อี้เอินที่อยู่บนชายฝั่งจับจ้องไปที่ทะเลอย่างใจจดใจจ่อ นัยน์ตาคู่นั้นไร้ซึ่งความกังวล ห่วงใย หรือแม้แต่เศษเสี้ยวของความรู้สึกผิดต่อการกระทำอันหยาบช้าของตนที่ผลักไสหนึ่งชีวิตผู้รู้ดีอยู่แก่ใจว่าร่างบางนั้นช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่ก็ยังใจบาปคิดผลักไสเขาลงสู่หุบเหวแห่งความตายใต้สมุทร
นัยน์ตาคมกริบคู่นั้นมีแต่ความสนุกสนาน ลิงโลด กลีบปากได้รูปปรากฏรอยยิ้ม สีหน้าแทบไม่หลงเหลือให้ความเคร่งเครียดได้เข้าไปทักทายเลยแม้แต่น้อย หัวใจของเขาตอนนี้มีแต่ความตื่นเต้น และสนุกสนาน ในใจกำลังนับเลขถอยหลังราวกับกำลังรอคอยเหตุการณ์อะไรบางอย่างให้เกิดขึ้น
เหตุการณ์ที่เขากำหนดกะเกณฑ์มาอย่างดี
เหตุการณ์ที่เขามั่นใจว่าต้องได้ผล
เหตุการณ์…
ที่จะเรียกเพื่อนเขาคนนั้นออกมาจากวังใต้บาดาลได้!!!
ผิวน้ำบริเวณที่ห่างไกลออกไปเกือบสามกิโลเมตรจากช่างฝั่งเริ่มเคลื่อนไหว แสงสีประหลาดเริ่มสว่างวาบไปมา ริมฝีปากได้รูปกระตุกยิ้มร้าย
“มาแล้วสินะ เพื่อนยาก” เสียงทุ้มเอือนเอ่ย ในใจเริ่มนับถอยหลังห้าวินาทีสุดท้าย
ห้า
รอยยิ้มยิ่งยกยิ้มขึ้น ท้องทะเลเริ่มแปรปรวน
สี่
คลื่นขนาดใหญ่สาดซัดเข้าชายฝั่ง
สาม
มหาสมุทรเริ่มบ้าคลั่ง
สอง
แสงประหลาดเริ่มส่องสว่าง
หนึ่ง
.
.
.
มหาสมุทรทั้งผืนเข้าสู่ ‘ความพิโรธ’ อย่างสมบูรณ์แบบ…
.
.
.
อี้เอินรู้ได้ทันทีว่า ‘ใคร’ กำลังจะมา
เพราะหนึ่งเดียวที่สั่นสะเทือนทั้งมหาสมุทร
เพราะหนึ่งเดียวที่อยู่เหนือใต้ธารา
เพราะหนึ่งเดียวที่เขย่าพสุธาให้พังทลาย
เขาผู้นั้นก็คือ…
อิมแจบอม
เจ้าชายแห่งท้องทะเล
บุตรแห่งโพไซดอน เทพแห่งมหาสมุทรและบิดาแห่งอาชาไนย!!!
ฉับพลันนั้นร่างของมังกรแห่งท้องทะเลขนาดมหึมาก็พุ่งทะยานขึ้นเหนือผิวน้ำ สายน้ำสาดกระเซ็นขึ้นเทียมฟ้า แสงอาทิตย์ถูกบดบังด้วยเงาขนาดยักษ์ ใต้ร่างนั้นคือมหาสมุทรอันวิปโยค
“ไม่ได้เจอกันซะนานนะ เจบี..” ชื่อย่อเล่นๆถูกเอ่ยขึ้นจากปากของอี้เอินอย่างอารมณ์ดี ผิดแผกแตกต่างไปจากอารมณ์ของเจ้าชายแห่งท้องทะเลผู้นั้นที่ดูเหมือนจะไม่ได้ ‘มีความสุข’ กับการเจอกันครั้งนี้เท่าไรนัก
มังกรขนาดมหึมาตนนั้นคำรามกึกก้อง มหาสมุทรยิ่งตอบรับ พากันบ้าคลั่งขึ้นอย่างน่ากลัว ร่างของสิ่งมีชีวิตในตำนานพุ่งทะยานเข้ามาหาอี้เอินอย่างรวดเร็ว ฉับพลันนั้นก่อนที่จะเข้าใกล้ มันก็แปรเปลี่ยนร่างกลายเป็นมนุษย์
“ยังมีหน้ามาพูดอีกหรอ!!! นี่นายกำลังเล่นบ้าอะไรอยู่!!” เสียงทุ้มอันทรงพลังตวาดลั่น
บัดนี้ร่างอย่างมังกรกลับถูกสลัดออก รูปร่างอันมหึมากลายเป็นชายหนุ่มสูงสง่า เกล็ดอันแวววาวกลายเป็นผิวอันงดงาม ใบหน้าอันน่าเกรงขามกลายเป็นรูปโฉมหล่อเหล่า ทั้งร่างกายมีเพียงอย่างเดียวที่บ่งบอกให้รู้ว่าเขาคือมังกรตัวนั้นนั่นคือดวงตาอันทรงพลังคู่นั้น
แจบอมตรงเข้ามาหาแล้วผลักร่างอันบอบบางของแบมแบมให้เข้าสู่อ้อมกอดของผู้ที่ผลักไสเขาลงไปในหุบเหวแห่งความตายใต้มหาสมุทรอย่างฉุนเฉียว
“โอ้..” อี้เอินแสร้งอุทาน
“นี่คือการทักทายของชาวเงือกงั้นหรอกหรอ” ร่างสูงพูดน้ำเสียงยียวน ยิ่งเร่งเร้าโทสะอีกฝ่ายให้ถึงจุดเดือดพล่าน แจบอมพุ่งเข้ามากระชากคอเสื้ออย่างแรง
“เป็นบ้าอะไรของนายวะ!?” น้ำเสียงทรงพลังถูกพูดรอดไรฟันขึ้นอย่างข่มขู่ ทว่าบุตรแห่งฮาเดสกลับไม่มีแม้แต่วี่แววของความหวาดกลัวอยู่ในแววตาเลยสักนิด
“ทำอะไรล่ะ ก็ฉันแค่อยากเจอนาย จำได้ว่าเคยปฏิญาณเอาไว้นี่ว่าจะช่วยทุกคนที่จมน้ำในน่านน้ำนี้ ฉันก็เลย”
ผลัวะ!
หมัดรุนๆถูกซัดเข้าที่แก้มร่างสูงอย่างจังจนหน้าหัน
“….” อี้เอินค่อยๆยกมือขึ้นแตะที่มุมปากช้าๆ เลือดสีสดเลอะเปื้อนนิ้วของเขาเข้าสะกิดความรู้สึกโกรธให้เริ่มคุกรุ่น
“ระยะเวลาสามปีนี่มันเปลี่ยนนายไปขนาดนี้เลยหรอ!?”
“…..”
“เป็นคนของความตาย มันก็ต้องรู้ค่าของชีวิตคนดิวะ!!!” แจบอมผลักไหล่เพื่อนจนร่างสูงเกือบล้ม
“ชีวิตคน?”
อี้เอินทวนคำอย่างขบขันราวกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมาเป็นเรื่องตลกไร้สาระแสนโง่เขลา
“นายบอกว่านี่คือชีวิตคน!?” ร่างสูงกระชากร่างบางที่หมดสติขึ้นมาอย่างโหดร้าย
“….”
“นี่น่ะหรอชีวิตคนแจบอม นายเรียกมันว่าคนเนี่ยนะ เหอะ! ตลกน่า!!! นี่ไม่ใช่ชีวิตที่ต้องเห็นค่าด้วยซ้ำ!!! ก็แค่ชีวิตเน่าๆที่ทำให้ชีวิตของฉันพัง ขนาดแม่มันเองยังไม่เคยต้องการมันเลยด้วยซ้ำ!!”
“อี้เอิน..” แจบอมเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างบ่งบอกอารมณ์ไม่ถูก มันทั้งโกรธ ทั้งตกใจ ทั้งไม่คาดคิด ทั้งพรั่นพรึง
ต้วนอี้เอิน
ต้วนอี้เอิน เพื่อนของเขาที่เป็นคนดี รักและเห็นคุณค่าของทุกชีวิตมาตลอด แต่กลับ…
กลับพูดจาอย่างนั้นเนี่ยนะ
ร่างสูงพยายามควบคุมอารมณ์ให้เย็นลง เปลือกตาปิดลงปิดกั้นการมองเห็นชั่วครู่ จิตใต้สำนึกส่วนลึกกำลังย้ำเตือนถึงมิตรภาพ ความเป็นเพื่อน และจุดประสงค์ที่เขาดั้นด้นมาถึงที่นี่ เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อทะเลาะกับเพื่อนที่เขารักมากที่สุด เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาเถียงในเรื่องไร้สาระ เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาอธิบายตัวตนของเขาให้ใครฟัง เขามาเพื่อ…ขอความช่วยเหลือ
“ฉันไม่เหมือนเดิมแล้ว แจบอม ฉันไม่เหมือนเดิมแล้ว” เปลือกตาค่อยๆลืมขึ้นเพื่อสบตากับเพื่อนอีกครั้ง นัยน์ตาคู่คมที่เคยแววโรจน์ด้วยโทสะถูกผ่อนลงจนเหลือเพียงแค่แววตาแข็งกระด้างด้านชาที่แจบอมเองก็ยังไม่คุ้นชิน…
แจบอมมองลึกเข้าไปในแววตาคู่นั้น พยายามเสาะหาตัวตนของเพื่อนคนเดิมที่เขาเคยรู้จักให้พบ ทว่ามันกลับไร้ประโยชน์ เพราะยิ่งลึกลงไปเท่าไร เขาก็ยิ่งเห็นเพียงหุบเหวของจิตใจที่มืดบอดและความบิดเบี้ยวของความรู้สึกที่ถูกทรมานจนเหลือเพียงแต่ความว่างเปล่าของสามัญสำนึก
เพื่อนของเขาเปลี่ยนไปแล้ว…
เพื่อนของเขาเปลี่ยนไปแล้ว…
เขาหลับตาลงอย่างข่มอารมณ์ ไม่ใช่เรื่องง่ายกับการทำความเข้าใจในตัวตนของเพื่อนที่เปลี่ยนไป แต่ก็เป็นการยากเหลือเกินกับการผลักไสมิตรภาพที่มีมานานกว่าสิบปีให้ออกห่างเพียงเพราะคำว่า ‘เปลี่ยนไป’
จะอย่างไรก็เพื่อน
จะอย่างไรก็มิตรภาพ
จะอย่างไรก็พี่น้องร่วมสาบาน
“งั้นขอฟังเหตุผลที่นายเรียกฉันขึ้นมาหน่อย” แจบอมเอ่ยถามด้วยท่าทีที่ไม่ได้แข็งข้อ แต่ก็ไม่ได้เห็นดีเห็นงามด้วยสักเท่าไรนัก…
อี้เอินแย้มยิ้มก่อนจะเอ่ยตอบ
“ฉันต้องการให้นายช่วย….พ่อกำลังไล่ล่าฉัน ซุสเองก็คงไม่ต่างกัน เพราะฉะนั้นที่เดียวที่ฉันจะใช้หลบหนีได้ก็คือ…” ร่างสูงสบตาอีกฝ่าย หนุ่มมังกรกำลังรับรู้ได้ถึงอันตราย เพราะหากอี้เอินได้มองเขาด้วยสายตาแบบนี้แล้ว ย่อมไม่พ้นการลากเขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องวุ่นวายที่ดีไม่ดีอาจจะพาเขาซวยไปด้วย...
"นายไม่ได้กำลังหมายถึงที่นั่นใช่มั้ย" เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถาม ภาวนาไม่ให้เป็นสถานที่นั้น เพราะ 'ที่นั่น' ไม่ใช่สถานที่ที่ควรไปเลยสักนิด ไม่เคยมีใครไปได้ไกลถึงที่นั่น และต่อให้ไปได้ก็ไม่เคยมีใครรอดกลับมา แม้แต่มนุษย์กึ่งเทพอย่างพวกเขาก็ตาม...
อี้เอินมองเพื่อนที่กำลังเคร่งเครียดด้วยแววตาขบขัน ใบหน้าหล่อเหล่าแทบไม่มีความวิตกกังวลให้เห็น สีหน้าของเขาดูคล้ายกับคนที่กำลังรอคอยเรื่องสนุกสนานให้เกิดขึ้นแทบไม่ไหวเสียด้วยซ้ำ ก่อนที่เขาจะตอบรับความวิตกกังวลของแจบอมด้วยการพยักหน้าตอบรับ
“นายต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ.."
เกิดความเงียบขึ้นทันทีที่ประโยคนั้นถูกเอ่ยจบ แจบอมถึงกับหลับตาลงอย่างข่มอารมณ์ ตั้งแต่รู้จักอี้เอินมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่แผนการของหมอนี่ร้ายแรงเท่าครั้งนี้มาก่อน เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายขอร้องให้เขาพาไปไม่ใช่สถานที่ที่เขาจะมีอำนาจสูงสุด ซ้ำร้ายคนที่ปกครองที่นั่นยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ คุ้มดีคุ้มร้ายจนยากจะคาดเดา ดีไม่ดีแผนการณ์นี้อาจเอาชีวิตไปเสี่ยงอย่างไม่คุ้มค่าเสียด้วยซ้ำ
"อี้เอิน" นัยน์ตาสีครามตวัดมองเพื่อนอย่างเคร่งเครียด
"คิดดูใหม่เถอะ นายก็รู้ว่าที่นั่นมัน....อันตรายเกินไป"
"เพราะอย่างนั้นไง ฉันถึงต้องให้นายช่วย" อี้เอินยืนยันหนักแน่น
"แต่"
"นายก็รู้ว่าสำหรับฉันตอนนี้ที่นั่นคือที่ที่จะปลอดภัยที่สุด....หรือนายไม่คิดแบบนั้น" อี้เอินพูดดักคอ แจบอมหมดคำโต้เถียง...จริงอยู่ ที่นั่นคือที่ที่ปลอดภัยที่สุดในตอนนี้ แต่นั่นหมายถึงในกรณีที่เจ้าของ'ที่นั่น'อนุญาติให้พวกเขาอยู่ด้วย และเท่าที่ดูจากความเป็นไปได้แล้ว เขาก็ไม่เห็นมีโอกาสเลยสักนิด ยังไงแผนนี้ก็ไม่มีวันสำเร็จแน่นอน ทว่า...จะให้เขาเพิกเฉยกับคำขอของอี้เอินก็ไม่ได้ เพราะนอกจากที่นั่นแล้วเขาก็ไม่มีที่อื่นที่ดีกว่านี้ และตอนนี้แบมแบมเองก็ควรจะได้พักฟื้นร่างกายบ้างแล้ว..
"โอเค โอเค ในเมื่อมันไม่มีทางเลือก ฉันก็คงต้องยอม" ร่างสูงยกมือขึ้นราวกับยอมแพ้ นึกอยากย้อนเวลากลับไปถึงวันนั้น วันที่พวกเขาเป็นเพื่อนกันวันแรก….ถ้าเลือกได้ เขาจะเลือกไม่เดินเข้าไปทำความรู้จักหมอนี่ก่อนแน่ๆ
"ดี ถ้าอย่างนั้นเราก็รีบไปกันสักที พวกนั้นกำลังตามมาแล้ว" อี้เอินเอ่ยตอบ ดวงตาคู่คมตวัดสายตาไปมองเงามืดที่อยู่ผิดที่ผิดทางทางซ้ายมือของพวกเขาก่อนที่แจบอมจะพรูลมหายใจอย่างกลัดกลุ้ม หากแต่ก็ยอมกระโจนลงสู่ท้องทะเลแล้วกลายร่างกลับเป็นมังกรขนาดมหึมาอันทรงพลังที่สุดในท้องทะเลเตรียมพร้อมที่จะพาทุกคนด่ำดิ่งลงสู่มหาสมุทร ยังที่ที่ไม่เคยมีใครอยากไป หนึ่งในพื้นที่ต้องห้ามที่แม้แต่เขาก็ยังไม่อยากกร้ำกราย
"ไปกันเถอะ ไปเคาะประตูหน้าบ้านเทพแห่งภยันตรายทางทะเลกัน" อี้เอินพูดอย่างลิงโลด ก่อนที่พวกเขาจะทะยานออกสู่ท้องทะเล...
--------------------------
เทพแห่งภยันตรายทางทะเลไม่ใช่เทพที่จัดอยู่ในหมวดหมู่'เป็นมิตร'ของแจบอมเลยสักนิด ถึงแม้ว่าชื่อจะดูเกี่ยวข้องกับท้องทะเลหรือน่าจะอยู่ในความควบคุมของโพไซดอนพ่อของเขา แต่ความจริงที่ว่าบรรดาพวกเทพที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติทั้งหลายล้วนเป็นกลุ่มเทพที่ยากจะควบคุมและก็ไม่มีเทพองค์ไหนคิดจะไปควบคุมด้วย เพราะพวกเขาต้องถูกปล่อยให้ทำหน้าที่ที่แทบจะไม่มีใครเห็นว่าดีหรือมีประโยชน์ไปตามกลไกลของธรรมชาติเพื่อรักษาสมดุลของโลกดังเช่นที่มีความสงบสุข ย่อมมีความวุ่นวาย มีความอุดมสมบูรณ์ ย่อมมีความแร้นแค้น มีความปลอดภัย ย่อมมีภยันตราย ฉันใดก็ฉันนั้น
แจบอมไม่เคยเกลียดชังอะไรเทพองค์นั้นแม้ว่าเขาจะเป็นเทพที่อันตราย (ถ้ามองว่าสิ่งที่เขาทำเป็นเรื่องปกติ) แต่ก็ไม่ได้ยินดีกับการมีอยู่ของเขามากนัก เพราะบ่อยครั้งเทพองค์นั้นก็ทำให้เกิดภัยร้ายแรงมากมาย ทั้งคลื่นยักษ์ถล่มชายฝั่งคร่าชีวิตคนไปนับพัน ทั้งการปั่นป่วนนักเดินเรือจนเรืออับปาง ทั้งการสร้างคลื่นลมแรงเล่นงานนักท่องเที่ยว และยังอีกสารพัดที่เขาจำได้ไม่หมด ดังนั้นเทพองค์นี้ที่แม้ว่าจะเป็นเทพองค์เล็กแต่ก็สร้างความวุ่นวายให้กับเขาและพ่อมากที่สุดองค์หนึ่งเลยก็ว่าได้
"เขายังอยู่ที่นั่นเหมือนเดิมรึเปล่า" เสียงของอี้เอินดังขึ้นถาม เรียกให้เขาที่อยู่ในร่างมังกรหันไปหา รูปประโยคที่แม้ไม่เอ่ยชื่อประธานหรือบอกเล่าอะไรมากมายแต่เขาก็เข้าใจได้
"ไม่แน่ใจ ตาแก่นั่นไม่ค่อยจะอยู่กับร่องกับรอยเท่าไร" บุตรแห่งฮาเดสพยักหน้ารับก่อนจะพูดขึ้นในขณะที่ดวงตาก็ยังคงจับจ้องไปข้างหน้า
"เพราะถ้ายังทำอย่างเดิม ฉันก็คงต้องเตรียมใจ"
แจบอมเข้าใจความหมายนั้นดี เพราะครั้งล่าสุดที่เขาเจอเทพองค์นั้น เขาก็เจอพร้อมกับอี้เอิน ตอนนั้นพวกเขาแทบเอาตัวไม่รอดจากการหนีออกมาจากโรงแรมอควารีอา โรงแรมใต้น้ำธุรกิจในยามว่างของเทพแห่งภยันตราย ซึ่งแน่นอน โรงแรมที่มีเขาเป็นเจ้าของ มันจะปกติสุขและปลอดภัยหรืออย่างไร คำตอบก็คือไม่ยังไงล่ะ นั่นคือทาทาร์รัสในน้ำดีๆนี่เอง โชคดีว่าครั้งนั้นพวกเขามีเพื่อนอีกคนไปด้วย ไม่อย่างนั้นคงไม่รอด แต่ครั้งนี้....โชคร้ายที่เพื่อนคนนั้นไม่ได้มาด้วย
แจบอมมุ่งหน้าต่อไปยังทิศตะวันตก ออกห่างจากที่ที่คุ้นเคยไปหลายร้อยไมล์ทะเล ผ่านน่านน้ำหลายน่านน้ำ ผ่านอ่าวหลายอ่าว พบเทพเจ้าองค์น้อยใหญ่ ทักทายเหล่าสัตว์น้ำต่างๆมากมาย ก่อนที่รอบข้างจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปทีละนิดอย่างค่อยเป็นค่อยไป หมู่มวลสัตว์น้ำที่เคยแวะเวียนเข้ามาทักทายเริ่มน้อยลง ท้องทะเลสีฟ้าใสที่เคยเต็มไปด้วยเหล่าปะการังหลากสีเริ่มมืดทึบและอับแสง เทพเจ้าที่เคยมาทักทายเริ่มห่างหาย จนสุดท้ายรอบข้างของเขาก็ไม่มีสิ่งใดนอกจากความมืดมิดและเงียบเหงาของมหาสมุทร---พวกเขาเข้าใกล้ที่พำนักของเทพองค์นั้นแล้ว
กระแสน้ำไหลวนเชี่ยวกราด คลื่นใต้น้ำตีรวนกันไปมาจนรบกวนการเดินทางของพวกเขา แจบอมรีบกระชับอุ้งเท้าที่กอบกุมร่างของแบมแบมเอาไว้ก่อนที่เขาจะควบคุมกระแสน้ำให้ไหลเชี่ยวไปอีกฝั่งแล้วว่ายผ่านไปอย่างง่ายดายจนหลุดพ้นห้วงแห่งกระแสน้ำออกมา
"ดูนั่น" เสียงอี้เอินดังขึ้นทันทีที่พวกเขาหลุดออกมา เจ้าชายแห่งท้องทะเลหันไปมองตามสายตาอีกฝ่ายก่อนที่เขาจะพบเขากับสิ่งแปลกประหลาด
ดวงไฟนับร้อยดวงสว่างจ้าขึ้นท่ามกลางมหาสมุทรที่ขมุกขมัว อาคารอะไรบางอย่างปรากฏเป็นเงาลางๆอยู่เบื้องหลัง แจแบมค่อยๆนำเข้าไปอย่างระแวดระวัง ดวงตาคูมหึมาค่อยกวาดมองรอบๆอย่างหวาดระแวง เขาไม่ค่อยไว้ใจเทพบ้าๆนั่นเท่าไรนัก เพราะหนก่อนที่เจอ อยู่ดีๆเทพนั่นก็โผล่มาจากไหนไม่รู้
โครงร่างที่เห็นอยู่เบื้องหน้าค่อยๆชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ อาคารทรงโดมขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ดวงไฟที่เห็นแท้จริงคือแมงกระพรุนเรืองแสงนับร้อยที่ถูกจับขังอยู่ในหลอดไฟค่อยให้แสงสว่าง ป้ายชื่อสถานที่ถูกปักไว้อยู่ด้านหน้าอย่างลวกๆ สะท้อนว่าเจ้าของไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ดินแดนแห่งฮิปปี้!!!
พิพิธภัณฑ์สัตว์ประหลาดน้ำฟอร์ซิส!!!
อี้เอินกับแจบอมหันมาสบตากันทันทีก่อนที่รางสังหรณ์ร้องเตือนถึงรางร้าย ดูเหมือนว่าธุรกิจใหม่ของเทพแห่งภยันตรายทางท้องทะเลครั้งนี้จะฟังดูน่าสยดสยองกว่าครั้งที่แล้วอยู่มากโข
"ครั้งนี้มันต้องยุ่งกว่าครั้งนั้นแน่"
"ยังไงเราก็ต้องเข้าไป" อี้เอินพูดเสียงราบเรียบ
"งั้นเดี๋ยวฉัน"
"โอ้ะ!!! มีนักท่องเที่ยวมา!!" จู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเรียกความสนใจจากพวกเขาให้หันไปมอง ก่อนจะพบเข้ากับชายคนหนึ่งที่พวกเขาจำใจอยากจะพบด้วยในวันนี้
ชายคนนั้นอยู่ในวัยชรา ใบหน้าดูเหมือนใจดี หากแต่แววตากลับดูคลุ้มคลั่งแบบแปลกๆ ร่างกายของเขาดูเป็นส่วนผสมที่ไม่ลงตัวที่สุดในบรรดาพวกอมนุษย์ทั้งหลาย ผิวของเขาเป็นสีแดงราวกับโลหิต ร่างกายท่อนล่างเป็นปลา บริเวณสะโพกของเขายังมีกล้ามปูยื่นออกมาทั้งสองข้างยิ่งขับให้ร่างนี้ดูพิลึกพิลั่นเกินกว่าที่จะมีสิ่งมีชีวิตใดๆในโลกเป็น
"ค่าตั๋วของเราถูกมาก! มากันสอง ไม่สิ สาม! อย่างนี้ลดให้เลย เข้ามาก่อนสิคุณนักท่องเที่ยว!" ประโยคที่ถูกเว้นวรรคตอนได้อย่างน่ารำคาญถูกเอ่ยขึ้นอย่างกระตือรือร้นเกินเหตุจากเทพเจ้า แจบอมและอี้เอินสบตากันเพียงเล็กน้อยก่อนที่บุตรแห่งฮาเดสจะเป็นฝ่ายเอ่ยถาม
"เราไม่ได้มาดูพิพิธภัณฑ์ เรามาขอให้ท่านช่วย"
"ซื้อตั๋วก่อนสิ แล้วฉันจะช่วยเลย" ฟอร์ซิสยื่นตั๋วสีตุ่นสามใบมาตรงหน้าพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง อี้เอินเปรยตามองก่อนจะต้องจำใจเล่นตามน้ำ
"ราคาเท่าไร ผมมีทับทิมจากทาทาร์รัส" เขาเสนอราคาไปอย่างมั่นใจว่าเทพเจ้าจะต้องไม่ปฏิเสธ แค่ตั๋วสามใบทับทิมหนึ่งเม็ดยังมากไปเลยด้วยซ้ำ ฟอร์ซิสนิ่งเงียบไปอย่างใช้ความคิด ราวกับกำลังคิดคำนวนถึงส่วนต่างและผลกำไรที่เขาจะได้ แจบอมสบตากับอี้เอินเป็นระยะ พวกเขารู้กันดีอยู่ว่าเทพเจ้าองค์นี้เอาแน่เอานอนไม่ค่อยจะได้นัก
"อืมมมมม" ฟอร์ซิสพึมพำในลำคอ
"ทับทิมแท้จากทาทาร์รัสเลยนะ ท่านก็รู้ว่ามันหายากมากแค่ไหน ไม่มีเหตุผลเลยที่ท่านจะลังเล"
"ก็จริงอยู่"
"ใช่ ถ้าอย่างนั้นท่านก็"
"แต่มันมากไป" อี้เอินที่กำลังจะเอื้อมไปคว้าตั๋วไว้ชะงัก ก่อนจะตวัดสายตามาสบตากับเทพเจ้าอย่างฉงน
"ถ้าอย่างนั้นท่านต้องการอะไร"
ฟอร์ซิสแย้มยิ้ม ค่อยๆแหวกว่ายเข้ามาหาพวกเขาก่อนจะกระซิบให้ได้ยินชัดเต็มสองรูหูใกล้ๆ
"ราคาถูกๆ"
"....."
"บัตรสามใบ เที่ยวข้างในได้ตลอดชีวิต แลกกับหนึ่งชีวิต ง่ายจะตายไป"
นัยน์ตาคมกริบคู่นั้นมีแต่ความสนุกสนาน ลิงโลด กลีบปากได้รูปปรากฏรอยยิ้ม สีหน้าแทบไม่หลงเหลือให้ความเคร่งเครียดได้เข้าไปทักทายเลยแม้แต่น้อย หัวใจของเขาตอนนี้มีแต่ความตื่นเต้น และสนุกสนาน ในใจกำลังนับเลขถอยหลังราวกับกำลังรอคอยเหตุการณ์อะไรบางอย่างให้เกิดขึ้น
เหตุการณ์ที่เขากำหนดกะเกณฑ์มาอย่างดี
เหตุการณ์ที่เขามั่นใจว่าต้องได้ผล
เหตุการณ์…
ที่จะเรียกเพื่อนเขาคนนั้นออกมาจากวังใต้บาดาลได้!!!
ผิวน้ำบริเวณที่ห่างไกลออกไปเกือบสามกิโลเมตรจากช่างฝั่งเริ่มเคลื่อนไหว แสงสีประหลาดเริ่มสว่างวาบไปมา ริมฝีปากได้รูปกระตุกยิ้มร้าย
“มาแล้วสินะ เพื่อนยาก” เสียงทุ้มเอือนเอ่ย ในใจเริ่มนับถอยหลังห้าวินาทีสุดท้าย
ห้า
รอยยิ้มยิ่งยกยิ้มขึ้น ท้องทะเลเริ่มแปรปรวน
สี่
คลื่นขนาดใหญ่สาดซัดเข้าชายฝั่ง
สาม
มหาสมุทรเริ่มบ้าคลั่ง
สอง
แสงประหลาดเริ่มส่องสว่าง
หนึ่ง
.
.
.
มหาสมุทรทั้งผืนเข้าสู่ ‘ความพิโรธ’ อย่างสมบูรณ์แบบ…
.
.
.
อี้เอินรู้ได้ทันทีว่า ‘ใคร’ กำลังจะมา
เพราะหนึ่งเดียวที่สั่นสะเทือนทั้งมหาสมุทร
เพราะหนึ่งเดียวที่อยู่เหนือใต้ธารา
เพราะหนึ่งเดียวที่เขย่าพสุธาให้พังทลาย
เขาผู้นั้นก็คือ…
อิมแจบอม
เจ้าชายแห่งท้องทะเล
บุตรแห่งโพไซดอน เทพแห่งมหาสมุทรและบิดาแห่งอาชาไนย!!!
ฉับพลันนั้นร่างของมังกรแห่งท้องทะเลขนาดมหึมาก็พุ่งทะยานขึ้นเหนือผิวน้ำ สายน้ำสาดกระเซ็นขึ้นเทียมฟ้า แสงอาทิตย์ถูกบดบังด้วยเงาขนาดยักษ์ ใต้ร่างนั้นคือมหาสมุทรอันวิปโยค
“ไม่ได้เจอกันซะนานนะ เจบี..” ชื่อย่อเล่นๆถูกเอ่ยขึ้นจากปากของอี้เอินอย่างอารมณ์ดี ผิดแผกแตกต่างไปจากอารมณ์ของเจ้าชายแห่งท้องทะเลผู้นั้นที่ดูเหมือนจะไม่ได้ ‘มีความสุข’ กับการเจอกันครั้งนี้เท่าไรนัก
มังกรขนาดมหึมาตนนั้นคำรามกึกก้อง มหาสมุทรยิ่งตอบรับ พากันบ้าคลั่งขึ้นอย่างน่ากลัว ร่างของสิ่งมีชีวิตในตำนานพุ่งทะยานเข้ามาหาอี้เอินอย่างรวดเร็ว ฉับพลันนั้นก่อนที่จะเข้าใกล้ มันก็แปรเปลี่ยนร่างกลายเป็นมนุษย์
“ยังมีหน้ามาพูดอีกหรอ!!! นี่นายกำลังเล่นบ้าอะไรอยู่!!” เสียงทุ้มอันทรงพลังตวาดลั่น
บัดนี้ร่างอย่างมังกรกลับถูกสลัดออก รูปร่างอันมหึมากลายเป็นชายหนุ่มสูงสง่า เกล็ดอันแวววาวกลายเป็นผิวอันงดงาม ใบหน้าอันน่าเกรงขามกลายเป็นรูปโฉมหล่อเหล่า ทั้งร่างกายมีเพียงอย่างเดียวที่บ่งบอกให้รู้ว่าเขาคือมังกรตัวนั้นนั่นคือดวงตาอันทรงพลังคู่นั้น
แจบอมตรงเข้ามาหาแล้วผลักร่างอันบอบบางของแบมแบมให้เข้าสู่อ้อมกอดของผู้ที่ผลักไสเขาลงไปในหุบเหวแห่งความตายใต้มหาสมุทรอย่างฉุนเฉียว
“โอ้..” อี้เอินแสร้งอุทาน
“นี่คือการทักทายของชาวเงือกงั้นหรอกหรอ” ร่างสูงพูดน้ำเสียงยียวน ยิ่งเร่งเร้าโทสะอีกฝ่ายให้ถึงจุดเดือดพล่าน แจบอมพุ่งเข้ามากระชากคอเสื้ออย่างแรง
“เป็นบ้าอะไรของนายวะ!?” น้ำเสียงทรงพลังถูกพูดรอดไรฟันขึ้นอย่างข่มขู่ ทว่าบุตรแห่งฮาเดสกลับไม่มีแม้แต่วี่แววของความหวาดกลัวอยู่ในแววตาเลยสักนิด
“ทำอะไรล่ะ ก็ฉันแค่อยากเจอนาย จำได้ว่าเคยปฏิญาณเอาไว้นี่ว่าจะช่วยทุกคนที่จมน้ำในน่านน้ำนี้ ฉันก็เลย”
ผลัวะ!
หมัดรุนๆถูกซัดเข้าที่แก้มร่างสูงอย่างจังจนหน้าหัน
“….” อี้เอินค่อยๆยกมือขึ้นแตะที่มุมปากช้าๆ เลือดสีสดเลอะเปื้อนนิ้วของเขาเข้าสะกิดความรู้สึกโกรธให้เริ่มคุกรุ่น
“ระยะเวลาสามปีนี่มันเปลี่ยนนายไปขนาดนี้เลยหรอ!?”
“…..”
“เป็นคนของความตาย มันก็ต้องรู้ค่าของชีวิตคนดิวะ!!!” แจบอมผลักไหล่เพื่อนจนร่างสูงเกือบล้ม
“ชีวิตคน?”
อี้เอินทวนคำอย่างขบขันราวกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมาเป็นเรื่องตลกไร้สาระแสนโง่เขลา
“นายบอกว่านี่คือชีวิตคน!?” ร่างสูงกระชากร่างบางที่หมดสติขึ้นมาอย่างโหดร้าย
“….”
“นี่น่ะหรอชีวิตคนแจบอม นายเรียกมันว่าคนเนี่ยนะ เหอะ! ตลกน่า!!! นี่ไม่ใช่ชีวิตที่ต้องเห็นค่าด้วยซ้ำ!!! ก็แค่ชีวิตเน่าๆที่ทำให้ชีวิตของฉันพัง ขนาดแม่มันเองยังไม่เคยต้องการมันเลยด้วยซ้ำ!!”
“อี้เอิน..” แจบอมเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างบ่งบอกอารมณ์ไม่ถูก มันทั้งโกรธ ทั้งตกใจ ทั้งไม่คาดคิด ทั้งพรั่นพรึง
ต้วนอี้เอิน
ต้วนอี้เอิน เพื่อนของเขาที่เป็นคนดี รักและเห็นคุณค่าของทุกชีวิตมาตลอด แต่กลับ…
กลับพูดจาอย่างนั้นเนี่ยนะ
ร่างสูงพยายามควบคุมอารมณ์ให้เย็นลง เปลือกตาปิดลงปิดกั้นการมองเห็นชั่วครู่ จิตใต้สำนึกส่วนลึกกำลังย้ำเตือนถึงมิตรภาพ ความเป็นเพื่อน และจุดประสงค์ที่เขาดั้นด้นมาถึงที่นี่ เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อทะเลาะกับเพื่อนที่เขารักมากที่สุด เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาเถียงในเรื่องไร้สาระ เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาอธิบายตัวตนของเขาให้ใครฟัง เขามาเพื่อ…ขอความช่วยเหลือ
“ฉันไม่เหมือนเดิมแล้ว แจบอม ฉันไม่เหมือนเดิมแล้ว” เปลือกตาค่อยๆลืมขึ้นเพื่อสบตากับเพื่อนอีกครั้ง นัยน์ตาคู่คมที่เคยแววโรจน์ด้วยโทสะถูกผ่อนลงจนเหลือเพียงแค่แววตาแข็งกระด้างด้านชาที่แจบอมเองก็ยังไม่คุ้นชิน…
แจบอมมองลึกเข้าไปในแววตาคู่นั้น พยายามเสาะหาตัวตนของเพื่อนคนเดิมที่เขาเคยรู้จักให้พบ ทว่ามันกลับไร้ประโยชน์ เพราะยิ่งลึกลงไปเท่าไร เขาก็ยิ่งเห็นเพียงหุบเหวของจิตใจที่มืดบอดและความบิดเบี้ยวของความรู้สึกที่ถูกทรมานจนเหลือเพียงแต่ความว่างเปล่าของสามัญสำนึก
เพื่อนของเขาเปลี่ยนไปแล้ว…
เพื่อนของเขาเปลี่ยนไปแล้ว…
เขาหลับตาลงอย่างข่มอารมณ์ ไม่ใช่เรื่องง่ายกับการทำความเข้าใจในตัวตนของเพื่อนที่เปลี่ยนไป แต่ก็เป็นการยากเหลือเกินกับการผลักไสมิตรภาพที่มีมานานกว่าสิบปีให้ออกห่างเพียงเพราะคำว่า ‘เปลี่ยนไป’
จะอย่างไรก็เพื่อน
จะอย่างไรก็มิตรภาพ
จะอย่างไรก็พี่น้องร่วมสาบาน
“งั้นขอฟังเหตุผลที่นายเรียกฉันขึ้นมาหน่อย” แจบอมเอ่ยถามด้วยท่าทีที่ไม่ได้แข็งข้อ แต่ก็ไม่ได้เห็นดีเห็นงามด้วยสักเท่าไรนัก…
อี้เอินแย้มยิ้มก่อนจะเอ่ยตอบ
“ฉันต้องการให้นายช่วย….พ่อกำลังไล่ล่าฉัน ซุสเองก็คงไม่ต่างกัน เพราะฉะนั้นที่เดียวที่ฉันจะใช้หลบหนีได้ก็คือ…” ร่างสูงสบตาอีกฝ่าย หนุ่มมังกรกำลังรับรู้ได้ถึงอันตราย เพราะหากอี้เอินได้มองเขาด้วยสายตาแบบนี้แล้ว ย่อมไม่พ้นการลากเขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องวุ่นวายที่ดีไม่ดีอาจจะพาเขาซวยไปด้วย...
"นายไม่ได้กำลังหมายถึงที่นั่นใช่มั้ย" เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถาม ภาวนาไม่ให้เป็นสถานที่นั้น เพราะ 'ที่นั่น' ไม่ใช่สถานที่ที่ควรไปเลยสักนิด ไม่เคยมีใครไปได้ไกลถึงที่นั่น และต่อให้ไปได้ก็ไม่เคยมีใครรอดกลับมา แม้แต่มนุษย์กึ่งเทพอย่างพวกเขาก็ตาม...
อี้เอินมองเพื่อนที่กำลังเคร่งเครียดด้วยแววตาขบขัน ใบหน้าหล่อเหล่าแทบไม่มีความวิตกกังวลให้เห็น สีหน้าของเขาดูคล้ายกับคนที่กำลังรอคอยเรื่องสนุกสนานให้เกิดขึ้นแทบไม่ไหวเสียด้วยซ้ำ ก่อนที่เขาจะตอบรับความวิตกกังวลของแจบอมด้วยการพยักหน้าตอบรับ
“นายต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ.."
เกิดความเงียบขึ้นทันทีที่ประโยคนั้นถูกเอ่ยจบ แจบอมถึงกับหลับตาลงอย่างข่มอารมณ์ ตั้งแต่รู้จักอี้เอินมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่แผนการของหมอนี่ร้ายแรงเท่าครั้งนี้มาก่อน เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายขอร้องให้เขาพาไปไม่ใช่สถานที่ที่เขาจะมีอำนาจสูงสุด ซ้ำร้ายคนที่ปกครองที่นั่นยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ คุ้มดีคุ้มร้ายจนยากจะคาดเดา ดีไม่ดีแผนการณ์นี้อาจเอาชีวิตไปเสี่ยงอย่างไม่คุ้มค่าเสียด้วยซ้ำ
"อี้เอิน" นัยน์ตาสีครามตวัดมองเพื่อนอย่างเคร่งเครียด
"คิดดูใหม่เถอะ นายก็รู้ว่าที่นั่นมัน....อันตรายเกินไป"
"เพราะอย่างนั้นไง ฉันถึงต้องให้นายช่วย" อี้เอินยืนยันหนักแน่น
"แต่"
"นายก็รู้ว่าสำหรับฉันตอนนี้ที่นั่นคือที่ที่จะปลอดภัยที่สุด....หรือนายไม่คิดแบบนั้น" อี้เอินพูดดักคอ แจบอมหมดคำโต้เถียง...จริงอยู่ ที่นั่นคือที่ที่ปลอดภัยที่สุดในตอนนี้ แต่นั่นหมายถึงในกรณีที่เจ้าของ'ที่นั่น'อนุญาติให้พวกเขาอยู่ด้วย และเท่าที่ดูจากความเป็นไปได้แล้ว เขาก็ไม่เห็นมีโอกาสเลยสักนิด ยังไงแผนนี้ก็ไม่มีวันสำเร็จแน่นอน ทว่า...จะให้เขาเพิกเฉยกับคำขอของอี้เอินก็ไม่ได้ เพราะนอกจากที่นั่นแล้วเขาก็ไม่มีที่อื่นที่ดีกว่านี้ และตอนนี้แบมแบมเองก็ควรจะได้พักฟื้นร่างกายบ้างแล้ว..
"โอเค โอเค ในเมื่อมันไม่มีทางเลือก ฉันก็คงต้องยอม" ร่างสูงยกมือขึ้นราวกับยอมแพ้ นึกอยากย้อนเวลากลับไปถึงวันนั้น วันที่พวกเขาเป็นเพื่อนกันวันแรก….ถ้าเลือกได้ เขาจะเลือกไม่เดินเข้าไปทำความรู้จักหมอนี่ก่อนแน่ๆ
"ดี ถ้าอย่างนั้นเราก็รีบไปกันสักที พวกนั้นกำลังตามมาแล้ว" อี้เอินเอ่ยตอบ ดวงตาคู่คมตวัดสายตาไปมองเงามืดที่อยู่ผิดที่ผิดทางทางซ้ายมือของพวกเขาก่อนที่แจบอมจะพรูลมหายใจอย่างกลัดกลุ้ม หากแต่ก็ยอมกระโจนลงสู่ท้องทะเลแล้วกลายร่างกลับเป็นมังกรขนาดมหึมาอันทรงพลังที่สุดในท้องทะเลเตรียมพร้อมที่จะพาทุกคนด่ำดิ่งลงสู่มหาสมุทร ยังที่ที่ไม่เคยมีใครอยากไป หนึ่งในพื้นที่ต้องห้ามที่แม้แต่เขาก็ยังไม่อยากกร้ำกราย
"ไปกันเถอะ ไปเคาะประตูหน้าบ้านเทพแห่งภยันตรายทางทะเลกัน" อี้เอินพูดอย่างลิงโลด ก่อนที่พวกเขาจะทะยานออกสู่ท้องทะเล...
--------------------------
เทพแห่งภยันตรายทางทะเลไม่ใช่เทพที่จัดอยู่ในหมวดหมู่'เป็นมิตร'ของแจบอมเลยสักนิด ถึงแม้ว่าชื่อจะดูเกี่ยวข้องกับท้องทะเลหรือน่าจะอยู่ในความควบคุมของโพไซดอนพ่อของเขา แต่ความจริงที่ว่าบรรดาพวกเทพที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติทั้งหลายล้วนเป็นกลุ่มเทพที่ยากจะควบคุมและก็ไม่มีเทพองค์ไหนคิดจะไปควบคุมด้วย เพราะพวกเขาต้องถูกปล่อยให้ทำหน้าที่ที่แทบจะไม่มีใครเห็นว่าดีหรือมีประโยชน์ไปตามกลไกลของธรรมชาติเพื่อรักษาสมดุลของโลกดังเช่นที่มีความสงบสุข ย่อมมีความวุ่นวาย มีความอุดมสมบูรณ์ ย่อมมีความแร้นแค้น มีความปลอดภัย ย่อมมีภยันตราย ฉันใดก็ฉันนั้น
แจบอมไม่เคยเกลียดชังอะไรเทพองค์นั้นแม้ว่าเขาจะเป็นเทพที่อันตราย (ถ้ามองว่าสิ่งที่เขาทำเป็นเรื่องปกติ) แต่ก็ไม่ได้ยินดีกับการมีอยู่ของเขามากนัก เพราะบ่อยครั้งเทพองค์นั้นก็ทำให้เกิดภัยร้ายแรงมากมาย ทั้งคลื่นยักษ์ถล่มชายฝั่งคร่าชีวิตคนไปนับพัน ทั้งการปั่นป่วนนักเดินเรือจนเรืออับปาง ทั้งการสร้างคลื่นลมแรงเล่นงานนักท่องเที่ยว และยังอีกสารพัดที่เขาจำได้ไม่หมด ดังนั้นเทพองค์นี้ที่แม้ว่าจะเป็นเทพองค์เล็กแต่ก็สร้างความวุ่นวายให้กับเขาและพ่อมากที่สุดองค์หนึ่งเลยก็ว่าได้
"เขายังอยู่ที่นั่นเหมือนเดิมรึเปล่า" เสียงของอี้เอินดังขึ้นถาม เรียกให้เขาที่อยู่ในร่างมังกรหันไปหา รูปประโยคที่แม้ไม่เอ่ยชื่อประธานหรือบอกเล่าอะไรมากมายแต่เขาก็เข้าใจได้
"ไม่แน่ใจ ตาแก่นั่นไม่ค่อยจะอยู่กับร่องกับรอยเท่าไร" บุตรแห่งฮาเดสพยักหน้ารับก่อนจะพูดขึ้นในขณะที่ดวงตาก็ยังคงจับจ้องไปข้างหน้า
"เพราะถ้ายังทำอย่างเดิม ฉันก็คงต้องเตรียมใจ"
แจบอมเข้าใจความหมายนั้นดี เพราะครั้งล่าสุดที่เขาเจอเทพองค์นั้น เขาก็เจอพร้อมกับอี้เอิน ตอนนั้นพวกเขาแทบเอาตัวไม่รอดจากการหนีออกมาจากโรงแรมอควารีอา โรงแรมใต้น้ำธุรกิจในยามว่างของเทพแห่งภยันตราย ซึ่งแน่นอน โรงแรมที่มีเขาเป็นเจ้าของ มันจะปกติสุขและปลอดภัยหรืออย่างไร คำตอบก็คือไม่ยังไงล่ะ นั่นคือทาทาร์รัสในน้ำดีๆนี่เอง โชคดีว่าครั้งนั้นพวกเขามีเพื่อนอีกคนไปด้วย ไม่อย่างนั้นคงไม่รอด แต่ครั้งนี้....โชคร้ายที่เพื่อนคนนั้นไม่ได้มาด้วย
แจบอมมุ่งหน้าต่อไปยังทิศตะวันตก ออกห่างจากที่ที่คุ้นเคยไปหลายร้อยไมล์ทะเล ผ่านน่านน้ำหลายน่านน้ำ ผ่านอ่าวหลายอ่าว พบเทพเจ้าองค์น้อยใหญ่ ทักทายเหล่าสัตว์น้ำต่างๆมากมาย ก่อนที่รอบข้างจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปทีละนิดอย่างค่อยเป็นค่อยไป หมู่มวลสัตว์น้ำที่เคยแวะเวียนเข้ามาทักทายเริ่มน้อยลง ท้องทะเลสีฟ้าใสที่เคยเต็มไปด้วยเหล่าปะการังหลากสีเริ่มมืดทึบและอับแสง เทพเจ้าที่เคยมาทักทายเริ่มห่างหาย จนสุดท้ายรอบข้างของเขาก็ไม่มีสิ่งใดนอกจากความมืดมิดและเงียบเหงาของมหาสมุทร---พวกเขาเข้าใกล้ที่พำนักของเทพองค์นั้นแล้ว
กระแสน้ำไหลวนเชี่ยวกราด คลื่นใต้น้ำตีรวนกันไปมาจนรบกวนการเดินทางของพวกเขา แจบอมรีบกระชับอุ้งเท้าที่กอบกุมร่างของแบมแบมเอาไว้ก่อนที่เขาจะควบคุมกระแสน้ำให้ไหลเชี่ยวไปอีกฝั่งแล้วว่ายผ่านไปอย่างง่ายดายจนหลุดพ้นห้วงแห่งกระแสน้ำออกมา
"ดูนั่น" เสียงอี้เอินดังขึ้นทันทีที่พวกเขาหลุดออกมา เจ้าชายแห่งท้องทะเลหันไปมองตามสายตาอีกฝ่ายก่อนที่เขาจะพบเขากับสิ่งแปลกประหลาด
ดวงไฟนับร้อยดวงสว่างจ้าขึ้นท่ามกลางมหาสมุทรที่ขมุกขมัว อาคารอะไรบางอย่างปรากฏเป็นเงาลางๆอยู่เบื้องหลัง แจแบมค่อยๆนำเข้าไปอย่างระแวดระวัง ดวงตาคูมหึมาค่อยกวาดมองรอบๆอย่างหวาดระแวง เขาไม่ค่อยไว้ใจเทพบ้าๆนั่นเท่าไรนัก เพราะหนก่อนที่เจอ อยู่ดีๆเทพนั่นก็โผล่มาจากไหนไม่รู้
โครงร่างที่เห็นอยู่เบื้องหน้าค่อยๆชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ อาคารทรงโดมขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ดวงไฟที่เห็นแท้จริงคือแมงกระพรุนเรืองแสงนับร้อยที่ถูกจับขังอยู่ในหลอดไฟค่อยให้แสงสว่าง ป้ายชื่อสถานที่ถูกปักไว้อยู่ด้านหน้าอย่างลวกๆ สะท้อนว่าเจ้าของไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ดินแดนแห่งฮิปปี้!!!
พิพิธภัณฑ์สัตว์ประหลาดน้ำฟอร์ซิส!!!
อี้เอินกับแจบอมหันมาสบตากันทันทีก่อนที่รางสังหรณ์ร้องเตือนถึงรางร้าย ดูเหมือนว่าธุรกิจใหม่ของเทพแห่งภยันตรายทางท้องทะเลครั้งนี้จะฟังดูน่าสยดสยองกว่าครั้งที่แล้วอยู่มากโข
"ครั้งนี้มันต้องยุ่งกว่าครั้งนั้นแน่"
"ยังไงเราก็ต้องเข้าไป" อี้เอินพูดเสียงราบเรียบ
"งั้นเดี๋ยวฉัน"
"โอ้ะ!!! มีนักท่องเที่ยวมา!!" จู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเรียกความสนใจจากพวกเขาให้หันไปมอง ก่อนจะพบเข้ากับชายคนหนึ่งที่พวกเขาจำใจอยากจะพบด้วยในวันนี้
ชายคนนั้นอยู่ในวัยชรา ใบหน้าดูเหมือนใจดี หากแต่แววตากลับดูคลุ้มคลั่งแบบแปลกๆ ร่างกายของเขาดูเป็นส่วนผสมที่ไม่ลงตัวที่สุดในบรรดาพวกอมนุษย์ทั้งหลาย ผิวของเขาเป็นสีแดงราวกับโลหิต ร่างกายท่อนล่างเป็นปลา บริเวณสะโพกของเขายังมีกล้ามปูยื่นออกมาทั้งสองข้างยิ่งขับให้ร่างนี้ดูพิลึกพิลั่นเกินกว่าที่จะมีสิ่งมีชีวิตใดๆในโลกเป็น
"ค่าตั๋วของเราถูกมาก! มากันสอง ไม่สิ สาม! อย่างนี้ลดให้เลย เข้ามาก่อนสิคุณนักท่องเที่ยว!" ประโยคที่ถูกเว้นวรรคตอนได้อย่างน่ารำคาญถูกเอ่ยขึ้นอย่างกระตือรือร้นเกินเหตุจากเทพเจ้า แจบอมและอี้เอินสบตากันเพียงเล็กน้อยก่อนที่บุตรแห่งฮาเดสจะเป็นฝ่ายเอ่ยถาม
"เราไม่ได้มาดูพิพิธภัณฑ์ เรามาขอให้ท่านช่วย"
"ซื้อตั๋วก่อนสิ แล้วฉันจะช่วยเลย" ฟอร์ซิสยื่นตั๋วสีตุ่นสามใบมาตรงหน้าพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง อี้เอินเปรยตามองก่อนจะต้องจำใจเล่นตามน้ำ
"ราคาเท่าไร ผมมีทับทิมจากทาทาร์รัส" เขาเสนอราคาไปอย่างมั่นใจว่าเทพเจ้าจะต้องไม่ปฏิเสธ แค่ตั๋วสามใบทับทิมหนึ่งเม็ดยังมากไปเลยด้วยซ้ำ ฟอร์ซิสนิ่งเงียบไปอย่างใช้ความคิด ราวกับกำลังคิดคำนวนถึงส่วนต่างและผลกำไรที่เขาจะได้ แจบอมสบตากับอี้เอินเป็นระยะ พวกเขารู้กันดีอยู่ว่าเทพเจ้าองค์นี้เอาแน่เอานอนไม่ค่อยจะได้นัก
"อืมมมมม" ฟอร์ซิสพึมพำในลำคอ
"ทับทิมแท้จากทาทาร์รัสเลยนะ ท่านก็รู้ว่ามันหายากมากแค่ไหน ไม่มีเหตุผลเลยที่ท่านจะลังเล"
"ก็จริงอยู่"
"ใช่ ถ้าอย่างนั้นท่านก็"
"แต่มันมากไป" อี้เอินที่กำลังจะเอื้อมไปคว้าตั๋วไว้ชะงัก ก่อนจะตวัดสายตามาสบตากับเทพเจ้าอย่างฉงน
"ถ้าอย่างนั้นท่านต้องการอะไร"
ฟอร์ซิสแย้มยิ้ม ค่อยๆแหวกว่ายเข้ามาหาพวกเขาก่อนจะกระซิบให้ได้ยินชัดเต็มสองรูหูใกล้ๆ
"ราคาถูกๆ"
"....."
"บัตรสามใบ เที่ยวข้างในได้ตลอดชีวิต แลกกับหนึ่งชีวิต ง่ายจะตายไป"