0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

ทะเลมาร์คแบม ตอนที่ึ10

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

0ctogus

0ctogus
Admin

“แล้ว แล้วจะให้ตายไป   อย่างนี้น่ะหรอ” เจบีเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ ทว่าอี้เอินกลับนิ่งเฉย ไม่มีแม้ปฏิกิริยาตอบสนอง


“มาร์ค”


“……” ร่างสูงค่อยๆผละออกห่างจากร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น หัวใจเหมือนถูกบีบรัดอย่างบอกไม่ถูก ที่จริงเขาควรยินดี ทว่าสิ่งที่รู้สึกอยู่ตอนนี้กลับไม่มีแม้แต่ความสุขเจือปน


“มาร์ค ตั้งสติหน่อย เราจะปล่อยให้เขาตายไปแบบนี้ไม่ได้” ฝ่ามือใหญ่รั้งแขนอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ให้เดินหนีออกไป  หวังเพียงช่วยให้เพื่อนได้สติเสียที หากแต่อี้เอินกลับเหลือบตามองมือที่รั้งแขนไว้แล้ววาดยิ้มบางๆ ดวงตาที่จับจ้องกลับมาเลื่อนลอยอย่างคนไร้สติ


“มันสายไปแล้ว” บุตรแห่งฮาเดสสะบัดแขนที่ถูกรั้งไว้ออกก่อนจะมุ่งหน้าเดินกลับเข้าไปในห้อง


“มาร์ค นายจะหันหลังกลับไปแบบนี้ไม่ได้! นายต้องพาเขากลับมา!”


“……”


“มาร์ค! นายจะปล่อยเขาไปอย่างนี้หรอวะ!”


“….”


“ต้วนอี้เอิน นี่มันคือความรับผิดชอบของนาย”สิ้นเสียงนั้นอีกฝ่ายก็หยุดชะงัก ถ้อยคำที่เอ่ยบอกเหมือนหินขนาดใหญ่ที่ถ่วงความรู้สึกให้ฉุกคิดและตรึงร่างกายให้ชะงักงัน ในหัวสมองย้อนถามกับตัวเองอีกครั้ง ความรับผิดชอบงั้นหรอ ชีวิตของเด็กคนนั้นเป็นความรับผิดชอบของเขางั้นหรอ


“อี้เอินที่ฉันรู้จักหายไปไหนแล้ว”


“…..” เสียงของเจบียังดังสะท้อนก้องมาถึงในหัวใจ


“บุตรแห่งฮาเดสที่เห็นคุณค่าของชีวิตยิ่งกว่าสิ่งใด เขาคนนั้นไม่มีวันหันหลังให้กับหนึ่งชีวิตของคนที่ตัวเองเคยหลงรักหรอก!!”ราวกับเกิดแผ่นดินไหวในใจกลางของหัวใจ  ความจริงที่พยายามลืมเลือนมาโดยตลอด ความจริงที่พยายามซุกซ่อนเอาไว้ วินาทีนี้กลับถูกคำพูดของเพื่อนกระชากมันออกมาให้เขารับรู้อีกครั้ง




แบมแบม กันพิมุข บุตรแห่งซุส


คือคนที่เขาเคยหลงรัก



เรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อนานแสนนานมาแล้ว ก่อนที่เหตุการณ์เลวร้ายครั้งนั้นจะเกิดขึ้น วันนั้นเป็นวันครีษมายัน วันเดียวที่คนของความตายจะสามารถขึ้นไปเยือนยังโอลิมปัสได้  เขาที่ขอตามพ่อขึ้นไปด้วยบังเอิญได้พบกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งเล่นอยู่ในสวน เด็กคนนั้นเปรียบดั่งสีขาวอันบริสุทธิ์  เป็นเหมือนเทพเจ้าผู้สูงศักดิ์ผู้ที่เขามิอาจเอื้อมถึง  เขาได้แต่แอบมองอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งที่ถูกจับได้  แบมแบมมองมาที่เขาที่ซ่อนตัวหลังพุ่มไม้อย่างระแวดระวัง เสียงเล็กๆเอ่ยคำทักทายอย่างไม่มั่นใจนัก สองขาค่อยๆย่างก้าวเขามาหา ดวงตาของเราทั้งคู่เผลอสบกัน เวลานั้นเขาเหมือนถูกมนตร์สะกดก่อนที่จะได้สติเมื่อได้ยินเสียงคนเรียกอีกฝ่าย


แบมแบม


ชื่อของเด็กคนนั้น ก่อนที่เขาจะหนีออกมา



“จะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกทำไม” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างเย็นชา สติสัมปชัญญะทั้งหมดย้อนกลับคืน


“นายมันก็แค่คนขี้ขลาดมาร์ค”


ปัง


“ฉันไม่เคยขี้ขลาด!!” ร่างสูงตะคอกพร้อมทั้งกระชากคอเสื้ออีกคนแล้วดันให้กระแทกกับผนัง เจบีแสยะยิ้มร้ายแล้วหัวเราะในลำคอ


“แล้วสิ่งที่นายทำอยู่นี่คืออะไร!”


“…..”


“หันหลังให้กับความรู้สึกตัวเอง โง่งมอยู่กับการแก้แค้น แล้วสุดท้ายเป็นยังไง! เขาก็ฆ่าตัวตายเพราะนายไง!!!”


“ฉัน…”


“พิสูจน์ให้ฉันเห็นหน่อยเถอะว่าการถอยของฉันมันถูกต้องแล้ว!” บุตรแห่งโพไซดอนพูดเสียงเย็นเยียบ


ใช่…


เขากับมาร์คชอบคนคนเดียวกัน

และในตอนนั้นเขาก็ตัดสินใจที่จะถอยให้เพื่อน



    เกิดความเงียบอันน่าสะอิดสะเอียนแผ่ปกคลุมคนที่สอง อี้เอินไม่ได้ตอบโต้อะไร ในขณะที่เจบีเองก็หมดคำพูดจะดึงสติอีกฝ่ายแล้ว ตอนนี้จึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหัวใจในการนำพาหาทางออก

“กลิ่นไอความตายยังไม่มากขนาดนั้น” เสียงทุ้มเอ่ยบอกพร้อมกับฝ่ามือที่ค่อยๆลด


“…..”


“อาจจะกำลังเดินทางไม่ถึงประตูนรก”


“แล้วเราจะตามหาวิญญาณของแบมได้ที่ไหน” เจ้าชายแห่งท้องทะเลเอ่ยถามก่อนที่อี้เอินจะหันมาสบตา


“ไม่ต้องหรอก”


“หมายความว่ายังไง”


“วิญญาณยังอยู่แถวนี้ ตราบเท่าที่เฮอร์มีสยังไม่มารั”


“ขอโทษทีที่ต้องบอกว่าฉันมาแล้ว” เสียงบุคคลที่สามแทรกขึ้น เฮอร์มีสเทพเจ้าแห่งการสื่อสารและผู้นำวิญญาณไปส่งยังนรกปรากฏกายขึ้นเคียงข้างร่างของแบมแบม


“ฉันก็อยากจะช่วยนายนะมาร์ค แต่ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกฎ” ฉับพลันนั้นเทพเจ้าก็ดึงวิญญาณร่างบางออกจากร่างแล้วหายวับไปจากตรงนั้น


“เฮอร์มีส!!!”


“แบบนี้เราจะทำยังไง!” เจบีเอ่ยถาม


“ก็มีแค่ทางเดียว”เอ่ยบอกพร้อมกับเปิดประตูแห่งเงาออกมา


“……”


“โกงความตาย”



---------------------------------------




ถ้าให้เจบีจัดอันดับวีรกรรมที่เขาทำร่วมกับอี้เอินวีรกรรมไหนที่บ้าระห่ำมากที่สุด เมื่อก่อนเขาคงตอบอย่างไม่คิดเลยว่าคือการขโมยทับทิมของเพอร์เซโฟเน่ แม่เลี้ยงของอี้เอินกลับขึ้นมาบนโลก (ตามตำนาน ผู้ใดทานทับทิมผลนั้น จะไม่สามารถกลับออกมาจากนรกได้อีก) แต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว วีรกรรมนั้นดูเป็นเด็กอนุบาลไปเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่


“จากนี้เราจะทำยังไงกันต่อ” เจบีหันไปถามเพื่อนสนิทที่กำลังหมอบต่ำเรียบไปกับหน้าผาอันดำทมิฬ ซ่อนตัวจากบรรดาทหารที่กำลังลาดตระเวรอยู่บริเวณปากทางเข้าประตูนรก หลังจากที่พวกเขาโผล่ออกมาจากประตูแห่งเงา



“ปัญหาอยู่ที่ฉันจะพานายเข้าไปได้ยังไง นรกไม่เคยต้อนรับคนเป็น” ร่างสูงเอ่ยตอบ เขาขบคิดถึงปัญหานี้มาตั้งแต่ที่เดินทางออกจากวังของฟลอซิสจนมาถึงที่นี่แล้ว  


“นั่นแบมแบมรึเปล่า!” เสียงเรียกจากเจบีกระชากสติให้อี้เอินต้องหันไปดูตามมือที่ชี้ออกไป วิญญาณของร่างบางกำลังเดินเข้าประตูนรก เห็นได้ชัดว่าเฮอร์มีสคงต้องใช้เล่ห์กลอะไรบางอย่างทำให้ร่างบางเดินทางมาถึงตรงนี้ได้ เพราะโดยปกติแล้ว เทพเจ้าองค์นั้นมีหน้าที่เพียงแค่ส่งดวงวิญญาณถึงแค่ริมฝั่งแม่น้ำแอคคีรอน หรือแม่น้ำแห่งความคร่ำครวญ จากนั้นดวงวิญญาณที่มีเงินปากผีจะขึ้นเรือพายของแครอนเพื่อมายังสเตเจียน
อี้เอินตั้งท่าจะลุกออกไป ทว่ากลับต้องชะงักเมื่อฉุกคิดถึงเพื่อนขึ้นมา


“ทางเดียวที่จะพานายเข้าไปด้วยได้ก็คือ”


“มาร์ค”


“….” ร่างสูงหันไปตามเสียงเรียก บุตรแห่งโพไซดอนสบตากับเขาด้วยแววตาจริงจัง แววตาที่พวกเขาก็รู้ว่าหมายถึงอะไร…


“นายต้องเข้าไปในนั้นคนเดียว” อี้เอินมีท่าทีชะงักไปเล็กน้อย ความลังเลแวบเข้ามาในแววตาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ร่างสูงจะพยักหน้าตอบรับ เจบีตบบ่าเพื่อนเบาๆก่อนจะบีบกระชับ


“ฉันจะคอยช่วยนายจากข้างนอก แม่น้ำในนรกยังพอมีจุดเชื่อมต่อกับโลกของฉันอยู่บ้าง เมื่อไรที่ต้องการ ให้เรียกฉันได้ทันที” เอ่ยบอกก่อนจะผละออกไปที่ริมผาสูงชัน


“ถึงฉันจะไม่ค่อยได้พูดคำนี้ แต่ก็ขอบคุณมาก”


“เอาชีวิตรอดกลับมาให้ได้ล่ะ”


ตูม


ชายหนุ่มกระโดดหน้าผา ทิ้งตัวดิ่งลงไปในแม่น้ำแอคคีรอนที่อยู่เบื้องล่าง อี้เอินช่วยควบคุมเหล่าวิญญาณของคนตายที่สิงสถิตอยู่ใต้น้ำไม่ให้ทำอันตรายเพื่อน เสียงน้ำแตกกระเซ็นเรียกความสนใจจากพวกทหารให้หันมอง ร่างสูงอาศัยจังหวะนั้นลอบเข้าไปด้านหลังกำแพงอย่างรวดเร็ว เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นอย่างน่าสมเพช เป็นถึงบุตรแห่งฮาเดสแท้ๆแต่กลับโดนประกาศจับกุมตัว ทว่าจะโทษใครได้ หากไม่ใช่เพราะความคึกคะนองในตอนนั้น



          ร่างสูงย่องไปตามทางเดินที่ทอดลงสู่พื้นดิน ที่อยู่เบื้องล่างคือเซอร์บิรัส สุนัขสามหัว ทำหน้าที่เฝ้าประตูนรก โดยมันจะยอมให้ทุกคนผ่านเข้าไปได้ แต่จะไม่มีใครได้กลับออกมา เสียงคำรามของพวกมันดังก้องไปทั่ว อี้เอินค่อยๆเดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อระวังไม่ให้มันเห็นเข้า เพราะว่าตอนนี้ไม่แน่ใจเลยว่าใครเป็นพันธมิตรกับเขาบ้าง



        วิญญาณของแบมแบมกำลังเดินแถวมาทางนี้ ร่างบางยังคงมีท่าทีเรียบเฉย ไม่ยินดียินร้ายหรือสุขใจอะไร อาจเพราะกำลังอยู่ในภาวะไม่รู้ตัวหลังจากตาย สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือแฝงตัวเข้าไปในแถวแล้วเดินไปกับพวกดวงวิญญาณ สบโอกาสเมื่อไรก็ชิงวิญญาณกลับมา



        อี้เอินค่อยๆเดินไปมาตามเนินเขา โชคดีที่ตอนเด็กเขามักขึ้นมาที่นี่อยู่บ่อยครั้งจนรู้ทุกเส้นทางบนนี้ สองข้างทางจึงปลอดโปร่งไร้วี่แววของทหาร


“นั่นใครน่ะ!” แต่ดูเหมือนครั้งนี้เขาจะเข้าใจผิดไปนิดหน่อย อี้เอินชะงักฝีเท้า หัวสมองขบคิดหาทางออกเร็วจี๋ จะมีอำนาจความตายอะไรที่ทำให้เขารอดพ้นจากสถานการณ์นี้บ้าง


“ฉันถามว่านั่นใคร” ร่างสูงค่อยๆหันหลังกลับไปอย่างช้าๆตอนที่อีกฝ่ายเริ่มขึ้นเสียง ฝ่ามือแกร่งเลื่อนลูบหน้าตัวเองช้าๆ ฉับพลันนั้นควันสีเทาจางก็แผ่กระจายออกมา ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาแปรเปลี่ยนเป็นหัวกะโหลกจนทั่วทั้งร่างกลายเป็นโครงกระดูกไม่ต่างจากทหารระดับล่างของที่นี่


“ข้าหลงทาง กำลังจะกลับไปที่ศูนย์” ทหารตนนั้นเหล่ตามองอย่างจับผิดพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ อี้เอินยืนนิ่ง ไม่แสดงออกการลุกลี้ลนอะไร นับเป็นโชคดีที่สีหน้าแบบผีๆนี่ไม่มีส่วนใดให้อ่านสีหน้าได้


“เพิ่งตายล่ะสิ ข้าไม่เคยเห็นหน้า ไปๆกลับไปประจำการได้แล้ว” ร่างสูงพยักหน้ารับก่อนจะปลีกตัวออกมา แบมแบมกำลังเดินออกไปเดินรอดผ่านใต้ท้องเซอร์บิรัสเข้าไปแล้ว


“ใช้มุกเดิมไม่ได้แล้วสินะ” เสียงทุ้มพึมพำกับตัวเองเมื่อหันไปเห็นทหารคนเดิมที่ยังจ้องมองเขาอยู่ ร่างสูงค่อยๆเดินตีคู่ไปกับแถวของวิญญาณ จังหวะที่กำลังจะรอดใต้ท้องเซอร์บิรัส สุนัขสามหัวก็เกิดคำรามขึ้นมาอย่างน่ากลัว เห็นได้ชัดว่าพวกมันถูกเปลี่ยนคำสั่งใหม่ จากแต่เดิมไม่ยอมให้คนเป็นเข้า เว้นบุตรแห่งฮาเดส และไม่ยอมให้คนตายออก ทว่าตอนนี้พวกมันกลับกำลังขู่คำรามอย่างบ้าคลั่ง


กรรรซ์!!  กรรซ์!


“หืม เกิดอะไรขึ้นน่ะ”


“……”  บรรดาทหารเริ่มพุ่งความสนใจมาที่เขา อี้เอินสบถคำหยาบเบาๆ สมองเริ่มคิดหนัก จะใช้พลังตอนนี้ก็ไม่ได้ จะอยู่เฉยๆก็ไม่ได้ เขาต้องทำอะไรสักอย่าง ทำอะไรสักอย่าง


“เจ้าเป็นทหารแน่นะ” ทหารคนเดิมตรงเข้ามาหาพร้อมกับทหารคนอื่นๆ ร่างสูงจับจ้องอีกคนผ่านดวงตาที่กลวงโบ๋


“………”


“เฮ้  ตอบสิ เจ้าเป็นใครกันแน่!”


“เป็นใครอย่างนั้นน่ะหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างเรียบเฉย พวกทหารเริ่มตีวงล้อม เซอร์
บิรัสคำรามดังยิ่งขึ้น


“ตอบมาซะ อย่าให้พวกข้าต้องใช้กำลัง!”


“ตอนนี้ฉันก็บังเอิญอยากจะใช้กำลังซะด้วยสิ” รอยยิ้มสยดสยองถูกวาดขึ้นที่กระดูกบริเวณปาก ร่างกายค่อยๆแปรผันเปลี่ยนเป็นกล้ามเนื้อแดงฉาน ร่างสูงควบคุมวิญญาณที่กำลังเดินเข้าไปในนรกให้เข้ามาจับตรึงบรรดาทหารเอาไว้


“นี่เจ้าเป็น เจ้าเป็น”


“ ยินดีที่ได้รู้จัก พลทหารอัลเบิร์ต” มือแกร่งดึงป้ายชื่ออีกฝ่ายขึ้นมาดูก่อนจะสะบัดออก


“…..”


“แต่คิดว่าไม่เจอกันอีกจะดีกว่า” ฉับพลันนั้นเหล่าวิญญาณก็ตรึงทหารนายนั้นไว้กับพื้น ร่างสูงเปลี่ยนร่างกลับคืนสู่มนุษย์ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของบรรดาทหาร


นี่น่ะหรือต้วนอี้เอินที่ใครต่างกล่าวขวัญ


นี่น่ะหรือนักโทษแห่งสรวงสวรรค์


นี่น่ะหรือเจ้าชายแห่งความตาย



“เสียเวลาจริงๆ” ร่างสูงสบถกับตัวเองขณะที่หันกลับมองหาแบมแบมที่กำลังเดินเรียบด้านข้างของทุ่งเอสโฟเดล ดินแดนที่เต็มไปด้วยวิญญาณคนที่ตายอย่างไม่ยุติธรรมและพวกฆ่าตัวตายทั้งหลาย เพื่อไปยังศาลพิพากษาวิญญาณ อี้เอินตั้งท่าจะวิ่งไปตามทาง ก่อนจะต้องหันเหไปอีกทางเมื่อเจอเข้ากับบรรดาทหารที่กำลังกรูกันมาทางนี้


“ข่าวไวจริงนะ” ร่างสูงสบถ สายตาพยายามมองหาทางหนีทีไล่ แต่ก็ไม่เจออะไรเลยนอกจากทุ่งแอสโฟเดล อี้เอินสูดหายใจลึก ถ้ามันเป็นทุ่งผาสุกกว่านี้สักหน่อยเขาก็คงไม่ร้อนใจอยู่แบบนี้ ใครๆก็รู้แอสโฟเดลเป็นทุ่งแห่งความเศร้าและยิ่งบ้าคลั่งขึ้นไปอีกเมื่อมีคนเป็นหลงเข้าไปอยู่ในนั้น


“กระจายกำลังออกตามหา! เป้าหมายคือท่านอี้เอิน ระวังตัวกันด้วย!”เสียงหัวหน้าทหารสั่งการ  ร่างสูงสบถเบาๆก่อนจะตัดสินใจหยิบมีดขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าไปในทุ่งนั่นอย่างสิ้นคิด



             เหล่าวิญญาณส่งเสียงครืดคราดในลำคอพร้อมกับหันมามองก่อนที่พวกมันคำรามแล้วพุ่งเข้ามารุมทึ้งเขา ร่างสูงถีบมันให้กระเด็นออกไป มือแกร่งรีบคว้ามีดขึ้นมากรีดมีดตัวเอง

“เอาไปกินซะ เจ้าพวกหิวโซ” อี้เอินฝืนใจกดมือจิกลงไปบนแผลให้เลือดยิ่งไหลทะลัก ก่อนจะคว้าผ้ามาซับให้ชุ่มโชก แล้วโยนไปให้พ้นทาง  บรรดาวิญญาณรีบกรูกันไปทางนั้น พวกมันทั้งผลัก ทั้งยื้อแย่ง และขู่คำรามใส่กันก่อนที่ตัวที่ชนะจะรุมเลียเลือดที่ผ้าอย่างหิวกระหาย อี้เอินรีบอาศัยจังหวะนั้นวิ่งฝ่าเข้าไปลึกขึ้น โดยตลอดทางก็ใช้วิธีเดียวกันนั้นในการหลอกล่อพวกมันให้ไปทางอื่น


“บ้าเอ๊ย” เสียงทุ้มเอ่ยคำสบถ ร่างกายเริ่มเสียเลือดมากเกินไป อาการวิงเวียนและหน้ามืดคุกคามให้จังหวะการวิ่งช้าลง แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็หยุดไม่ได้ แบมแบมกำลังจะเข้าถึงส่วนพิพากษาแล้ว



          อี้เอินเร่งวิ่งให้เร็วขึ้น สองมือผลักเหล่าวิญญาณให้พ้นทางก่อนจะกระโจนออกมาจากทุ่ง พุ่งเข้าไปหาแบมแบม


“แบม!” มือแกร่งคว้าข้อมืออีกคนไว้ได้ทันก่อนที่อีกฝ่ายจะเข้าไปในศาล ร่างเล็กผินหน้าหันกลับมามองด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนจะตื่นตระหนกเมื่อจิตใต้สำนึกฝืนความทรงจำกลับขึ้นมาได้


“ออกไป! ออกไป!”


“เดี๋ยวแบมแบม! ฉันไม่ได้จะทำร้าย ฉันมาเพื่อ”


เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างช้าๆทว่ากลับเน้นหนักในทุกจังหวะ ร่างสูงหันกลับไปยังเบื้องหลัง ก่อนที่ความกลัวจะแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจ


“พยายามได้ดีมากอี้เอิน”


“……….” ร่างสูงดึงแบมแบมให้ไปหลบอยู่ด้านหลัง ดวงตาจับจ้องแขกผู้ไม่ได้รับเชิญนิ่ง


“แต่คงต้องบอกว่า…”


“…..”


“หมดเวลาสนุกแล้ว คืนคนตายมาให้ข้าซะ บุตรแห่งข้า ” สิ้นเสียงนั้นนรกทั้งหมดก็ถูกปกคลุมด้วยหมอกแห่งความตายสีดำทมิฬ

http://0ctogus.forumth.com

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ