลลองพยายามอีกครั้ง



“คุณ เงยหน้ามองผมหน่อยสิ ทำแผลเถอะนะคุณ” ไม่มีการตอบสนอง ตากลมมองใบหน้าภายใต้เงานั้นอย่างเป็นห่วง แผลขนาดนั้น จะเป็นไรมั้ยนะ ระหว่างที่ร่างโปร่งนั่งมองอยู่จู่ๆเขาก็เห็นชายคนนั้นร้องไห้.......หยาดน้ำตาไหลออกมาเงียบๆ ไม่มีการสะอื้น หรืออวดครวญ มีแต่ความทุกข์ระทมที่บีบอัดอยู่ในใจ มันมากเกินเสียจนไหลซึมออกมาทางน้ำตา



“คุณร้องไห้หรอ ร้องทำไม เจ็บแผลหรอ เอ่อ…...ผมทำให้มั้ย” เขายังคงร้องไห้เงียบๆอยู่คนเดียวอย่างนั้น ไม่มีท่าทีว่าจะรู้การมาเยือนของชานยอลเลยสักนิด ร่างโปร่งถอนหายใจ เริ่มท้อที่จะพยายาม ตัดสินใจนั่งเฉยๆไม่ส่งเสียงอะไรอีก ตลอดเวลาที่นั่งข้างชายคนนั้น เขาสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้า ความเจ็บปวดที่อัดตัวอยู่ในจิตใจของคนคนนี้มันมากเกินกว่าที่จะอธิบายได้ รู้เพียงแต่รสขมของมันแทรกซึมไปทั่วทุกอณูในตัวของชายคนนี้.......



มันเศร้าเกินไป ทรมาณเกินไป เขาตอบไม่ได้ว่ามันมากมายอย่างที่เขาเคยเจอมั้ย แต่เขารู้สึกไม่ดีที่คนคนนี้เศร้า ชานยอลเขยิบเข้าหาร่างนั้น โอบกอดคนคนนั้นเอาไว้หลวมๆ ยกมือขึ้นลูบผมอีกฝ่ายเบาๆอย่างปลอบประโลม ไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงทำ รู้แต่เขาทนไม่ได้ที่จะเห็นร่างนี้เศร้า.........





ชายคนนั้นนั่งนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของชานยอล ราวกับว่าเขาไม่รับรู้ถึงสัมผัสจากร่างโปร่ง ชานยอลกอดเขาไว้อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย น่าประหลาดที่หยาดน้ำใสค่อยๆไหลรินออกจาดวงตากลม เขาเศร้าตามชายคนนี้น่ะหรือ ทำไมกันล่ะ ทำไมถึงได้ร้องไห้ แค่เห็นคนเศร้าเอง.... ชานยอลนึกถามตัวเองในใจ แต่เขาก็หาคำตอบไม่ได้ว่าทำไม



ทั้งสองกอดกันอยู่อย่างนั้นสักพัก จู่ชานยอลก็รู้สึกถึงการขยับเขยือน ชายคนนั้นจับมือของเขาเอาไว้ บีบเบาๆพอให้รู้สึก .......แปลก ทำไมเขาถึงรู้สึกอบอุ่นที่หัวใจกันนะ



มือใหญ่ค่อยๆเลื่อนขึ้นมาประครองใบหน้าร่างโปร่ง ใช้นิ้วปาดน้ำตาออกจากผิวแก้มเนียนช้าๆ ใบหน้าที่ถูกซ่อนไว้ในเงาแดด ค่อยๆเงยหน้าขึ้นช้าๆ ยังไม่ทันที่ชานยอลจะได้เห็นหน้าอีกฝ่าย เขาก็ลืมตาตื่นขึ้นเสียก่อน.....



“ฝันไป…...หรอกหรอ” มือเรียวยกขึ้นกุมหัวใจตัวเองเอาไว้ ดวงตากลมมองเพดานสีขาวอยู่อย่างนั้น นึกย้อนกลับไปถึงภาพเหตุการณ์ในฝัน อีกแค่นิดเดียวเขาก็จะเห็นใบหน้าของชายคนนั้นแล้ว น่าเสียดายจริงๆที่ตื่นขึ้นมาซะก่อน ไม่งั้นก็คงได้รู้แล้วว่าชายคนนั้นเป็นใคร....



ความเศร้าที่เขารู้สึกยังคงไม่จางหายไปไหน มันยังคงเกาะกุมอยู่ที่หัวใจดวงน้อยๆดวงนี้ มือเรียวกำเสื้อนอนแน่น ราวกับต้องการไขว่คว้าหาความอุ่นใจมาเติมเต็มความรู้สึก เปลือกตาบางข่มให้หลับอีกครั้ง เขาคงจะคิดมากไป วันนี้เขาคงจะเหนื่อยเกินไป เลยทำให้ฝันอะไรบ้าบอแบบนี้ ชานยอลบอกกับตัวเองซ้ำๆ ย้ำให้ติดเข้าไปในสมอง ทำอยู่อย่างนั้นจนผล็อยหลับไป









------------------------------------------







ภายในห้องนอนหรูที่แสนจะอ้างว้าง เพราะใครคนหนึ่งได้หายออกไปจากห้อง ไม่กลับมานอนที่นี้อีก เขาทิ้งให้ร่างร่างหนึ่งนอนหลับใหลเพียงลำพัง ......



แม้ตอนนี้จะเป็นตอนกลางคืน เวลาตื่นของเหล่าแวมไพร์ แต่ด้วยพิษจากบาดแผลและความเหนื่อยล้าทางจิตใจ ทำให้ร่างของคริสนอนหลับใหลอยู่บนเตียงกว้าง เขาเว้นที่ข้างๆไว้พอสำหรับให้ใครคนหนึ่งมานอนได้สบาย ให้ใครคนหนึ่งที่เพิ่งจะทิ้งเขาไป หวังลึกๆให้เขาคนนั้นจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยนอนตรงนี้ ที่นี้ ข้างๆเขา แต่มัน......ก็เป็นได้แค่ความฝันเท่านั้น



ร่างสูงทิ้งดิ่งจิตสำนึกให้จมลงสู่ห้วงของความฝัน ภายในความฝัน เขากำลังวิ่งตามชานยอลอยู่ ตลอดทางที่วิ่งไป ก็เอาแต่ร้องเรียกชื่ออีกฝ่าย แต่ร่างโปร่งก็ไม่สนใจ คิดจะชะงักหรือหยุดรอเขาเลย เอาแต่วิ่งหนีเขาไปเรื่อยๆ ไปเรื่อยๆ เขาวิ่งตามชานยอลต่อไป คิดอย่างเดียวว่าจะต้องไล่ตามให้ทัน จะต้องจับตัวให้ได้ จะไม่ปล่อยให้ลูกหมาตัวนี้วิ่งหนีเขาไปอีกแล้ว เมื่อเขาวิ่งจนเริ่มใกล้ประชิดตัวชานยอล ภาพในฝันเริ่มเร็วขึ้นเรื่อยๆ เขาวิ่ง วิ่งตามอยู่อย่างนั้น ชานยอลวิ่งข้ามหน้าผาไปอีกฝั่ง ฉับพลันนั้นเองเขากำลังจะวิ่งข้าม ตามไป ภาพความฝันก็ดับวูบ ตัดฉับไปที่อื่นเสียก่อน



ภาพเหตุการณ์เมื่อเช้าถูกฉายซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง เขากำลังนั่งก้มหน้าหลับตาอยู่ที่ปลายเตียงคนเดียว ปล่อยความรู้สึกต่างๆให้ถาโถมเข้ามาในจิตใจ โดยไม่สนเลือดที่ไหลอาบแขนเลยแม้แต่น้อย ระหว่างที่กำลังคิดนู่นคิดนี่จู่ๆเขาก็รู้สึกเหมือนมีใครบางคนอยู่ในห้องด้วย ตาคมเตรียมจะเงยหน้าขึ้นสบกับอีกฝ่าย แต่แล้วเขาก็ถูกขัดด้วยเสียงของอีกฝ่ายเสียก่อน .......เสียงที่คุ้นเคยที่เคยได้ยินอยู่ทุกคืน



“คุณ ทำไมไม่ทำแผลล่ะ”



“มันไม่เจ็บเท่าไร” คริสเอ่ยตอบกลับไป ตาคมเหลือบไปมองแขนของตัวเอง



“นี่คุณ เลือดไหลใหญ่แล้วนะ ไม่ทำแผลหรอ ผมทำให้ก็ได้”



“นายทำเป็นกับเขาด้วยหรอ ฉันไม่เป็นไรมากหรอก ไม่เป็นไร” ชานยอลไม่ตอบกลับ ทำเหมือนกับว่าไม่ได้ยินเสียงเขา ร่างโปร่งย่อตัวลงนั่งข้างๆเขา พยายามจะมองหน้าเขาให้ได้ คริสได้แต่ก้มหน้าเลี่ยงไม่ให้อีกฝ่ายเห็นใบหน้าที่โศกเศร้าของตัวเอง



“เฮ้ คุณเห็นผมมั้ย แผลคุณเลือดออกเยอะแล้วนะ ผมทำแผลให้มั้ย”



“ห่วงฉันหรอ ได้ยินฉันมั้ย ชานยอล”



“คุณ เงยหน้ามองผมหน่อยสิ ทำแผลเถอะนะคุณ” ไม่ได้ยินงั้นหรอ.........



ตากลมมองใบหน้าภายใต้เงาของเขาอย่างเป็นห่วง คริสปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลออกมาเงียบๆ ไม่มีการสะอื้น หรืออวดครวญ มีแต่ความทุกข์ระทมที่บีบอัดอยู่ในใจ มันมากเกินเสียจนไหลซึมออกมาทางน้ำตา





แค่เสียงก็ยังส่งไปไม่ถึงงั้นหรอ





“คุณร้องไห้หรอ ร้องทำไม เจ็บแผลหรอ เอ่อ…...ผมทำให้มั้ย” คริสยังคงร้องไห้เงียบๆอยู่คนเดียวอย่างนั้น ไม่ตอบคำถามอีกฝ่าย ร่างโปร่งถอนหายใจ เริ่มท้อที่จะพยายาม ตัดสินใจนั่งเฉยๆไม่ส่งเสียงอะไรอีก ตลอดเวลาที่นั่งข้างคริสสีหน้าของชานยอลดูเศร้าสลดลง คริสเพิ่งรู้ตัวว่าเขาเกลียดใบหน้านี้นัก เกลียดที่คนคนนี้ต้องโศกเศร้าเพราะเขา........แต่กว่าจะรู้ มันก็คงสายไปเสียแล้ว ที่ผ่านมาเขาเอาแต่ทำร้ายคนคนนี้ ทำจนหัวใจคนคนนี้รับไม่ได้อีกต่อไป จนต้องหนีจากเขาไป.....



ระหว่างที่เขาคิดถึงความผิดที่เคยทำในอดีต จู่ๆก็สัมผัสได้ถึงอ้อมกอดและสัมผัสจากมือของชานยอลที่ลูบผมของเขาอยู่





....ทำไมถึงเข้าใกล้ได้.....

เหตุผลไม่จำเป็นต้องรู้หรอก

......รู้แค่เขาจะขอดื่มด่ำกับช่วงเวลานี้ให้นานที่สุดก็แล้วกัน......





ทั้งสองกอดกันอยู่อย่างนั้นสักพัก จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงสะอื้นไห้เบาๆของชานยอล ความเจ็บแล่นแปลบเข้ามาที่ขั้วหัวใจ เขาไม่อยากจะเห็นน้ำตาของชานยอลอีกแล้ว ที่ผ่านมามันมากเกินพอแล้ว มือใหญ่ค่อยๆเลื่อนขึ้นมาประครองใบหน้าอีกฝ่าย ใช้นิ้วปาดน้ำตาออกจากผิวแก้มเนียนช้าๆ ใบหน้าที่ถูกซ่อนไว้ในเงาแดด ค่อยๆเงยหน้าขึ้นช้าๆ หวังจะสบตากับชานยอลอีกสักครั้งแต่เขาก็ทำได้แค่หวังเท่านั้น........





.....ภาพความฝันจางหายไป.....



“ฝันงั้นหรอ” เอ่ยก่อนจะหลับตาลง ปล่อยให้ความโศกเศร้ากัดกินหัวใจไปทีละนิด ทีละนิด จนมันเริ่มเว้าแหว่ง ไม่เหลือรูปทรงเดิม.....



สัมผัสอ้อมกอดที่อ่อนโยน มือเรียวที่ลูบผมเขาเบาๆ คำพูดที่แสดงถึงความห่วงใยของชานยอล กลิ่นอายความอบอุ่นต่างๆเจือจางอยู่ในทุกอณูของพื้นห้อง มันยังคงติดตรึงในใจ ราวกับว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจริง ณ ที่แห่งนี้ ที่ที่เคยเป็นของเขากับชานยอล......



อยากจะเชื่อเหลือเกินว่าทั้งหมดคือเรื่องจริง ชานยอลห่วงเขา เขาได้สัมผัสชานยอลอีกครั้ง ได้มอบความรักให้ ได้ดูแล ชดเชยในสิ่งที่เขาทำพลาดไป แต่ทุกอย่างๆก็เป็นได้แค่นั้น ตาคมค่อยๆลืมขึ้นช้าๆ ภายในห้องว่างเปล่า ไร้เงาคนที่อยากเจอ มีเพียงความมืดอ้างว้าง แสนเงียบเหงา อยู่เป็นเพื่อนเท่านั้น.....



ร่างสูงเหม่อมองห้องของตัวเอง ไม่ว่าสายตาจะสบเข้ากับอะไร ภาพของชานยอลก็มักจะปรากฎขึ้นมาในความคิด ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างมันยังคงเด่นชัดในหัวสมองและจิตใจ ตอกและย้ำว่าเมื่อก่อนเขาได้ทำอะไรลงไป เคยใจร้ายกับร่างนั้นมากแค่ไหน.......



แต่กว่าที่เขาจะรู้ค่า กว่าที่เขาจะรู้ใจตัวเอง ทุกอย่างมันก็สายไปแล้ว ชานยอลหนีเขาไปแล้ว ทิ้งให้เขาอยู่กับความทรงจำอันแสนโหดร้าย เผชิญกับความเหงา และต่อสู้กับความเสียใจเพียงลำพัง........



ตาคมเหลือบไปมองที่ว่างข้างเตียงที่เขาเว้นไว้สำหรับใครอีกคน......



“บางครั้งฉันก็อยากติดอยู่ในความฝัน..........ตลอดไปนะ ชานยอล”



เบนสายตาออกมาก่อนที่ตัวเองจะคิดถึงอีกคนไปมากกว่านี้ คริสข่มใจพยายามสั่งให้ตัวเองหลับอีกครั้ง ทำอย่างนั้นอยู่นานแต่ก็เปล่าประโยชน์ จิตใจของเขาไม่ยอมหลับใหลตามที่สมองสั่ง ร่างสูงยันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะเดินออกไปตากลมที่ระเบียง



ภาพวันวานครั้งที่เขากับชานยอลเคยนั่งอยู่ตรงนี้ เมื่อตอนทำพันธสัญญาไหลย้อนกลับเข้ามาในหัว สัญลักษณ์ของเขาที่เคยปรากฎบนแผ่นหลังและสะโพกของชานยอลยังคงเด่นชัดแจ่มแจ้งในหัวใจ แต่สิ่งเหล่านั้นมันก็คงจะเป็นได้แค่ความทรงจำในอดีตเท่านั้น ตอนนี้เขาคงจะไม่มีวันได้เห็นสัญลักษณ์นั่น เพราะเขาไม่สามารถแตะต้องตัวชานยอลได้อีกแล้ว....



ยังจำได้ดีภาพชานยอลที่แขนเต็มไปด้วยรอยแผล หยดเลือดมากมายไหลออกมา อาบแขนเรียวให้เปรอะเปื้อนไปด้วยของเลวสีแดงฉาน ใบหน้าของชานยอลที่บิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวดเด่นชัดในสมอง ดวงตากลมที่เคยมองเขาด้วยแววตาหวานซึ้ง กลับกลายเป็นดวงตาที่ฉายไปด้วยความโกรธ และเย็นชา ร่างโปร่งมองเขาอย่างคนที่ไม่เคยรู้จักกัน ทำเหมือนเป็นคนอื่นคนไกล เป็นคนแปลกหน้าที่เพิ่งเคยเจอกัน........





เจ้าลูกหมาน้อย จำเจ้าของไม่ได้แล้วหรือ

.....ลืมไปแล้วหรอ ว่าเคย รักเจ้าของคนนี้....





“ฉันคงเป็นได้แค่.......คนแปลกหน้าใช่มั้ยชานยอล” คงต้องทำใจยอมรับว่าจากนี้เขาก็คงจะเป็นได้เท่านี้ เขาไม่มีสิทธิจะยุ่งเกี่ยว ไม่มีสิทธิจะเข้าใกล้ ไม่มีสิทธิจะแตะต้อง......คนคนนี้อีกแล้ว





คริสหลับตาลงช้าๆ สูดลมหายใจลึก ก่อนจะพรูออกมา ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงต่ำ ซ่อนความขมขื่นของตัวเองเอาไว้ในเงา





สายลมหนาวพัดเอื่อยมาต้องผิวกายคริสที่ยืนนิ่ง ความเย็นของมันปลุกเขาออกจากภวังค์ได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น ร่างสูงแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามราตรี ดาวน้อยใหญ่ต่างส่องแสงระยิบระยับประดับฟากฟ้าให้ ความสวยงามของมันไม่ได้ดึงดูดให้คริสสนใจ เขายังคงปล่อยสติไปกับเรื่องของชานยอล ร่างสูงหันหน้ากลับมา ตาคมมองเหม่อไปไกลทางห้องของชานยอล แม้ภายนอกจะดูนิ่ง หากแต่หัวใจของเขากลับรวดร้าว ถูกบีบรัดด้วยความรู้สึกมากมาย มือใหญ่ออกแรงบีบราวระเบียงแน่น ไหลค่อยๆไหลซึมออกมาจากปากแผลช้าๆ แต่เขาก็ไม่คิดจะสนใจมันเลยสักนิด สิ่งเดียวที่เขาสนใจตอนนี้คือ ใครบางคนที่อยู่อีกห้องหนึ่ง ใครคนนั้น คนที่กุมหัวใจของเขา..........





-------------------------------------------







ยามเช้ามาเยือนช้ากว่าปกติ เพราะช่วงนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ร่างสูงที่นอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืน ยันตัวนั่งบนเตียงช้าๆ ตาคมเหลือบไปดูรอยแผลของตัวเอง อาการของมันดีขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย รอยบาดตื้นขึ้นจากเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด ความเจ็บปวดทรมาณน้อยลงกว่าเดิมนัก นิ้วยาวแตะเลือดที่ไหลซึมขึ้นมาดู มองจนหยดเลือดนั้นแห้งไป ในหัวก็พลางคิดว่า...





.....ถ้าเขาเจ็บขนาดนี้ คนนั้นจะเจ็บขนาดไหน....





คริสนั่งนิ่งอยู่กับตัวเองสักพัก ตาคมมองเหม่อไปรอบๆห้อง ทุกอย่างว่างเปล่า ความสดใสที่เคยมีหายไป ร่างสูงถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ยืนนิ่งเพียงชั่วครู่ แล้วจึงตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำไป......





กลิ่นหอมจางๆของสบู่ที่ชานยอลใช้ลอยมาแตะจมูก ร่างสูงจับลูกบิดประตูอย่างอ่อนแรง ที่ตรงนั้นที่เคยอาบน้ำด้วยกัน กระจกบานนั้นที่เคยสะท้อนภาพของเขากับชานยอล พื้นตรงนั้นที่ร่างนั้นเคยทรุดนั่ง .......แปรงสีฟัน ผ้าเช็ดตัว ของใช้จุกจิกอื่นๆยังวางอยู่ที่เดิม รอคอยเจ้าของให้กลับมาใช้อีกครั้ง สิ่งของเล็กน้อยที่ไม่เขาเคยใส่ใจตอนนี้กลับกลายเป็นสิ่งมีค่าที่หลงเหลือเอาไว้ให้เขาคิดถึงใครอีกคน......



ร่างสูงเงยหน้าขึ้นก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหล ร้องเงียบๆอยู่กับตัวเองสักพัก ก่อนจะไร้ความคิดฟุ้งซ่านและความอ่อนแอออกไปจากจิตใจ พยายามไม่สนใจสิ่งๆต่างๆรอบตัว ขายาวพาตัวเองไปอาบน้ำ ระหว่างที่อาบตาคมก็หันไปมองภาพสะท้อนในกระจกพอดี.....



นั่งอยู่คนเดียว ไร้เงาของใครอีกคน



ตาคมมองภาพนั่นนิ่ง ราวกับสติของเขาได้หลุดออกจากร่างไปเสียแล้ว ใช้เวลาสักพักกว่าเขาจะกลับสู่โลกความจริง ร่างสูงแสยะยิ้มให้ตัวเองออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อ



“เหอะ” หันหน้าไปทางอื่น เหลือบตามองเพดานรอบๆ ก่อนจะรีบอาบน้ำต่อ



คริสใช้เวลาอาบน้ำต่ออีกสักพัก เมื่อเสร็จขายาวก็พาร่างตัวเองเดินออกจากห้องน้ำ ก่อนจะเดินออกจากห้อง ออกเดินไปตามทางเดินช้าๆ รอเวลาเผื่อเขาจะได้เจอใครคนนั้นที่เขาคิดถึงบ้าง.....



เหมือนพระเจ้าจะเข้าข้าง ระหว่างที่เดินเกือบจะมาถึงทางลงบันใด จู่ๆเสียงเปิดประตูก็ดังแว่วมาให้ได้ยิน ตาคมหันไปมองยังต้นเสียง ร่างโปร่งของชานยอลค่อยๆเดินออกมาจากห้อง ชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างสูง ก่อนจะออกเดินเมื่อได้สติ คริสลอบยิ้มน้อยๆ เมื่อตาคมดูแผลที่แขนของชานยอล แล้วพบผ้าพันแผลขาวสะอาดไม่มีรอยซึมของเลือด ชานยอลขมวดคิ้ว ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าร่างสูงจะยิ้มทำไม ขาเรียวรีบจ้ำอ้าวลงบันใด เร่งฝีเท้า ให้เดินไปให้พ้นๆตรงนี้เสียที ด้วยความไม่ระมัดระวัง ทำให้เสียหลักเกือบล้ม ดีที่ร่างสูงจับไว้เสียก่อน



“เดินดีๆสิ”



“อย่าจับ!” ชานยอลรีบชักมือกลับ กลัวว่าจะเจอเหตุการณ์แบบเมื่อวานอีก เขาไม่อยากจะเจ็บตัวเพราะผู้ชายคนนี้อีกเป็นครั้งที่สอง



“….......อืม” คริสตอบเพียงสั้นๆ ชานยอลไม่สนใจจะฟังแล้วด้วยซ้ำ ร่างโปร่งหันหลังขวับออกเดินไปตั้งแต่ชักมือกลับแล้ว



“ตัวอันตราย ไม่น่าเข้าใกล้” ชานยอลบ่นพึมพำกับตัวเอง แต่มันก็ดังพอให้คริสได้ยิน





......ตัวอันตราย ไม่น่าเข้าใกล้......





ร่างสูงมองตามชานยอลเดินหายไปจนลับสายตา



“ถ้านายเป็นตัวอันตราย ฉันควรจะเข้าใกล้มั้ย ชานยอล” ตาคมเหลือบมองดูแผลตัวเอง รอยกรีดรอยใหม่ปรากฎขึ้นบนแขน ซ้ำทับรอยแผลเก่าให้มันยิ่งลึก ยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ความเจ็บปวดทรมาณแล่นผ่านไปทั่วร่าง แต่เขาก็ยังคงไม่แยแส ยังยืนนิ่ง ไม่แสดงอาการเจ็บปวดใดๆ



เสียงฝีเท้าหนึ่งดังมาทางด้านหลัง คริสเหลือบตาหันไปมองเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเป็นใคร เขาก็หันกลับมา ไม่คิดจะสนใจต่อ ขายาวเดินลงบันใดช้าๆไม่รีบร้อนนัก



“พี่.......”ไคเอ่ยเรียก คริสใช้ความเงียบเป็นคำตอบ



“แขนพี่.....”



“ไม่ใช่เรื่องของนาย”



“พี่จับตัวพี่ชานยอลอีกแล้ว? พี่ไปยุ่งอะไรกับพี่เขา!”



“ไม่ใช่เรื่องของนาย”



“ผมไม่เข้าใจ!!!”

“อะไร” คริสตอบโดยไม่หันหน้ากลับมามอง ไครวบรวมความกล้าทั้งหมด ก่อนจะระเบิดคำพูดออกไป



“ทำไมวะพี่ พี่จะรังแกพี่ชานยอลไปถึงไหน แค่นี้ยังไม่พออีกหรอ เลิกซักทีเถอะ ผมสงสารพี่ชานยอล” คริสนิ่งเงียบไป ไม่ตอบอะไรกลับมา



“ทำไมพี่!!! แค่นี้มันยังไม่สะใจพี่อีกหรอ ต้องทำร้ายกันให้ถึงตายเลยมั้ย” ร่างสูงก็ยังคงยืนนิ่งไม่ตอบอะไร



“เงียบทำไมวะ!!! ผมอยากจะให้พี่เห็นวันที่พี่ชานยอลเดินร้องไห้มาขอให้ผมช่วย!!! รู้มั้ยว่ามันน่าสงสารแค่ไหน รู้มั้ยว่าพี่เขาเจ็บแค่ไหน พี่เคยสนใจบ้างมั้ย!!! ” ไคกระชากคริสให้หันหน้ามามองตน ร่างสูงมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาเรียบเฉย ไม่ฉายแววใดๆ



“พี่มัน..........ไอ้คนไร้หัวใจ!!!” ทันทีที่พูดจบร่างสูงก็นิ่งไป แววตาเจือไปด้วยความเศร้า



“ไร้หัวใจ.....” เอ่ยกับตัวเองเบาๆ



“........พี่.....” คริสไม่ตอบอะไร ร่างสูงเดินผ่านเขาไปเฉยๆ ร่างเข้มขมวดคิ้วแปลกใจ ทำไมคริสถึง........เศร้า



“พี่ เป็น......อะไร” ไครั้งคริสให้หยุดเดิน



“ถ้าฉันไม่มีหัวใจ............ก็คงดี จงอิน” ร่างสูงว่าก่อนจะเดินผ่านร่างเข้มไป ทิ้งให้ไคติดอยู่กับความสงสัยอยู่อย่างนั้น



“พี่กำลังเศร้า งั้นหรอ” มองตามคนที่พูดถึงที่กำลังเดินห่างออกไปเรื่อยๆ ทำไมคริสที่เห้นวันนี้ ไม่เหมือนวันเก่าที่เคยเห็นล่ะ......



บางอย่างมันเปลี่ยนไป





-----------------------------------------------





มื้อเช้าวันนี้ทุกคนไม่ได้มาร่วมทานอาหารกันบนโต๊ะอย่างวันก่อน เพราะเหล่าแวมไพร์แยกตัวออกไป ไม่กินอาหารมนุษย์ พวกเขาหันกลับไปกินอาหารหลักที่ตัวเองโปรดปราน หากแต่ครั้งนี้มีบางอย่างผิดแผกไป ปกติคริสมักชอบกินเลือดมนุษย์ แต่ครั้งนี้ไม่ เขาเลือกที่จะใช้เลือดสัตว์ยังชีพแทน.......



ลู่ฮานแปลกใจไม่น้อย คนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างคริสยอมลดตัวลงไปกินเลือดสัตว์อย่างนั้นน่ะหรอ อะไรทำให้คริสยอมทำกันล่ะ หรือว่า........เพราะชานยอล



อาจจะใช่ ในบ้านหลังนี้จะมีใครมีอิทธิพลกับจิตใจของคริสบ้าง นอกจากเด็กคนนั้น ที่คริสเลิกกินเลือดมนุษย์คงเพราะไม่อยากจะเลวร้ายในสายตาชานยอล เรื่องนี้เขาพอจะเข้าใจ ตัวเขาเองก็เลิกกินเลือดมนุษย์เพราะไม่อยากให้เด็กกวนประสาทนั่นกลัวเขา เกลียดเขา บางทีคริสอาจจะคิดอย่างเขาก็ได้........



หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จร่างสูงก็ปลีกตัวเองออกมาเดินเล่นที่สวน ไม่ปกติ คริสกำลังไม่ปกติ ลู่ฮานคิดในใจ เขาอยู่กับคริสมานาน นิสัยยิบย่อยต่างๆเขาก็พอจะรู้อยู่ ปกติคริสไม่ใช่คนชอบออกมาเดินเล่นกินลมชมวิวอย่างนี้นัก ยิ่งเป็นตอนกลางวันด้วยแล้ว ยิ่งไม่ชอบออกมา คริสเกลียดตอนกลางวันอย่างกับอะไรดี แต่ที่ออกมาอย่างนี้คงเพราะกำลังมีเรื่องให้คิด หรือไม่สบายใจอยู่แน่ๆ ลู่ฮานที่ลอบสังเกตุคริสมาตลอดช่วงเช้า เดินตามคริสออกมาเงียบๆ ไม่อยากจะรบกวนมากนัก



ลู่ฮานเดินโดยเว้นระยะห่างจากคริสพอสมควร ตลอดเวลาที่เดินเขาก็คอยสังเกตุสีหน้าของลูกพี่ลูกน้องตัวเองไปด้วย แม้ใบหน้าหล่อเหลานั่นจะนิ่งเฉยสักเท่าใด แต่เขาก็จับได้ถึงความโศกเศร้าที่เจือในแววตาคมนั้นอยู่ดี ทีแรกลู่ฮานอยากจะปล่อยไป ไม่คิดจะมาสงสารหรือสงสัยอะไรหรอก เผลอๆเขาอาจจะซ้ำเติมเดิมด้วยซ้ำ ก็เล่นไปทำร้ายเขาก่อนเอง แต่พอเอาเข้าจริงๆจังๆ เขาก็อดเห็นใจไม่ได้ เพราะถึงคริสจะเลวจะชั่วยังไง แต่สุดท้ายก็พี่น้องกันอยู่ดี เขาจะทนนิ่งดูดายอย่างนี้ไม่ได้



“ไม่สบายใจหรอคริส ปกติไม่เห็นมาเดินเล่นตอนนี้” ลู่ฮานลองหยั่งเชิงดู ร่างสูงนิ่งเงียบไป เหลือบตามามองเขาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบ



“อืม”



“คริส........”



“อะไร” ร่างสูงตอบโดยไม่หันมามองหน้าคู่สนทนา



“ไม่สบายใจเรื่อง.......ชานยอล ใช่มั้ย” ร่างสูงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบ

“อืม” ร่างเล็กถอนหายใจ ก่อนจะพูดต่อ



“ทำไมนายไม่รู้ตัวเร็วกว่านี้” ตาคมหันกลับมาจ้องหน้าอีกฝ่าย ลู่ฮานชะงัก หยุดพูด คิดว่าตัวเองไปกระตุกหนวดเสือเข้าซะแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง อีกไม่กี่วินาทีต่อจากนี้เขาก็คงจะโดนอาละวาดใส่แน่



“บอกตอนนี้มันก็สายไปแล้ว ลู่ฮาน” คริสว่าเสียงเรียบ ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมามอง แววตาเจือความสงสัยเล็กน้อย แปลก…...คริสไม่อาละวาด



“เฮ้อ ถามจริงๆนะ นายเคยรักเขาบ้างรึเปล่า ทำไมที่ผ่านมาถึงทำตัวอย่างนั้น” คริสไม่เอ่ยตอบในทันที ใบหน้าหล่อเหลาที่เจือความโศกเศร้าแหงนหน้ามองท้องฟ้าโปร่ง แสงแดดยามเช้า คล้อยสายสาดส่องเข้ามากระทบดวงตา ภาพเบื้องหน้ากลายเป็นความมืดมิด ตาพร่าเลือนจนเกือบจะมืดบอด นี่คือสาเหตุที่เขาเกลียดตอนกลางวัน มันน่าหงุดหงิดที่เรามองอะไรไม่ชัด มันน่าหงุดหงิดที่เห็นแค่ภาพมัว.......ถ้าเขาเกลียดการมองอะไรไม่ชัด แล้วทำไมเมื่อก่อนเขาไม่เกลียดจิตใจที่ไม่ชัดเจนของตัวเองบ้าง.....





....มันน่าหงุดหงิดที่มองอะไรไม่ชัดเจน....





“ลองอ่านใจฉันสิ ลู่ฮาน” ในที่สุดคริสก็เอ่ยตอบ ลู่ฮานประหลาดใจไม่น้อยที่ได้ยินคำตอบอย่างนั้น แต่เขาก็ยอมทำตามที่ร่างสูงว่า ทีแรกที่อ่านใจร่างเล็กมีสีหน้าปกติ ต่อครู่ต่อมาก็เบิกตากว้าง ตกใจกับสิ่งที่ตัวเองกำลังพบ.......



“นายรักเขา........ตั้งแต่แรกแล้วหรอ”



“อืม” ร่างสูงเงยหน้ามองท้องฟ้า ถามตัวเองซ้ำๆในใจว่าทำไมเขาถึงโง่อย่างนี้ ทำไมเพิ่งรู้ตัว.......ทำไมเพิ่งมองเห็นภาพในใจของตัวเอง....



“แล้วทำไม…...ที่ผ่านมา นายถึง”



“นายก็รู้นิสัยฉัน ถ้าโมโหจะกลายเป็นอีกคน ทำลายได้ทุกๆอย่าง แม้กระทั่งคนที่ตัวเอง.....รัก”



“ใช่ ทำจนชานยอลทนไม่ไหว.....”



“ฝันร้ายที่ฉันไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริง”



“เฮ้อ......มนตร์นั้นมันร้ายแรงมากนะ”



“อืม ฉันรู้”



“นายจะทำยังไงต่อไป” คริสปล่อยให้ความเงียบตอบลู่ฮาน ร่างเล็กไม่คิดจะเค้นเอาคำตอบจริงๆจังๆ รู้ดีว่าตอนนี้ลูกพี่ลูกน้องตัวเองกำลังรู้สึกอย่างไร ลู่ฮานปล่อยให้คริสอยู่กับตัวเองคนเดียว ไม่เข้าไปรบกวนอะไรอีก ร่างเล็กค่อยๆหายไปเหลือไว้แต่ร่างสูงที่ยืนคิดอะไรเงียบๆคนเดียว





ระหว่างที่คริสมองเหม่อออกไปบนท้องฟ้าที่แสนกว้างไกล สายลมเย็นๆหอบหนึ่งพัดผ่านเข้ามารบกวนจิตใจของเขา ร่างสูงเหลือบตามองทิศที่มันพัดผ่านมาเล็กน้อย ขณะที่กำลังจะหันกลับมา สายตาก็บังเอิญสบเข้ากับต้นไม้ต้นหนึ่งเข้าเสียก่อน.......





.....ต้นไม้ที่ชานยอลอยากตัด.....





.....เด็กน้อยยิ้มแย้ม วิ่งมาหาลุงคนสวน เอ่ยขออย่างกระตือรือร้น พยายามออดอ้อนให้คุณลุงอนุญาติให้เขาช่วยตัดต้นไม้.....



รอยยิ้มที่ชื่นชอบ

ความร่าเริงที่หลงใหล

เมื่อก่อนเขาเห็นสองสิ่งนี้จนมันชินชา

จนทำให้เรื่องพิเศษกลายเป็นเรื่องธรรมดา



แต่ตอนนี้.......

เรื่องธรรมดากลายเป็นเรื่องพิเศษที่เขาอยากจะเห็น...... อีกสักครั้ง





ทุกวันนี้ ชานยอลที่อยู่กับเขา คือชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความเกลียดและเย็นชา ไม่ใช่เด็กน้อยที่น่ารัก ร่าเริงอีกต่อไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะทำอย่างไร ถึงจะได้เด็กคนนั้นกลับมา......แตะต้องก็ไม่ได้ จำเขาก็ไม่ได้....





....จะมีทางไหนช่วยปีศาจอย่างเขาได้บ้าง....

เท่าที่เห็น เท่าที่รู้ตอนนี้

มันไม่มีเลย





บางทีก็เคยคิดว่า แบบนี้อาจดีแล้ว แบบนี้คงสมควรแล้วกับความเลวที่เขาเคยทำ ปีศาจร้ายที่โหดเหี้ยม เย็นชา และทารุณ บทลงโทษแค่นี้อาจน้อยไปด้วยซ้ำ......แต่ทำไม.....จิตใจของเขามันถึงได้เจ็บมากขนาดนี้ล่ะ......





ขายาวของคริสพาร่างตัวเองเดินเล่นต่อไปอีกหน่อย ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน ทั้งบ้านเงียบสงบ ราวกับไม่มีใครอยู่นอกจากเขา ชานยอลไปแล้วหรอ......หนีเขาไปแล้วหรอ





จิตใจของเขาร่วงหล่นลงพื้น ก่อนจะสลายหายไปกลางอากาศ ตาคมกวาดตามองหาร่างใครคนนั้นอย่างลืมตัว ระหว่างที่กำลังหาอยู่ เสียงหัวเราะคุ้นหูเสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้น ร่างสูงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที แต่แวบต่อมาเขาก็ลองจินตนการถึงวันที่ชานยอลไม่อยู่.......





ถ้าวันหนึ่งตื่นขึ้นมา แล้วไม่มีร่างนั้นอีกแล้ว ทั่วทั้งบ้านคงเงียบเหงา......

ทุกๆอย่างมันว่างเปล่า

คิดได้เพียงเท่านั้นก็ต้องหยุด ไม่กล้าคิดต่อ กลัวว่าสิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นจริงในสักวัน





ร่างสูงพาจิตใจที่ห่อเหี่ยวของตัวเองเดินขึ้นห้องไป ก่อนจะเดินไปทรุดตัวนั่งที่ปลายเตียงสักพัก แล้วจึงทิ้งน้ำหนัก นอนแผ่หลาไปกับเตียง ตาคมมองเหม่อขึ้นไปบนเพดาน ห้องนี้ทำให้เขาฟุ้งซ่าน ทำให้เขาคิดถึงแต่เรื่องของชานยอล อาจเพราะที่แห่งนี้เป็นที่ที่เขากับชานยอลอยู่ด้วยกันมากที่สุด ทำให้เกิดความทรงจำมากมายที่นี้ บางครั้งการติดอยู่ในความทรงจำมันก็เป็นเรื่องดีถ้าเราใช้ความทรงจำนั้นร่วมกันกับใครอีกคน เพราะมันจะทำให้เราคิดถึงกันอยู่เสมอ และเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าคนคนนั้นยังมีตัวตนจริงๆอยู่ในจิตใจและหัวสมองของเรา หากแต่บ่อยครั้งมันก็ทำให้เราเจ็บปวด และทรมาน เมื่อเราใช้ความทรงจำนั้นล่อเลี้ยงหัวใจเพียงคนเดียว......





ร่างสูงหลับตานิ่ง ก่อนจะเอื้อมไปหยิบหนังสือที่วางอยู่ในลิ้นชักข้างหัวเตียง เขาหยิบมันขึ้นมาส่งๆ ไม่ได้สนใจว่าจะหน้าปกเป็นยังไง ชื่อเรื่องน่าสนใจรึเปล่า เขาเพียงแต่หวังจะใช้มันช่วยบรรเทาอาการฟุ้งซ่านที่เกิดจากการคิดถึงใครอีกคนก็เท่านั้น





มือใหญ่หยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา กะให้อยู่ในระดับที่สะดวกต่อการอ่าน แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นหน้าปกหนังสือ





หนังสือเล่มที่เคยให้ชานยอล





นิ้วยาวค่อยๆเปิดหนังสือ ข้อความที่ปรากฎตรงหน้าทำให้เขารู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ



คุณคริสให้หนังสือเล่มนี้ วันที่ 13.10.2012



ด้านล่างเป็นรูปวาดล้อเลียนเขาสองรูป ใบหน้าบูดบึ้ง มีลูกศรชี้ไปหาใบหน้ายิ้มที่วาดอยู่ข้างๆกัน



เมื่อเปิดหน้าต่อมา.....คำนำ มีข้อความเขียนด้วยดินสออยู่ถัดจากคำนำสำนักพิมพ์ ใจความว่า



หนังสือเล่มนี้เป็นของปาร์คชานยอลแล้ว ผมไม่แนะนำให้คนอื่นอ่านครับ ผมจะอ่านของผมคนเดียว

ปาร์คชานยอลสุดหล่อ



ร่างสูงคลี่ยิ้มน้อยๆเมื่อนึกขำในนิสัยบ๊องๆของอีกฝ่าย เขาค่อยๆเปิดหน้าถัดไป



สารบัญ ที่เลขหน้ามีชื่อชานยอลกับเขาถูกเขียนสลับกันไปจนหมดหน้า





ต่อจากนั้นก็เริ่มเป็นเนื้อหาของนิยาย เลขหน้าทุกๆหน้าชานยอลจะเขียนชื่อของเขาเอาไว้ด้วย หนังสือบางหน้าก็วาดรูปล้อเลียนเขา บางหน้าก็เขียนข้อความตลกๆ อย่าง //พระเอกมันหล่อตรงไหน สู้คุณคริสผมได้มั้ย //

//อ๊า ถ้าคุณคริสน่ารักแบบพระเอกในเรื่อง ผมรักตายเลย//

//ดึกแล้ว ง่วงมาก แต่เราก็อ่านต่อ 5555//



“อ่านจะดึกดื่นเลยหรอ” ร่างสูงเอ่ยถามออกมาลอยๆ ก่อนจะพลิกหน้าหนังสืออ่านต่อ



//Q : ทำไมพี่ถึงรักไอ้คุณคริสนั่น

A: ไม่รู้ รู้แค่ว่ารัก//




ถัดไปอีกสองสามหน้าเป็นรูปที่ชานยอลวาด ตัวเองกับคริส ใต้ภาพเขียนข้อความสั้นๆว่า // CYKY // หลังจากนั้นหน้าหนังสือก็เริ่มไม่มีข้อความ แต่มีคราบน้ำตาแทน ร่างสูงลองอ่านเนื้อหาในนิยายว่าเศร้าหรือ ชานยอลถึงได้ร้องไห้ แต่ก็เปล่านิยายไม่ได้เศร้าอะไร ชานยอลอาจจะร้องไห้ อาจจะเศร้าเพราะเขาแล้วกลับมานั่งอ่านหนังสือเล่มนี้ ใช้มันปลอบจิตใจที่บอบช้ำของตัวเอง เพราะหนังสือเล่มนี้คือสิ่งเดียวที่เขาให้ เพราะอย่างนั้นนี่อาจเป็นของมีค่าที่สุดในยามที่ชานยอลเสียใจ.....




นิ้วยาวเปิดหน้าหนังสือต่อไปเรื่อยๆ คราบหยดน้ำตาเริ่มมากขึ้นๆ คริสเปิดหนังสือจนมาที่หน้ารองปกหลัง.....





ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้ ตอนนี้เราคงจะกลายเป็นคนแปลกหน้ากันไปแล้ว ผมคงจำคุณไม่ได้แล้ว คุณคริสผมทำตัวไม่ดีกับคุณรึเปล่า ผมโกรธคุณรึเปล่า ผมไม่ได้เกลียดคุณใช่มั้ย ผมกลัว ผมกลัวว่าถ้าวันนั้นมาถึง ถ้าผมจำคุณไม่ได้แล้ว ผมกลัวผมจะเกลียดคุณ ผมไม่อยากเกลียดคนที่ผมรัก คุณคริส ถ้าผมทำนิสัยไม่ดีกับคุณ ผมขอโทษนะ ผมขอโทษ







แก้ไขล่าสุดโดย 0ctogus เมื่อ Fri Dec 14, 2012 1:48 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง

http://0ctogus.forumth.com

2Part 18  Lost My Mind Empty Re: Part 18 Lost My Mind Fri Dec 14, 2012 1:47 pm

0ctogus

0ctogus
Admin






คุณโกรธผมมั้ยที่ผมทำมนตร์นั้นไป คุณไม่โกรธผมหรอก คุณอาจจะดีใจด้วยซ้ำที่ตัวน่ารำคาญอย่างผม ไปๆจากคุณเสียทีจากนี้คุณต้องทำตัวดีๆนะ ต้องไม่ใจร้ายกับคนอื่นนะ ผมไม่รู้ว่าคนอื่นจะทนได้แบบที่ผมทนมั้ย ผมห่วงคุณนะ ผมไม่อยากให้คุณถูกเกลียด คุณอย่าลืมกินเลือดบ้างนะรู้มั้ย พักนี้ผมไม่ค่อยเห็นคุณกินเลือดอย่างอื่นนอกจากตัวผมเลย ตอนผมอยู่มันไม่เป็นไรหรอก แต่ต่อไป............คุณคงกินเลือดผมไม่ได้แล้ว คุณต้องกินเลือดอย่างอื่นบ้างนะ ผมห่วงคุณจังเลย สัญญานะว่าจะทำตามที่ผมขอทุกอย่าง ผมพูดเยอะจัง คุณรำคาญผมมั้ย ทนอ่านอีกนิดนะ จะจบแล้ว ผมต้องไปแล้ว ต่อไปจะเป็นยังไงผมไม่รู้ แต่ผมอยากให้คุณรู้ไว้นะ ว่าไม่ว่าผมจะจำคุณได้หรือไม่ได้ ยังไงผมก็รักคุณอยู่ดี ผมรักคุณนะคุณคริส.....

ใต้ข้อความมีรูปสัญลักษณ์มังกรของเขาอยู่ตรงกลาง ด้านล่างเขียนว่า





Chanyeol’s Kris





น้ำตาของคริสค่อยๆหยดลงบนแผ่นกระดาษ ทำให้ตัวอักษรบางแห่งเลือนลางหายไป มือใหญ่ที่จับหนังสืออยู่เริ่มอ่อนแรง เขาปล่อยหนังสือให้ตกลงข้างๆตัว.....




จิตใจของเขากำลังทรมาน

หัวใจของเขากำลังเจ็บปวด

ที่ผ่านมาเขาทำอะไรลงไปกับร่างนี้ เขาทำอะไรลงไปกับคนที่รักเขามากขนาดนี้






เขา.......ที่วันๆใช้แต่อารมณ์ ไม่พอใจก็อาละวาดใส่ โมโหก็ทำร้ายจิตใจต่างๆนานา กับอีกคนที่ทนเขามาตลอด ทนจนวินาทีสุดท้าย วันนี้เขาเพิ่งมารู้ว่าเขาทำพลาดไปเสียทุกอย่าง ทำลายทุกโอกาสด้วยอารมณ์ของตัวเอง เขาไม่อยากจะเป็นอย่างนี้ หากเขาได้คนคนนั้นกลับมาอีกครั้ง เขาก็จะไม่ปล่อยคนคนนั้นให้จากเขาไปอีก จะไม่ปล่อยหัวใจตัวเองอีกแล้ว.......




จะต้องทำยังไง จะต้องแลกด้วยอะไร ผมก็จะยอม

เพื่อให้ได้ชานยอลกลับมา




ร่างสูงหยิบดินสอขึ้นมา ก่อนจะเขียนข้อความต่อจากของชานยอล






- I'M YOUR -




-------------------------------------------------

http://0ctogus.forumth.com

3Part 18  Lost My Mind Empty Re: Part 18 Lost My Mind Fri Dec 14, 2012 6:38 pm

theparan

theparan

ด่าอิพี่คริสมาทุกตอน แต่ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ขอสงสารอิพี่คริสก่อน T^T

ดราม่าหนักเลยทีเดียว รู้ตัวช้ามาก รู้เาตอนที่เสียชานยอลไปแล้ว โฮ

สมน้ำหน้าไม่ออกเลยทีเดียว สงสารมากอ่ะ
(ทำไมเราเป็นคนใจอ่อนเช่นนี้ พอพ่อพระเอกดราม่า ลืมความเลวร้ายที่ทำกับชานยอลหมดเลย ฮาาา)

4Part 18  Lost My Mind Empty Re: Part 18 Lost My Mind Sat Dec 15, 2012 12:48 am

NUNSS


ผู้มาเยือน

ตอนแรกเกลียดพี่คริสมากเลย

รู้สึกดีที่ชานยอลลืมๆคนใจร้ายไปได้ซะ

แต่...

ตอนนี้สงสารพี่คริสอ่ะ นั่งอ่านไปน้ำตาซึม

แต่ก็อยากจะให้พี่คริสจัดการเรื่องของเถาซะ

ตัดขาดกับเถา มั่นคงกับยอลที่คนเดียวอย่างที่บอกว่ารัก

ทั้งชานยอลคนเก่าและชานยอลคนใหม่จะได้มีความสุขจริงๆซะที



รีบๆมาต่อนะไรท์เตอร์ รออยู่ๆ ><"

5Part 18  Lost My Mind Empty Re: Part 18 Lost My Mind Fri Dec 21, 2012 12:04 pm

bew


ผู้มาเยือน

สงสารทั้งคู่ ตอนแรกก็ว่าจะไมสงสารคริสแล้วนะ
แต่เจอแบบนี้ไปยิ่งสงสารหนัก
กว่าจะรู้ใจตัวเองก็เมื่อยอลไปซะแระ
เค้าอ่านไปร้องไห้ไปเรย
เฮียรีบกลับมาคืนดีกันเหอะ

6Part 18  Lost My Mind Empty Re: Part 18 Lost My Mind Sun Dec 23, 2012 4:27 pm

plengklui



ไม่ไหวแล้ว TT____TT ร้องไห้ค่ะ

จะว่าสงสารคริสก็สงสาร แต่สงสารยอลมากกว่า
พึ่งรู้ตัวตอนที่เสียมันไปแล้ว โฮฮฮ

ความรู้สึกตอนที่พี่คริสอ่านหนังสือเล่มนั้น..เศร้าสุดๆไปเลย
ยอลบอกว่าไม่ว่าจะยังไงก็จะรักพี่คริส แต่ตอนนี้ แกจำเค้าไม่ได้แล้วนะ
จำคนที่เคยรักไม่ได้แล้ว...
TT เศร้ากว่านี้มีอีกไหม
#ปลอบพี่คริส ขอตีสักสองทีแล้วค่อยปลอบมันต่อ T^T

7Part 18  Lost My Mind Empty Re: Part 18 Lost My Mind Wed Mar 13, 2013 1:07 pm

KellySc



คริสเข้ากับอารมณ์เพลงรู้ตัวช้ามาก ..

เพราะว่าฉันมันไม่ทันคิด
ทำอะไรผิดไปกับเธอหลายอย่าง
และไม่เคยแคร์อะไร
ที่เธอนั้นคอยถามคอยหวง
ฉันก็มองว่าเธอห่วงจนก้าวก่าย
บอกให้เธอไปไกลๆ

แต่..ตอนนี้ คนที่เอาแต่ผลักไส
ปวด..หัวใจ มองอะไรก็เป็นภาพเธอ

จบไปก็นาน ห่างกันก็ไกล
แต่ใจทำไมยังรัก และคิดทุกวัน
ว่าอยากย้อนไป ทำอะไรดีๆ ให้เธอ
ผิดเองที่รู้ตัวช้า ที่จริงรักเธอเสมอ
ขาดเธอ..เพิ่งรู้ว่าฉันไม่เหลืออะไร

8Part 18  Lost My Mind Empty Re: Part 18 Lost My Mind Tue Mar 26, 2013 11:39 pm

pachaam_

pachaam_

โหว จะร้องไห้ ทรมานมาก ; _ ;
ทำไมอ่ะพี่คริสทำไม
ตอนชานยอลยังอยู่ทำไมถึงไม่สนใจกันบ้าง
ตอนนี้ชานยอลไปแล้ว
พี่คริสก็เหมือนคนแปลกหน้าที่ชานยอลไม่อยากเข้าใกล้
พี่คริสเกลียดกลางวันเพราะมันทำให้ตาพี่มองไม่ชัดเจน
แต่ทำไมถึงไม่เกลียดหัวใจตัวเองที่มันไม่ชัดเจนบ้าง
โครตโดนนนนนนนนนน .ปาหัวใจใส่รัว
อ่านเรื่องนี้แล้วนอกจากจะได้ความสนุกแล้ว
ยังได้ข้อคิดอีกอ่า ชอบมากเลิ๊บโบ๊ะ T - T

https://twitter.com/_5Qwc

9Part 18  Lost My Mind Empty Re: Part 18 Lost My Mind Wed Jun 26, 2013 11:47 pm

panaddaj



งืออออออออ
ตอนนี้สงสารไอ้พี่คริสแล้ว
กว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว
แล้วทีนี่มันจะเป็นอย่างไรต่อไป

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ