โรงเรียนของแบมแบมตั้งอยู่ที่ถนนเส้นหนึ่งในเมืองนิวยอร์ก มหานครที่ยิ่งใหญ่ติดอันดับต้นๆของโลก ซึ่งอัดแน่นไปด้วยวัฒนธรรมและชาติพันธ์ที่หลากหลาย จึงแทบไม่ต้องแปลกใจเลยที่เหล่าเด็กนักเรียนที่กำลังเดินเข้าโรงเรียนไปนั้นจะมีทั้งคนผิวขาว ผิวสี หรือแม้กระทั่งคนเอเชียอย่างพวกเขา จะต่างกันอยู่ซักเล็กน้อยตรงที่บรรดาเด็กนักเรียนของที่นี่ดูเป็นมนุษย์ธรรมดา ไม่มีใครโดยสารมนุษย์มีปีกมาส่งที่โรงเรียนอย่างพวกเขา!
“แจ็คสัน! ช่วยเปลี่ยนปีกนายเป็นอะไรที่ปกติหน่อยจะได้มั้ย” จินยองแหวขณะที่พวกเขาใกล้จะร่อนลงจอดขึ้นทุกที
“วะฮู้ โรงเรียนของนายน่าอยู่จังเลย ฉันแทบจะรอทำให้มันวุ่นวายไม่ไหวแล้ว” แจ็คสันโต้ตอบ ทว่าเขากลับไม่ได้สนใจจินยองเลยสักนิด ใบหน้าหล่อทะเล้นกลับหันไปฉีกยิ้มปลื้มปริ่มให้แบมแบมที่เมินเฉย
เพี๊ยะ
“เปลี่ยนปีกนายเดี๋ยวนี้!” เจบีออกคำสั่งหลังจากที่ส่งฝ่ามือฟาดลงบนศีรษะของเพื่อนตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว
“โอ๊ย ฟาดมาได้ ก็ดูดิ ทุกคนรวยหมดเลย นั่งทั้งเบนซ์ ทั้งบีเอ็ม แล้วเราจะลงไปแบบเฉยๆได้ยังไง พวกเราจะต้อง”
“แจ็คสันเปลี่ยนกลั…” ยังไม่ทันที่อี้เอินจะพูดจบ แจ็คสันก็เร่งความเร็วขึ้น ปีกขนาดมหึมาสยายเต็มความกว้าง ร่างของพวกเขาร่อนลงต่ำเรี่ยไปกับหลังคารถบีเอ็มดับเบิ้ลยูที่จอดส่งนักเรียนคนหนึ่งได้อย่างน่าหวาดเสียว ก่อนที่บุตรแห่งเฮอร์มีสจะแตะเท้าลงที่หน้าขอบประตูโรงเรียนตัดหน้านักเรียนคนนั้นได้อย่างเฉียดฉิว
“เยสสส!!! ร้อยคะแนนเต็ม ร้อยคะแนนเต็ม ลงจอดสวยแบบนี้ฉันน่าจะไปสมัครเป็นนักบิน”
“หยุดเลย!!” ทั้งสามเสียงประสานขึ้นพร้อมกัน ขณะที่ค่อยๆพยุงร่างกายขึ้นมาจากพื้น แรงลงจอดอันสวยงามของแจ็คสันทำให้พวกเขาเสียหลักล้มลงไม่เป็นท่า
“ครั้งหน้าฉันขอเสนอให้มาทางน้ำแทนนะ”
“เดินเล่นในทาร์ทารัสยังปลอดภัยกว่านี้”
“โหห คนเรามันก็ต้องมีทำพลาดกันบ้าง นี่ฉันเพิ่งฝึกบินเจ้านี่ได้แค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก่อน
ไปรับพวกนายอีกนะ!!”
จินยองปล่อยให้เสียงทะเลาะกันของเพื่อนทั้งสามเป็นอากาศธาตุไปชั่วครู่ สิ่งเดียวที่เขาสนใจอยู่ตอนนี้คือภาพพจน์ของเขา เขาเป็นลูกของเทพีแห่งความงาม การล้มก้นกระแทกพื้นท่ามกลางสายตาผู้คนแบบนี้ถือเป็นเรื่องน่าอับอายที่สุด สภาพของเขาจะต้องไม่น่าเกลียด ก้นต้องไม่เลอะ กางเกงจะต้อง ดะ ดะ เดี๋ยวนะ…ท่ามกลางสายตาผู้คนงั้นหรอ…ท่ามกลางผู้คน!!!
“เอ่อ ทุกคน ฉันว่า…” จินยองพูดแทรกขึ้น นัยน์ตาคู่หวานกวาดมองไปรอบๆอย่างไม่มั่นใจนัก
“นายจะบอกว่าเข้าข้างฉันใช่มั้ยล่ะจินยอง นายนี่ช่างเป็น”
“ฉันว่าการลงจอดของนายมีปัญหาแล้วล่ะ” เสียงหวานกระซิบอยู่ด้านหลังของแจ็คสัน เรียกสติให้ทุกคนหันกลับไปมองตามสายตาก่อนจะพบสายตาคนนับร้อยที่มองพวกเขาอย่างตกตะลึงอยู่
“นายว่า….เมื่อกี้พวกเขาเห็นอะไรกันหรอ” ร่างเพรียวกระซิบถามเจบีที่ยืนอยู่ข้างๆ แม้เขาจะรู้ว่าโดยปกติแล้วมนุษย์จะไม่สามารถมองเห็นวัตถุหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าได้ เนื่องจากมีมนตร์บังตาคอยบิดเบือนการมองเห็นให้ผิดไปจากความเป็นจริงอยู่ ทว่าดูจากสายตาพวกเขาแล้ว สิ่งที่พวกเขาเห็นเมื่อครู่ต้องไม่ใกล้เคียงกับคำว่า ‘ปกติ’ แน่
“จะเห็นอะไรก็ช่าง สูบวิญญาณซะก็สิ้นเรื่อง” ชายผู้ถนัดในการแก้ปัญหาอย่างยิ่งยวดพูดขึ้นพร้อมกับก้าวเท้าเข้าไปหาเด็กนักเรียนคนหนึ่งจนจินยองต้องรีบวิ่งมาขวางไว้
“นายอาจจะถูกทารุณมานาน ตอนนี้มันไม่มีมนุษย์คนไหนใช้วิธีป่าเถื่อนลงโทษกันแล้วนะ!”
“แล้วจะให้ทำยังไง”
“ฉันจัดการเอง” บุตรแห่งอโฟรไดท์สูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะกลับหลังหันไปทางพวกมนุษย์ที่เริ่มพากันซุบซิบ รอยยิ้มเป็นมิตรถูกฉีกยิ้มให้ก่อนที่เสียงหวานจะก้องกังวาลไปทั่วบริเวณ
“พวกเรานั่งรถมา ไม่มีอะไรแปลกประหลาด ทุกคนแยกย้ายได้” รอยยิ้มการค้าถูกวาดขึ้นอีกครั้งก่อนที่ทุกอย่างจะเข้าสู่ภาวะปกติ เหล่านักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์พากันเดินเข้าโรงเรียนมาพร้อมกับพวกเขาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ร่างเพรียวพรูลมหายใจออกอย่างโล่งอก แค่มาถึงยังวุ่นวายขนาดนี้ แล้วต่อไปล่ะ…
"เป็นลูกอโฟรไดท์ก็ดีอย่างนี้นี่แหละน้าาา ใช้มนตร์มหาเสน่ห์ทำให้เขาหลงเชื่อก็ได้ แถมยังทำให้..." ร่างบึกบึนส่งสายตาล้อเลียนไปให้เจบีที่ยืนห่างไปไม่ไกลนัก
"ทำให้เจ้าจิ้งจกน้ำนั่นรักได้ด้วยย"
"หยุดเลยนะ! ไอ้บ้า!!" จินยองแหวเสียงดัง ใบหน้านวลขึ้นสีจัด ฝ่ามือเรียวตีแขนเพื่อนสนิท ทว่าอีกฝ่ายกลับเร็วกว่า รีบหนีออกห่าง ทิ้งให้ร่างเพรียวเขินอายเจบีที่หันมามองอยู่ฝ่ายเดียว
"เอ่อ เมื่อกี้ แจ็คสัน เขา เขาก็แค่พูดเล่นแห.."
"แล้วถ้ามันพูดจริงล่ะ" ร่างสูงแทรกขึ้น ดวงตาทรงเสน่ห์มองอีกฝ่ายยิ้มๆ ความเขินอายยิ่งสั่นคลอนหัวใจของจินยองให้เต้นโครมคราม ดวงตาคู่หวานลู่ลงหลบตา พวงแก้มใสยิ่งซับสีเลือด ท่าทางเหล่านั้นยิ่งชวนให้น่าแกล้ง
“เมื่อกี้ทำได้เยี่ยมมาก”
“อะ เอ่อ ข ขอบคุณนะ” เสียงหวานเอ่ยตอบตะกุกตะกัก ร่างสูงยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ ริมฝีปากขยับเตรียมจะพูด
"พรุ่งนี้ถ้า"
“ทุกคน ” ทว่ากลับถูกเสียงของอี้เอินดังขึ้นขัดเรียกความสนใจจากทุกคน
“แบมแบมล่ะ” สิ้นเสียงนั้นทุกคนก็รีบมองหาแบมแบม ทว่าร่างบางกลับไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย อี้เอินกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด นัยน์ตาคู่คมกวาดตามองหา มือข้างหนึ่งถูกเงื้อขึ้นเตรียมสั่งการเหล่าวิญญาณให้ออกตามหา พวกเขาทั้งหมดพยายามมองหาจนทั่ว
“นายไม่ได้เผลอทำเขาหล่นหายใช่มั้ยแจ็คสัน” จินยองร้องถาม
“ไม่มีทางอะ ถึงฉันจะชอบแกล้งแต่ไม่ใช่เรื่องนี้แน่นอน”
“ท่านพ่อจะตามกลับไปหรอ ม ม ไม่…” อี้เอินพูดอย่างอ่อนแรง เรี่ยวแรงพลันถูกสูบ แค่คิดว่าการกระทำทุกอย่างนี้สูญเปล่าเขาก็แทบทรุด แทบหายใจไม่ออกเมื่อคิดว่าต้องเสียร่างบางไปอีกครั้ง
“ฉ ฉ ฉันต้องกลับไป” บุตรแห่งฮาเดสตั้งท่าจะกลับหลังหัน จินยองรีบคว้าตัวเข้าเอาไว้
“นายจะบ้าหรอมาร์ค!” ร่างกายอี้เอินบาดเจ็บจากการถูกลงทัณฑ์มาอยู่แล้ว แม้ระหว่างทางเขาจะช่วยปฐมพยาบาลไปบ้างแต่ก็ยังไม่หายดี แล้วถ้ายังย้อนกลับไปที่นั่นอีก ดีไม่ดีอาจทนพิษบาดแผลไม่ไหวตายไปตั้งแต่ครึ่งทางก็ได้
“หยุดก่อน ใช่คนนั้นรึเปล่า” เจบีเอ่ยขัดขึ้น ทุกสายตามองตามนิ้วของเขาไป
แผ่นหลังที่อี้เอินคุ้นเคยกำลังเดินไปที่หอประชุมใหญ่เหมือนกับเด็กนักเรียนคนอื่นๆ อี้เอินรีบวิ่งเข้าไปหา แม้จะเจ็บแผลแต่เขาก็ไม่อาจปล่อยร่างบางให้คลาดสายตาได้ และหากทำได้เขาคงจะผูกโซ่ล่ามให้ตามติดไปกับเขาแล้วด้วยซ้ำ
“ทำไมถึงเดินมาก่อน!” เสียงทุ้มตวาดใส่อย่างไม่สนใจว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตา
“ปล่อย” แบมแบมเหลือบมองมือที่จับแขนเขาไว้ด้วยสายตาเย็นชา
“ทำไมถึงไม่รอฉัน รู้มั้ยว่าเมื่อกี้ฉันใจ”
“นายจะรู้สึกยังไงมันก็เรื่องของนาย”ร่างบางหัวเราะในลำคอเบาๆ แขนเล็กสะบัดออกจากการเกาะกุม
“….”
“แค่ทนเห็นหน้านายแค่วินาทีเดียวฉันก็ขยะแขยงเต็มทนแล้ว แล้วถ้าอยากจะอยู่ที่นี่มากนักก็อยู่ไปแต่อย่ามาให้ฉันเห็นหน้านายอีก” แล้วร่างบางก็เดินเข้าไปในหอประชุม ทิ้งอี้เอินให้ยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตู ความรู้สึกร้าวรานถ่วงจิตใจให้ด่ำดิ่ง นัยน์ตาคู่คมสลดลงจนเพื่อนทั้งสามอดห่วงไม่ได้
“โอเคนะมาร์ค”เป็นจินยองที่ถามขึ้นคนแรก
ไม่จำเป็นต้องถามถึงสาเหตุ
ไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องราว
ไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ย
พวกเขาสนิทกันมานาน รู้ใจกันจนไม่ต้องเอ่ยถาม เรื่องราวเมื่อครู่เป็นอย่างไร อีกฝ่ายรู้สึกยังไงไม่จำเป็นต้องรู้ สิ่งเดียวที่คนเป็นเพื่อนต้องถามกันคือ….ยังไหวอยู่มั้ย เพราะหากไม่แล้ว พวกเขาก็จะเข้าไปเดินเคียงข้าง ช่วยพยุงเอง
“เขาบอกว่าขยะแขยงฉัน” อี้เอินเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทั้งหมดหันมาสบตากัน แม้ไม่เคยเห็นด้วยกับการล้างแค้นของเพื่อน แต่ก็ไม่เคยคิดจะซ้ำเติม เพราะสำหรับพวกเขาหน้าที่ของเพื่อนคือการอยู่เคียงข้างกัน คอยเตือนสติ คอยช่วยเหลือ และดูเหมือนว่าตอนนี้อี้เอินจะต้องการสิ่งนั้นมากที่สุด
“นายชุบชีวิตเขาขึ้นมา แต่พอถูกเขาเกลียดก็จะสิ้นหวังกันง่ายๆน่ะหรอ” เสียงทุ้มของเจบีเอ่ยขึ้นพร้อมกับฝ่ามือที่ออกแรงบีบไหล่อีกคนเบาๆ ร่างสูงค่อยๆเงยหน้าขึ้นสบตา
“………”
“พูดในฐานะที่สนิทกับแบมแบมมากที่สุดน่ะนะ คนถูกขโมยของก็แบบนี้แหละ ขนาดฉันขโมยเงินแม่ แม่ยังโกรธเลยแล้วนี่นายดันขโมยความตายเขาไปมันก็ยิ่ง อื้อ!” แจ็คสันร้องเสียงหลงทันทีที่ถูกฝ่ามือเรียวของจินยองปิดปากเอาไว้
“ฉันว่าเรารีบเข้าไปข้างในกันเถอะ เหมือนว่าเขาจะมีประชุมอะไรกันสักอย่างก็ไม่รู้ด้วย” ร่างเพรียวฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับดันให้พวกเขาทั้งหมดเข้าไปด้านใน จินยองส่งสายตาบอกเป็นนัยน์ให้เจบีพาอี้เอินเข้าไปก่อน
“อื้อ! อือ!! อ่อย อ่อยอั๋นน!”
“นายนี่จริงๆเลย! ใครใช้ให้ไปพูดแบบนั้นห๊ะ!!” ร่างเพรียวตวาดใส่ทันทีที่ทั้งสองคนนั้นลับตาไปแล้ว
“อ้าว! ก็ฉันจะปลอบเขานี่ ฉันพูดผิดตรงไหนอะ ฉันเป็นลูกเทพเจ้าแห่งการขโมย ฉันเข้าใจหัวอกคนขโมยและถูกขโมยดีที่สุด! ฉันก็แค่อยากจะบอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่นายกลับมาว่าฉันทำไม ฉันไม่เข้าใจ!! ไอ ด้อน เก็ท อิท!!” จินยองอยากจะบ้าตาย ถ้านี่เป็นคำพูดของคนอื่นเขาคงใช้วาจาสิทธิ์สั่งให้เป็นใบ้ไปแล้ว แต่กับแจ็คสันแล้วไม่ใช่ หมอนี่เข้าใจอย่างนี้จริงๆ เขาไม่ได้มีเจตนาจะทำให้แย่ลง แต่ความคิดมันเป็นแบบนี้เอง
“เอาล่ะๆ ช่างมันเถอะ ตอนนี้มาหาทางช่วยมาร์คกันดีกว่า” เสียงหวานดังขึ้นพร้อมกับที่พวกเขาเดินเข้าไปด้านใน
“ไว้ใจฉันได้เลย ฉันสนิทกับแบมแบมมากที่สุด!!” แจ็คสันพูดอย่างตื่นเต้น เสียงของพวกเขาค่อยๆเงียบลงเรื่อยๆ
“ว่าจะถามตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว นายไปรู้จักกับเขาตอนไหนน่ะ”
“ก็ตอนนั้นไง ที่เล่าให้ฟัง ที่ฉันถูกพ่อใช้ให้ไปช่วยพาแบมแบมหนีมาร์คตอนอาละวาดนั่นน่ะ อย่างว่าแหละถึงพ่อฉันจะเห็นใจมาร์คแต่ทำงี้ก็ไม่ถูกน่ะนะ” เจบีปล่อยให้แจ็คสันพูดต่อไป ขณะที่ตัวเขานิ่งไปชั่วครู่ เท่าที่จำได้ นั่นมันเป็นแค่ช่วงเวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ แล้ว แล้ว หมอนี่เอาอะไรมาสนิท?
เฮ้ออออ เขาล่ะเหนื่อยใจจริงๆ
“รีบเข้าไปกันเหอะ เหมือนงานจะเริ่มแล้ว” เขาตัดบทก่อนจะเดินนำ จังหวะเดียวกับที่บนเวทีมีหญิงสาวหน้าตาดุดัน สวมชุดสูทสีเทาเข้ม ในมือถือนาฬิกาที่ลักษณะคล้ายกงล้อกำลังยืนอยู่บนแท่นไมค์ และเขาคงจะไม่สนใจอะไรเลยถ้าลักษณะท่าทางเหล่านั้นมันไม่เหมือนกับคนคนหนึ่งที่เขาจำได้
นั่นไม่ใช่เนเมซิส เทพีแห่งการล้างแค้น!!??
------------------------------------------
“นี่ต้องเป็นเรื่องตลกแน่ๆ”
“ฉันไม่ไว้ใจเท่าไรเลย”
“ต้องมีจุดประสงค์อะไรแน่”
“นาฬิกาเธอสวยจัง ถ้าฉันขโมยมันมาได้พ่อต้องดีใจแน่ๆ!!”
“แจ็คสัน!!!”
เสียงเพื่อนทั้งสามปรามเพื่อนตัวเองเสียงเข้มก่อนจะหันกลับไปสนใจเทพเจ้าในร่างมนุษย์กำลังกล่าวสุนทรพจน์เพื่อถือเป็นศิริมงคลกับเหล่านักเรียนในวันเปิดภาคเรียนวันนี้ และแน่นอนว่าคนที่จะทำหน้าที่นี้ได้ ในโรงเรียนก็มีอยู่คนเดียว…
อาจารใหญ่
“แบมแบม เขาเป็นอาจารย์ใหญ่ที่นี่มาตั้งแต่แรกหรอ” อี้เอินหันไปเอ่ยถามร่างบางที่นั่งถัดไปอีกสองเก้าอี้
“…..”
“แบมแบม” เขามั่นใจว่าแบมแบมได้ยิน แต่แสร้งเมินเฉยเสียมากกว่า
“……”
“เอ่ออ เขาเป็นมาตั้งแต่แรกเลยหรอ”จินยองที่ทนดูไม่ไหวเป็นฝ่ายถามแทน คนถูกถามส่ายหน้าเป็นเชิงตอบเล็กน้อย
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ฉันว่าก่อนจะหาว่าเกิดอะไรขึ้น ดูนั่นก่อนดีกว่า” เสียงของเจบีดังขึ้นขัด ทุกคนหันกลับไปสนใจบนเวทีก่อนที่พวกเขาจะเบิกตากว้าง ที่บนหน้าจอขนาดใหญ่นั่นปรากฏชื่อของพวกเขาขึ้นอยู่
“เอาล่ะ ภาคเรียนใหม่ ประธานนักเรียนและคณะก็ควรจะมากล่าวทักทายเพื่อนๆพี่ๆน้องๆกันหน่อย ขอเสียงปรบมือให้กับคณะกรรมการนักเรียนของเราด้วย” เสียงปรบมือดังขึ้นเป็นเชิงบีบบังคับให้พวกเขาเดินขึ้นไป ทั้งห้าหันมามองกันอย่างร้อนรน
“เราจะทำยังไงกันดี พวกเราไปเป็นประธานนักเรียนกันเมื่อไรเนี่ย”จินยองลนลาน
“ฉันสังหรณ์ใจไม่ดีเลย เนเมซิสจะมาหาพวกเราทำไม”เจบีสนับสนุน
“ไม่รู้สิ แต่ฉันว่าได้เป็นแก๊งประธานนักเรียนมันก็ดีนะ ฉันจะได้สั่งให้เลิกมีการเรียนการสอน” แจ็คสันยักไหล่ ในขณะที่พวกเขากำลังเดินออกไปที่เวที
“ระวังตัวกันให้ดี ฉันไม่รู้ว่าเธอมีจุดประสงค์อะไร” อี้เอินพูดขึ้น ทว่าสายตากลับจับจ้องแค่แบมแบม ร่างบางเบือนหน้าหนีไปทางอื่น แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากข้องเกี่ยวด้วยก่อนที่อี้เอินจะจำใจหันกลับมาสนใจเนเมซิสที่ผายมือเชื้อเชิญอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่จะขึ้นกล่าวบนเวที
“ผมต้วนอี้เอิน ประธานนักเรียน เปิดภาคเรียนใหม่แล้ว ก็ขอให้…” ร่างสูงชะงัก ในชีวิตจริงเขาแทบไม่เคยเฉียดตำแหน่งนี้เลยด้วยซ้ำ ปกติเป็นแค่นักเรียนไร้ตัวตนในโรงเรียน
“เพื่อนๆพี่น้องทุกคนมีปีการศึกษาที่สดใส และพวกเราสัญญาว่าจะทำหน้าที่ในการพัฒนาโรงเรียนให้ดียิ่งขึ้น” เขาพูดรัว จำคำพูดมาจากนิยายอะไรสักเรื่องที่เคยอ่านเมื่อนานมาแล้ว ก่อนจะก้าวถอยหลังกลับไปยืนยังตำแหน่งเดิม เนเมซิสฉีกยิ้มไม่น่าไว้ใจให้ก่อนจะก้าวมายืนอยู่เคียงข้าง
“ประธานนักเรียนของเราก็ได้พูดสวัสดีเทอมใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปเรียน ขอให้นักเรียนมีวันที่สดใส” เสียงหัวเราะดังกังวาลไปทั่วหอประชุม อี้เอินและเพื่อนสบตากันและกัน พวกเขาเลือกที่จะรอให้นักเรียนทั้งหมดออกไป ก่อนจะชิงเป็นฝ่ายถามเทพเจ้าขึ้นก่อน
“ท่านมีจุดประสงค์อะไร” อี้เอินขยับเท้าถอยหลังออกมาให้อยู่ในระยะที่ปลอดภัย แม้จะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับเทพองค์นี้มาก่อน แต่ก็ใช่ว่าเทพเจ้าจะมีเหตุผลกัน
“เหมือนพ่อเจ้าไม่มีผิด ตรงไปตรงมา แต่จะต่างกันก็ตรงที่…”เทพเจ้าหัวเราะเสียงดัง พร้อมกับค่อยๆเดินเข้ามาใกล้แบมแบมช้าๆ
“พ่อเจ้าไม่เคยชุบชีวิตคน” รอยยิ้มร้ายถูกส่งมาให้ มือหยาบกร้านเกลี่ยปอยผมนุ่มเบาๆ
“ถอยห่างออกจากเขาซะ!” ร่างสูงตวาด ผลักมืออีกฝ่ายให้ออกห่างแล้วเขามายืนขวางระหว่างกลาง เทพเจ้าหัวเราะอย่างชอบใจ พร้อมกับค่อยๆคืนร่างกลับเป็นหญิงสาวหน้าตาดุดัน ที่ในมือข้างหนึ่งถือพังงา อีกข้างหนึ่งถือกงล้อ นิ้วเรียวของเธอชี้เสกบัลลังก์ขึ้นมาก่อนจะทรุดนั่งลงไป
“คนสำคัญสินะ” เธอเหลือบตาที่มองไปที่แบมแบม อี้เอินเริ่มหมดความอดทน
“ท่านมีจุดประสงค์อะไรกันแน่” เทพเจ้ายิ้มเยาะพร้อมกับลูบคางไปมาอย่างยียวน
“จริงๆแล้วก็ไม่เชิงจุดประสงค์”
“แล้วท่านต้องการอะไร”
“ข้าเป็นเทพแห่งกฎแห่งกรรม การล้างแค้น เจ้าคิดว่าที่ผ่านมาเจ้าได้ทำตามกฎแห่งกรรมอย่างยุติธรรมหรือยัง” อี้เอินชะงักงันจิตใต้สำนึกกรีดร้องราวกับเด็กที่กำลังถูกจับได้ว่าไปแอบทำความผิด เขารู้ดีว่าการกระทำที่ผ่านมามันไม่ถูกต้อง
“เดิมที่การตายของแบมแบมคือการลงทัณฑ์เจ้าในผลกรรมครั้งนี้ เจ้าจะเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส หมดสิ้นซึ่งความหวังเฉกเช่นเดียวกับที่บุตรแห่งซุสเคยรู้สึก ทรมานหัวใจจนสุดทน แล้วสุดท้ายก็ฆ่าตัวตายตามเขาไปอย่างไร้เกียรติ”
“…….” ร่างสูงพูดอะไรไม่ออก ถ้อยคำทั้งหมดราวกับอัตสุนีบาตของซุสที่ฟาดฟันลงกลางใจ
“แต่เจ้ากลับฝืนโชคชะตาและกฎแห่งกรรม เจ้าชุบชีวิตเขาขึ้นมาอีกครั้ง” เทพีชี้ไปที่แบมแบม “แล้วเจ้าคิดว่าข้าจะนิ่งดูดายได้อย่างนั้นหรือ” เนเมซิสตวัดสายตากลับมามองอี้เอินพร้อมกับแย้มยิ้มให้ ทว่าในแววตาคู่นั้นอัดแน่นไปด้วยโทสะและรัศมีอันตราย ข่มประสาทให้สั่นระริก ร่างสูงค่อยๆคุกเข่าลงกับพื้น เขาก็รู้ดีว่าควรทำอะไรในเวลานี้ เขารู้ดีว่าควรทำอะไรในเวลานี้มากที่สุด
อ้อนวอน
อ้อนวอนเท่านั้น
เพราะเนเมซิสคือเทพีที่จะตามจองล้างจองผลาญคนชั่วอย่างไม่ลดละ เธอจะจัดการลงทัณฑ์ให้อย่างสาสม และลำพังสถานการณ์ของเขากับแบมแบมตอนนี้ก็แย่มากพอจนมองไม่เห็นหนทางอยู่แล้ว หากโดนลงทัณฑ์เพิ่มอีกเขาไม่ต้องขาดใจตายเลยหรือ
“ผมสำนึกในความผิดของ”
เพี๊ยะ!
อี้เอินหน้าหันไปตามแรงตบจากเทพี เทพเจ้าสาวเท้าเข้ามาหา พวกเพื่อนรีบก้าวเข้ามาช่วย หากแต่ร่างสูงกลับยกมือห้าม นี่เป็นเรื่องของเขา เขาจะให้ใครช่วยไม่ได้
“คำขอโทษไม่เคยเยียวยาบาดแผลได้จริงหรอกต้วนอี้เอิน! เจ้าจะต้องชดใช้เขาผ่านการกระทำ!”
“ผ ผ ผมจะทำ แต่ท่านอย่า อย่าลงโทษผมไปมากกว่านี้เลย”
“เจ้ากำลังขอร้องข้าไม่ให้ลงทัณฑ์เจ้าน่ะหรอ! เหลวไหลสิ้นดี!! แบมแบม ข้าจะให้เจ้าล้างแค้น ข้าจะให้เจ้าล้างแค้น!!” เทพเจ้าสาวเท้าเข้าไปหาแบมแบม อี้เอินรีบวิ่งเข้าไปขวาง เขารู้ เขารู้ดีว่าเนเมซิสจะทำอะไรต่อจากนี้ เขาต้องไม่ให้มันเกิดขึ้น ไม่ให้มันเกิดขึ้น
“ท่าน ผมขอร้อง ผมสำนึกผิดแล้ว ท่านอย่า” ร่างของเขาถูกเทพีตรึงไว้กับพื้นแน่นราวกับมีหินมาถ่วงไม่ให้ลุกขึ้น พวกเพื่อนๆที่จะเข้ามาช่วยเขาก็เช่นกัน
“คนชั่วมันก็พูดอย่างนี้ทุกครั้งเวลาจะโดนลงทัณฑ์ แบมแบม! จงเผยความต้องการของเจ้าให้ข้าดู จงคืนความเจ็บปวด สนองบาปให้กับคนที่ทำร้ายเจ้าเสีย!!”
“ไม่!!” ร่างสูงพยายามหวีดร้อง หากแต่ฉับพลันนั้นเนเมซิสกลับสัมผัสร่างของแบมแบม แสงสีแดงสว่างวาบ อี้เอินพยายามขัดขืนแรงตรึงสุดกำลัง ทว่าทุกอย่างกลับสายไป ดวงตาของแบมแบมเหลือกขึ้นจนเห็นแต่ตาขาว ปากบางค่อยๆขยับขึ้นลงช้าๆ
“ผมอยากให้…”
“ย ย ยอย่านะ อย่า” พยายามร้องห้าม เพราะเขารู้ เขารู้ว่าเนเมซิสมีอำนาจในการควักความปรารถนาที่อยู่ลึกที่สุดในจิตใจของผู้ถูกกระทำออกมาแล้วดลบันดาลให้มันเป็นจริง
“ผมอยากให้เขา”
“แบม!!!”
“ผมอยากให้เขาหายไปจากโลกนี้”
พรึ่บ
สิ้นเสียงนั้นทุกอย่างก็สว่างวาบด้วยแสงสีขาว
“แจ็คสัน! ช่วยเปลี่ยนปีกนายเป็นอะไรที่ปกติหน่อยจะได้มั้ย” จินยองแหวขณะที่พวกเขาใกล้จะร่อนลงจอดขึ้นทุกที
“วะฮู้ โรงเรียนของนายน่าอยู่จังเลย ฉันแทบจะรอทำให้มันวุ่นวายไม่ไหวแล้ว” แจ็คสันโต้ตอบ ทว่าเขากลับไม่ได้สนใจจินยองเลยสักนิด ใบหน้าหล่อทะเล้นกลับหันไปฉีกยิ้มปลื้มปริ่มให้แบมแบมที่เมินเฉย
เพี๊ยะ
“เปลี่ยนปีกนายเดี๋ยวนี้!” เจบีออกคำสั่งหลังจากที่ส่งฝ่ามือฟาดลงบนศีรษะของเพื่อนตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว
“โอ๊ย ฟาดมาได้ ก็ดูดิ ทุกคนรวยหมดเลย นั่งทั้งเบนซ์ ทั้งบีเอ็ม แล้วเราจะลงไปแบบเฉยๆได้ยังไง พวกเราจะต้อง”
“แจ็คสันเปลี่ยนกลั…” ยังไม่ทันที่อี้เอินจะพูดจบ แจ็คสันก็เร่งความเร็วขึ้น ปีกขนาดมหึมาสยายเต็มความกว้าง ร่างของพวกเขาร่อนลงต่ำเรี่ยไปกับหลังคารถบีเอ็มดับเบิ้ลยูที่จอดส่งนักเรียนคนหนึ่งได้อย่างน่าหวาดเสียว ก่อนที่บุตรแห่งเฮอร์มีสจะแตะเท้าลงที่หน้าขอบประตูโรงเรียนตัดหน้านักเรียนคนนั้นได้อย่างเฉียดฉิว
“เยสสส!!! ร้อยคะแนนเต็ม ร้อยคะแนนเต็ม ลงจอดสวยแบบนี้ฉันน่าจะไปสมัครเป็นนักบิน”
“หยุดเลย!!” ทั้งสามเสียงประสานขึ้นพร้อมกัน ขณะที่ค่อยๆพยุงร่างกายขึ้นมาจากพื้น แรงลงจอดอันสวยงามของแจ็คสันทำให้พวกเขาเสียหลักล้มลงไม่เป็นท่า
“ครั้งหน้าฉันขอเสนอให้มาทางน้ำแทนนะ”
“เดินเล่นในทาร์ทารัสยังปลอดภัยกว่านี้”
“โหห คนเรามันก็ต้องมีทำพลาดกันบ้าง นี่ฉันเพิ่งฝึกบินเจ้านี่ได้แค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก่อน
ไปรับพวกนายอีกนะ!!”
จินยองปล่อยให้เสียงทะเลาะกันของเพื่อนทั้งสามเป็นอากาศธาตุไปชั่วครู่ สิ่งเดียวที่เขาสนใจอยู่ตอนนี้คือภาพพจน์ของเขา เขาเป็นลูกของเทพีแห่งความงาม การล้มก้นกระแทกพื้นท่ามกลางสายตาผู้คนแบบนี้ถือเป็นเรื่องน่าอับอายที่สุด สภาพของเขาจะต้องไม่น่าเกลียด ก้นต้องไม่เลอะ กางเกงจะต้อง ดะ ดะ เดี๋ยวนะ…ท่ามกลางสายตาผู้คนงั้นหรอ…ท่ามกลางผู้คน!!!
“เอ่อ ทุกคน ฉันว่า…” จินยองพูดแทรกขึ้น นัยน์ตาคู่หวานกวาดมองไปรอบๆอย่างไม่มั่นใจนัก
“นายจะบอกว่าเข้าข้างฉันใช่มั้ยล่ะจินยอง นายนี่ช่างเป็น”
“ฉันว่าการลงจอดของนายมีปัญหาแล้วล่ะ” เสียงหวานกระซิบอยู่ด้านหลังของแจ็คสัน เรียกสติให้ทุกคนหันกลับไปมองตามสายตาก่อนจะพบสายตาคนนับร้อยที่มองพวกเขาอย่างตกตะลึงอยู่
“นายว่า….เมื่อกี้พวกเขาเห็นอะไรกันหรอ” ร่างเพรียวกระซิบถามเจบีที่ยืนอยู่ข้างๆ แม้เขาจะรู้ว่าโดยปกติแล้วมนุษย์จะไม่สามารถมองเห็นวัตถุหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าได้ เนื่องจากมีมนตร์บังตาคอยบิดเบือนการมองเห็นให้ผิดไปจากความเป็นจริงอยู่ ทว่าดูจากสายตาพวกเขาแล้ว สิ่งที่พวกเขาเห็นเมื่อครู่ต้องไม่ใกล้เคียงกับคำว่า ‘ปกติ’ แน่
“จะเห็นอะไรก็ช่าง สูบวิญญาณซะก็สิ้นเรื่อง” ชายผู้ถนัดในการแก้ปัญหาอย่างยิ่งยวดพูดขึ้นพร้อมกับก้าวเท้าเข้าไปหาเด็กนักเรียนคนหนึ่งจนจินยองต้องรีบวิ่งมาขวางไว้
“นายอาจจะถูกทารุณมานาน ตอนนี้มันไม่มีมนุษย์คนไหนใช้วิธีป่าเถื่อนลงโทษกันแล้วนะ!”
“แล้วจะให้ทำยังไง”
“ฉันจัดการเอง” บุตรแห่งอโฟรไดท์สูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะกลับหลังหันไปทางพวกมนุษย์ที่เริ่มพากันซุบซิบ รอยยิ้มเป็นมิตรถูกฉีกยิ้มให้ก่อนที่เสียงหวานจะก้องกังวาลไปทั่วบริเวณ
“พวกเรานั่งรถมา ไม่มีอะไรแปลกประหลาด ทุกคนแยกย้ายได้” รอยยิ้มการค้าถูกวาดขึ้นอีกครั้งก่อนที่ทุกอย่างจะเข้าสู่ภาวะปกติ เหล่านักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์พากันเดินเข้าโรงเรียนมาพร้อมกับพวกเขาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ร่างเพรียวพรูลมหายใจออกอย่างโล่งอก แค่มาถึงยังวุ่นวายขนาดนี้ แล้วต่อไปล่ะ…
"เป็นลูกอโฟรไดท์ก็ดีอย่างนี้นี่แหละน้าาา ใช้มนตร์มหาเสน่ห์ทำให้เขาหลงเชื่อก็ได้ แถมยังทำให้..." ร่างบึกบึนส่งสายตาล้อเลียนไปให้เจบีที่ยืนห่างไปไม่ไกลนัก
"ทำให้เจ้าจิ้งจกน้ำนั่นรักได้ด้วยย"
"หยุดเลยนะ! ไอ้บ้า!!" จินยองแหวเสียงดัง ใบหน้านวลขึ้นสีจัด ฝ่ามือเรียวตีแขนเพื่อนสนิท ทว่าอีกฝ่ายกลับเร็วกว่า รีบหนีออกห่าง ทิ้งให้ร่างเพรียวเขินอายเจบีที่หันมามองอยู่ฝ่ายเดียว
"เอ่อ เมื่อกี้ แจ็คสัน เขา เขาก็แค่พูดเล่นแห.."
"แล้วถ้ามันพูดจริงล่ะ" ร่างสูงแทรกขึ้น ดวงตาทรงเสน่ห์มองอีกฝ่ายยิ้มๆ ความเขินอายยิ่งสั่นคลอนหัวใจของจินยองให้เต้นโครมคราม ดวงตาคู่หวานลู่ลงหลบตา พวงแก้มใสยิ่งซับสีเลือด ท่าทางเหล่านั้นยิ่งชวนให้น่าแกล้ง
“เมื่อกี้ทำได้เยี่ยมมาก”
“อะ เอ่อ ข ขอบคุณนะ” เสียงหวานเอ่ยตอบตะกุกตะกัก ร่างสูงยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ ริมฝีปากขยับเตรียมจะพูด
"พรุ่งนี้ถ้า"
“ทุกคน ” ทว่ากลับถูกเสียงของอี้เอินดังขึ้นขัดเรียกความสนใจจากทุกคน
“แบมแบมล่ะ” สิ้นเสียงนั้นทุกคนก็รีบมองหาแบมแบม ทว่าร่างบางกลับไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย อี้เอินกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด นัยน์ตาคู่คมกวาดตามองหา มือข้างหนึ่งถูกเงื้อขึ้นเตรียมสั่งการเหล่าวิญญาณให้ออกตามหา พวกเขาทั้งหมดพยายามมองหาจนทั่ว
“นายไม่ได้เผลอทำเขาหล่นหายใช่มั้ยแจ็คสัน” จินยองร้องถาม
“ไม่มีทางอะ ถึงฉันจะชอบแกล้งแต่ไม่ใช่เรื่องนี้แน่นอน”
“ท่านพ่อจะตามกลับไปหรอ ม ม ไม่…” อี้เอินพูดอย่างอ่อนแรง เรี่ยวแรงพลันถูกสูบ แค่คิดว่าการกระทำทุกอย่างนี้สูญเปล่าเขาก็แทบทรุด แทบหายใจไม่ออกเมื่อคิดว่าต้องเสียร่างบางไปอีกครั้ง
“ฉ ฉ ฉันต้องกลับไป” บุตรแห่งฮาเดสตั้งท่าจะกลับหลังหัน จินยองรีบคว้าตัวเข้าเอาไว้
“นายจะบ้าหรอมาร์ค!” ร่างกายอี้เอินบาดเจ็บจากการถูกลงทัณฑ์มาอยู่แล้ว แม้ระหว่างทางเขาจะช่วยปฐมพยาบาลไปบ้างแต่ก็ยังไม่หายดี แล้วถ้ายังย้อนกลับไปที่นั่นอีก ดีไม่ดีอาจทนพิษบาดแผลไม่ไหวตายไปตั้งแต่ครึ่งทางก็ได้
“หยุดก่อน ใช่คนนั้นรึเปล่า” เจบีเอ่ยขัดขึ้น ทุกสายตามองตามนิ้วของเขาไป
แผ่นหลังที่อี้เอินคุ้นเคยกำลังเดินไปที่หอประชุมใหญ่เหมือนกับเด็กนักเรียนคนอื่นๆ อี้เอินรีบวิ่งเข้าไปหา แม้จะเจ็บแผลแต่เขาก็ไม่อาจปล่อยร่างบางให้คลาดสายตาได้ และหากทำได้เขาคงจะผูกโซ่ล่ามให้ตามติดไปกับเขาแล้วด้วยซ้ำ
“ทำไมถึงเดินมาก่อน!” เสียงทุ้มตวาดใส่อย่างไม่สนใจว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตา
“ปล่อย” แบมแบมเหลือบมองมือที่จับแขนเขาไว้ด้วยสายตาเย็นชา
“ทำไมถึงไม่รอฉัน รู้มั้ยว่าเมื่อกี้ฉันใจ”
“นายจะรู้สึกยังไงมันก็เรื่องของนาย”ร่างบางหัวเราะในลำคอเบาๆ แขนเล็กสะบัดออกจากการเกาะกุม
“….”
“แค่ทนเห็นหน้านายแค่วินาทีเดียวฉันก็ขยะแขยงเต็มทนแล้ว แล้วถ้าอยากจะอยู่ที่นี่มากนักก็อยู่ไปแต่อย่ามาให้ฉันเห็นหน้านายอีก” แล้วร่างบางก็เดินเข้าไปในหอประชุม ทิ้งอี้เอินให้ยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตู ความรู้สึกร้าวรานถ่วงจิตใจให้ด่ำดิ่ง นัยน์ตาคู่คมสลดลงจนเพื่อนทั้งสามอดห่วงไม่ได้
“โอเคนะมาร์ค”เป็นจินยองที่ถามขึ้นคนแรก
ไม่จำเป็นต้องถามถึงสาเหตุ
ไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องราว
ไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ย
พวกเขาสนิทกันมานาน รู้ใจกันจนไม่ต้องเอ่ยถาม เรื่องราวเมื่อครู่เป็นอย่างไร อีกฝ่ายรู้สึกยังไงไม่จำเป็นต้องรู้ สิ่งเดียวที่คนเป็นเพื่อนต้องถามกันคือ….ยังไหวอยู่มั้ย เพราะหากไม่แล้ว พวกเขาก็จะเข้าไปเดินเคียงข้าง ช่วยพยุงเอง
“เขาบอกว่าขยะแขยงฉัน” อี้เอินเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทั้งหมดหันมาสบตากัน แม้ไม่เคยเห็นด้วยกับการล้างแค้นของเพื่อน แต่ก็ไม่เคยคิดจะซ้ำเติม เพราะสำหรับพวกเขาหน้าที่ของเพื่อนคือการอยู่เคียงข้างกัน คอยเตือนสติ คอยช่วยเหลือ และดูเหมือนว่าตอนนี้อี้เอินจะต้องการสิ่งนั้นมากที่สุด
“นายชุบชีวิตเขาขึ้นมา แต่พอถูกเขาเกลียดก็จะสิ้นหวังกันง่ายๆน่ะหรอ” เสียงทุ้มของเจบีเอ่ยขึ้นพร้อมกับฝ่ามือที่ออกแรงบีบไหล่อีกคนเบาๆ ร่างสูงค่อยๆเงยหน้าขึ้นสบตา
“………”
“พูดในฐานะที่สนิทกับแบมแบมมากที่สุดน่ะนะ คนถูกขโมยของก็แบบนี้แหละ ขนาดฉันขโมยเงินแม่ แม่ยังโกรธเลยแล้วนี่นายดันขโมยความตายเขาไปมันก็ยิ่ง อื้อ!” แจ็คสันร้องเสียงหลงทันทีที่ถูกฝ่ามือเรียวของจินยองปิดปากเอาไว้
“ฉันว่าเรารีบเข้าไปข้างในกันเถอะ เหมือนว่าเขาจะมีประชุมอะไรกันสักอย่างก็ไม่รู้ด้วย” ร่างเพรียวฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับดันให้พวกเขาทั้งหมดเข้าไปด้านใน จินยองส่งสายตาบอกเป็นนัยน์ให้เจบีพาอี้เอินเข้าไปก่อน
“อื้อ! อือ!! อ่อย อ่อยอั๋นน!”
“นายนี่จริงๆเลย! ใครใช้ให้ไปพูดแบบนั้นห๊ะ!!” ร่างเพรียวตวาดใส่ทันทีที่ทั้งสองคนนั้นลับตาไปแล้ว
“อ้าว! ก็ฉันจะปลอบเขานี่ ฉันพูดผิดตรงไหนอะ ฉันเป็นลูกเทพเจ้าแห่งการขโมย ฉันเข้าใจหัวอกคนขโมยและถูกขโมยดีที่สุด! ฉันก็แค่อยากจะบอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่นายกลับมาว่าฉันทำไม ฉันไม่เข้าใจ!! ไอ ด้อน เก็ท อิท!!” จินยองอยากจะบ้าตาย ถ้านี่เป็นคำพูดของคนอื่นเขาคงใช้วาจาสิทธิ์สั่งให้เป็นใบ้ไปแล้ว แต่กับแจ็คสันแล้วไม่ใช่ หมอนี่เข้าใจอย่างนี้จริงๆ เขาไม่ได้มีเจตนาจะทำให้แย่ลง แต่ความคิดมันเป็นแบบนี้เอง
“เอาล่ะๆ ช่างมันเถอะ ตอนนี้มาหาทางช่วยมาร์คกันดีกว่า” เสียงหวานดังขึ้นพร้อมกับที่พวกเขาเดินเข้าไปด้านใน
“ไว้ใจฉันได้เลย ฉันสนิทกับแบมแบมมากที่สุด!!” แจ็คสันพูดอย่างตื่นเต้น เสียงของพวกเขาค่อยๆเงียบลงเรื่อยๆ
“ว่าจะถามตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว นายไปรู้จักกับเขาตอนไหนน่ะ”
“ก็ตอนนั้นไง ที่เล่าให้ฟัง ที่ฉันถูกพ่อใช้ให้ไปช่วยพาแบมแบมหนีมาร์คตอนอาละวาดนั่นน่ะ อย่างว่าแหละถึงพ่อฉันจะเห็นใจมาร์คแต่ทำงี้ก็ไม่ถูกน่ะนะ” เจบีปล่อยให้แจ็คสันพูดต่อไป ขณะที่ตัวเขานิ่งไปชั่วครู่ เท่าที่จำได้ นั่นมันเป็นแค่ช่วงเวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ แล้ว แล้ว หมอนี่เอาอะไรมาสนิท?
เฮ้ออออ เขาล่ะเหนื่อยใจจริงๆ
“รีบเข้าไปกันเหอะ เหมือนงานจะเริ่มแล้ว” เขาตัดบทก่อนจะเดินนำ จังหวะเดียวกับที่บนเวทีมีหญิงสาวหน้าตาดุดัน สวมชุดสูทสีเทาเข้ม ในมือถือนาฬิกาที่ลักษณะคล้ายกงล้อกำลังยืนอยู่บนแท่นไมค์ และเขาคงจะไม่สนใจอะไรเลยถ้าลักษณะท่าทางเหล่านั้นมันไม่เหมือนกับคนคนหนึ่งที่เขาจำได้
นั่นไม่ใช่เนเมซิส เทพีแห่งการล้างแค้น!!??
------------------------------------------
“นี่ต้องเป็นเรื่องตลกแน่ๆ”
“ฉันไม่ไว้ใจเท่าไรเลย”
“ต้องมีจุดประสงค์อะไรแน่”
“นาฬิกาเธอสวยจัง ถ้าฉันขโมยมันมาได้พ่อต้องดีใจแน่ๆ!!”
“แจ็คสัน!!!”
เสียงเพื่อนทั้งสามปรามเพื่อนตัวเองเสียงเข้มก่อนจะหันกลับไปสนใจเทพเจ้าในร่างมนุษย์กำลังกล่าวสุนทรพจน์เพื่อถือเป็นศิริมงคลกับเหล่านักเรียนในวันเปิดภาคเรียนวันนี้ และแน่นอนว่าคนที่จะทำหน้าที่นี้ได้ ในโรงเรียนก็มีอยู่คนเดียว…
อาจารใหญ่
“แบมแบม เขาเป็นอาจารย์ใหญ่ที่นี่มาตั้งแต่แรกหรอ” อี้เอินหันไปเอ่ยถามร่างบางที่นั่งถัดไปอีกสองเก้าอี้
“…..”
“แบมแบม” เขามั่นใจว่าแบมแบมได้ยิน แต่แสร้งเมินเฉยเสียมากกว่า
“……”
“เอ่ออ เขาเป็นมาตั้งแต่แรกเลยหรอ”จินยองที่ทนดูไม่ไหวเป็นฝ่ายถามแทน คนถูกถามส่ายหน้าเป็นเชิงตอบเล็กน้อย
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ฉันว่าก่อนจะหาว่าเกิดอะไรขึ้น ดูนั่นก่อนดีกว่า” เสียงของเจบีดังขึ้นขัด ทุกคนหันกลับไปสนใจบนเวทีก่อนที่พวกเขาจะเบิกตากว้าง ที่บนหน้าจอขนาดใหญ่นั่นปรากฏชื่อของพวกเขาขึ้นอยู่
“เอาล่ะ ภาคเรียนใหม่ ประธานนักเรียนและคณะก็ควรจะมากล่าวทักทายเพื่อนๆพี่ๆน้องๆกันหน่อย ขอเสียงปรบมือให้กับคณะกรรมการนักเรียนของเราด้วย” เสียงปรบมือดังขึ้นเป็นเชิงบีบบังคับให้พวกเขาเดินขึ้นไป ทั้งห้าหันมามองกันอย่างร้อนรน
“เราจะทำยังไงกันดี พวกเราไปเป็นประธานนักเรียนกันเมื่อไรเนี่ย”จินยองลนลาน
“ฉันสังหรณ์ใจไม่ดีเลย เนเมซิสจะมาหาพวกเราทำไม”เจบีสนับสนุน
“ไม่รู้สิ แต่ฉันว่าได้เป็นแก๊งประธานนักเรียนมันก็ดีนะ ฉันจะได้สั่งให้เลิกมีการเรียนการสอน” แจ็คสันยักไหล่ ในขณะที่พวกเขากำลังเดินออกไปที่เวที
“ระวังตัวกันให้ดี ฉันไม่รู้ว่าเธอมีจุดประสงค์อะไร” อี้เอินพูดขึ้น ทว่าสายตากลับจับจ้องแค่แบมแบม ร่างบางเบือนหน้าหนีไปทางอื่น แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากข้องเกี่ยวด้วยก่อนที่อี้เอินจะจำใจหันกลับมาสนใจเนเมซิสที่ผายมือเชื้อเชิญอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่จะขึ้นกล่าวบนเวที
“ผมต้วนอี้เอิน ประธานนักเรียน เปิดภาคเรียนใหม่แล้ว ก็ขอให้…” ร่างสูงชะงัก ในชีวิตจริงเขาแทบไม่เคยเฉียดตำแหน่งนี้เลยด้วยซ้ำ ปกติเป็นแค่นักเรียนไร้ตัวตนในโรงเรียน
“เพื่อนๆพี่น้องทุกคนมีปีการศึกษาที่สดใส และพวกเราสัญญาว่าจะทำหน้าที่ในการพัฒนาโรงเรียนให้ดียิ่งขึ้น” เขาพูดรัว จำคำพูดมาจากนิยายอะไรสักเรื่องที่เคยอ่านเมื่อนานมาแล้ว ก่อนจะก้าวถอยหลังกลับไปยืนยังตำแหน่งเดิม เนเมซิสฉีกยิ้มไม่น่าไว้ใจให้ก่อนจะก้าวมายืนอยู่เคียงข้าง
“ประธานนักเรียนของเราก็ได้พูดสวัสดีเทอมใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปเรียน ขอให้นักเรียนมีวันที่สดใส” เสียงหัวเราะดังกังวาลไปทั่วหอประชุม อี้เอินและเพื่อนสบตากันและกัน พวกเขาเลือกที่จะรอให้นักเรียนทั้งหมดออกไป ก่อนจะชิงเป็นฝ่ายถามเทพเจ้าขึ้นก่อน
“ท่านมีจุดประสงค์อะไร” อี้เอินขยับเท้าถอยหลังออกมาให้อยู่ในระยะที่ปลอดภัย แม้จะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับเทพองค์นี้มาก่อน แต่ก็ใช่ว่าเทพเจ้าจะมีเหตุผลกัน
“เหมือนพ่อเจ้าไม่มีผิด ตรงไปตรงมา แต่จะต่างกันก็ตรงที่…”เทพเจ้าหัวเราะเสียงดัง พร้อมกับค่อยๆเดินเข้ามาใกล้แบมแบมช้าๆ
“พ่อเจ้าไม่เคยชุบชีวิตคน” รอยยิ้มร้ายถูกส่งมาให้ มือหยาบกร้านเกลี่ยปอยผมนุ่มเบาๆ
“ถอยห่างออกจากเขาซะ!” ร่างสูงตวาด ผลักมืออีกฝ่ายให้ออกห่างแล้วเขามายืนขวางระหว่างกลาง เทพเจ้าหัวเราะอย่างชอบใจ พร้อมกับค่อยๆคืนร่างกลับเป็นหญิงสาวหน้าตาดุดัน ที่ในมือข้างหนึ่งถือพังงา อีกข้างหนึ่งถือกงล้อ นิ้วเรียวของเธอชี้เสกบัลลังก์ขึ้นมาก่อนจะทรุดนั่งลงไป
“คนสำคัญสินะ” เธอเหลือบตาที่มองไปที่แบมแบม อี้เอินเริ่มหมดความอดทน
“ท่านมีจุดประสงค์อะไรกันแน่” เทพเจ้ายิ้มเยาะพร้อมกับลูบคางไปมาอย่างยียวน
“จริงๆแล้วก็ไม่เชิงจุดประสงค์”
“แล้วท่านต้องการอะไร”
“ข้าเป็นเทพแห่งกฎแห่งกรรม การล้างแค้น เจ้าคิดว่าที่ผ่านมาเจ้าได้ทำตามกฎแห่งกรรมอย่างยุติธรรมหรือยัง” อี้เอินชะงักงันจิตใต้สำนึกกรีดร้องราวกับเด็กที่กำลังถูกจับได้ว่าไปแอบทำความผิด เขารู้ดีว่าการกระทำที่ผ่านมามันไม่ถูกต้อง
“เดิมที่การตายของแบมแบมคือการลงทัณฑ์เจ้าในผลกรรมครั้งนี้ เจ้าจะเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส หมดสิ้นซึ่งความหวังเฉกเช่นเดียวกับที่บุตรแห่งซุสเคยรู้สึก ทรมานหัวใจจนสุดทน แล้วสุดท้ายก็ฆ่าตัวตายตามเขาไปอย่างไร้เกียรติ”
“…….” ร่างสูงพูดอะไรไม่ออก ถ้อยคำทั้งหมดราวกับอัตสุนีบาตของซุสที่ฟาดฟันลงกลางใจ
“แต่เจ้ากลับฝืนโชคชะตาและกฎแห่งกรรม เจ้าชุบชีวิตเขาขึ้นมาอีกครั้ง” เทพีชี้ไปที่แบมแบม “แล้วเจ้าคิดว่าข้าจะนิ่งดูดายได้อย่างนั้นหรือ” เนเมซิสตวัดสายตากลับมามองอี้เอินพร้อมกับแย้มยิ้มให้ ทว่าในแววตาคู่นั้นอัดแน่นไปด้วยโทสะและรัศมีอันตราย ข่มประสาทให้สั่นระริก ร่างสูงค่อยๆคุกเข่าลงกับพื้น เขาก็รู้ดีว่าควรทำอะไรในเวลานี้ เขารู้ดีว่าควรทำอะไรในเวลานี้มากที่สุด
อ้อนวอน
อ้อนวอนเท่านั้น
เพราะเนเมซิสคือเทพีที่จะตามจองล้างจองผลาญคนชั่วอย่างไม่ลดละ เธอจะจัดการลงทัณฑ์ให้อย่างสาสม และลำพังสถานการณ์ของเขากับแบมแบมตอนนี้ก็แย่มากพอจนมองไม่เห็นหนทางอยู่แล้ว หากโดนลงทัณฑ์เพิ่มอีกเขาไม่ต้องขาดใจตายเลยหรือ
“ผมสำนึกในความผิดของ”
เพี๊ยะ!
อี้เอินหน้าหันไปตามแรงตบจากเทพี เทพเจ้าสาวเท้าเข้ามาหา พวกเพื่อนรีบก้าวเข้ามาช่วย หากแต่ร่างสูงกลับยกมือห้าม นี่เป็นเรื่องของเขา เขาจะให้ใครช่วยไม่ได้
“คำขอโทษไม่เคยเยียวยาบาดแผลได้จริงหรอกต้วนอี้เอิน! เจ้าจะต้องชดใช้เขาผ่านการกระทำ!”
“ผ ผ ผมจะทำ แต่ท่านอย่า อย่าลงโทษผมไปมากกว่านี้เลย”
“เจ้ากำลังขอร้องข้าไม่ให้ลงทัณฑ์เจ้าน่ะหรอ! เหลวไหลสิ้นดี!! แบมแบม ข้าจะให้เจ้าล้างแค้น ข้าจะให้เจ้าล้างแค้น!!” เทพเจ้าสาวเท้าเข้าไปหาแบมแบม อี้เอินรีบวิ่งเข้าไปขวาง เขารู้ เขารู้ดีว่าเนเมซิสจะทำอะไรต่อจากนี้ เขาต้องไม่ให้มันเกิดขึ้น ไม่ให้มันเกิดขึ้น
“ท่าน ผมขอร้อง ผมสำนึกผิดแล้ว ท่านอย่า” ร่างของเขาถูกเทพีตรึงไว้กับพื้นแน่นราวกับมีหินมาถ่วงไม่ให้ลุกขึ้น พวกเพื่อนๆที่จะเข้ามาช่วยเขาก็เช่นกัน
“คนชั่วมันก็พูดอย่างนี้ทุกครั้งเวลาจะโดนลงทัณฑ์ แบมแบม! จงเผยความต้องการของเจ้าให้ข้าดู จงคืนความเจ็บปวด สนองบาปให้กับคนที่ทำร้ายเจ้าเสีย!!”
“ไม่!!” ร่างสูงพยายามหวีดร้อง หากแต่ฉับพลันนั้นเนเมซิสกลับสัมผัสร่างของแบมแบม แสงสีแดงสว่างวาบ อี้เอินพยายามขัดขืนแรงตรึงสุดกำลัง ทว่าทุกอย่างกลับสายไป ดวงตาของแบมแบมเหลือกขึ้นจนเห็นแต่ตาขาว ปากบางค่อยๆขยับขึ้นลงช้าๆ
“ผมอยากให้…”
“ย ย ยอย่านะ อย่า” พยายามร้องห้าม เพราะเขารู้ เขารู้ว่าเนเมซิสมีอำนาจในการควักความปรารถนาที่อยู่ลึกที่สุดในจิตใจของผู้ถูกกระทำออกมาแล้วดลบันดาลให้มันเป็นจริง
“ผมอยากให้เขา”
“แบม!!!”
“ผมอยากให้เขาหายไปจากโลกนี้”
พรึ่บ
สิ้นเสียงนั้นทุกอย่างก็สว่างวาบด้วยแสงสีขาว