0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

Part 1 twilight

5 posters

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

1Part 1 twilight Empty Part 1 twilight Sun Sep 16, 2012 8:21 pm

0ctogus

0ctogus
Admin

เมื่อ 3วันก่อนกลุ่มนักศึกษาจากกรุงโซลเดินทางมาออกค่ายอาสาที่หมู่บ้านชนบทห่างไกลผู้คนหมู่บ้านหนึ่ง โดยการออกค่ายครั้งนี้กินเวลา 3 วัน 2 คืน โปรแกรมต่างๆเริ่ม...จากการนำของมาแจกชาวบ้าน ปลูกป่า และทำกิจกรรมสร้างสรรค์กันระหว่างกลุ่มนักศึกษากับชาวบ้าน





วันแรก.....เมื่อมาถึงทุกๆคนต่างยิ้มแย้มร่าเริง พวกเขาดีใจที่ได้มาช่วยชาวบ้านที่อยู่ห่างไกลความเจริญ แต่แล้วพอถึงช่วงเย็นวันที่สอง หลังจากที่พวกเขาเสร็จจากการปลูกป่าแล้วกำลังจะกลับไปที่แคมป์ .... 2 เอ๋อเซฮุนและชานยอลก็ขอวิ่งกลับเข้าไปเอาของที่เจ้าตัวดันลืมทิ้งไว้ในป่า อีก 6 คนที่เหลือจึงพากันรอจนเวลาล่วงเลยไปจนค่ำ แต่แล้วพวกเขาก็ไม่กลับมา.....







2 วันแล้วที่รอยยิ้มของพวกเขาหายไป นับตั้งแต่ที่เซฮุนและชานยอลหายเข้าไปในป่า ทุกคนต่างโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ดูแลสองคนนั้นไม่ดี ถ้าพวกเขาใส่ใจสักนิด เรื่องร้ายๆ นี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น ทั้ง 6 ได้แต่นั่งรวมกลุ่มกันในห้องนั่งเล่นรอข่าวจากศูนย์ช่วยเหลือที่ออกไปตามหาเพื่อนของพวกเขา แล้วความหวังก็เกิดขึ้น เมื่อทีมช่วยเหลือบอกว่าพบร่องลอยของเขาแล้ว





“ไอ้เอ๋อ 2 คนนั้นจะรอดตายแล้ว!!!! ” แบคฮยอนบอกออกมาด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง ทุกคนดูมีสีหน้าที่ดีขึ้น แต่ก็เมื่อทีมช่วยเหลือพูดต่อพวกเขาก็หุบยิ้มลงทันที



“แต่ทางที่พวกเขาไป มันไม่ใช่ที่ที่พวกเขาควรจะเข้าไปครับ”



“ทำไมหรอครับ.....สองคนนั้นไปที่ไหน”



“เขตห้ามเข้าของป่าน่ะครับ มันอันตรายมาก แต่ยังไงพวกผมจะช่วยกันออกตามหาเพื่อนของพวกคุณจนกว่าจะเจอนะครับ”



“ขอบคุณนะครับ” ทั้ง 6 ประสานเสียงพร้อมกัน ปลายสายกดตัดไป....



“สองคนนั้นจะรอดหรอครับ” หนึ่งในทีมช่วยเหลือพูดขึ้น หลังจากหัวหน้าทีมของพวกเขาวางโทรศัพท์


“เขตห้ามเข้า เราก็รู้กันดีอยู่ว่ามันอันตรายแค่ไหน ลำพังสัตว์ร้ายน่ะไม่เท่าไร แต่........” ทุกคนสบตากัน พวกเขารู้ดีว่าหัวหน้าหมายถึงอะไร.....เขตห้ามเข้า กับสถานที่ต้องห้าม ประตูที่เปิดออกไม่เคยเปิดอีกครั้งเพื่อให้คนที่เข้าไปกลับมา เดินหน้าแล้วอย่าถอยกลับ นำสู่วังวนของปริศนา สู่ความตายอันเป็นนิรันดร์




“ไม่เคยมีใครกลับออกมา.......ไม่มี ”



----------------------------------------------------------------------------



“เราอยู่นี่มา 2 วันแล้วนะพี่ ผมอยากกลับ” เซฮุนที่นั่งอยู่ปลายเตียงหันไปบอกชานยอลที่นั่งอยู่บนโต๊ะ


“ฉันก็อยากกลับ รู้สึกไม่ค่อยดีกับที่นี้เลยว่ะ มันดู.....”


“ผมเข้าใจ ในป่างี้ใครจะบ้ามาสร้างบ้านอยู่ แล้วตั้งแต่มาอยู่นี่กลางวันผมก็เห็นแค่ยายที่มาเปิดประตูให้เราวันนั้น กับคนสวนอีกสองคน”


“มื้อเย็นเราถึงจะเจอไอ้เจ้าของบ้านหน้าหงึก กับผู้ชายที่ดูเอ่อ เรียกว่าใจดีได้ป่ะวะ เขาดูแปลกๆหนะพี่”



วันแรกที่พวกผมมาถึงนอกจากคุณยายที่ดูน่ากลัว ๆ แล้ว ก็เจอกับเจ้าของบ้านหนุ่มที่ชื่อ คริส ผมสีทองของเขายิ่งทำให้ผิวขาวนั้นดูซีดเซียวเข้าไปอีก ดวงตาของเขาเหมือนสัตว์ป่ามากกว่าของมนุษย์ มันเป็นดวงตาที่ไร้แวว แข็งกระด้าง เขามักจะมองพวกผมเหมือนกับ.......เรียกว่าไรดีล่ะ เหมือนกับนักล่ากำลังมองเหยื่อของตัวเองอยู่ สาบานได้ว่ามันเหมือนจริงๆ นะครับ ริมฝีปากของเขามักจะเป็นสีแดงอยู่ตลอดเวลาทั้งๆที่เขาก็ไม่่ได้ดูมีสุขภาพดีสักเท่าไร ครั้งหนึ่งผมเคยเห็นฟันของเขา มันจะดูปกติมากถ้าเจ้าฟันเขี้ยวของเขาไม่ยาวและแหลมคมกว่าที่มันควรจะเป็น ส่วนเจ้าของบ้านคนที่สอง ลู่ฮาน เป็นลูกพี่ลูกน้องกับคริส ลักษณะก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก แค่ตัวเล็กกว่า ดวงตาของเขาไม่่ได้ดูแข็งกระด้างเท่า และที่แน่ๆเขายิ้มเก่งกว่า จะบอกว่าทำให้อบอุ่นใจกว่าได้มั้ย
??? ......ขอตอบเลยว่ามันไม่ได้ต่างกันเท่าไรหรอกครับ



“ผมว่ามันก็ดูแปลกๆทั้งบ้านล่ะ ตอนกลางคืนผมแทบไม่อยากออกจากห้อง”


“ฉันว่าเย็นนี้เราขอให้พวกเขาพาเรากลับเหอะ “ ชานยอลทำสีหน้ามุ่งมั่น เซฮุนพยักหน้าครางตอบในคอเบาๆ


ในที่สุดเวลาอาหารเย็นก็มาถึง พวกเขาทั้งสองจะต้องลงมากินข้าวพร้อมกับเจ้าของบ้าน โต๊ะอาหารสไตล์ยุโรปถูกจัดเรียงไว้ อย่างสวยงาม หัวโต๊ะเป็นตำแหน่งของเจ้าของบ้าน ด้านขวาเป็นของลูกพี่ลูกน้องของเขา ด้านซ้ายมือเป็นของชานยอลถัดมาเป็นของเซฮุน เมื่อทุกคนนั่งประจำที่ หญิงชราคนเดิมก็ค่อยๆตักข้าวเสิร์ฟ มื้ออาหารเป็นไปอย่างอึมครึม ความอึดอัดแผ่คลุมไปทั่ว โดยเฉพาะกับเซฮุนและชานยอล ทั้งคู่รีบกินข้าวให้มันหมดๆเพื่อที่จะได้ไปให้พ้นๆจากโต๊ะเสียที แต่ดูเหมือนยิ่งรีบก็ยิ่งช้า บวกกับสายตาของเจ้าของบ้านที่มองมายังพวกเขาอีก ยิ่งทำให้อึดอัดมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว



“เอ่อ...มองหน้าผมงี้ผมทำไรไม่ถูกนะครับ” ชานยอลเอ่ยทำลายความเงียบ ร่างโปร่งหันหน้าไปมองคนหัวโต๊ะ ชายหนุ่มแค่ยกยิ้มมุมปากแทนคำตอบ แล้วหันมาสนใจอาหารบนโต๊ะแทน

“เราแค่เห็นว่าพวกนายกินข้าวเร็วขนาดนั้น คิดว่าคงจะชอบอาหารวันนี้ ใช่มั้ย” ร่างเล็กกว่าเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม


“ก็อร่อยดีครับ” เซฮุนตอบตามมารยาท


“คุณเจ้าของบ้านครับ คือว่าผม....”


“ถ้าเรื่องที่จะพาพวกเธอกลับล่ะก็ พรุ่งนี้ฉันจะไปส่งเอง” คริสหันมาพูดกับชานยอล ร่างโปร่งได้แต่ทำหน้าตกใจ


–ทำไมหมอนี้มันรู้ความคิดผมล่ะ แล้วนี่ถ้าจะมองผมขนาดนี้ จับผมกินเลยเถอะครับ- ร่างสูงยกยิ้มน้อยๆราวกับว่าเขารู้สิ่งที่ชานยอลคิด


“พรุ่งนี้หรอครับ! งั้นพวกผมจะรีบไปเก็บของ” เซฮุนรีบหาข้ออ้างเพื่อไปให้พ้นๆโต๊ะอาหารที่แสนอึดอัดนี่เสียที แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาเขาก็ต้องหยุดเสียก่อน


“รีบไปจังเลย ทำไมไม่อยู่คุยกันก่อนล่ะ” ลู่ฮานเอ่ยรั้งไว้


-ให้ตายเหอะครับ อยู่คุย???? ใครมันจะกล้าอยู่คุยต่อด้วยกัน- เซฮุนคิดในใจ เด็กหนุ่มกลอกตาไปมา ไม่พอใจกับการถูกขัดใจ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องจำใจนั่งลงที่เดิม ลู่ฮานหัวเราะออกมา เป็นเสียงหัวเราะที่หวานจนถ้าใครได้ยินก็คงจะชอบ แต่ไม่ใช่สำหรับโอเซฮุนคนนี้แน่นอน เขารู้สึกกลัวคนตรงหน้านี่ด้วยซ้ำ


“อยู่คุยหรอครับ อ้อ ได้สิ ได้ๆ” ชานยอลยิ้มแหยๆให้เจ้าของบ้านทั้งสอง เซฮุนหันขวับมามองทันทีด้วยสายตาไม่พอใจ ร่างโปร่งกัดฟันพูดเบาๆให้ได้ยินแค่สองคน


“เออน่า คุยๆพอเป็นพิธีแล้วรีบชิ่ง ฉันก็ไม่อยากจะอยู่นักหรอก”


“พวกนายสองคนอายุเท่าไรหรอ” เป็นลู่ฮานที่ถามออกมา สีหน้าของเขาดูอยากรู้อยากเห็นมากเลยทีเดียว


“ผม18ครับ” เซฮุนตอบ


“ผม20ครับ” ร่างโปร่งตอบ พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง มันคงจะสดใสกว่านี้เยอะถ้าเขาไม่ได้อยู่ในสถาณการณ์แบบนี้


“พวกเราห่างกันเยอะเหมือนกันนะเนี่ย” เจ้าของบ้านร่างเล็กนั่งนับนิ้วบวกลบอายุของพวกเขากับตัวเอง


“ปัญญาอ่อนชะมัด” เซฮุนพูดเสียงเบา แต่มีหรือที่อีกคนจะไม่ได้ยิน ลู่ฮานแสร้งทำเป็นไม่สนใจคำพูดเซฮุนแล้วก็นั่งนับอายุต่อ


“งั้นแล้วพวกคุณสองคนอายุเท่าไรกันหรอครับ” ชานยอลเล่นละครตบตาทำเป็นคนร่าเริง ทั้ง ๆ ที่ในใจเขาแทบอยากจะวิ่งขึ้นชั้น 2 ให้รู้แล้วรู้รอด


“ฉันกับลู่ฮานอายุ22” คริสเอ่ยออกมา ดวงตาคมจับจ้องไปยังชานยอล



“แล้วมันห่างกันเยอะไงวะ” ชานยอลกับเซฮุนพูดออกมาเบาๆ


“แล้วพวกนายมาทำอะไรที่หมู่บ้านนี่ล่ะ” ลู่ฮานเอ่ยถาม เขายื่นหน้าออกมาด้วยความสนใจ


“พวกเรามาออกค่ายอาสาน่ะครับ แต่ดันหลงกับเพื่อนซะได้ ก็เลยต้องมาพึ่งพวกคุณ” ร่างโปร่งจอมพูดมากตอบแทนเซฮุนที่ตอนนี้นั่งเท้าคางทำหน้าเบื่อเต็มที่แล้ว ถ้าไม่เกรงใจล่ะก็ชานยอลคงอยากจะหันไปด่าให้รู้แล้วรู้รอด ไม่ช่วยแล้วยังทำให้มันแย่ลง


“ฮ่ะฮ่ะ เด็กน้อยจริงๆ ป่านนี้เพื่อนไม่ตามกันแย่แล้วหรอ” ร่างเล็กระเบิดเสียงหัวเราะ


“เด็กน้อย???? ….. อ่า ก็คงจะอย่างนั้นล่ะครับ ผมก็เลยอยากกลับให้เร็วที่สุด”
-เด็กน้อย? ผมเด็กกว่าพวกเขาแค่2ปีเองนะ พูดจาแปลกๆ-


“ช่วงนี้พายุเข้าบ่อย เดินป่าตอนกลางคืนมันไม่สะดวกหรอก” คริสตอบเสียงเรียบ


“ทำไมต้องรอตอนกลางคืนด้วยละครับ” ชานยอลทำหน้าสงสัย ตากลมโตฉายแววไม่เข้าใจ ปากอิ่มเม้มเผยอออกมาเล็กน้อย นั่นยิ่งทำให้คริสยกยิ้ม


“กลางวันพวกฉันติดธุระ เลยไปส่งไม่ได้”


“ธุระ ??? แต่พวกผม....ไม่เห็นพวกคุณตอนกลางวันเลยนะครับ” ชานยอลยิ่งทำหน้างงหนักเข้าไปอีก


“คุณแขกตัวน้อย อย่าเพิ่งทำตัวเป็นนักข่าวสิครับ” ร่างสูงส่งยิ้มให้ชานยอล


“ผมตัวน้อย???? ช่างเถอะ ยังไงพรุ่งนี้ผมก็อยากกลับบ้าน”


“ใช่ ผมก็อยากกลับ” เซฮุนที่เงียบมานานหันไปตอบ


“อยากกลับจังเลยนะ ที่นี้ไม่ดีหรอ อยู่ก็สบายเงินก็ไม่ต้องจ่าย” ลู่ฮานมุ่ยหน้า


-เออครับ สบายตัว แต่ไม่สบายใจครับ- ชานยอลกับเซฮุนต่างคิดเหมือนกันในใจ


“คุณพูดเหมือนคุณกำลัง....เหงาอยู่เลย ไม่ค่อยมีใครมาเยี่ยมคุณหรอ”


“ใช่ เราไม่ค่อยมีใครมาเยี่ยม” ร่างเล็กทำหน้าเศร้า เซฮุนหันไปมองอย่างเห็นใจ เขาพอจะเข้าใจถึงฤทธิ์ของความเหงาว่ามันร้ายกาจแค่ไหน


“งั้น.....ผมสัญญาว่าจะกลับมาเยี่ยมพวกคุณบ่อยๆ” ชานยอลยิ้มกว้าง เขาไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำ ทุกคำพูด อยู่ในความสนใจของคริสทั้งหมด


“ทุกคนก็ว่าอย่างนั้น แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่กลับมา...อีกเลย” คริสเอ่ยออกมา น้ำเสียงของเขาไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าผู้พูดรู้สึกอย่างไรอยู่


“ล่าสุดมีคนมาเยี่ยมพวกคุณเมื่อไรหรอครับ”


“2 ปีที่แล้ว”


“นานจังแฮ่ะ พวกเขาเป็นญาติคุณหรอ” ชานยอลถามมากไปตามประสาคนช่างพูด


“ทำตัวเป็นนักข่าวอีกแล้วนะ ถ้าอยากรู้ไว้ฉันจะเล่าให้ฟังทีหลัง ตอนนี้พวกเธอควรไปนอนได้แล้ว” ชานยอลทำหน้าผิดหวังเล็กน้อยที่ตัวเองไม่ได้คำตอบจากร่างสูงถึง 2ครั้ง

“ไปนอนกันเหอะพี่ ง่วง” เซฮุนที่ทำตัวเป็นอากาศธาตุมานานเอ่ยออกมา พร้อมกับลากชานยอลขึ้นชั้นสองทันที


“ใจเย็นเว่ยๆ ฉันจะล้มแล้ว เอ่อ กู๊ดไนท์นะครับคุณลู่ฮาน คุณคริส” เสียงร่างโปร่งเอ่ยตามมาด้วยเสียงปิดประตูดังปังของเซฮุน


“ราตรีสวัสดิ์ เด็กน้อยของฉัน” คริสพูดพร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ลู่ฮานมองลู่พี่ลูกน้องของตัวเองอย่างเข้าใจ






-คริสสนใจชานยอลเข้าให้แล้ว ....ชานยอล.....ขอให้นายโชคดีนะ-






..........................................................................

http://0ctogus.forumth.com

2Part 1 twilight Empty Re: Part 1 twilight Thu Dec 20, 2012 10:23 pm

bew


ผู้มาเยือน

เฮียคริสเป็นแวมไพร์สุดหล่อหราเนี่ย เนื้อเรื่องน่าติดตาม

3Part 1 twilight Empty Re: Part 1 twilight Mon Mar 25, 2013 8:16 pm

pachaam_

pachaam_

พี่คริสสนใจชานยอล กรี๊ดๆตายรัว
ฮาพี่ลู่นับเลขอายุ แล้วเซฮุนว่า
5555555555555555555

https://twitter.com/_5Qwc

4Part 1 twilight Empty Re: Part 1 twilight Wed Apr 03, 2013 11:28 am

ymeminimm





เด็กน้อย อืมลดาตัวไม่น้อยแต่น่ารัก
กรี๊ด ต้องอ่านต่อค่ะ

พี่คริสจะทำอะไรหน่ะหน่ะ

ขอบคุณค่ะ

5Part 1 twilight Empty armiyeol Mon Feb 03, 2014 5:57 am

armiyeol



โอ๊ยยย อิเฮีย
แกดูเจ้าเล่ห์มากอ่า
แน่ใจนะว่าไม่มึแผนการอะไร -,.-

6Part 1 twilight Empty Re: Part 1 twilight Sat Jul 12, 2014 11:42 pm

pnm



22 นี่คือ 220 ชิมิคะ คุณเจ้าของบ้าน bounce bounce bounce

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ