0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

ทะเลมาร์คแบม ตอนที่ึ5

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

0ctogus

0ctogus
Admin

อี้เอินมองยมทูตตนนั้นที่พุ่งเข้ามาด้วยสายตาฉุนเฉียว แววตาทอประกายเดือดดาล ฝ่ามือเงื้อขึ้นเรียกดาบเหล็กสีดำทมิฬขึ้นตั้งรับเคียวยมทูตที่ฟาดฟันใส่ลงมาได้อย่างทันท่วงทีก่อนจะพยายามออกแรงผลักออกให้พ้นตัวทว่ากลับเป็นไปได้ยากเมื่อพละกำลังตกเป็นรอง ฝ่ายยมทูตยิ่งโถมตัวออกแรงใช้คมเคียวดันคมดาบให้ถล้ำเข้าหาลำคอของร่างสูงมากขึ้นเรื่อยๆ
   


      อี้เอินยิ่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเดือดดาล มือที่พยายามดันดาบให้ออกห่างสั่นเกร็งจนกล้ามเนื้อแขนตึงขึงไล่ไปจนถึงหัวไหล่ นัยน์ตาสีดำขลับจับจ้องลึกเข้าไปภายในหมวกคลุมยมทูตที่มีเพียงประกายดวงตาสีแดงข้างขวาเพียงข้างเดียวที่ส่องสว่างราวกับจะมองให้ทะลุไปถึงจิตใต้สำนึกเบื้องลึก


“ท่านคิดจะทำอย่างนี้จริงๆน่ะหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกึ่งขบขัน หากแต่นัยน์ตาคู่นั้นกลับฉายชัดถึงความจริงจัง


“ข้าขึ้นตรงต่อท่านฮาเดส ข้าจะทำทุกอย่างที่ท่านฮาเดสสั่ง!” ยมทูตดันคมดาบลงมาอย่างแรงเสียจนแทบจะเฉือนลงบนลำคอแล้วสะบั้นชีวาให้ดับสิ้น


“ถ้าอย่างนั้น ผมก็คงต้องขอโทษด้วย…”


           ฉับพลันนั้นนัยน์ตาคู่คมก็แปรเปลี่ยนเป็นสีทองเจิดจ้า มือทั้งสองดันคมดาบออกแรงผลักให้เคียวของยมทูตออกพ้นตัวจนร่างของคู่ต่อกรเซถลาถอยห่างออกไปหลายเมตรก่อนที่ร่างสูงจะพุ่งกระโจนเข้าหาอย่างรวดเร็วปานราชสีห์ที่พุ่งเข้าหาเหยื่อ



“ผมถามท่านแล้ว” ร่างสูงสง่ายืนคร่อมร่างอีกคนที่นอนล้มอยู่เบื้องล่าง ไอสีดำทมิฬแห่งความตายแผ่ซ่านออกมาจากตัวอี้เอิน เกลียวสายพลังบิดตัวไปมาจนดูราวกับมีปีกสีดำอันน่าสะพรึงสยายอยู่เบื้องหลัง


“…..”


“ว่าท่านจะเข้าข้างใคร” ดาบสีดำทมิฬถูกเงื้อขึ้นสูง ประกายคมกริบแวววับท้าแสงแดดที่สาดส่องลงมาราวกับแสงสีแห่งความตาย ยมทูตรีบกระเสือกกระสนถอยห่าง ทว่าร่างสูงกลับ…


แทงดาบลงมาตัดขั้วหัวใจให้ดับดิ้น!


“แล้วท่านก็ดันบอกว่า…..ท่านไม่เข้าข้างผม” อี้เอินพูดเสียงเย็นเยียบพร้อมกับยักไหล่อย่างไม่แยแสราวกับการฆ่าคนเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยอันด้อยค่าที่ไม่ควรแม้แต่จะต้องรู้สึกอะไร ก่อนที่เขาจะดึงดาบออกมาอย่างเลือดเย็นเสียจนร่างของยมทูตแตกสลายหายไปกลายเป็นเพียงม่านหมอกสีดำที่คละคลุ้งไปในอากาศก่อนที่จะสลายหายไป ทว่าความว่างเปล่าที่ปรากฏกลับยิ่งตอกย้ำถึงความโหดร้ายของผู้ชายที่ชื่อว่า ต้วนอี้เอิน ผู้ที่ครั้งหนึ่ง….เคยอ่อนโยนราวกับเทวทูตบนสรวงสวรรค์



          ร่างสูงเก็บดาบให้สลายหายไปในอากาศเหมือนกับครั้งแรกที่มันออกมาจากความมืดก่อนจะพลิกตัวหันกลับไปหาแบมแบมที่ยังคงนอนแน่นิ่ง สายตาเลื่อนลอยมองเหม่อออกไปไกลแสนไกลอย่างคนไม่มีสติเสียจนน่าหวาดหวั่นว่าเขาอาจไม่กลับมาเป็นเช่นดังเดิมอีกครั้ง



          ภาพเบื้องหน้ากระตุกหัวใจของร่างสูงให้กลับมามีความรู้สึกอีกครั้ง ภาพตอนที่เขาเคยหมดหวัง ท้อแท้ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อขณะที่ถูกลงทัณฑ์อยู่ที่ยอดเขานั่นซ้อนทับกับภาพร่างบางตรงหน้าได้อย่างพอดิบพอดีอย่างน่าพิศวง


เขาเข้าใจดี…

เขาเข้าใจถึงความสิ้นหวัง

ท้อแท้

เจ็บปวด

ทรมาน

และรวดร้าวจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อดี

.

.

.

และ

เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้รู้วิธีที่จะทำให้มันทรมานที่สุดอย่างไงล่ะ!!!



“ลุกขึ้นมาได้แล้ว!” เสียงทุ้มตะคอกใส่พร้อมกับกระชากอีกคนที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยความทารุณรุนแรงของสัมผัสจาบจ้วงขึ้นมาอย่างแรงแล้วกระชากใบหน้านวลเข้ามาสบตาด้วย


นัยน์ตาคู่นั้นมีแต่ความว่างเปล่า

เศร้าสร้อย

ทุกข์ระทม

ใครเห็นก็ต้องพากันสงสารและอาทร

.

.

แต่นั่น ไม่ใช่สำหรับเขา!


“เศร้าหรอ  เสียใจหรอ  ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อหรอ”  ริมฝีปากได้รูปพ่นคำเยาะเย้ยสมเพชใส่หน้าอีกคนอย่างขบขัน หากแต่ร่างบางกลับยังคงนิ่งงันไม่ตอบโต้


“หึ” เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นก่อนที่มือแกร่งจะจับบิดใบหน้าอีกคนให้เงี่ยหูมาใกล้เขา


“เป็นเด็กดีกับฉันหน่อยสิ แล้วฉัน…”


“…..”


“อาจให้นายได้เจอกับวิญญาณของแม่ก็ได้” สิ้นเสียงนั้นนัยน์ตาที่เคยเลื่อนลอยก็กลับมามีความรู้สึกอีกครั้ง แบมแบมเหลือบตามองอีกฝ่ายด้วยแววตาที่ทั้งตื่นตระหนก หวาดระแวง และดีใจ..


“จ จ จริงหรอ” ราวกับเมล็ดพืชที่แห้งเหี่ยวเฉาไปแล้วได้รับหยาดน้ำทิพย์จากฟากฟ้ารินรดให้กลับมาชุ่มชื่น แบมแบมมองอีกคนอย่างมีความหวัง


     ร่างสูงแสยะยิ้มร้าย ประกายในแววตาแทบไม่มีความสงสารหรือปราณีให้ได้เห็น แววตาคู่นั้นมีแต่ความสะใจ ขบขัน สมเพช และชัยชนะ…
เขารู้  รู้ว่าวิธีอะไรที่จะทำให้คนที่หมดหวังทรมานที่สุด


“ใช่ ฉันพูดความจริง  แต่จะให้ง่ายๆมันก็” เขาเว้นช่วงพร้อมกับหันมายิ้มให้


“มันก็ดูจะง่ายไปหน่อยมั้ง”


การจะทารุณคนที่สิ้นหวังไม่ใช่การทิ้งไว้ให้อยู่ต่อ


“อ อ อะไร นายอยากให้ฉันทำอะไร ฉัน ฉัน ฉันจะทำตามทุกอย่างเลย ขอ ขอแค่ นายพาฉันไปหาแม่จริงๆ”


แต่มันคือ…


“เงื่อนไขของฉันมันไม่ยากหรอก ขอแค่อย่างเดียว” ร่างสูงเลื่อนหน้าไปกระซิบข้างหูอีกฝ่าย


“….”


“นายต้องทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่าง ห้าม แม้ แต่ จะ ขัดใจ ฉัน!”


การให้ความหวัง โดย…


.

.

.

ไม่คิดจะทำให้สมหวังต่างหาก


“…..ได้  ฉัน  ฉันจะทำ” ร่างบางรับคำ แม้จะรู้ดีว่าการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ไม่ยุติธรรมเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงยืนหยัด ยืนหยัดที่จะได้ในสิ่งที่ต้องการมาตลอดห้าปีที่ผ่านมานี้


เพื่อแม่…


เพื่อผู้หญิงที่ยอมคลอดเขาออกมาทั้งๆที่ไม่ได้รัก


เพื่อคนที่เคยคิดอยากจะฆ่าเขา

เขายอม…


“ก็ดี” อี้เอินตอบรับพร้อมกลับยิ้มพอใจก่อนจะผละตัวออก   เว้นระยะให้แบมแบมได้กระถดตัวขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอนกับพื้น นัยน์ตาคู่หม่นทอดตามองเรือนร่างตัวเองด้วยสายตาเจ็บปวด ความอัปยศเหยียบย่ำอยู่เต็มพื้นที่หัวใจให้ด่างพร้อยจนรวดร้าวและอดสูเสียจนต้องกล้ำกลืนความเจ็บแค้นให้ฝังอยู่ในเบื้องลึกของจิตใจ



เมื่อเขาเลือกที่จะยอม

ก็ต้องทน แม้ว่าจะเจ็บ



“นาย  นายอยากจะ”เสียงหวานที่แหบแห้งดังขึ้นอย่างเบาหวิวเรียกให้อีกคนตวัดสายตากลับมามอง ร่างบางจ้องมองอีกฝ่ายตอบก่อนจะฝืนใจพูดประโยคบอกเล่าธรรมดาประโยคหนึ่งออกมา หากแต่เนื้อความมันกลับกระแทกลงไปบนศักดิ์ศรีให้แหลกละเอียด


“นายอยากทำอย่างนั้น  ไม่ใช่หรอ….. ทำ ซะสิ” ปากบอกให้เขาย่ำยี ทว่าร่างกลับสั่นระริก ดวงตาคู่นั้นเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา แต่กลับยังทำเป็นเข้มแข็ง


“ใจกล้าดีนี่”



          อี้เอินหัวเราะในลำคออย่างสมเพชพร้อมกับตวัดสายตามองไปทางอื่นราวกับว่าถ้าฝืนมองอีกฝ่ายนานกว่านี้ตัวเองคงจะหลุดหัวเราะออกมามากกว่านี้



“ก็อยากจะทำอยู่หรอกนะ” มือแกร่งกระชากใบหน้านวลเข้ามาสบตาด้วย


“แต่ถ้านายยังจะพอมีสมองอยู่บ้าง เมื่อกี้เราเพิ่งจะถูกตามตัวเจอ และฉันก็ไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นอีกครั้ง!” ตะคอกใส่หน้าพร้อมกับโยนเสื้อผ้าใส่ร่างบางอย่างไร้มารยาท


“ใส่เสื้อผ้าซะแล้วรีบลุกขึ้นมาได้แล้ว”


“…..”


“เรามีที่ต้องไปกัน” ร่างสูงพูดโดยเหลือบตาออกไปมองนอกหน้าต่างด้วยแววตาไม่น่าไว้ใจนัก และแม้ว่าร่างบางจะรู้สึกไม่ไว้ใจมากแค่ไหน เขาก็ทำอะไรไม่ได้…นอกจากยอมทำตาม




---------------------------------------



            แบมแบมถูกอี้เอินพาเดินทางผ่านเงาหลบหนีจากข้าราชบริพารของฮาเดสได้อยู่หลายครั้งจนดูน่าครั่นคร้าม ร่างสูงมักจะก้าวนำไปหนึ่งก้าวและมากขึ้นเรื่อยๆเสมอและนอกจากเขาจะดูไม่เคร่งเครียดอะไรแล้วเขากลับยิ่งดูสนุกสนานมากขึ้นเรื่อยๆทุกครั้งที่ปั่นหัวเหล่ายมทูตได้สำเร็จและยิ่งทิ้งห่างพวกนั้นออกไปเรื่อยๆจนสองสามนาทีมานี่แบมแบมแทบไม่เห็นยมทูตโผล่ออกมาจากประตูแห่งเงาเลยสักตนผิดกับตอนแรกๆที่เจอนาทีละหลายสิบตน


           นึกย้อนกลับไปถึงครั้งแรกที่เขาเห็นพวกยมทูตหลังจากออกมาจากบ้านหลังนั้น ใจส่วนหนึ่งก็ร่ำร้องให้ตัวเองตะโกนขอความช่วยเหลือจากยมทูตหรือไม่ก็ภาวนาให้อี้เอินเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในทุกการปะทะ หากแต่ใจอีกส่วนหนึ่งก็โต้แย้งกลับมาว่าตอนนี้เขาอยู่ฝ่ายผู้ชายน่ากลัวคนนี้แล้ว…



เขายังต้องพึ่งผู้ชายคนนี้อยู่



            เมื่อเป็นอย่างนั้น เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับในโชคชะตาและปล่อยให้ร่างสูงเป็นฝ่ายขีดเขียนลิขิตเส้นทางชีวิตให้เขานับจากนี้

   


             อี้เอินมุ่งตรงไปข้างหน้าต่อด้วยความเร็วที่เร็วขึ้นเรื่อยๆโดยเริ่มแวะพักตามสถานที่ต่างๆน้อยลงกว่าเมื่อหลายชั่วโมงก่อนมากอย่างเห็นได้ชัดราวกับว่าจุดหมายปลายทางนั้นอยู่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ใบหน้าหล่อร้ายนั้นฉายแววลิงโลดขึ้นทุกขณะ ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้ม นัยน์ตาทอประกายมีความสุข ก่อนที่เขาจะยิ่งเร่งความเร็วขึ้นอีกนิดแล้วพุ่งไปเปิดประตูแห่งเงาให้เปิดออก
       


             ลำแสงสว่างจากโลกเบื้องบนแหวกม่านความมืดให้ฉีกขาดเสียจนต้องหรี่ตาลง สายลมหอบหนึ่งพัดเข้ามาปะทะหน้า กลิ่นเกลือทะเลลอยขึ้นมาแตะจมูก ก่อนที่ร่างบางจะค่อยๆลืมตาขึ้นดูภาพเบื้องหน้าอย่างช้าๆ
     


              ความประหลาดใจแวบเข้ามาทักทายความรู้สึกทันที่เห็น สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดคิดว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะมาที่นี่ มันไม่น่าใช่สถานที่ที่นักโทษผู้กำลังหลบหนีอยู่คิดจะใช้เป็นแหล่งกลบดานแน่ เพราะสถานที่นั้นคือ…



ท้องทะเล



               เวิ้งน้ำอันกว้างใหญ่ไพศาล คลื่นขนาดใหญ่สาดกระทบโขดหินจนเกิดเป็นท้วงทำนองแห่งมหาสมุทร ชายหาดสีทองทอดตัวยาวขนาบไปทั้งสองข้างสร้างความฉงนให้กับร่างบางผู้ที่ถูกพามาอย่างไม่บอกกล่าวอะไรทั้งสิ้น


“ทำไมถึงมาที่นี่”


“เหอะ นายนี่มันเหมือนพ่อนายไม่มีผิดเลยนะ”


“……”


“ฉลาดแต่เรื่องไร้สาระ เรื่องที่ควรฉลาดกลับโง่”  ถ้อยคำดูถูกถากถางกระแทกเข้าไปถึงจิตใจให้เจ็บแค้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากกำหมัดไว้แน่น แล้วเบนสายตาหลบไปมองยังท้องทะเลกว้างใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าแทน


“ที่ฉันหนีมาที่นี่ก็เพราะว่า มันคือที่เดียวที่ให้หลบซ่อนได้ในตอนนี้ไง” ในเมื่อนรกก็กลับลงไปไม่ได้ จะขึ้นท้องฟ้าไปก็ถูกโจมตี  ก็เหลือแต่ที่สุดท้ายเท่านั้นที่เขาจะยังพอไปได้…

มหาสมุทร


      แบมแบมมีคำถามมากมายทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ เขาไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมต้องที่นี่ แล้วดูจากสภาพตอนนี้ มีที่ไหนในท้องทะเลล่ะที่พวกเขาจะหลบซ่อนได้ แล้วต่อให้มีแล้วพวกเขาจะไปยังไงในเมื่อเขากับอี้เอินก็ไม่มีอำนาจเหนือใต้ท้องทะเลกันทั้งคู่ แต่ถึงแม้จะมีคำถามมากมายผลุดขึ้นมาในจิตใจแค่ไหน…เขาก็เลือกที่จะไม่ถามมันออกไปอีกแล้ว


“นายว่ายน้ำเป็นมั้ย” จู่ๆอี้เอินก็ถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย สร้างความงุนงงให้กับคนถูกถาม ร่างบางขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าแสดงออกชัดเจนถึงความไม่เข้าใจ แต่ก็เลือกที่จะตอบ


“ไม่  คนของท้องฟ้าไม่ค่อยชอบน้ำ”


“งั้นดีเลย” ร่างสูงฉีกยิ้มพร้อมกับพูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่สนใจต่อคำว่ามารยาทก่อนที่เขาจะเงื้อฝ่ามือขึ้นแล้วเรียกม่านหมอกแห่งความตายออกมาเข้ารัดพันร่างของอีกฝ่ายให้แน่นหนาก่อนจะบังคับให้มันลอยไปที่ทะเล ห่างออกไปหลายร้อยเมตรในเขตพื้นที่น้ำลึก…


“นายจะทำอะไร ไม่นะ! ไม่ เอาฉันกลับไปนะ!” แบมแบมร้องเสียงหลง พยายามดิ้นทุรนทุรายหาทางออกจากกงขังแห่งความตายนี่ แต่ก็เปล่าประโยชน์เมื่อร่างสูงไม่แม้แต่จะสนใจแต่กลับยิ่งออกแรงรัดมากขึ้น


“เดี๋ยวก็รู้” รอยยิ้มอันน่ารังเกียจถูกวาดขึ้นที่กลีบปาก ก่อนที่เขาจะ…
สลายม่านหมอกให้หายไป



       ฉับพลันนั้นร่างของแบมแบมที่ไม่ทันตั้งตัวก็จมดิ่งลงสู่มหาสมุทรอันมืดมิด นัยน์ตาเบิกโพล่งด้วยความตกใจ ใต้ท้องทะเลนี้ไม่เห็นอะไรนอกจากน้ำสีน้ำเงินเข้มและความมืด ร่างบางพยายามตะเกียดตะกายเอาตัวรอด ทั้งมือทั้งขากระเสือกกระสนพุ้ยน้ำให้ตัวลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ แต่กลับเปล่าประโยชน์เมื่อตัวเองขาดทักษะในการว่ายน้ำ



      คลื่นใต้น้ำที่แปรปรวนและรวนเรเข้าสาดสัดและพัดร่างบางให้ยิ่งม้วนตัวลงไปลึกขึ้นเรื่อยๆ ความมืดมิดโอบล้อมรอบกายราวกับอ้อมกอดจากมัจจุราช ซ้ำร้ายลมหายใจที่มีอยู่น้อยนิดก็ยิ่งถูกลิดลอนออกไปจนร่างกายยิ่งทรมาน  รู้สึกราวกับว่าถูกมือที่มองไม่เห็นมาปิดจมูกเอาไว้ไม่ให้มีชีวิตอยู่ต่อ



      ร่างกายที่ถูกคลื่นซัดไปมาอย่างแรงค่อยๆอ่อนแรงลงเรื่อยๆ ส่วนปลายของร่างค่อยๆชา ลมหายใจที่หลงเหลืออยู่สลายหายไปกับสายน้ำทีละนิด ดวงตาของเขาเริ่มพร่าเบลอ สติการรับรู้ต่างๆพากันดับสูญ  เลือนหาย พร่าเลือนจนผิดเพี้ยน



      หา ง  ปลา…

      เขาเห็นหางปลา มั น มันขนาดใหญ่มาก แต่กลับ…กลับสวยงาม สวยจนที่เขาหาคำไหนมามาบรรยายไม่ได้ หางของมันเป็นสีฟ้าครามมีครีบริ้วโปร่งแสงที่ส่องประกายระยิบระยับแม้ว่าจะอยู่ในที่มืดมิดอับแสง  ลำตัวของมันเต็มไปด้วยเกล็ดสีเดียวกับหาง  ร่างกายของมันใหญ่โตและยาวมากจนโอบล้อมร่างของเขาเอาไว้ได้อย่างง่ายได้


นี่เรากำลัง จะตายแล้วใช่มั้ย ถึงได้ เห็น ภาพ  อย่างนี้

นี่เรา  กำลังจะ  ตายจริงๆ  ใช่มั้ย

นี่เรา

กำลังจะ

ได้ไป   หาแม่  แล้ว  หรอ


       ร่างกายค่อยๆจมดิ่งลงสู่ก้นมหาสมุทร ดวงตาคู่สวยมองขึ้นไปเหนือมหาสมุทรอันมืดมิด จินตนาการถึงภาพท้องฟ้าเบื้องบนที่เขารักเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะตวัดสายตากลับมามองที่ปลาประหลาดตัวนั้นเพื่อหวังเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะได้เห็น
เขาเห็นตาของมัน…


       นัยน์ตาคู่มหึมาคู่นั้นเป็นสีน้ำทะเล ทอประกายเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญทว่ากลับแฝงแววอ่อนโยนอยู่ในนั้นเสียจนเขารู้สึกอบอุ่นใจ ก่อนที่ใบหน้าของมันจะค่อยๆเข้ามาใกล้เข้ามากขึ้นเรื่อยๆ เกล็ดที่แวววับ โครงหน้าที่ผิดแผก ริมฝีปากที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยว


นั่นไม่ใช่ปลา

แต่นั่น…

.

.

.

คือมังกร


     แล้วสติของเขาก็ค่อยๆ ดั ..บ..สู..ญ




“ครั้งนี้เล่นแรงเกินไปนะ

.

.

.

ต้วนอี้เอิน”   เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นจากเจ้ามังกร สัตว์ในตำนาน…ที่ไม่น่าจะพูดได้ตัวนั้น

http://0ctogus.forumth.com

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ