0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

Doctor Part3

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

1Doctor Part3 Empty Doctor Part3 Sun Jul 17, 2016 10:24 pm

0ctogus

0ctogus
Admin

เขาว่าคนมีความรักมักจะมองอะไรเป็นสีชมพู




ภายในแผนกที่เคร่งเครียดและมีงานหนักอยู่ตลอดเวลาของทุกโรงพยาบาลอย่างแผนกศัลยกรรมกำลังถูกเนรมิตให้กลายเป็นดินแดนแห่งความสดใสและเบิกบาน เสียจนคนไข้ที่มาที่นี่อดสงสัยไม่ได้ว่านี่พวกเขามาผิดแผนกรึเปล่า เหตุใดที่นี่ถึงได้ดูมีความสุขเหลือเกิน หมอสนุกที่ได้ผ่าตัดคนไข้ ได้กรีดเนื้อ แหวกหนังกันหรืออย่างไร และทั้งหมดทั้งมวลที่เล่ามานี้ไม่ใช่เพราะแผนกนี้มีการตกแต่งใหม่ หรือคณะแพทย์พากันลุกออกมาแต่งตัวน่ารักๆเหมือนที่แผนกกุมารเวททำกันหรอก แต่เพราะ…



นายแพทย์คนใหม่ของที่นี่ต่างหากล่ะ



“สวัสดีครับคุณคิม สวัสดีครับคุณนายลี โอ้ คุณจอง วันนี้มาตรวจแผลอีกรอบหรอ” ต้วนอี้เอิน หรือที่ใครหลายๆคนเรียกกันว่าหมอมาร์ค ทักทายบรรดาคนไข้ที่เคยตรวจกับเขาอย่างสดใส ขณะเดินถือแก้วกาแฟยี่ห้อดัง (เขาไม่ได้ฟุ้งเฟ้อ แต่ที่นี่มีร้านกาแฟอยู่ยี่ห้อเดียว!) เดินเข้าห้องตรวจด้วยสีหน้าที่บรรดาเหล่าพยาบาลและเพื่อนหมอด้วยกันยังต้องแปลกใจ



“ไปอารมณ์ดีมาจากไหนกันล่ะเนี่ย” แจบอม นายแพทย์ฝีมือดีอีกคนที่พักหลังๆมานี้มาร์คจัดให้อยู่ในกลุ่มของเพื่อนเอ่ยแซว


“จะให้หมอนี่อารมณ์ดีมาจากไหนได้ล่ะ ถ้าไม่ใช่เรื่องแฟนตัวเอง โห่ นายทำยังไงถึงได้คุณแบมแบมเป็นแฟนกันนะ” แจ็คสัน นายแพทย์หนุ่มไฟแรงอีกคนเกาะเสาร์อวดครวญ ใช่ คุณอ่านไม่ผิดหรอก เขาเกาะเสาร์ เกาะอยู่จริงๆ แต่อย่าคิดว่าปกติหมอหุ่นนักกีฬาคนนี้จะทำท่าแบบนี้อยู่ตลอดเวลาหรอก แค่เฉพาะกับคนสนิทๆเท่านั้น


ร่างสูงหัวเราะให้กับเพื่อนทั้งสองคนก่อนจะส่ายหัวอย่างเอือมระอาไปมา ขณะที่ตรวจเช็คความเรียบร้อยของตัวเองในกระจก แล้วตอบกลับไปอย่างกวนประสาท


“ของแบบนี้มันอยู่ที่ความสามารถ”


“โห ไอ้หมอมาร์ค!” ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกันก่อนที่ร่างสูงจะคว้าแฟ้มเอกสารแล้วเดินออกไปจากแผนก



เช้านี้เขามีนัดประชุมสำคัญกับผอ.เกี่ยวกับเคสของท่านรัฐมนตรีคนหนึ่งที่เขาไม่ได้ใส่ใจนัก เพราะสำหรับเขา คนไข้ทุกคนมีความสำคัญเท่ากัน คนรวยเป็นพันล้านก็มีคุณค่าชีวิตเท่ากับคนจรจัด เพราะทุกคนคือมนุษย์ และมนุษย์ทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ หากพระเจ้าต้องการ


ตี๊ด ตี๊ด


ร่างสูงหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อกราวน์เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือน รอยยิ้มหวานละมุนที่ใครเห็นต่างพากันหลงใหลวาดขึ้นทันทีที่เห็นข้อความของใครคนหนึ่ง


// วันนี้ประชุมกับคุณพ่อหรอ สู้นะพี่หมอของผม! //


“เด็กบ๊อง” หัวเราะพร้อมกับส่งข้อความตอบกลับไปแล้วจึงออกเดินต่อ



เขากับแบมแบมคบกันมาได้หนึ่งเดือนแล้ว ชีวิตมีความสุขยิ่งกว่าที่เคย เพิ่งเข้าใจว่าการมีใครสักคนหนึ่งเข้ามาทำให้ทุกอย่างพิเศษขึ้นมาได้อย่างไรก็ตอนนี้ ทั้งๆที่แรกเริ่มเขาค่อนข้างกังวลเรื่องปัจจัยต่างๆมากมายตามแบบฉบับคนเป็นหมอที่ชอบคิดมากไปเสียทุกเรื่อง เมื่อเขาอดกลัวไม่ได้ว่าที่บ้านของแบมแบมอาจไม่ได้เห็นด้วยกับการคบครั้งนี้เสียเท่าไร ใครบ้างจะอยากได้ลูกน้องในปกครองเป็นลูกเขยกัน ทว่าเขากลับคิดผิด ผอ.ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจหรืออะไรแบบนั้นเลย กลับกันกลับยินดีเสียด้วยซ้ำที่ลูกชายได้เขาเป็คนดูแล



ร่างสูงเดินเลี้ยวเข้าไปยังโซนผู้บริหาร นายแพทย์คนอื่นๆมองมาที่เขาอย่างสนใจ เพราะที่ชั้นนี้คนไม่พลุกพล่านมากนัก การที่คนแปลกหน้าสักคนหนึ่งย่างกรายเข้ามาย่อมเป็นที่จับตามองอยู่แล้ว



“สวัสดีครับ ผอ.นัดผมไว้ ผมเข้าไปเลยได้ใช่มั้ย” ร่างสูงเอ่ยทักคิมยูคคยอม เลขาของผอ.ที่กำลังง่วนอยู่กับกองเอกสารจนไม่รู้ว่าเขามา


“อะ อ้าว! คุณหมอมาร์ค เข้าไปได้เลยครับ ท่านกำลังรออยู่” คนอ่อนกว่าเอ่ยบอกพร้อมกับกุลีกุจอขึ้นมาเปิดประตูให้ มาร์คสูดหายใจเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามเข้าไป เขาล่ะเกลียดจริงๆการเป็นคนอายุน้อยที่สุดในบรรดาทีมแพทย์วันนี้เนี้ย



การประชุมวันนี้เริ่มขึ้นด้วยความตึงเครียด และก็เป็นไปตามที่เขาคาด แพทย์จอมขี้อิจฉาหลายคนคอยจ้องแต่จะหักล้างความคิดเห็นของเขา แรกๆก็พอทนได้อยู่ แต่เมื่อมากเข้าเขาก็ทนไม่ไหว เผลอตอกกลับไปอย่างเจ็บแสบว่า


‘นี่เราไม่ได้กำลังประชุมวิจารย์ความสามารถของผมอยู่ใช่ไหมครับ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นผมคงน่าเศร้าน่าดูเพราะเท่ากับดูถูกผอ.ไปด้วย’


แล้วการประชุมจริงๆถึงได้เริ่มขึ้นจากตอนนั้น คณะแพทย์พยายามหาวิธีผ่าตัดที่ปลอดภัยและได้ผลที่สุดให้คนไข้ ก่อนที่สุดท้ายจะมาจบด้วยวิธีของมาร์คที่เสนอไปตั้งแต่ตอนแรก จากนั้นก็ตามด้วยใครจะทำหน้าที่อะไร ซึ่งก็แน่นอน เขารับไม้ผลัดที่หนักหนาที่สุด


เป็นคนผ่าตัดเอง…



ใครบ้างจะอยากมาเสี่ยงกันล่ะ เพราะถึงวิธีของเขาจะปลอดภัยที่สุด แต่ก็ต้องยอมรับว่าการผ่าตัดครั้งนี้มีความเสี่ยงสูงมาก ซึ่งถ้าคนไข้เสียชีวิต คิดหรือว่าระดับรัฐมนตรีจะไม่ฟ้องร้องกลับ ยิ่งกับรัฐมนตรีคังด้วยแล้ว เขาทำแน่


“ฝากด้วยนะหมอมาร์ค” ผอ.พูดขณะที่ทุกคนทยอยกันออกจากห้องประชุม เหลือเขาเป็นคนสุดท้ายที่ยังคงเก็บของอยู่


“ผมจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังครับ รัฐมนตรีจะเข้ามาผ่าตัดวันพุธนี้ใช่ไหมครับ”


“ใช่ ฝากด้วยล่ะ” ชายสูงวัยกว่ายิ้มให้ ร่างสูงโค้งศีรษะลาเล็กน้อยก่อนจะผละออกมา เขาเป็นคนมีเส้นแบ่งชัดเจนระหว่างเจ้านายกับพ่อของแฟน นี่เวลางานเขาไม่คควรทำตัวสนิทสนม


“อ้อ เกือบลืมไป วันนี้เราจัดปาร์ตี้กันที่บ้านนะ อย่าลืมมาล่ะ”


“ครับ??” หันกลับไปถามด้วยสีหน้าฉงน


“อ้าว! เจ้าแบมไม่ได้บอกหรอกหรือ วันนี้วันเกิดแบมแบม เราเลยจัดปาร์ตี้ให้เขากัน” เวรล่ะ…. นั่นคือคำเดียวที่เขานึกออกตอนนี้ ย้อนคิดกลับไปถึงเรื่องเมื่อเช้าที่แบมแบมถามเขานักถามเขาหนาว่าวันนี้วันอะไร เขาก็บอกไปว่าวันจันทร์ วันเงินเดือนออก และอีกสารพัดที่ไม่ได้มี วันเกิดของร่างเล็กอยู่ในนั้นด้วย


“แน่นอนสิครับ ผมต้องไปแน่ เอ่อ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ” มาร์ครีบบอกลา ก่อนจะยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา เขามีเวลาว่างอยู่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงในการหาของขวัญ เพราะหลังจากนี้เขาจะต้องผจญภัยอยู่ในห้องผ่าตัดแล้ว ถ้าไม่รีบไปซื้อเสียตอนนี้ มีหวังถูกงอนแน่ๆ


“ว่าแต่…” พึมพำกับตัวเองขณะที่อยู่ในลิฟท์คนเดียว


ติ๊ง

เสียงประตูลิฟท์เปิดออกที่ชั้นลานจอดรถ ร่างสูงรีบวิ่งตรงไปที่รถ


“เขาชอบอะไรวะ” ถามกับตัวเองอย่างหัวเสียเล็กน้อย คบกันมาทั้งเดือน สิ่งที่เขาควรจะรู้มากที่สุดดันไม่รู้อะไรเลยเสียนี่…



มาร์คกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งในอีกสามสิบนาทีต่อมา นับเป็นสติในการเลือกซื้อของขวัญที่ถือว่าดีมาก (ในความคิดของเขา) และที่เขาสามารถเลือกมันได้อย่างว่องไวขนาดนี้ทั้งๆที่ในหัวไม่มีอะไรเลย เขาไม่ค่อยจะมีเซ้นท์ในการเลือกซื้อของขวัญนัก ของขวัญชิ้นล่าสุดที่เคยซื้อ ผู้รับก็ดูจะไม่ค่อยชอบใจเสียเท่าไร เรื่องนี้จึงต้องเดือดร้อนถึงบรรดาเพื่อนๆของเขา เจบี แจ็คสัน และซูจี แต่ที่ดูจะช่วยได้มากที่สุดดูท่าจะเป็นเจบี หมอหนุ่มคนนั้นเลือกเสื้อแจ็คเก็ต เพราะเห็นแบมแบมชอบมีคอลเลคชั่นใหม่เหมือนกับน้องสาวตัวเองอยู่บ่อยๆ………นับว่าเยี่ยม




ร่างสูงกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าไปในห้องตรวจส่วนตัวของตัวเองก่อนจะถอดเสื้อกราวน์ไว้ที่โต๊ะพร้อมกับดูนาฬิกาไปด้วย ก่อนจะรีบร้อนไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดสำหรับผ่าตัด ความจริงแล้วตารางงานวันนี้ของเขาไม่ได้มีอะไรมากนักแค่เคสผ่าตัดหนึ่งเคส แต่เคสนั้นดันลากยาวกว่าห้าชั่วโมง โดยมากศัลยแพทย์ก็เป็นแบบนี้ล่ะ ไม่ได้มีตารางตรวจอะไรมากมาย แต่เคสที่ต้องรักษาส่วนใหญ่จะใช้เวลานาน



“ทุกอย่างพร้อมนะ” เขาเอ่ยถามทีมผ่าตัดในวันนี้ขณะเดินเข้ามาในห้องผ่าตัด ทุกคนพยักหน้าตอบรับ


“เริ่มทำการผ่าตัดคนไข้ได้”


“คุณหมอมาร์คคะ!! เกิดเรื่องแล้วค่ะ!” จู่ๆพยาบาลคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาในห้องผ่าตัดขณะที่เขากำลังจะจรดมีดลงไปตัวคนไข้


“นี่คุณบ้าอะไร! ใครให้เข้ามาใน”


“ลูกสาวผู้ถือหุ้นของโรงพยาบาลถูกรถชนมาค่ะ เค้าต้องการศัลยแพทย์หัวใจมือหนึ่ง!”


“แล้วยังไง นี่ก็คนไข้ปางตายเหมือนกัน หมอเก่งๆคนอื่นก็มี ทำไมไม่ให้เขาผ่าตัดให้”


“ตอนนี้หมอศัลยแพทย์เก่งๆจากทุกด้านทุกคนถูกเรียกไปที่นั่นหมดเลยค่ะ!!” เกิดความเงียบขึ้นทันทีหลังจากจบประโยคนั้น มาร์คที่กำลังจะจรดมีดลงบนตัวคนไข้อีกครั้งจำต้องค้างไว้พลางขบคิด ศัลยแพทย์มือดีถูกเรียกไปที่นั่นทั้งหมดก็หมายความว่าพ่อของผู้หญิงคนนี้ถือหุ้นใหญ่ในโรงพยาบาลสินะ ไม่อย่างนั้นคงไม่แห่กันไปแบบนี้


“ใครจะสั่งผมไม่สน แต่คนไข้ของผมคือคนนี้ ผมต้องเป็นคนผ่าตัดเขา”


“ต่อให้ผมเป็นคนสั่งคุณอย่างนั้นน่ะหรอ” เสียงผอ.ดังขึ้นจากลำโพง ร่างสูงเงยหน้าขึ้นไปยังชั้นลอยเหนือห้องผ่าตัดก่อนจะสบตาเข้ากับชายสูงวัยที่เป็นถึงเจ้านายพ่วงตำแหน่งพ่อของแฟน


“ถ้าผมไปใครจะผ่าตัดเขา” มาร์คจ้องตาอีกคนอย่างแข็งกร้าว เขาเลือกที่จะยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง


“ก็ให้พวกอินเทิร์นผ่าตัดไปสิ ก็เรียนกันมาแล้วไม่ใช่หรอ คนนั้นน่ะเก่งที่สุดในชั้นไม่ใช่หรอ ฉันสั่งให้มาผ่าตัดแทน ถ้าไม่ ฉันก็ไม่ให้จบ ส่วนคุณ หมอมาร์คคุณควรไปหาลูกสาวของเพื่อนผมได้แล้ว” ร่างสูงแทบพูดไม่ออก ให้อินเทิร์นเป็นคนผ่าตัดไปสิ เพราะเรียนกันมาแล้วอย่างนั้นน่ะหรือ จะบ้าหรือไง เคสนี้ต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อยสองปีทำการผ่าตัดเท่านั้น แล้วจะให้เด็กพวกนั้นที่ยังไม่มีประสบการณ์อะไร ผ่าตัด….อย่างนั้น น่ะหรือ


“คุณบ้ารึเปล่าเด็กคนนั้นยัง ”


“ถ้าคุณไม่ไปเดี๋ยวนี้ ถ้าลูกสาวเพื่อนผมตายผมจะฟ้องร้องคุณว่าทำการผ่าตัดโดยประมาท คุณก็รู้นะว่าผมทำได้”มาร์คนิ่งงันทันทีที่ฟังคำขู่ การเดิมพันครั้งนี้ไม่มีที่ว่างให้สำหรับชัยชนะของเขา ร่างสูงกำมัดแน่นจนข้อนิ้วซีด มีดที่อยู่ในมือสั่นระริก ร่างกายโกรธจนตัวสั่น นัยน์ตาแดงก่ำ อารมณ์คุกรุ่นจนอยากทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของผู้ชายคนนั้นให้สูญสิ้น


“ได้ ในเมื่อคุณต้องการอย่างนั้น!” ร่างสูงเงยหน้าขึ้นจ้องตากับผู้มีอำนาจเหนือกว่าอย่างเจ็บใจ


“นับว่าคุณยังฉลาด” ผอ.ส่งยิ้มมาให้ มาร์คโกรธจัดจนทนไม่ไหว ปามีด อุปกรณ์ที่เปรียบเสมือนอาวุธของศัลแพทย์ที่ถืออยู่ในมือลงบนพื้นอย่างไม่ใยดี ก่อนจะเดินตรงไปหานักศึกษาแพทย์ที่เก่งที่สุดแล้วคว้าตัวเอาไว้


“ฉันรู้ว่านายกลัวที่จะทำมัน แต่อย่าคิดอะไรทั้งนั้น คิดอย่างเดียวว่านั่นคือโอกาสของนาย ทำให้เขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง ทำให้เขา…” ร่างสูงหันกลับไปมองผอ.แล้วพูดต่อจนจบ


“รู้ว่าหมอที่แท้จริงเป็นยังไง” เอ่ยบอกก่อนจะผละออกมา




หลังจากนั้นมาร์คก็เดินตรงไปยังห้องผ่าตัดอีกห้องที่อยู่ข้างกัน เขาต้องสูดลมหายใจลึกแล้ว พยายามขจัดความขุ่นข้องในใจให้หมดไปแล้วทำการผ่าตัดหญิงสาวเคราะห์ร้ายคนหนึ่งโดยคิดเสมือนว่าเขาเป็นคนไข้เพียงคนหนึ่งที่รอรับการช่วยเหลือจากเขา ไม่ใช่หญิงสาวผู้ร่ำรวยที่มาเพื่อพรากโอกาสในการมีชีวิตอยู่รอดของชายแก่ยากจนผู้ป่วยเรื้อรังมาหลายปี



การผ่าตัดดำเนินไปกว่าหลายชั่วโมง มีศัลยแพทย์ฝีมือดีจากหลายแขนงเปลี่ยนผลัดมือกันจนในที่สุดก็สำเร็จลุล่วง หญิงสาวคนนั้นปลอดภัยได้อย่างปาฏิหารณ์ มาร์ครีบวิ่งไปยังห้องตรวจฝั่งตรงข้ามเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ลุ้นว่าอินเทิร์นคนนั้นจะสามารถช่วยชายแก่คนนั้นไว้ได้หรือไม่


ตี๊ดดดดดด

ทันทีที่เปิดประตูเสียงชีพจรหยุดเต้นก็ดังมาทักทายเขา


“1 2 3 Clear!” อินเทิร์นคนนั้นพยายามช็อตหัวใจคนไข้ทั้งน้ำตา ในขณะที่พยาบาลพยายามห้าม ในขณะที่คนอื่นต่างยืนสีหน้าหดหู่อยู่ข้างๆ เท่านี้เขาก็พอจะรู้แล้วว่าคนไข้น่าจะเสียชีวิตมาได้สักระยะแล้ว


“พอได้แล้ว เขาไม่ฟื้นขึ้นมาแล้ว” ร่างสูงที่ช็อตออกไป อินเทิร์นคนนั้นพยายามคว้าไว้


“ไม่ เขาจะมาตายแบบนี้ไม่ได้ ผมต้องช่วยเขา ผมต้องช่วยเขา” เด็กหนุ่มคนนั้นพยายามทำ CPR ด้วยตัวเอง ทำนบน้ำตายิ่งไหลรินลงมาอาบแก้ม มาร์คพยายามจับแขนเอาไว้


“พอเถอะ นายทำดีที่สุดแล้ว เขาถึงเวลา”


“พี่ก็รู้ว่าเค้ายังไม่ถึงเวลา ถ้าคนที่ผ่าไม่ใช่ผม เขาก็อาจจะรอด ผมทำให้เขาตาย ผมทำให้เขา ”


“พอ! พอได้แล้ว นายไม่ผิดอะไรทั้งนั้น นายทำหน้าที่ของนายดีที่สุดแล้ว!!” ร่างสูงคว้าตัวรุ่นน้องมากอดเอาไว้ เขารู้ เขาเข้าใจความรู้สึกที่ตายอยู่ต่อหน้าต่อตา หมอทุกคนล้วนจำความรู้สึกตอนนั้นได้ ชีพจรคนไข้ที่ลดต่ำลง เสียงวิสัญญีแพทย์ที่ร้องบอกว่าความดันทุกอย่างในร่างกำลังลด หัวใจที่เคยเต้นค่อยๆช้าลง ช้าลง ช้ า ล ง จนกระทั่ง….



ที่มันไม่เต้นอีกต่อไป


ความรู้สึกนั้นมันแจ่มแจ้งมากพอๆกับตอนที่ผ่าตัดคนไข้สำเร็จเป็นครั้งแรก และต่อให้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน รักษาคนไข้สำเร็จหรือล้มเหลวได้สักกี่ร้อยคน สองชื่อที่หมอทุกคนจะไม่มีวันลืมคือ คนไข้ที่รักษาสำเร็จ และ คนไข้ที่ตายต่อหน้าต่อตาเราครั้งแรก


Devid Bruchlen

นั่นคือชื่อคนไข้ที่ตายอยู่บนเตียงผ่าตัดของเขาเป็นคนแรก…



“พยาบาลลี ระบุเวลาตายของคนไข้ด้วย” แม้มันจะโหดร้ายกับนักศึกษาแพทย์คนนั้น แต่มันเป็นสิ่งที่ต้องทำ


“ลีชองอุค เสียชีวิตเวลา 21.34 ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว” เด็กหนุ่มคนนั้นร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น ก่อนที่มาร์คจะทำสัญญาณให้ทุกคนทยอยออกไปจากห้องโดยเขาออกเป็นคนสุดท้าย


“นายอาจคิดว่านายทำพลาด แต่เปล่า นายได้เลือกที่จะช่วยชีวิตเขาไว้ และนั่นคือสิ่งที่แพทย์ที่ดีควรทำ” เขาเอ่ยบอกก่อนจะเดินผละออกมา



มาร์คเดินไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างฉุนเฉียว ความโกรธปะทุขึ้นจนถึงจุดแตกหัก ชีวิตของชายแก่คนนั้นไม่ควรมาจบลงที่นี่ เขารู้ดีว่าคนไข้มีโอกาสรอด และนักศึกษาแพทย์คนนั้นไม่ควรมีความทรงจำที่เลวร้ายเช่นนี้ มันจะหลอกหลอนเด็กคนนั้นไปตลอดชีวิต ถ้าดีหน่อยเด็กคนนั้นก็อาจจะแค่สูญเสียความมั่นใจลงไปบ้าง หรือถ้าร้ายแรงกว่านั้นคือไม่กล้ารักษาใครเลย ทุกอย่างเหล่านี้มันจะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าหากผู้ชายคนนั้นไม่น่าเงินจนเกินไป



ร่างสูงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ตรงไปยังชั้นผู้บริหาร นายแพทย์มากมายต่างพากันชื่นชมเขาในการผ่าตัดลูกสาวผู้ถือหุ้นเมื่อเย็น แต่เขาไม่รู้สึกภูมิใจกับมันเลย ไม่เลยสักนิด


“ผอ.อยู่ไหม” เขาถามยูคยอมที่นั่งอยู่ด้านหน้า


“อยู่ครับอยู่ มีธุระอะ”


“ขอบใจ” มาร์คพูดจบบทสนทนาก่อนจะหุนหันผลักประตูเข้าไปอย่างถือวิสาสะ ผอ.กำลังนั่งตรวจงานอยู่ที่เก้าอี้


“อ้าว มีธุระอะไรล่ะหมอ จะมาขอโทษผมใช่มั้ย ผมบอกแล้วว่าเคสนี้จะเป็นประ”


“คุณควรไปขอโทษญาติคนไข้ลุงคนนั้นและนักศึกษาแพทย์ที่คุณยัดเยียดหน้าที่บ้าๆให้” ร่างสูงโพล่งไปอย่างเหลืออด เขาต้องพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ต่อยหน้าผู้ชายคนนี้เสียก่อน


“หื้มม นี่คุณมาหาผมเรื่องนี้หรอกหรอ ไร้สาระน่า คนไข้คนนั้นก็แก่แล้วอยู่ได้อีกไม่นานหรอก ส่วนอินเทิร์นคนนั้นก็นึกซะว่าได้ศึกษาคนไข้ฟรีๆไง ไม่ดี”


“คุณกล้าพูดแบบนี้ได้ยัง!” ร่างสูงพูดอย่างเหลืออด ผู้ชายคนนี้กล้าพูดแบบนี้ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงขบขันได้ยังไง นั่นชีวิตคน อนาคตคนคนหนึ่งเลยนะ


“ทำไมผมจะพูดไม่ได้ นี่คุณนี่ยังไงเนี่ย ผมจ้างคุณมาเพื่อทำชื่อเสียงให้กับโรงพยาบาล ผมช่วยคุณทุกอย่าง ให้คุณได้ผ่าตัดเคสใหญ่ๆ ขนาดลูกชายผมผมก็ยังยกให้คุณได้ ถ้ามันจะทำให้การเจรจาธุรกิจของเราง่ายขึ้น” มาร์คตัวสั่นเทิ้ม เขาโกรธจนแทบควบคุมสติตัวเองไม่ไหว ผู้ชายคนนี้กู่ไม่กลับแล้ว กู่ไม่กลับอีกต่อไปแล้ว


“ยังไงคุณก็จะไม่ขอโทษใช่ไหม” มาร์คถามเสียงเย็น


“ไม่” ชายผู้มีอำนาจสูงกว่าพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ มาร์คกำหมัดแน่น ความทรงจำเมื่อหลายสิบปีก่อนย้อนกลับเข้ามาในห้วงคำนึงอีกครั้ง…


“เหมือนเมื่อสิบปีก่อนไม่มีผิดเลยนะ…”


“อะไรของคุณ” อีกฝ่ายถามอย่างฉงน ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมาสบตา


“คงทำผิดเยอะจนลืมไปแล้วสินะว่าเคยทำอะไรไว้”


“………”


“ผมจะช่วยคุณรื้อฟื้นความทรงจำก็ได้ เมื่อสิบปีก่อนเคสของคนไข้ต้วนอี้เฟยที่คุณทำการผ่าตัดแล้วเกิดความผิดพลาด ทำให้พ่อผมต้องตาย ตอนนั้นเหมือนโลกทั้งใบของผมถล่ม ผมจะเอาอะไรไปสู้กับหมอใหญ่ประจำโรงพยาบาล และถึงเรื่องจะขึ้นถึงศาล แต่ก็ไม่มีใครกล้ามาเป็นพยานให้ มีแค่แพทย์ผู้ช่วยของคุณคนเดียวที่รับปากว่าจะมาเป็นพยานให้ในวันไต่สวน แต่พอถึงวันจริง ผมนั่งรอเท่าไรเขาก็ไม่มา รอจนกระทั่งที่ศาลทนไม่ไหว เขาก็ยังไม่มา ผมทั้งโกรธทั้งโมโห เฝ้าคิดแต่ว่าทำไมเขาถึงไม่มา ทำไมเขาถึงไม่มา จนกระทั่งที่ผมได้คุยกับเขาหลังจากนั้น คุณจำได้ไหมว่าทำไมเขาถึงไม่มา” นัยน์ตาคมมองอีกฝ่ายเป็นเชิงถามรอยยิ้มมาดร้ายถูกวาดขึ้นที่กลีบปาก หากแต่ขอบตากลับเอ่อคลอด้วยหลักฐานแห่งความเศร้า


“ก็เพราะว่าคุณยังไงล่ะ! คุณสั่งให้เขาห้ามขึ้นศาล หลอกเขาด้วยการโยนเคสของตัวเองไปให้เขาผ่าตัด เพราะคุณ! เพราะคุณพ่อผมถึงตาย!!!”


“นายคือ คือ…” ชายสูงวัยพึมพำอย่างไม่อยากจะเชื่อ เด็กหนุ่มคนนั้น เด็กหนุ่มที่ตะโกนด่าทอเขาที่หน้าโรงพยาบาลปาวๆ แท้จริงแล้วคือต้วนอี้เอินเองหรอกหรือ


“ใช่! ผมคือลูกของต้วนอี้เฟย เด็กผู้ชายที่ตะโกนด่าคุณหน้าโรงพยาบาลว่าจะเอาผิดคุณให้ได้!!”


“……..”


“ผมยอมรับว่าผมมีชีวิตอยู่ด้วยความแค้นมาตลอด ผมสาบานว่าจะทำให้คุณเข้าคุกให้ได้ คิดแผนการจะหลอกใช้ลูกชายของเขา แต่สุดท้าย….ผมกลับทำไม่ได้”


“ผมรักเขาขึ้นมาจริงๆ และตั้งใจว่าจะเลิกแก้แค้น ขอเพียงอย่างเดียว…”


“อะไร”


“ถ้าคุณยอมขอโทษ”


“…..”


“กับทั้งความผิดเรื่องพ่อของผม และเรื่องของลุงกับนักศึกษาแพทย์คนนั้น แค่คุณยอมไปขอโทษทุกอย่างจะจบ” มาร์คพูดเจตนาอย่างแน่วแน่ ในขณะที่ผอ.กลับนิ่งไป ดวงตาคู่นั้นไม่สื่อแววตาใดๆ ก่อนที่เขาจะระเบิดหัวเราะออกมาราวกับคนบ้า


“นายนึกว่านายเป็นใครกัน ต้วนอี้เอิน! ฉันไม่มีทางขอโทษนาย ไม่มีวัน นายไม่มีทางเอาผิดฉันได้หรอก!!” ร่างสูงกำหมัดแน่น


“คุณแน่ใจใช่มั้ยว่าจะไม่ขอโทษ”


“ใช่! ฉัน-จะ-ไม่-ขอ-โทษ” อีกฝ่ายพูดอย่างยียวน มาร์คหลับตาสูดลมหายใจอย่างข่มอารมณ์ก่อนจะลืมตาขึ้น


“แล้วคุณจะรู้ว่าคิดผิด” เอ่ยพูดก่อนจะหันหลังกลับเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว มือแกร่งหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกหาใครคนหนึ่ง


“ซูจี ทำข่าวเรื่องนั้นได้เลย” เอ่ยบอกก่อนจะกดวางสาย นัยน์ตาคู่คมเหลือบมองถุงของขวัญของแบมแบมที่วางอยู่ข้างตัวด้วยแววตาหมองหม่น



ขอโทษนะแบมแบม

.

.

.

แต่พี่ต้องทวงความยุติธรรม









http://0ctogus.forumth.com

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ