0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

ทะเลมาร์คแบม ตอนที่ึ15

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

0ctogus

0ctogus
Admin

เมื่อสูญเสียไป…สิ่งนั้นจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญ
       



      เคยมีคนว่าไว้อย่างนั้น มนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด เรามักจะไม่เห็นค่าของสิ่งที่มีอยู่ แต่เมื่อวันหนึ่งที่มันสูญหายไป เรากลับตามหามันแทบเป็นแทบตาย เพื่อให้ได้มันคืน…


       เสียงหอบหายใจดังขึ้นเป็นจังหวะถี่ๆ ภายในห้องพักผู้ป่วยสีขาวสะอาดตา ร่างร่างหนึ่งกำลังนอนหอบอยู่บนเตียง เหงื่อกาฬไหลท่วมไปทั่วร่าง คำสาปมรณะค่อยๆกรีดลงในเส้นเลือด วาดลวดลายลามเข้าไปจนถึงอก อี้เอินดิ้นพล่านอย่างทรมาน จิกเล็บขูดผิวหนังจนเลือดซิบ มือปัดป่ายแก้วแตกกระจายเต็มพื้น  รากความเจ็บปวดหยั่งรากลึกจนแทบเกาะยึดไปกับหัวใจของเขา


“อั่ก” ร่างสูงกระอักเลือด โลหิตที่เคยสีแดงฉาน กลับเริ่มดำคล้ำ สองมือพยายามกุมอกไว้แน่น  เศษแก้วที่อยู่เบื้องล่างสะท้อนให้เห็นว่าร่างกายของเขาที่ถูกรากแห่งความเจ็บปวดแผ่ขยายกลืนกินร่างตั้งแต่แขน ขา และเกือบจะถึงลำตัวของเขาแล้ว


“บ้า เอ๊ย” เสียงทุ้มสบถ ก่อนจะร้องออกมาอย่างเจ็บปวดเมื่อเส้นเลือดฝอยในดวงตาแตก โลหิตสีคล้ำไหลหยดออกมาเป็นทาง…


แย่แล้ว…


เขารีบตะเกียกตะกายไปที่ห้องน้ำ เปิดฝักบัวไปจนสุดปล่อยให้สายน้ำเย็นเฉียบชโลมร่างกาย เสียงฉ่าราวกับของร้อนกระทบของเย็นดังขึ้น ควันสีบุหรี่ที่ส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งไปทั่วห้อง  ร่างกายของอี้เอินทรุดฮวบลงกับพื้น เนื้อตัวสั่นระริกจนน่ากลัว


“มาร์ค ฉันซื้อ.......  มาร์ค!! นี่มันเกิดอะไรขึ้น!” เสียงจินยองที่เพิ่งกลับมาจากร้านสะดวกซื้อร้องอย่างตกใจ ไม่คิดว่าเวลาแค่ไม่ถึงชั่วโมงจะเกิดเรื่องร้ายขึ้น


“ฉ ฉ ฉันไม่เป็น ไร”


“เส้นเลือด….กำลังแตก” แจ็คสันพูดอย่างพรั่นพรึง แจบอมเดินเข้ามาย่อตัวนั่งอยู่ข้างๆร่างสูง


“ถ้านายจะไม่บอกแบมก็ไม่เป็นไร แต่เรื่องนี้พ่อนายต้องรู้”เอ่ยบอกพร้อมกับเอื้อมมือแตะกับผิวน้ำ


“ไม่ แจบอม ฉันไม่”


“ถ้าฉันเป็นพ่อ ฉันก็อยากรู้ทุกความเป็นไปของลูก” ฉับพลันนั้นนัยน์ตาคู่คมก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำทะเล ถ้อยคำโทรจิตถูกส่งผ่านทางสายน้ำ ไหลลงไปในท่อระบาย แทรกซึมลงไปในพื้นดิน หยดลงในแม่น้ำสติกซ์ ก่อนที่มันจะล่วงรู้ถึงหูของหนึ่งในสามเทพผู้ยิ่งใหญ่


“น น นายไม่ควรทำ อย่างนั้น”


“หายดีเมื่อไร ฉันจะให้ต่อยคืนก็แล้วกัน” แจบอมบอกเพียงเท่านั้นก่อนจะผละออกเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนบางอย่าง อี้เอินถึงกับหัวเราะขบขัน ประโยคนั้นช่างฟังดูงี่เง่าสิ้นดี เขาไม่มีวันหาย และจะไม่มีทางมีชีวิตอยู่ต่อเกินหนึ่งเดือนนี้!


“ช่างเป็นความคิดที่หดหู่เสียจริง” เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับกลิ่นไอแห่งความตายที่แผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ ร่างของเทพเจ้าผู้ปกครองอาณาจักรแห่งคนตายปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหน้าร่างสูง


“เห็นพ่อแล้วผมมีกำลังใจขึ้นเยอะเลย”อี้เอินแค้นหัวเราะ แจบอมถึงกับกรอกตาไปมา


“เก็บอารมณ์ขันของนายไว้เล่นตอนหายดีเถอะ   ท่านคงจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น พอจะมีวิธีรักษาหรือทำให้มันช้าลงบ้างมั้ยครับ” ประโยคที่สองบุตรแห่งโพไซดอนหันไปถามฮาเดส เทพเจ้ามองลูกชายด้วยแววตาเป็นกังวล


“ถ้าจะให้หายก็ต้องให้ซุสสั่งอภัยโทษ ซึ่ง…ไม่มีทางอยู่แล้ว แต่ถ้าให้ช้าลงก็ต้องพากลับไปยังทาร์ทารัส พลังต้นกำเนิดจะช่วยชะลอได้”


“ผมไม่กลับ”


“เจ้าไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะตัดสินใจอะไรได้อี้เอิน!” ฮาเดสออกคำสั่งอย่างเฉียบขาด


“อู่ยยย พ่อลูกทะเลาะกัน”


“เงียบน่าแจ็คสัน”จินยองถองศอกใส่เพื่อนสนิทตัวล่ำที่พูดจาไม่ดูเวล่ำเวลา


“ผมจะลองหาทางกล่อมให้แบมแบมหายโกรธเขาดู” เจ้าชายแห่งท้องทะเลเอ่ยบอก เทพเจ้าส่ายหน้าช้าๆขณะที่พยุงร่างของลูกชายขึ้นมา


“ไม่มีประโยชน์หรอก เด็กคนนั้นต้องการให้อี้เอินหายไป ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องช่วย  ขอบคุณเจ้าที่แจ้งข่าวข้า เพราะจะหวังให้ลูกแท้ๆบอกกล่าว คงเปล่าประโยชน์”นัยน์ตาคู่ทรงพลังจับจ้องมายังลูกชายที่ยังคงมีท่าทีขัดขืน หากแต่พิษจากคำสาปเล่นงานให้พละกำลังของเขาอ่อนแอลงจนแทบแผลงฤทธิ์อะไรไม่ได้


“แล้วพวกเราจะไปเยี่ยม” แจบอมเป็นตัวแทนพูดขึ้น อี้เอินแค่เหลือบตามอง ก่อนจะกระซิบเสียงแผ่วเบาขณะที่ร่างกายค่อยๆเลือนรางเข้าไปในประตูแห่งเงา


“ดูแลแบมแบมด้วย…” แล้วเพื่อนของเขาก็หายไปพร้อมกับเทพเจ้า…



-------------------------------------



           หลังจากที่แบมแบมแอดมิทมาได้สามวัน ล่าสุดร่างบางก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วเมื่อเช้านี้โดยมีเพื่อนๆของผู้ชายคนที่เขาเกลียดแสนเกลียดมารับ ซึ่งทุกคนลงความเห็นว่าจะไม่ให้แจ็คสันใช้การเดินทางฉับไวพากลับไปที่โรงเรียน เพราะพวกเขายังไม่อยากให้แบมแบมต้องกลับเข้าไปแอดมิทอีกรอบ คราวนี้หนุ่มร่างบึกบึนจึงเลือกใช้วิธีที่กระจอกที่สุดในชีวิต…การขโมยรถ


“นายแน่ใจนะว่าตำรวจจะไม่ตามจับนาย” จินยองถามอย่างไม่ไว้ใจ


“แน่ซะยิ่งกว่าแน่! ระดับฉันทั้งทีต้อง”


“คุณตำรวจครับ ช่วยด้วยครับ รถผมถูกขโมย!” เสียงหนึ่งดังขึ้นแทรก ทุกคนรีบหันขวับไปมอง ชายกลางคนพุงพุ้ยคนหนึ่งกำลังวิ่งเข้าไปร้องเรียนกับตำรวจที่อยู่ในป้อม


“ซวยล่ะ! ทุกคนรีบขึ้นรถเร็ว!” แทบไม่ต้องรอให้จบประโยค ทุกคนก็รีบขึ้นรถก่อนที่บุตรแห่งเฮอร์มีส เทพเจ้าแห่งหัวขโมยจะออกรถด้วยความเร็วสูง  ผู้โดยสารทุกคนพากันหาที่ยึดเกาะ อาหารเช้าที่กินเข้าไปแทบจะถูกขย้อนออกมา ก่อนที่รถจะค่อยๆลดความเร็วลงเมื่ออยู่ในระยะปลอดภัย จินยอง แบมแบม และแม้แต่แจบอมยังถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่รู้ว่าระหว่างเดินทางฉับไวกับนั่งรถที่มีไอ้บ้าหัวขโมยนี่อย่างไหนจะน่ากลัวยิ่งกว่ากัน


“ฮ่าฮ่า สนุกเป็นบ้า ล่าสุดที่ฉันขโมยของแล้วหนีนี่ก็เมื่อสองวันที่แล้วแหนะ”


“ขับรถของนายต่อไปเลย!!” จินยองแหว ทั้งรถหัวเราะอย่างขบขัน แบมแบมกวาดตามองรอยยิ้มของทุกคนด้วยความดีใจ นานมากแล้ว นับตั้งแต่ที่เรื่องร้ายเกิดขึ้นเขาก็ไม่เคยได้มีความสุขร่วมกันกับเพื่อนๆอย่างนี้เลย และถึงแม้ว่าเพื่อนกลุ่มนี้จะเป็นเพื่อนกลุ่มใหม่ แต่ก็ทำให้เขาสนิทใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ นับว่าเป็นโชคดีของผู้ชายคนนั้นที่มีเพื่อนที่ดีอย่างนี้….


ผู้ชายคนนั้น…


จู่ๆคำคำนี้ก็สะกิดใจเขาขึ้นมา ร่างบางหันไปมองรอบๆอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะทันสังเกตว่าในรถไม่มีที่นั่งที่ว่างอยู่เลย แจบอมนั่งอยู่ข้างคนขับ จินยองนั่งอยู่ด้านหลังฝั่งซ้าย เขานั่งอยู่ฝั่งขวา และตรงกลางเป็นที่วางกระเป๋า…


“นี่เขา” แบมแบมเผลอถามออกมาก่อนที่นึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ควรใส่ใจ


“มีอะไรรึเปล่าแบมแบม” แจบอมเอี้ยวหน้ามาถาม ร่างบางส่ายหน้าช้าๆเป็นคำตอบ ก่อนที่จะหันไปสนใจอย่างอื่นแล้วฝังกลบเรื่องที่คลางแคลงไว้ให้ลึกสุดหัวใจ




                 ร่างบางไม่ได้รับอนุญาตให้พักผ่อนร่างกายต่อเท่าไรนัก เพราะทันทีที่มาถึงโรงเรียน คาบวิชาต่อไปของพวกเขาก็เป็นของมิสบลูเทล อาจารย์ที่ทุกคนขนานนามว่า ‘บูลเทิ้ล’ที่แปลว่าโหดร้าย เธอมักจะมาพร้อมกับเสียงส้นสูงกระทบพื้น เมื่อไรก็ตามที่เสียงนั้นดังขึ้น นักเรียนทุกคนก็จะรีบวิ่งกลับไปนั่งที่ของตัวเองให้เรียบร้อยเหมือนอย่างที่พวกเขากำลังทำอยู่ตอนนี้


“สวัสดีนักเรียน” เสียงทุ้มต่ำที่ฟังยังไงก็ดูไม่เหมาะกับผู้หญิงเลยสักนิดดังขึ้น ทุกคนตอบกลับไปเป็นมารยาทก่อนจะหยิบรายงานที่เธอสั่งเอาไว้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วขึ้นมา ร่างบางมองหน้าปกที่เขียนชื่อของเขาเพียงคนเดียวอย่างชั่งใจ เขาควรจะเขียนชื่อคนคนนั้นเพิ่มเข้าไปรึเปล่า ถ้าเขาไม่ทำ ผู้ชายคนนั้นก็จะถูกอาจารย์ตีความว่าไม่ช่วยงานทันที


“เห้อ” เสียงถอนหายใจดังขึ้นก่อนที่แบมแบมจะตัดสินใจเอี้ยวตัวไปด้านหลัง


“ฝากนี่ให้เพื่อนข้างๆนายเขียนชื่อหน่อย”


“เพื่อนข้างๆ?”คนถูกไหว้วานเงยหน้าขึ้นมาถามด้วยสีหน้าฉงน


“ก็ใช่น่ะสิ ฝากเอาไปให้เขาหน่อย” แทนที่อีกฝ่ายจะตอบรับ เด็กผู้ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับเขากำลังเล่นมุกตลกก่อนที่จะตอบกลับมา



“นี่ตลกแล้ว ฉันนั่งคนเดียวมาทั้งเทอมแล้วนะ นายจะให้ฉันไปนั่งกับใคร ห้องเรามี49คนนะ”  


            ร่างบางนิ่งเงียบ ความสับสนและตกใจสั่นคลอนความรู้สึก ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปที่ที่ควรจะมีที่นั่งของร่างสูงอยู่ แต่มันกลับว่างเปล่า ซ้ำป้ายหน้าห้องที่เวรประจำวันจะต้องเป็นคนเขียนว่าวันนี้นักเรียนในห้องมากี่คนก็ปรากฏเลขสี่สิบเก้า และคำว่าครบเขียนต่อท้าย


นี่มัน…


“ปีนี้”


“…..”


“ใครได้เป็นประธานนักเรียนน่ะ” เขาเอ่ยถามเพื่อย้ำให้แน่ใจอีกครั้ง


“นายนี่เป็นไข้เลือดออกหรือล้มหัวฟาดความจำเสื่อมกันแน่เนี่ย ก็แจบอมไง เขาอยู่กลุ่มเดียวกับนายนะ”      

แจบอม???


ร่างบางหันไปมองเพื่อนร่างสูงที่นั่งเยื้องกับเขาไปอีกสองแถว ดวงตาคู่คมมองสบกับเขาพอดีขณะที่อาจารย์กำลังเรียกให้ประธานนักเรียนออกไปเขียนงานหน้าห้อง


“แล้ววันนี้มาร์คไปไหนล่ะ”เพื่อนคนเดิมถามขึ้น แบมแบมสับสนจนตอบอะไรไม่ถูก  คนคนนั้นก็ยังมีตัวตนสำหรับคนอื่นอยู่ แต่มนตร์บังตากลับผิดเพี้ยน การจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ มีแค่สาเหตุเดียวเท่านั้น…


คนคนนั้นกำลังจะ


ไม่! คนคนนั้นจะเป็นยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องของเขา เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจ


“ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้สนใจ” เอ่ยตอบไปแบบนั้นก่อนจะหันกลับไปสนใจเรียนต่อ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า นั่นคือสัญญาณเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่…




                     เกือบสองอาทิตย์แล้วที่ทุกอย่างแปลกไป  ไม่มีแม้กระทั่งเงาของผู้ชายคนนั้น และแม้เขาจะพยายามไม่ใส่ใจเพียงใด แต่ทุกอย่างก็ดูผิดปกติไปเสียหมด



ที่นั่งที่กลุ่มของแจบอมมักจะเว้นไว้เสมอกลับไม่มี
จานข้าวที่มักจะเกินมาบนโต๊ะอยู่ทุกมื้อกลับหายไป
เรื่องราวของคนคนนั้นดูค่อยๆเลือนหายไปจากความทรงจำของเพื่อนคนอื่นๆในห้อง ราวกับว่าตัวตนของผู้ชายคนนั้นกำลังจะหายไปจากโลกนี้…



“แบมแบม ได้ยินที่ฉันพูดมั้ย”จินยองโบกมือตรงหน้าไปมา ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะกระพริบตาถี่ๆ


“เมื่อกี้นายพูดอะไรหรอ”


“เป็นอะไรรึเปล่า เดี๋ยวนี้นายดูเหม่อๆนะ”


“นั่นน่ะสิ หรือว่านายย”


“……”


“เห็นผีหรอ!?”


“เลอะเทอะน่า! กินข้าว กิน”


“นายมีอะไรจะถามหรอ”เป็นแจบอมที่พูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ แบมแบมช้อนตาขึ้นมาอย่างไม่มั่นใจนักก่อนจะกระพริบตาถี่ๆไล่ความรู้สึกสับสนที่ก่อตัวขึ้นในจิตใจ

“ปะ ปะ เปล่านี่” ร่างบางตอบก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ จินยอง แจบอม และแจ็คสันหันมาสบตากันก่อนที่จะเป็นบุตรแห่งโพไซดอนที่พูดขึ้น


“เรื่องมาร์คใช่มั้ย” ราวกับถูกหยุดด้วยคำพูด แบมแบมชะงัก ช้อนที่กำลังตักข้าวถูกถือค้างไว้ ดวงตาหลุกหลิกไปมา ก่อนที่ร่างบางจะสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ พร้อมกับวางช้อนส้อมลงแล้วเงยหน้าขึ้นสบตา


“เขา  คงหมดความอดทนไปแล้วสินะ” เสียงหวานดังขึ้นเอ่ยถาม ทั้งสามคนที่เหลือหันมามองสบตากันอย่างปรึกษา พวกเขาไม่รู้ว่าควรบอกความจริงมากแค่ไหน แล้วก็ไม่รู้ว่าพูดไปแล้วจะมีประโยชน์รึเปล่า


“เขาไม่ได้หมดความอดทน แต่แค่.....อยากพักเท่านั้นเอง”


“อยากพัก?” เท่าที่เขาเห็น มันไม่น่าจะแค่อยากพักแน่ๆ ทุกอย่างมันผิดเพี้ยนไปหมด ถ้าแค่พัก ไม่น่าจะส่งผลต่อมนตร์บังตาแน่


“ถ้าแค่พัก แล้วทำไม” ร่างบางอึกอัก จิตใจกำลังโต้แย้งกันเอง เขาไม่ควรจะใส่ใจ แต่อีกใจกลับอยากรู้ความจริง


“แจบอม ฉันว่าบอกความจริงไปเถอะ” แจ็คสันพูดขึ้นอย่างเหลืออด เขาไม่เข้าใจว่าทำไมแบมแบมจะต้องไม่รู้เรื่องนี้ด้วย


                   เกิดความเงียบขึ้นชั่วครู่หนึ่ง เพื่อนสนิททั้งสามชั่งใจว่าควรจะพูดหรือไม่ ในขณะที่ร่างบางเองก็เริ่มสับสน ในจิตใจรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล


“พวกนายมีเรื่องอะไรกัน”


“คือว่า”


“โอ๊ะโอ่ ดูสิ่ เราเจอใคร” จู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น แขกผู้ไม่ได้รับเชิญที่แบมแบมมั่นใจว่าไม่รู้จักเขา ผู้หญิงหน้าตาสละสวยที่เขาจำได้ว่าเป็นอาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์เดินเข้ามาใกล้ นัยน์ตาคู่นั้นจับจ้องแฝงมาด้วยเจตนาร้าย


“ขอนั่งด้วยคนสิ  โอ๊ะ! วันนี้องครักษ์ไม่อยู่ซะด้วย อย่างนี้ก็ดีเลยสิ”


“แกเป็นใคร!” แบมแบมกัดฟันกรอด ขยับตัวถอยห่างตามสัญชาตญาณ นี่ต้องไม่ใช่อาจารย์ของเขาแน่


“แหม่ น่าเสียใจจังที่เธอจำฉันไม่ได้” มือเรียวเชยคางอีกฝ่ายให้สบตาก่อนที่ใบหน้าของอาจารย์จะเปลี่ยนเป็นเทพเจ้าที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุด


“เฮรา…” เฮรา เทพีแห่งการครองเรือน ชายาของซุส ขึ้นชื่อเรื่องความหึงหวงที่มักชอบตามรังควานภรรยาน้อยและลูกของซุส


“จำข้าได้แล้วสินะ บุตรแห่งซุส ลูกนางชู้”


“ท่านมีธุระอะไรกับเพื่อนของเรา”จินยองแทรกกลางบทสนทนา ดวงตาคู่สวยจ้องมองมาอย่างแข็งกร้าว แจ็คสันและแจบอมอยู่ในท่าเตรียมพร้อมเข้าโจมตี


“ หึ พวกแมงเม่า” เทพีแสยะยิ้ม มือเรียวสะบัดเบาๆ ทว่ากลับก่อเกิดแรงลมมหาศาลพัดให้พวกเขากระเด็นไปกระแทกกับกำแพงอย่างแรงก่อนจะจับตึงไว้อย่างนั้น แบมแบมเรียกกระแสไฟฟ้าออกมาเตรียมจะฟาดฟันใส่แต่กลับถูกเทพีจับตรึงไว้กับกำแพงเช่นเดียวกับทุกคน


“นานมากแล้วที่ข้ารอโอกาสกำจัดเจ้า ใช้วิธีสารพัดในการยืมมือคนอื่นเข้าช่วย  แต่เจ้ากลับรอดไปได้ทุกครั้ง” เสียงไพเราะอันทรงพลังกระซิบอยู่ข้างหู ปลายนิ้วที่สวมแหวนที่บางส่วนของมันยื่นออกมาเป็นปลายแหลมค่อยๆลูบไล้ลำคอของเขาช้าๆ ร่างบางกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก


“ข้าจะบอกอะไรให้นะแบมแบม เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้น่ะ ข้าเป็นคนทำมันเอง ข้าเป็นคนจัดฉากเอง!!”


“ม ม หมายความว่ายังไง อั่ก!”ร่างบางถูกจับกระแทกผนังอีกครั้ง


“ข้านี่ล่ะ! ข้านี่ล่ะที่เป็นคนบิดเบือนคำทำนายของเดลฟี!!”ความแตกตื่นเข้าเขย่าความรู้ทุกคนให้หยุดนิ่ง


“เจ้าคิดว่าจู่ๆเดลฟีจะมาพยากรณ์อะไรที่ไม่มีผลต่อมวลชนรวมของสวรรค์งั้นหรอ หึ! ข้าจะบอกให้เอาบุญนะ กันต์พิมุกต์ แต่เดิมน่ะมันไม่มีอะไรเลย ข้าแค่ต้องการให้ซุสสร้างความแค้นให้กับใครสักคนที่มากจนสามารถไล่ฆ่าเจ้าได้โดยไม่ลังเล และคนคนนั้นก็ควรจะเป็นอี้เอิน บุตรแห่งฮาเดส”


“ท ท ท่าน…”


“ใครที่จะดีไปกว่าเขา เด็กผู้ชายผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ยามแค้นมักจะโหดเหี้ยมผิดมนุษย์มนา แล้วข้าก็คิดถูก!” เทพีบีบกรามของเขาจนเจ็บปวด


“อี้เอินตามไล่ล่าเจ้าราวกับสุนัขล่าเนื้อ  ข้าคิดว่าจะยืมมือเขาได้ แต่สุดท้ายเขาก็พลาดท่าให้กับความรักโง่ๆ!!”


“อั่ก!” แบมแบมโดนกระแทกกับกำแพงอีกครั้งจนกระอักเลือด  บรรดาเหล่าเพื่อนๆพยายามจะดิ้นลนเข้าช่วย แต่กลับไร้ประโยชน์ “ท่านมันบ้า ท่านมัน”



         เฮราจับตรึงพวกแจบอมเอาไว้แน่นขึ้นจนไม่สามารถแม้แต่จะขยับปากได้ ก่อนจะค่อยๆใช้แหวนปลายคมกดไปตามลำคอร่างบางจนห้อเลือดพร้อมกับเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้


“แต่วันนี้ข้าจะเป็นคนทำมันเอง ข้าจะเป็นคนกระชากลมหายใจของเจ้าเอง!” เทพีตวัดแหวนปลายคมใส่อย่างแรงพร้อมกับกระชากอีกฝ่ายทิ้งลงกับพื้น แบมแบมร้องอย่างทรมาน เลือดสีสดไหลท่วมเสื้อนักเรียน


“มีอะไรจะสั่งเสียมั้ยเจ้าลูกชู้” เฮราบีบคอร่างบางพร้อมกับยกขึ้นสูงจนเท้าไม่ติดพื้น แบมแบมดิ้นพล่าน ปากพยายามพะงาบหาอากาศ ความเจ็บจากปากแผลวิ่งพล่านไปทั่วร่าง


“ไปตายซะ!!” ร่างบางอาศัยช่วงจังหวะเผลอ สองมือจับแขนอีกฝ่ายไว้ก่อนจะปล่อยกระแสไฟฟ้าหลายโวลต์เข้าช็อต เทพีกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเผลอปล่อยร่างอีกฝ่ายตกลงพื้น ร่างบางรีบตะเกียกตะกายเข้าไปช่วยเพื่อน


“ข้าไม่มีวันยอมแพ้เจ้า ข้าไม่มีวันยอมแพ้เจ้า”พูดพร้อมกับกระชากข้อเท้าให้แบมแบมล้มฟาดลงกับพื้น ศีรษะกระแทกอย่างจัง อาการวิงเวียนหมุนติ้วไปทั่วหัว


“ในเมื่อเจ้าฤทธิ์เยอะนักข้าก็จะให้เจ้าตายอย่างทรมานที่สุด!” ดาบที่ถูกเรียกออกมาจากความว่างเปล่าปรากฏอยู่ในมือของเฮรา คมดาบแวบวับต้องแสง เทพีเงื้อขึ้นสูงเตรียมฟาดฟัน ร่างบางเห็นเสี้ยววินาทีสุดท้ายของตนที่กำลังจะมาถึง


‘ช่วยด้วย’


ฉึก!!


เสียงคมดาบแทงดังขึ้น แบมแบมกลั้นหายใจจนหัวใจแทบหยุดเต้น ทว่ากลับไร้ซึ่งความเจ็บปวด เขาแทบไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ ในทางตรงกันข้ามเขากลับเห็นคมดาบค้างอยู่กลางอากาศ ห่างจากเขาไปเพียงไม่กี่ฟุต


“ต้วนอี้เอิน!” เฮราคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว หัวใจของแบมแบมกระตุกวูบ เขามองไม่เห็น เขามองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บหรือไม่


“นาย นาย เป็นอะไรรึเปล่า” เอ่ยถามไปอย่างไม่มั่นใจนัก ทว่ากลับไร้เสียงตอบรับ
เพราะพันธะที่ตัวเองได้พันธนาการไว้ หากแต่ในสายตาของจินยอง แจ็คสันและแจบอมกลับเห็นคมดาบแทงรอดที่อกของเพื่อน


“ฉัน   ไม่เป็น  ไร” เสียงทุ้มดังขึ้นอย่างอ่อนแรง




             ขณะที่ร่างสูงนอนอยู่ในโรงเหล็กสไตเจียนที่เย็นเฉียบ ร่างกายเน่าเปื่อยจนเกือบถึงหัวใจ เส้นเลือดในกายเริ่มแตก ทว่ามันอาจเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติที่ช่วงเวลาสุดท้ายจิตของเขาผูกติดอยู่กับแบมแบม เขาถึงได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ



“ออกไปซะ! เจ้าคนไร้ประโยชน์!!” เฮราตวาดพร้อมกับกระชากร่างของอี้เอินให้พ้นทาง ดาบในมือถูกเงื้อขึ้นแล้วฟาดฟันใส่แบมอีกครั้ง
       

      คมดาบค้างอยู่กลางอากาศอีกครั้ง อี้เอินถลาเข้ามากอดร่างอีกฝ่ายไว้ ปลายดาบแทงที่ท้องของเขาก่อนจะถูกดึงออกไป เลือดไหลทะลักออกมามหาศาล  ตอนนี้เขาไม่มีแรงแม้แต่จะเรียกภูตผี วิธีเดียวที่จะปกป้องอีกฝ่ายไว้ได้คือการรับดาบแทน…



“อยากตายด้วยอีกคนใช่ไหม! ได้! ข้าจะสงเคราะห์ให้เจ้า!”  สิ้นเสียงนั้นเทพีก็จ้วงแทงเข้ามาอีกหลายครั้ง อี้เอินกอดร่างอีกฝ่ายแน่นขึ้น กลัวว่าโล่มนุษย์นี้จะปกป้องร่างบางเอาไว้ไม่ได้ โดยไม่สนใจร่างกายที่ถูกแทงจนเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วกำแพงเลยสักนิด



         จินยอง แจ็คสันและแจบอมได้แต่หลับตาร่ำไห้  ไม่อาจทนเห็นภาพวาระสุดท้ายของเพื่อน โดยที่พวกเขาไม่แม้แต่จะยื่นมือช่วยได้ เลือดของอี้เอินยังคงสาดกระเซ็นมาโดนพวกเขา หากแต่ใบหน้าของเพื่อนของเขากลับไร้ซึ่งความเจ็บปวด อี้เอินแค่ทอดสายตามองแบมแบมอย่างห่วงใย รอยยิ้มบางๆถูกวาดขึ้นที่กลีบปาก ฝ่ามือที่โชกไปด้วยเลือดค่อยๆลูบไล้แก้มเนียนอย่างทะนุถนอม


“ไม่  เป็น ไร ใช่มั้ย” ถามทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่มีวันได้ยิน ในความคิดของแบมแบม ร่างบางกำลังคิดว่าอี้เอินกำลังต่อสู้อยู่ คิดว่าผู้ชายที่เก่งกาจคนนั้นจะไม่มีวันแพ้ คงเรียกปีศาจที่เขามองไม่เห็นออกมาฟาดฟัน โดยที่ไม่รู้เลยว่า….วินาทีสุดท้ายของอีกฝ่ายกำลังจะมาถึงแล้ว


“ฉ ฉ ฉัน …”


“……….”


“ขอ…โทษ”


ฉึก!

คมดาบแทงตัดทะลุขั้วหัวใจ ร่างของอี้เอินทรุดลงกับพื้น พลังเฮือกสุดท้ายแตกซ่าน เมือกสีดำทมิฬหลอมตัวขึ้นเป็นรูปร่างคน  ใช้ดาบแทงอกของเฮราจนอิคอร์สีทองหลั่งริน เทพีกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด


“แก!!!” เธอคำราม เงื้อมือขึ้นหมายจะสู้ต่อ ทว่าร่างกายกลับบาดเจ็บเกินกว่าจะสู้ไหว


“ครั้งนี้ถือว่าแกยังโชคดี ฉัน   ฉันจะกลับมาเอาชีวิตแกอีก ฉันจะกลับมา!!” แล้วเธอก็หายไปจากตรงนั้น จินยอง แจ็คสันและแจบอมรีบถลาเข้ามาหาเพื่อน


“มาร์ค!!!” บุตรแห่งอะโฟรไดธ์ประคองเพื่อนเอาไว้บนตัก


“ฟื้นสิ ฟื้น! ฟื้น ตื่นเดี๋ยวนี้นะมาร์ค!” เขาออกคำสั่งทั้งน้ำตา พยายามใช้อำนาจวาจาสิทธิ์แต่กลับไร้ผล…


“ไม่เอาน่า ไหนนายสัญญาว่าจะพาฉันลงไปเที่ยวในนรกไง มาร์ค” แม้แต่แจ็คสันก็ยังร้องไห้ แบมแบมมองทุกคนอย่างสับสน


“ก ก ก เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอ” เอ่ยถามอย่างสับสน หากแต่ประโยคนั้นกลับยิ่งสั่นคลอนทำนบน้ำตาของเหล่าเพื่อนทั้งสามให้พังทลาย…


อี้เอินปกป้องอีกฝ่ายแทบตาย


แต่อีกฝ่ายกลับไม่รับรู้เลย


“เขา…” แจบอมเป็นคนเอ่ยตอบแทนเพื่อนที่เหลือ ดวงตาที่มักจะเยือกเย็นอยู่เสมอกลับจ้องมองมาที่ร่างบางอย่างสั่นระริก


“…………”


“เขา  ตายแล้ว แบม” แม้เสียงนั้นจะสั่นจนแทบจับใจความไม่ได้ แต่ประโยคนั้นก็ยังคงดังก้องอยู่โสตประสาทของเขา…


อี้  เอิน

ต ต ตายแล้ว??

http://0ctogus.forumth.com

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ