0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

Doctor Part1

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

1Doctor Part1 Empty Doctor Part1 Sun Jul 03, 2016 9:08 pm

0ctogus

0ctogus
Admin

“ขณะนี้เครื่องบินกำลังจะลงจอด ขอให้ผู้โดยสารทุกท่านนั่งอยู่กับที่และคาดเข็มขัดให้เรียบร้อย” เสียงนักบินประกาศกับลูกเรือดังไปทั่วเครื่องบินโบอิ้งเจ็ดศูนย์เจ็ดของสายการบินระดับโลกสายการบินหนึ่ง เหล่าผู้โดยสารทำตามที่นักบินบอกด้วยอารมณ์ที่ต่างกันออกไป บ้างกระวีกระวาดตื่นเต้น บ้างเฉยชาราวกับได้ยินประโยคนั้นมาเป็นพันครั้งแล้ว บ้างแทบไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดนั้นจนกระทั่งที่แอร์โฮสเตสเข้ามาเตือนขึ้นอีกครั้ง



      ชายร่างสูงคนหนึ่งเหลือบมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจนักก่อนจะผินหน้ากลับไปมองวิวด้านนอก ปุยเมฆสีขาวพัดผ่าน  พื้นดินที่เขาจากไปกว่าสิบปีรออยู่เบื้องล่าง หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นระส่ำ ความตื่นเต้นเข้ามาทักทาย จินตนาการเริ่มโลดแล่น เกาหลีใต้ในวันนี้จะต่างจากเมื่อสิบปีอย่างไรบ้าง และคำถามอีกมากมายในหัว แต่โดยรวมแล้วมันถูกกลั่นกรองออกมาได้เป็นความ ‘คิดถึง’



      นักบินลงจอดเรียบร้อย ชายหนุ่มก้าวออกจากเครื่องบินเป็นคนแรกๆ หยิบมือถือขึ้นมาตรวจดูเป็นสิ่งแรกหลังจากที่จัดการเรื่องสัมภาระเรียบร้อยแล้ว ข้อความจากแอปพลิเคชั่นแชทยอดฮิตถูกเปิดอ่าน ก่อนที่เขาจะกวาดตามองหาป้ายที่เขียนว่า ‘มาร์ค ต้วน’ ตามที่บุคคลในแชทบอกกล่าว เพียงแค่ปาดตาเดียวก็พบชายร่างสูงพอๆกันกับเขาคนหนึ่งกำลังยืนถือป้ายที่มีลายมือหวัดๆเขียนเอาไว้อยู่



“สวัสดีครับ คุณคงเป็นคนที่มารับผมใช่มั้ย” เสียงทุ้มกล่าวทักทายอย่างเป็นมิตร ชายคนนั้นหันมามองอย่างตกใจก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง



“โอ้! คุณคงเป็นคุณต้วน สวัสดีครับ ผมชเวยองแจ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” โค้งคำนับทักทายก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินฝ่าฝูงชนที่คราคร่ำพร้อมกับชวนคุยกันเป็นระยะๆเพื่อไม่ให้บรรยากาศอึดอัดจนเกินไป พวกเขาชวนคุยกันด้วยหัวข้อง่ายๆ อายุเท่าไร สภาพอากาศวันนี้ ตลอดจนบ่นเรื่องที่เครื่องบินดีเลย์ไปสามสิบนาที และบทสนทนาเหล่านั้นก็คงจะราบรื่นต่อไปเรื่อยๆจนถึงลานจอดรถ ถ้าเพียงแต่ไม่มีเสียงอะไรบางอย่างแตกพร้อมกับเสียงคนหวีดร้อง


“อิลโฮ! อิลโฮลูกแม่!! ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที!” หญิงกลางคนคนหนึ่งหวีดร้อง ร่างสูงรีบวิ่งฝ่าฝูงชนที่เริ่มมุงดูเข้าไป เด็กน้อยวัยสิบขวบคนหนึ่งกำลังนอนจมกองเลือด รอบตัวเขามีเศษกระจกกระจายอยู่เต็มไปหมด โชคร้ายที่ที่คอของเขาถูกบาดด้วย ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งเข้ามาเพื่อช่วยห้ามเลือด


“โชคดีที่กระจกไม่ตัดโดนหลอดเลือด เราจะต้องห้ามเลือดให้เขา”


“ไม่ คุณทำแบบนั้นไม่ได้ ถ้าคุณกดแรงเกินไปจะกดทับทางเดินหายใจของเด็กได้” มาร์ครีบพุ่งเข้าไปห้าม เลื่อนผ้าเช็ดหน้าที่ใช้ซับเลือดให้เด็กขึ้นมาเหนือบริเวณปากแผลเล็กน้อย “คุณควรกดเหนือขึ้นมาหน่อย รบกวนช่วยกดตรงนี้แทนผมที”



        ร่างสูงเลื่อนใช้นิ้วแกร่งเลื่อนจับชีพจรที่คอของเด็ก ก่อนจะเชยคางเด็กขึ้นพร้อมกับผายปอด ดวงตาคู่คมจับจ้องบริเวณหน้าอกของเด็กที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการผายปอดก่อนจะจับชีพจรอีกครั้ง ปอดข้างขวาของเด็กไม่มีการตอบสนอง เป็นไปได้มากว่าอาจเกิดลมขังในช่วงเยื่อหุ้มปอด มาร์ครีบถอดเสื้อของเด็กเพื่อดูแผล เศษกระจกชิ้นใหญ่ปักอยู่ที่ท้องในตำแหน่งของตับ จากอาการบาดเจ็บอย่างนี้อาจส่งผลอันตรายต่อปอดและตับได้ เขาต้องรีบปฐมพยาบาลให้เร็วที่สุด


“ช่วยเป่าปากเด็กทุกๆสามวินาทีแล้วสังเกตุดูการเคลื่อนไหวของหน้าอกด้วยนะครับ มีใครพอรู้บ้างว่าร้านขายยาที่ใกล้ที่สุดอยู่ไหน  ” เสียงทุ้มบอกกับชายอีกคนหนึ่งที่กดห้ามเลือดเด็กอยู่ ก่อนจะถามคนที่มุงดูอยู่อย่างรีบเร่ง เจ้าหน้าที่ที่เข้ามาช่วยรีบเอ่ยบอกก่อนที่ร่างสูงจะรีบไปที่นั่น




           ยามากมายสามารถหาซื้อได้จากที่ร้าน ทว่ามีเพียงอย่างเดียวที่หาซื้อไม่ได้ และมันมีความสำคัญที่สุด…



“เราไม่มีมีดผ่าตัดหรือว่าท่อเลยค่ะ” เภสัชสาวเอ่ยบอกอย่างเป็นกังวล ดวงตาคู่คมกวาดตามองหาสิ่งอื่นที่ทดแทนได้


“ผมขอซื้อไอ้นี่แทน” คัตเตอร์และปากกาด้ามหนึ่งถูกหยิบมาวางที่เค้าเตอร์ ก่อนที่เขาจะรีบร้อนออกไปจากร้าน




           ปากกาถูกถอดออกจนเหลือแต่ปลอก น้ำยาฆ่าเชื้อถูกราดลงไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มีดคัตเตอร์จะกรีดลงที่เหนือแผลขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เลือดสีสดไหลออกมา หญิงผู้เป็นแม่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง



“คุณจะทำอะไรหรอคะ”


“ผมเจาะรูปอดที่มีลมคั่งอยู่ มันจะช่วยให้เจ้าหนูคนนี้หายใจได้สะดวกขึ้น” สิ้นเสียงนั้นเด็กชายตัวน้อยก็กลับมาหายใจได้ พร้อมกับที่เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลสนามบินรีบวิ่งหามเปลเข้ามา


“ผมขอท่อช่วยหายใจให้เด็กด้วย” เจ้าหน้าที่รีบส่งอุปกรณ์ให้ มาร์ครีบสอดท่อช่วยหายใจให้กับเด็กน้อย ตาคมสังเกตุความผิดปกติที่บริเวณท้อง ฝ่ามือแกร่งวางทาบเพื่อตรวจอาการ บริเวณท้องของเด็กมีอาการบวม เกิดจากการมีเลือดคั่งในช่องท้อง ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ดีแน่ เด็กอาจเสียชีวิตได้ เขาต้องรีบหาเส้นเลือดโดยเร็ว


        มาร์ครีบพลิกจับแขนขาของเด็กเพื่อหาเส้นเลือด ทว่าอาการเสียเลือดมากทำให้หลอดเลือดหดตัว ทำให้หาเส้นเลือดยาก เขาจำเป็นต้องฉีดน้ำเกลือเข้าไขกระดูก


“เอาน้ำเกลือให้ผมด้วย! คุณมีเข็มIOรึเปล่า”


“เอ่อ…..ทำยังไงดีครับ เรา…ไม่มีเลย”


บ้าจริง…


ร่างสูงสบถในใจ ถ้าอย่างนั้นก็คงหนีไม่พ้นวิธีนั้นสินะ…


“เราต้องทำการผ่าตัดไอเจ คัทดาวน์กันที่นี่ มันคือการผ่าตัดเส้นเลือดที่คอ คุณจะต้องเชื่อใจผม”


“ช่วยลูกของฉันด้วยนะคะ ช่วยลูกของฉันด้วย” เธออ้อนวอน ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะเริ่มลงมือ



             น้ำยาฆ่าเชื้อถูกราดที่บริเวณลำคอ มีดคัตเตอร์จรดลงเนื้ออย่างระมัดระวัง เข็มน้ำเกลือถูกสอดเข้าไปก่อนที่ร่างสูงจะสั่งให้เจ้าหน้าที่รีบบีบไหลเข้าเส้นเลือดเด็กเร็วขึ้น นิ้วแกร่งเลื่อนตรวจชีพจรอีกครั้ง


“ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้วนะ อิลโฮ ไม่ต้องห่วงแล้ว” เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างยินดี แม่ของเด็กน้อยถึงกับหลั่งน้ำตา เอื้อมมือลูบผมลูกอย่างปลอบประโลม


“รีบพาตัวเขาส่งโรงพยาบาลเร็วครับ” เอ่ยบอกก่อนที่เจ้าหน้าที่จะรีบเข้ามาหามตัวเด็กออกไปจากบริเวณที่เกิดเหตุ


“เดี๋ยวนะคะ คุณหมอชื่ออะไรหรอคะ อย่างน้อยฉันอยากให้ลูกรู้ชื่อคนที่ช่วยชีวิตเขา” แม่ของเด็กหันกลับมาถาม มาร์คระบายยิ้มอย่างสุภาพก่อนจะเอ่ยตอบ


“อี๋เอิน ต้วนอี๋เอินครับ ขอบคุณที่คุณเชื่อใจหมอตัวเล็กๆอย่างผมให้ผ่าตัด ขอให้เขาหายไวๆ”







“คุณพูดได้ยังไงกันว่าคุณเป็นหมอตัวเล็กๆ คุณมาร์ค” ยองแจที่กำลังขับรถพาชายหนุ่มไปยังโรงพยาบาลเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ มาร์คหัวเราะอย่างขบขันก่อนจะละหน้าขึ้นมาจากหน้าจอมือถือ ดูเหมือนว่าการช่วยเด็กของเขาครั้งนี้จะแพร่สพัดไปทั่วโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คแล้ว


“ก็ฉันมันคุณหมอต๊อกต๋อย”


“ต้วนอี๋เอิน! ศัลยแพทย์มือหนึ่งที่จบเกรดนิยมจากcambridgeเนี่ยนะครับ!!” เกิดเสียงหัวเราะในห้องโดยสารทันทีที่สารถีพูดจบ มาร์คถึงขั้นหันไปสบตากับอีกฝ่าย


“ใช่น่ะสิ เพราะสำหรับผอ.จองชีซุกฉันเป็นแค่หมอคนหนึ่งที่จะทำเงินและชื่อเสียงให้โรงพยาบาลของเขาได้มากขึ้น” เอ่ยบอกขณะที่รถเข้ามาจอดเทียบท่าประตูโรงพยาบาลอิลฮา โรงพยาบาลที่มีการแพทย์ชั้นนำที่สุดในเกาหลี    ร่างสูงเปิดประตูก้าวออกไปจากรถด้วยท่าทางสบายๆ ทิ้งให้ยองแจครุ่นคิดอยู่กับสิ่งที่พูดไว้…


             จริงอย่างที่อี๋เอินว่า  เจ้านายของเขา ผอ.ชีซุก จ้างศัลยแพทย์คนนั้นมาเพื่อต้องการรายได้และชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่สองปีมานี้ถูกโรงพยาบาลคู่แข่งขึ้นมาเทียบชั้น ร่างสูงที่กำลังเดินเข้าไปในโรงพยาบาลคนนั้นเป็นแค่หมากตัวหนึ่งทางธุรกิจเท่านั้น



“น่าอึดอัดแทนคุณจริงๆ คุณมาร์ค”




                 บ่ายของวันนั้นแผนทางธุรกิจของชีซุกก็เริ่มต้นขึ้น มาร์คถูกแนะนำกับบรรดาบอร์ดบริหารทั้งที่เป็นแพทย์และไม่ใช่ บรรยากาศดูเป็นกันเอง แต่ก็ชวนน่าอึดอัดเสียจนร่างสูงภาวนาให้ถึงตอนจบไวๆ เขายอมเจอเคสผ่าตัดยากๆสองเคสติดดีกว่ามาเจอพวกมนุษย์ลุงปั้นหน้าพวกนี้ ก่อนที่ฝันร้ายของเขาจะจบเมื่อชีซุกพามาแนะนำกับทีมแพทย์ในแผนกที่เขาจะต้องร่วมงานด้วยนับแต่นี้ไป


“นี่อิลซีโมเป็นหัวหน้าของที่นี่  เขาเป็นคนใจดี คุณน่าจะเข้ากับเขาได้ง่าย” ชีซุกเอ่ยบอกขณะที่พวกเขาอยู่ในห้องของซีโม นายแพทย์คนอื่นๆในแผนกที่ถูกเรียกตัวมาต่างมองมาที่เขาอย่างสนใจ


“แน่นอนครับ ขอบคุณที่ท่านเลือกผมมาที่นี่ ”


“หวังว่าคุณจะมีความสุขกับที่นี่นะ”


“แน่นอนครับ ขอบคุณที่ท่าน”


“คุณพ่อครับ!” เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมประตูที่ถูกเปิดออกโดยไร้การขออนุญาต เด็กผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่งเข้ามาด้วยสีหน้าเหนื่อยหอบ


“เรื่องเมื่อเช้าหมายความว่ายังไง!”


“ใครสั่งให้ลูกเข้ามาโดยไม่เคาะประตูแบบนี้! ออกไปก่อน”


“แต่ผม”


“แบมแบม!”


“ไม่เป็นไรหรอกครับ เขาคงมีเรื่องสำคัญมากจริงๆ แล้วธุระของเราเองก็เสร็จแล้วด้วย” มาร์คหันไปยิ้มให้กับร่างเล็ก เด็กหนุ่มส่งรอยยิ้มบางๆเป็นเชิงขอบคุณก่อนที่ผอ.จะพาตัวลูกชายออกไปท่ามกลางสายตาของทุกคนที่อยู่ในห้อง


“พนันเลยว่าคราวนี้คุณแบมแบมจะถูกห้ามไม่ให้มาที่โรงพยาบาลหนึ่งอาทิตย์เต็มๆแน่” นายแพทย์ที่ชื่อจินยองพึมพำเบาๆกับอีกคนที่ชื่อแจบอม มาร์คแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน


“โอ้! นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว ถ้าผมจะขอไปทานข้าวกับพวกคุณด้วยจะได้มั้ย” แล้วเที่ยงวันนั้นเขาก็ได้รู้เรื่องของเด็กผู้ชายคนนั้นมากขึ้น…



          เพื่อนในแผนกเล่าให้ฟังว่าแบมแบมคือลูกชายเพียงคนเดียวของผอ.โรงพยาบาล กำลังจะเข้าเรียนมหาลัยปีนี้ อายุน่าจะห่างจากเขาเกือบสิบปีได้  เป็นคนร่าเริงสดใส แต่ก็เหมือนเด็กวัยนี้ทั่วไปที่มักจะบุ่มบ่าม มุทะลุ และบางครั้งก็ชอบหาเรื่องให้ผู้เป็นพ่อ แต่โดยรวมแล้วก็นับว่าเป็นเด็กที่ดีคนหนึ่งเลยทีเดียว


“นับว่าเป็นเด็กที่ดี” ร่างสูงพูดขึ้นขณะที่คิดถึงใบหน้าน่ารักนั้น รอยยิ้มบางๆวาดขึ้นที่กลีบปากก่อนที่เขาจะหัวเราะตัวเองเบาๆ


“อย่าได้คิดชอบลูกเจ้านายเชียวอี๋เอิน” เงยหน้าบอกกับตัวเองในกระจกก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องน้ำโซนห้องผ่าตัดหลังจากที่ล้างหน้าล้างตาเสร็จ บ่ายนี้เขาเจอแต่เคสหนักๆ ดังนั้นทันทีที่เข็มสั้นชี้เลขหกอันเป็นเวลาออกเวร เขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะเข้ามาหาความสดชื่น


“คุณหมอต้วนคะ ญาติคนไข้รอพบอยู่ที่ด้านนอก” เสียงพยาบาลที่เขาเองก็ยังจำชื่อเธอไม่ได้เอ่ยบอกขณะที่เช็ดหน้าเช็ดตาเรียบร้อยแล้ว นายแพทย์หนุ่มมองออกไปยังด้านนอก เห็นเพียงด้านหลังของคนคนนั้น ก่อนจะเดินตรงไปหา


“คุณคนที่อยากพบผมใช่มั้ย มีอะไรหรือ อ้าว! คุณ!?” คำถามถูกเปลี่ยนเป็นคำอุทานเมื่ออีกฝ่ายหันมา แบมแบม ลูกผอ.มาทำอะไรที่นี่???


“คุณคงตกใจที่เห็นผม” เด็กหนุ่มเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี มาร์คยิ้มน้อยๆพร้อมกับพยักหน้า


“แน่นอน ผมไม่เห็นนามสกุลจองอยู่ในลิสรายชื่อคนไข้ที่ผมต้องผ่าตัดสักคน” แบมแบมหัวเราะให้กับมุกตลกฝืดๆของอีกฝ่ายก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดคลิปบางอย่างให้เขาดู


“คุณคงจำเรื่องที่สนามบินได้ สองแม่ลูกคนนั้นคือคนงานในบ้านผมเอง เขาเหมือนญาติๆผมเลย”


“อ้าวหรอครับ อ่า ไม่เป็นไรหรอกครับ” ร่างสูงตอบรับอย่างไม่เข้าใจเท่าไรนัก คนงานในบ้านงั้นหรือ ถ้าเป็นแบบนั้นผอ.น่าจะมาขอบคุณเขาไปแล้วมากกว่า


“พ่อไม่ค่อยสนใจพวกเขาหรอก” แบมแบมตอบเสียงเศร้า ดูเหมือนว่าสีหน้าของเขาคงจะชัดเจนมากไปหน่อย…


“อาการของเจ้าหนูเป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยดีหรือเปล่า” มาร์คเปลี่ยนเรื่อง ร่างบางฉีกยิ้มกว้าง


“เพราะคุณช่วยเขาไว้ พวกหมอที่รับช่วงต่อพากันบอกว่าฝีมือคุณดีมาก พวกเขาแทบไม่ต้องทำอะไรต่อกันเลย” อี๋เอินหัวเราะเมื่อได้ยิน


“ไม่ขนาดนั้นหรอก ผมแค่ทำตามที่เคยเจอมาเท่านั้น”


“อย่าถ่อมตัวเลย ผมขอบคุณคุณมากๆเลย จะเป็นอะไรมั้ยถ้าผมจะเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อ” ร่างบางถามอย่างประหม่า


“เล็กน้อยน่ะครับคุณแบมแบม ไม่เป็นไรหรอก”


“ให้ผมเลี้ยงข้าวคุณเถอะ ผมจะรู้สึกไม่ดีถ้าไม่ได้ตอบแทนอะไรคุณเลย”


“’งั้นผมขอเลือกร้านนะครับ”



                   



                 มาร์คเลือกมาข้างทางที่ไม่มีทั้งใบเมนู เด็กเสิร์ฟ ผ้ากันเปื้อน หรือแม้กระทั่งบรรยากาศดีๆ ด้วยเหตุผลเพียงไม่กี่ข้อว่า แบมแบมยังเด็ก การจะให้คนเด็กกว่าเลี้ยงมื้อเย็นในภัตตาคารแลดูจะไม่สมควรเสียเท่าไร และอีกอย่างเขาต้องการทานเอง เกือบสิบปีที่ต้องไปอยู่ต่างประเทศ อาหารข้างทางของเกาหลีเป็นอาหารที่เขาคิดถึงมากที่สุด


“พามาร้านข้างทางแบบนี้ไม่ว่ากันนะ” ชายหนุ่มพูดติดตลก แบมแบมหัวเราะ


“ของชอบเลยล่ะ นอกจากคุณป้าที่คุณไปช่วยลูกเขาไว้เมื่อเช้าก็ไม่มีใครกล้าพาผมมาที่นี่เลย”


“เป็นลูกคุณหนูที่น่ารักไม่เบานะเรา”


“พี่ก็เป็นหมอที่ตลกไม่เบา เอ่อ ผมขอเรียกว่าพี่แทนได้ไหม คุณมันห่างเหินไป”


“ได้สิ คุณแบมอยากเรียก”


“แบมแบม” ร่างบางพูดแทรกพร้อมกับฉีกยิ้มทะเล้นให้ ร่างสูงหัวเราะน้อยๆพร้อมกับพยักหน้าอย่างเข้าใจ


“ได้สิ ถ้าแบมแบมอยากเรียก” เสียงหัวเราะของทั้งสองดังขึ้นทันทีที่จบประโยคนั้น อาหารที่สั่งถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมกับที่พวกเขาทานกันไป พูดคุยกันไป


                 คืนนั้นมาร์คได้รู้เรื่องมากมายเกี่ยวกับแบมแบม เด็กหนุ่มคนนั้นจัดเป็นคนที่น่าหลงใหลมากทีเดียว เขายิ้ม หัวเราะ และมีความสุขได้อย่างบริสุทธิ์เกินกว่าที่ผู้ใหญ่วัยอย่างเขาจะทำได้เสียจนอดที่จะหลงอยู่ในความเบิกบานนั้นอย่างไม่อยากถอนตัวขึ้น ดูเหมือนว่าเขาชักจะชอบเด็กคนนี้ขึ้นมาแล้วสิ…


“แย่แล้วสิ” บ่นกับตัวเองเบาๆที่หน้ากระจกห้องน้ำพร้อมกับขยี้ผมไปมาเบาๆ






                   หนึ่งอาทิตย์แรกหลังจากได้กลับมาที่เกาหลีผ่านไปอย่างรวดเร็ว เขาใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการทำงานและนอนโง่ๆในวันที่ว่าง ฟังดูเป็นการใช้เวลาอย่างสิ้นเปลือง แต่พูดจริงๆเถอะ เมื่อคุณถึงวัยทำงาน ในวันว่างๆไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการนอนโง่ๆเหมือนสล็อตบนเตียงอีกแล้ว ดังนั้นเรื่องจะไปเที่ยวกับเพื่อนหรืออะไรทำนองนั้นก็ตัดออกไปได้เลย เขาไม่มีวันทำ เว้นเสียแต่ว่ามันสำคัญจริงๆ เหมือนอย่างเช่นตอนนี้…



                        ร้านอาหารฝรั่งเศษเป็นสถานที่นัดหมายในวันนี้ สาเหตุที่พวกเขาเลือกไม่ใช่เพราะพวกเขาชอบ แต่เป็นเพราะมันอยู่ใกล้ที่พักของพวกเขาทั้งคู่ และทั้งสองเห็นพ้องต้องกันว่าคงไม่เสียหายอะไรหากจะลองทานดูบ้าง ที่นี่มีลูกค้าไม่เยอะมากนัก  แต่ส่วนใหญ่ที่มาล้วนมีฐานะ  ทำให้มาร์คสามารถมองหาเพื่อนที่ล่วงหน้ามาถึงก่อนแล้วได้ง่าย



                      เธอยังคงสวยเมื่อวันที่เจอกันครั้งล่าสุด เส้นสีดำขลับยาวสลวยถึงกลางหลัง ใบหน้างดงามราวเจ้าหญิง ลับกับริมฝีปากสีแดงเชอร์รี่ เธอเป็นผู้หญิงในฝันของชายหลายคน แต่แน่นอน หนึ่งในนั้นไม่ใช่เขา เธอคือเพื่อน


“มาถึงนานรึยัง ซูจี”


“ไม่นานเท่าไร โอ้โห นี่ตัวจริงนายหล่อขนาดนี้เลยหรอเนี่ย” หญิงสาวเบิกโตโพล่งด้วยความตื่นเต้น ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆพร้อมกับนั่งลงยังฝั่งตรงข้าม


“เธอก็สวยขึ้นเยอะ สั่งอาหารกันเถอะ ฉันหิวจะแย่”บอกก่อนจะพลิกเมนูแล้วสั่งอาหาร แล้วหันกลับมาสนใจคนตรงหน้า




                        ซูจีเป็นเพื่อนของเขาตั้งแต่เด็กๆจนถึงมัธยมฯก่อนที่เขาจะได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ ความสนิทสนมของพวกเขามากจนถึงขั้นเรียกได้ว่าแทบจะเป็นพี่น้อง อาจเพราะพ่อแม่ของพวกเขาเป็นเพื่อนกันเลยทำให้พวกเขาสองคนพลอยสนิทกันไปด้วย  


“เรื่องสมัครที่MBCเป็นยังไง เขาจะประกาศผลเมื่อไร”ร่างสูงเอ่ยถามถึงเรื่องผลการสมัครเป็นนักข่าวของซูจี เธอมีความฝันตั้งแต่เด็กๆแล้วว่าอยากเป็นนักข่าว


“ระดับฉันแล้ว ผ่านสิยะ”


“ ครับ ครับ แม่คนเก่ง”


“เดี๊ยะ! นี่ล้อหรอ!” ซูจีคว้าช้อนมาตีไหล่อีกฝ่าย ก่อนจะถามต่อ “ แล้วเรื่องงานนายเป็นยังไง เห็นว่าได้ทำงานในโรงพยาบาลนั้นแล้วนี่”


“ใช่ ไม่คิดว่าเขาจะติดต่อฉันมาเอง” มือใหญ่หั่นตับห่านออกเป็นชิ้นพอดีคำ


“ก็ดีแล้วนี่ ยังไงนายก็สนใจที่นี่อยู่แล้ว”


“เรียกว่าสนใจคนมากกว่า” เขาพูดอย่างขบขัน ก่อนจะจิ้มตับห่านเข้าปาก ซูจีหัวเราะตามเบาๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาด้วย


“แล้วเรื่องนั้นล่ะ” แววตาจริงจังถูกส่งมาให้ มาร์ควางมีดและซ้อมลงบนโต๊ะ ใบหน้าคมคายเงยขึ้นมาก่อนจะเหลือบตาไปดูโทรทัศน์ที่กำลังออกอากาศข่าวโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่ ใบหน้าของผอ.ยิ้มการค้าอยู่ตรงนั้น



“ฉันไม่มีวันลืมหรอก”

http://0ctogus.forumth.com

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ