0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

ทะเลมาร์คแบม ตอนที่ึ14

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

0ctogus

0ctogus
Admin

อี้เอินนั่งนิ่งทบทวนกับตัวเองตามคำที่ผู้เป็นพ่อได้ทิ้งท้ายเอาไว้  จิตใจไม่ได้ทุกข์ทรมานเท่าตอนแรก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรเลย ความรู้สึกตอนนี้จึงใกล้เคียงกับคำว่ายอมรับได้  เพราะในเมื่อเรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว เขาจะทำอะไรได้ นอกเสียจากเผชิญหน้ากับมัน และรับโทษในสิ่งที่ตนเองได้กระทำลงไป แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมออกห่างจากแบมแบม



…อย่างน้อย…

เขาก็แค่ขอให้ได้อยู่ใกล้ๆก็ยังดี




“เป็นแบบนี้  มันอาจจะดีแล้วก็ได้” เสียงทุ้มเอ่ยพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ดวงตาหลุบมองมือที่วางอยู่บนตัก ก่อนจะยิ้มบางๆ พร้อมเฝ้าหาเหตุผลร้อยแปดมาเพื่อให้กำลังใจตนเอง เปลือกตาบางค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ สูดลมหายใจลึกอย่างรวบรวมพลังใจทั้งหมดที่มีก่อนจะค่อยๆยันตัวขึ้นจากเตียงแล้วเลื่อนประตูเปิดช้าๆ


หากจะต้องถูกลงทัณฑ์ เขาก็จะขอเป็นนักโทษที่มีความสุขที่สุด


“มาร์ค นายเป็นยังไงบ้าง”จินยองเป็นคนแรกที่ถลาเข้ามาหาเขา


“ฉันไม่เป็นไร”


“นาย นายโอเคแน่นะ”แจ็คสันเอ่ยถาม


“อืม เมื่อกี้พ่อมาหาฉัน” เกิดความเงียบขึ้น เพื่อนทั้งสามหันไปสบตากันอย่างไม่ได้นัดหมาย  พวกเขายังคงกลัวว่าฮาเดสจะตามมาลงทัณฑ์อี้เอินอีก


“เขาไม่ได้ทำอะไรฉัน เขาแค่ให้ฉันสู้”


“สู้กับคำสาปของเนเมซิสเนี่ยนะ มันจะ” ทุกคำพูดของแจ็คสันถูกทำให้หยุดไป เมื่อแจบอมยกมือขึ้นเป็นเชิงสั่งให้หยุดพูด แล้วรีบพูดแทรกขึ้น



“ตอนนี้นายตัดสินใจได้แล้วใช่มั้ยว่าจะทำอะไร” อี้เอินค่อยๆเงยหน้าขึ้นสบตา รอยยิ้มที่พวกเขาเกลียดแสนเกลียดถูกวาดขึ้นที่กลีบปาก



มันเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้า




“ฉันแค่ทำในสิ่งที่ฉันอยากจะทำ” ไม่มีใครพูดอะไรหลังจากนั้นราวกับว่าทุกๆคนรู้ดีว่าตอนนี้การเงียบคือสิ่งที่ดีที่สุด พวกเขาไม่อาจพูดคำปลอบโยนที่ดูลวงโลกให้ฟังได้ แต่ก็ไม่อาจพูดความจริงที่ทลายโลกทั้งใบของอี้เอินได้เช่นกัน


“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็พร้อมจะช่วย” แจบอมเอ่ยบอก อี้เอินพยักหน้ารับก่อนจะถามขึ้น


“ห้องเรียนของพวกเราอยู่ที่ไหน”


“ปี3ห้องA ห้องพวกเด็กเรียนเก่ง” จินยองเป็นคนตอบ


“งั้นเราไปหาพวกเด็กเก่งกันเถอะ” อี้เอินพูดก่อนจะเดินนำออกไป พวกเขารู้ได้ทันทีว่าเด็กเก่งที่ร่างสูงพูดถึงหมายถึงใคร…


แบมแบม กันต์พิมุกต์




----------------------------------------------------




       หากให้จินยองบรรยายถึงโศกนาฏกรรมความรักที่เศร้าที่สุดที่ตัวเองเคยพบเห็นมา  เมื่อก่อนจินยองคงตอบว่าโรมิโอกับจูเลียต แต่ตอนนี้ร่างโปร่งชักไม่แน่ใจแล้ว เพราะทันทีที่มาถึงที่ห้องเรียน บรรยากาศอันน่าหดหู่ก็ตั้งเค้าขึ้นมา  อี้เอินมองแบมแบมที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง ในขณะที่ร่างบางเองก็มองตรงมาที่พวกเขาเช่นกัน แต่แย่ตรงที่แบมแบมไม่ได้กำลังมองเพื่อนของเขา ร่างบางแค่กำลังมองพวกเขา และยิ่งแย่ลงไปกว่านั้นอีกเมื่อสายตานั้นแสดงออกถึงความกังวลราวกับรู้ว่าร่างสูงมากับพวกเขาด้วย



“นี่ๆ เขาไม่อยากเจอนายหรอมาร์ค”


“แจ็คสัน” แจบอมเอ่ยปรามเพื่อนให้หยุดพูด เมื่อลอบสังเกตเห็นสีหน้าอี้เอิน


“นายทำได้” เจ้าชายแห่งท้องทะเลให้กำลังใจ  จินยองเองก็พยักหน้าสนับสนุนด้วย


“ความรักมันก็แบบนี้ล่ะต้องทุ่มเทถึงจะได้มา”


“ใช่ๆ เป็นฉันนะ ฉันจะทุ่มสุดตัวไปแอบขโมยของเขาจนกว่าเขาจะ”


“แจ็คสัน”  คราวนี้ทั้งแจบอมและจินยองพูดขึ้นพร้อมกัน หนุ่มหุ่นล่ำได้แต่ทำหน้างุนงง ไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิด


“รีบเข้าไปนั่งที่กันเถอะ” มีเพียงคำพูดตัดบทสั้นๆจากอี้เอิน ก่อนที่ร่างสูงจะตัดสินใจเดินไปยังที่นั่งที่มีป้ายชื่อตัวเองติดอยู่ และไม่รู้ว่าด้วยความโชคร้ายหรือโชคดี ที่ที่นั่งของเขาดันอยู่ข้างหลังแบมแบม




           เด็กหนุ่มร่างบางไม่ได้มีทีท่าจะรับรู้สักนิดว่าคนที่ตัวเองเกลียดแสนเกลียดกำลังนั่งอยู่ด้านหลัง แบมแบมยังคงพูดคุยหยอกล้อกับเพื่อนอย่างสนุกสนานและทำทุกอย่างเหมือนดังปกติราวกับว่าเรื่องเมื่อเช้าได้หายไปจากใจพร้อมกับผู้ชายใจร้ายคนนั้น



ลืมกันได้ง่ายดายเหลือเกิน...




           ในขณะที่เขาเจ็บปวดเจียนตายที่ต้องไร้ตัวตน แต่อีกฝ่ายกับสุขจนล้นปรี่ที่เขาหายไป มันช่างเป็นความรู้สึกที่ทรมานหัวใจเหลือเกิน ทว่าจะโทษใครได้ในเมื่อเขาเป็นคนผลักตัวเองตกลงหุบเหวแห่งความทรมานด้วยสองมือคู่นี้ของตน ก็สมควรแล้วที่จะต้องถูกหมางเมินกันเช่นนี้



เคร้ง



ราวกับสวรรค์เป็นใจหรือนรกกลั่นแกล้ง ดินสอของร่างบางดันตกลงมาใกล้กับเขา แบมแบมตั้งท่าจะลุกมาหยิบ แต่มือร่างสูงกลับไวกว่า อี้เอินก้มลงเก็บดินสอให้ ทว่าอีกฝ่ายกลับชะงักไปเมื่อภาพที่เห็นคือดินสอลอยอยู่กลางอากาศ และคนที่จะทำอย่างนั้นได้ ก็มีอยู่แค่คนเดียว



         แบมแบมรับดินสอด้ามนั้นกลับไป หากแต่แทนที่จะเดินกลับไปนั่งที่ ร่างบางกลับเดินไปที่ถังขยะ พร้อมกับทิ้งดินสอแท่งนั้นอย่างไม่ใยดี เสียงของมันที่กระทบกับก้นถังราวกับเสียงหัวใจของอี้เอินที่ต้องลงกระแทกพื้น



แม้สักนิด ก็ไม่ให้ฉันมีตัวตนในโลกของนายเลยสินะ…




         อี้เอินได้แต่ตัดพ้อกับตัวเองในใจ รอยยิ้มเศร้าถูกวาดขึ้นที่กลีบปากพร้อมกับร่างของเขาที่ค่อยๆทรุดนั่งลงกับเก้าอี้ตามเดิม ดวงตาคู่คมที่ยามนี้กลับหมองหม่นไปด้วยความเศร้าทอดมองแผ่นหลังที่แม้จะใกล้เพียงเอื้อม แต่กลับดูแสนไกลเมื่อต้องกลายเป็นคนไร้ตัวตนในสายตาของอีกฝ่าย แล้วจมดิ่งทุกความรู้สึกในความเศร้า ปล่อยให้เสียงของอาจารย์เป็นเพียงบทเพลงแห่งความเศร้าที่ไม่น่าสนใจ ในห้วงคำนึงขบคิดถึงแต่ ‘เรื่องนั้น’ ดวงตาคู่คมมองฝ่ามือตัวเอง แวบหนึ่งที่เส้นเลือดดำคล้ำกรีดวาดลวดลายลงบนฝ่ามือราวกับปติมากรรมจากความตาย


‘จะเหลือเวลาอีกแค่ไหนกัน’ อี้เอินได้แต่ถามตัวเองในใจ…


“คุณอี้เอิน คุณอี้เอิน!” จู่ๆเสียงของอาจารย์หญิงวัยสี่สิบก็กระชากสติร่างสูงให้หันไปสนใจยังหน้ากระดาน


“ครับ”


“เมื่อกี้เธอได้ยินที่อาจารย์พูดรึเปล่า”


“ไม่ครับ” อี้เอินตอบตามจริง ปัญหาในชีวิตที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ทำให้การถูกอาจารย์ตำหนิเป็นเรื่องเล็กน้อยจนแทบมองว่าเป็นเรื่องเสียเวลาด้วยซ้ำ


“นี่วันนี้เธอเป็นอะไร ปกติเธอไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ!” มนตร์บังตาคงสร้างเรื่องให้เขาเป็นคนแบบนั้น


“อาจารย์เรียกผมทำไมหรอครับ”


“ฉันกำลังจับคู่รายงานกลุ่มให้เธออยู่  เธอจะได้คู่กับ” เสียงอาจารย์ขาดหายไป หญิงสูงวัยกำลังนั่งไล่ดูใบรายชื่ออยู่ หัวใจของอี้เอินเต้นไม่เป็นส่ำ ภาวนาให้ได้คู่กับร่างบาง


“คู่ของเธอก็คือ”


“แบมแบม” ร่างสูงพึมพำ


“แองเจล่า พริ้นท์” หัวใจของอี้เอินเหี่ยวลงทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น เขาพยักหน้ารับอย่างขอไปที ก่อนจะผินหน้าออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้น


“อาจารย์คะ หนูมีคู่แล้ว” เด็กสาวเจ้าของชื่อยกมือขึ้นแย้ง อี้เอินกลับมามีความหวังอีกครั้ง


“งั้หรอ โอเคงั้นก็เหลือคนสุดท้ายแล้ว”


“อาจารย์ครับ ผมไม่” แบมแบมแทรกขึ้น


“คุณกันต์พิมุกต์ คุณทำคู่กับเขานะ”


“แต่อาจารย์ครับ!” ร่างบางพยายามแย้ง ในขณะที่ร่างสูงกลับมีความสุข


“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นจ่ะ พวกเธอจะได้สนิทกันขึ้นไง ปกติก็เห็นไม่ถูกกันตลอดนี่ ” มนตร์บังตาคงจะทำให้เธอคิดแบบนั้นอีกแล้ว…



  แบมแบมกระแทกก้นนั่งเก้าอี้อย่างไม่พอใจ นึกก่นด่าตัวเองที่ขอพรจากเนเมซิสอย่างไม่รอบคอบ จริงอยู่ที่เขาไม่เห็นอีกฝ่าย แต่ทุกคนรอบข้างเขากลับเห็น นั่นหมายความว่าเขาก็ไม่ได้ตัดอีกฝ่ายออกจากชีวิตเสียทีเดียว ซึ่งมันเป็นเรื่องที่แย่มากสำหรับเขา


“แบม” จู่ๆเพื่อนข้างๆก็เรียกเขาพร้อมกับยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ ร่างบางตวัดสายตามอง ก่อนจะคลี่เปิดอ่านอย่างไม่ระวัง


‘ฝากตัวด้วย’



     แทบไม่ต้องเสียเวลาคิด แบมแบมขยำมันทิ้งอย่างไม่ใยดีก่อนจะปาให้พ้นสายตา คลื่นความโมโหพล่านไปทั่วร่าง ต้องเป็นคนประเภทไหนกัน ต้องเป็นคนบ้าแค่ไหนที่กล้าพูดประโยคอย่างนี้กับคนที่เกลียดตัวเอง เรื่องเมื่อเช้ามันทำใจได้ง่ายมากขนาดนั้นเลยหรือ


“ทำไมตอนนั้นฉันถึงไม่ขอให้นายหายไปจากโลกใบนี้ไปซะ” ร่างเล็กตั้งใจพึมพำให้อีกฝ่ายได้ยิน อี้เอินตอบรับเพียงแค่รอยยิ้มเศร้าๆ ยอมรับว่าเจ็บที่ถูกผลักไส แต่สำหรับเขาในตอนนี้ แม้แต่ความเกลียดชังของอีกฝ่าย เขาก็พร้อมน้อมรับไว้ ถ้านั่นหมายถึงการมีตัวตน




----------------------------------------------------




              อี้เอินชักไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองต้องการมีตัวตนในสายตาร่างบาง แม้ว่าความรู้สึกที่ได้รับมาจะเป็นความเกลียดชัง เพราะตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าความพยายามของเขาไม่เป็นผลเลย แบมแบมไม่เคยสนใจ ไม่เคยใยดี ไม่แม้แต่จะอยากรับรู้ ไม่ว่าตอนที่เขาจะนั่งอยู่เป็นเพื่อนในวันที่แบมแบมถูกลงโทษให้ทำการบ้านจนดึกดื่น เดินอยู่เคียงข้างในวันที่ฝนตกหนัก ช่วยงานคู่ที่เจ้าตัวดันทำส่งคนเดียว หรือแม้กระทั่งตอนนี้…ตอนที่อยู่เฝ้าไข้ทั้งๆที่ตนเองก็เจ็บป่วย



“ถ้าจะมาดูแลให้ฉันเห็นใจก็ไม่ต้อง  ฉันไม่ต้องการ” เสียงหวานพูดประโยคเชือดเฉือน อี้เอินที่นั่งอยู่ข้างเตียงคนไข้ได้แต่คลี่ยิ้มอย่างเจ็บปวด สีหน้าซีดเซียวยิ่งกว่าคนป่วย แต่ถึงกระนั้นร่างบางก็ยังคงไม่เห็น ไม่รับรู้เลยด้วยซ้ำว่าอีกคนกำลังเจ็บป่วย



             มือใหญ่เอื้อมไปหยิบแก้วใบเล็กที่ใส่ยาไว้ภายในก่อนจะวางลงบนโต๊ะข้างหัวเตียงอย่างแผ่วเบาเป็นการตอบรับถ้อยคำอันร้ายกาจ การกระทำเหล่านั้นยิ่งเร่งเร้าแรงโทสะอีกฝ่ายให้ปะทุ ร่างบางตวัดสายตามองอย่างไม่สบอารมณ์ ลมหายใจถูกพรูออกอย่างเหลืออด



“เลิกยุ่งกับฉันสักที” แม้จะเกรี้ยวกราดสักแค่ไหน ร่างสูงก็เลือกที่จะเมินเฉย ซ้ำยังเลื่อนแก้วยามาให้ใกล้กว่าเดิม


“นี่นายฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ”


“เลยเวลากินมานานแล้ว นายควรรีบกิน” เสียงทุ้มดังขึ้นอย่างแผ่วเบา และต่อให้มันจะดังขึ้นกว่านี้ เสียงนั้นก็ไม่มีวันไปถึงร่างบาง มือใหญ่ยื่นแก้วน้ำให้อีกฝ่าย


เพล้ง



“ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้!” แก้วถูกปัดตกแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ เลือดสีสดหลั่งรินไหลหยดลงบนพื้น ย้อมกระเบื้องสีขาวให้กลายเป็นสีแดงฉาน ทว่าร่างบางก็มิอาจมองเห็น สิ่งที่เขารับรู้ได้เป็นเพียงแค่เศษแก้วที่กระจายเต็มพื้น อี้เอินค่อยๆคลายมือออกอย่างช้าๆ เศษแก้วบางส่วนยิ่งบาดมือของเขาให้ของเหลวสีแดงยิ่งหลั่งริน



“หึ” เสียงทุ้มหัวเราะอย่างสมเพชตัวเอง  เสียงฝีเท้าหลายคู่ดังแว่วมาจากทางเดินก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออก กลุ่มเพื่อนๆของร่างสูงที่ตั้งใจจะมาเยี่ยมอยู่แล้วรีบกรูกันเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงแก้วแตก


“มาร์” อี้เอินยกมือขึ้นเป็นเชิงห้ามไม่ให้จินยองเรียกชื่อของเขา เพราะต่อให้แบมแบมจะไม่แยแสเขา แต่เขาก็ไม่อยากให้รับรู้ว่าตอนนี้เขากำลังบาดเจ็บ



“พวกนายมาก็ดีแล้ว พาเพื่อนนายกลับไปซะ”



                   ผู้มาใหม่ทั้งสามไม่ได้ให้คำตอบรับอะไร ดวงตาของพวกเขากำลังกวาดตามองเศษซากของความโกรธเกรี้ยวที่แตกกระจายเต็มพื้น  คราบเลือดที่เปรอะเปื้อนเป็นดวงๆ  ตลอดจนสีหน้าความเจ็บปวดของอี้เอิน



“นายทำเกินไป” แจบอมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ร่างบางตวัดสายตามองอย่างไม่พอใจ


“ไม่มีคำว่าเกินไปสำหรับคนอย่างเขา” หัวใจอี้เอินแทบแหลกสลายเมื่อได้ยินถ้อยคำอันโหดร้าย


“…………….”


“กับสิ่งที่เขาทำ ความตายยังน้อยไปด้วยซ้ำ” ร่างสูงวาดยิ้มเจ็บปวดที่ความโศกเศร้าบาดลึกลงไปในจิตใจและสั่นคลอนหัวใจของคนมองให้สงสารระคนหดหู่ ไม่มีคำพูดใดๆดังออกมาจากปากของทั้งสามอีก แจบอมและแจ็คสันรีบเข้าไปพยุงเพื่อนที่เริ่มเสียเลือดมากเกินกว่าที่จะทรงตัวเองได้ออกไปจากห้อง โดยมีจินยองเดินไล่หลังตามมา และวินาทีสุดท้ายก่อนที่ประตูจะปิดลง ร่างโปร่งก็ตวัดสายตากลับไปมองยังร่างบางที่นอนอยู่บนเตียง


“ขอบคุณนะแบมแบม” เจ้าของชื่อเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงไม่เข้าใจ ก่อนที่สีหน้าฉงนนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นเรียบตึงเมื่อได้ยินประโยคต่อมา


“ที่ทำให้ฉันรู้ว่า ความรักชนะไม่ได้ทุกสิ่ง โดยเฉพาะความเกลียดชัง”แล้วประตูก็ปิดลง



               เสียงประตูปิดลงไปได้สักพักแล้ว แต่ถ้อยคำที่จินยองได้พูดไว้กลับยังคงดังชัดเจนในโสตประสาท เนื้อความของมันซึมซาบลงไปในจิตใจเสียจนร่างบางต้องกำมือไว้แน่นอย่างข่มอารมณ์



“ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษเพื่อนนายเถอะ”



----------------------------------------------------



“มาร์ค นายเป็นยังไงบ้าง” จินยองถามขึ้นเป็นคนแรกทันทีที่ออกมาจากห้อง ร่างสูงรีบหย่อนตัวลงนั่งกับเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน



“ฉัน  ไม่ เป็นไร”รอยยิ้มฝืนถูกส่งมาให้ราวกับต้องการให้เพื่อนสบายใจ ทว่ามันกลับส่งผลในทางตรงกันข้าม



“เดี๋ยวฉันไปตามหมอให้ ระดับความเร็วฉัน ไม่เกิน1นาทีหมอก็มาแล้ว” แจ็คสันเสนอตัว ทว่ากลับถูกร่างสูงรั้งเอาไว้เสียก่อน


“ไม่ มี ประโยชน์”


“มาร์ค! แต่นายกำลังแย่นะ!” จินยองรีบแย้ง


“ใช่ ฉันก็ยังไม่อยากได้เพื่อนเป็นผีหรอกนะ” บุตรแห่งเฮอร์มีสเองก็เห็นด้วย อี้เอินวาดยิ้มเหนื่อยอ่อนก่อนจะค่อยๆปาดเศษแก้วและคราบเลือดที่ติดอยู่ที่มือออกอย่างช้าๆแล้วเลิกแขนเสื้อขึ้นมาถึงศอก


“มาร์ค…” เกิดความเงียบขึ้นทันทีที่ทุกคนได้เห็นทุกอย่างอย่างถนัดตา เส้นเลือดที่มือและแขนของเพื่อนเขาเป็นสีดำทมิฬ น่าสยดสยองราวกับรากแห่งความตายกำลังแทรกซึมไปทั่วร่างเพื่อนของเขา ดวงตาสั่นระริกของพวกเขามองมาที่เพื่อนอย่างตั้งคำถาม แววตาทั้งสองคู่เต็มไปด้วยความตื่นกลัว


“ฉันไม่ได้ทรมานเพราะแก้วบาด แต่เพราะแผลพวกนี้” ร่างสูงเหลือบมองแจบอม ตอนนี้เขาอธิบายต่อไปไม่ไหวแล้ว


“จำตอนที่มาร์คถูกลงโทษอยู่บนยอดเขานั่นได้มั้ย”


“……….”



“การลงทัณฑ์นั้นซุสสาปให้เขาเกิดแล้วตายเพื่อขึ้นมารับโทษไปตลอดกาล การทำอย่างนั้นทำให้ ณ ขณะที่ได้รับโทษอยู่เขาจะมีสภาพเป็นอมตะ และการหนีออกมาอย่างนี้ ทำให้ร่างกายของเขาได้รับผลกระทบ”



“นายอย่าบอกนะว่า” จินยองถามขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ แจบอมตอบรับความกลัวของเขาด้วยการพยักหน้าอย่างเคร่งเครียด


“นับตั้งแต่วินาทีที่หนีออกมา ร่างกายของเขาจะค่อยๆเน่าเปื่อยลง”



           เกิดความเงียบอันน่าสะพรึงกลัวขึ้นทันทีที่ประโยคนั้นถูกเอ่ยจบ จิตใจและความคิดถูกกระชากให้ดำดิ่งลงหุบเหวที่ลึกที่สุดในจิตใจและเขย่าจนความรู้สึกทุกอย่างแตกกระเจิงจนยากที่จะจำกัดความความรู้สึกตอนนี้ได้ถูก พวกเขาทั้งตกใจ หวาดหวั่น และพรั่นพรึงจนยากที่จะควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นเทา


“ร ร ร เรื่องจริงหรอมาร์ค”จินยองหันไปถามอี้เอิน ร่างสูงได้แต่พยักหน้าตอบช้าๆ


“ทำไม ทำไมนายไม่บอกพวกเราตั้งแต่แรก”


“ถ้าพวกนายรู้ ก็จะเป็นนอย่างนี้ไง พวกตื่นตูม” อี้เอินหัวเราะอย่างเหนื่อยอ่อน จินยองกับแจ็คสันถึงกับน้ำตาซึมกับภาพที่เห็นก่อนที่จะรวบรวมความกล้าเอ่ยถามออกไป


“อีกนานแค่ไหน”  ร่างสูงเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะกลั้นใจตอบออกมาอย่างยากลำบาก


“ไม่เกินเดือนสองเดือนนี้หรอก” เสียงนั้นเอ่ยตอบเบาๆแต่กลับก้องไปทั้งหัวใจคนฟัง….

http://0ctogus.forumth.com

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ