0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

ทะเลมาร์คแบม ตอนพิเศษ 1

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

0ctogus

0ctogus
Admin



ผิดแผน…
 

ผิดแผนไปเสียหมด…มาร์คและแบมแบมกำลังคิดอย่างนั้นขณะที่กำลังมอง ‘สิ่ง’ ที่ทำให้พวกเขาผิดแผนด้วยสายตาเอือมระอา    เท่าที่พวกเขารู้ หลังจากที่เรื่องราวทุกอย่างคลี่คลายลงแล้ว พวกเขาควรจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน ทำอะไรกุ๊กกิ๊ก ใช้ชีวิตหวานชื่น เดินเที่ยว นอนกอดกัน หรือใช้ชีวิตอย่างคนที่เพิ่งได้ลงเอยกันอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้ พวกเขาวางแผนไว้เสียดิบดี และมันก็ควรจะเป็นเช่นนั้น ถ้าเพียงแต่ไม่…



“อ้าวทุกคน มากันแล้วหรอ มาเร้ว มาซ่อมบ้านให้ฉันกัน” ประโยคทักทายที่มาร์ค แบมแบม รวมไปถึงแจบอมและจินยองลงความเห็นว่าร่าเริงเกินเหตุของแจ็คสันดังขึ้น ขณะที่เจ้าตัวกำลังง่วนอยู่กับการบินไปบินมา(ด้วยเพตาทอส) ไปทั่ว ‘บ้าน’ ที่พวกเขาได้ลงความเห็นกันแล้วว่า มันไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าบ้านเลย มันควรเรียกว่าเศษเหล็กเคลื่อนที่ได้ หรืออะไรก็ตามที่มากองสุมๆกันให้สามารถอยู่อาศัย และสามารถเคลื่อนที่ได้ อ่า…ใช่แล้ว ไม่ได้อ่านอะไรผิดหรอก มันเคลื่อนที่ได้!!!



           ทั้งสี่คนแหงนหน้ามองประตูบ้านที่อยู่เหนือพวกเขาไปหนึ่งช่วงตัวด้วยสายตาหนักใจ มันกำลังลอยห่างจากพวกเขาไปในทิศทางมั่วซั่วเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลม ดูยังไงก็ไม่น่าจะมีทางเข้าบ้านได้ เว้นเสียแต่ว่าใครสักคนในนี้จะสามารถหยุดบ้านเคลื่อนที่นั้นได้ แม้ว่าพวกเขาจะเตรียมใจมาบ้างหลังจากที่ได้จดหมายขอความช่วยเหลือจากแจ็คสันให้มาที่บ้านเมื่อวันก่อน แต่แค่ไม่คิดว่าแค่วินาทีแรกที่มาถึงก็สร้างความพรั่นพรึงให้พวกเขาได้แล้ว



“เยี่ยม” มาร์คสบถอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนที่ตาจะเปลี่ยนเป็นสีทอง นิ้วแกร่งดีดดังเปราะ วิญญาณนับร้อยที่อยู่แถวนั้นพุ่งเข้ายึดจับบ้านไว้ได้อยู่ครู่หนึ่ง พวกเขารีบวิ่งไปที่ประตู บันใดเหล็กกรังๆไถลลงมาให้เดินขึ้นไปก่อนที่พวกเขาจะพากันวิ่งเข้าไปในบ้านได้ก่อนที่พวกวิญญาณจะตรึงมันไว้ไม่ไหว


“ช้า! พวกนายเข้ามากันช้ามากเลย” นั่นคือเสียงทักทายแรกเมื่อพวกเขาเข้ามาในบ้าน


“ใครใช้ให้นายทำให้บ้านเคลื่อนที่อยู่ตลอดเว… เยี่ยม” มาร์คที่ตั้งท่าจะหันไปบ่นอีกฝ่าย แต่สุดท้ายก็จำต้องหยุดเอาไว้เมื่อแจ็คสันบินหายไปไหนแล้วไม่รู้




            ภายในบ้านสยดสยองกว่าที่พวกเขาเห็นภายนอกมาก มันไม่น่าจะจัดว่าเป็นที่อยู่อาศัย ถ้าเฮเฟสตัสเทพแห่งการประดิษฐ์มาเห็นจะต้องเป็นลมแน่ ภายในถูกจัดออกเป็นส่วนต่างๆอย่างไม่ชัดเจน แต่ทุกอย่างถูกจัดให้อยู่ผิดที่ผิดทางอย่างไม่สมเหตุสมผล พวกเขากำลังยืนอยู่ที่สนามหญ้า(อย่างน้อยมันก็ดูเหมือนเป็นอย่างนั้น) ด้านซ้ายมีเตาผิงที่ดันตั้งอยู่กลางแจ้ง ถัดไปเป็นห้องทานอาหารที่เหมือนได้รวมตัวเข้ากับห้องทำงานเรียบร้อยแล้ว ข้าวของที่ระลึกและแผนที่มากมายวางอยู่ตรงนั้น ที่ผนังเรียงรายไปด้วยรูปแจ็คสันถ่ายตอนไปเยือนยังสถานที่ต่างๆจากทั่วทุกมุมโลก อ้อ ไม่ ไม่ใช่แค่โลก สวรรค์กับนรกก็ด้วย ซึ่งมาร์คแน่ใจมากว่าพ่อเขาจะต้องไม่ชอบเรื่องนี้แน่ ที่อยู่เยื้องไปทางขวาคือห้องครัวที่ดูเหมือนห้องเก็บของเสียมากกว่า ตรงกลางระหว่างทั้งสองส่วนคือบันใดไม้ที่คดไปคดมา เสียงแจ็คสันกำลังโวยวายดังแว่วมาจากด้านบนก่อนที่ทั้งบ้านจะสั่นสะเทือนอย่างแรงราวกับมีแผ่นดินไหว


แกร๊งแกร๊งแกร๊ง


เสียงเหล็กร่วงกันเกรียวกราว ของเหลวสีเขียวข้นหนืดบางอย่างไหลลงมาจากชั้นบนท่วมร่างของพวกเขา


“ทุกคน! ระวัง อะไหล่บ้านฉันพัง เป็นอะ…..โอ้ว ดูเหมือนจะเตือนไม่ทันแฮ่ะ” แจ็คสันที่วิ่งกระหืดกระหอบลงมาพูดเสียงอ่อย เมื่อเห็นสภาพของเพื่อนๆที่กำลังจ้องเขม็งมาที่พวกเขา


“บอกพวกเราทีว่าบ้านนายเป็นอะไร” จินยองเอ่ยถามเสียงหงุดหงิด


“แฮ่ะๆ พอดีว่าฉันดันไปทำเฟืองที่ทำให้บ้านเคลื่อนที่หายน่ะ เลยจะมาขอให้พวกนายช่วยหาหน่อย”


“ทำไมนายถึงไม่ตามพวกลูกของเฮเฟสตัสมาช่วยล่ะ นายก็รู้จักอยู่ตั้งหลายคนไม่ใช่หรอ” แบมแบมเอ่ยถามขณะที่ปาดเมือกสีเขียวออกจากหัวพร้อมกับร้องหยี๋เบาๆ


“เขาบอกว่าซ่อมไม่ได้น่ะต้องหาเฟืองนั้นให้เจออย่างเดียว ป่ะ ไปกันเถอะ พวกเราไปตามหาเฟืองกัน!” พูดพร้อมกับออกวิ่งไปทั่วบ้าน มาร์คกรอกตาบนด้วยความหัวเสีย


“เยี่ยม” มาร์คกรอกตาบนด้วยความหัวเสีย



         พวกเขาเดินวนสำรวจรอบบ้าน บ้านนี้ดูไม่ต่างอะไรไปจากเขาวงกตเลย มันประกอบไปด้วยหลายห้องและพื้นที่ใช้สอยอีกมากมาย ทุกระยะห้าเมตรของทางเดินจะมีพื้นพรมห้อยลงมาจากอากาศ บนผืนพรมจะมีข้อความบอกสถานที่ ถ้าเราเลิกมันขึ้นเราจะไปโผล่ยังสถานที่นั้น แต่ถ้าเดินรอดใต้มันไปเราจะเดินไปตามทางเดินในบ้าน ซึ่งห้านาทีแรกแบมแบมก็หลงไปมาห้าประเทศแล้วเรียบร้อย…


“ฉันจะใช้ฟ้าผ่าบ้านนี้ให้ไหม้ตอนเราหาเฟืองเสร็จ!” ร่างบางบ่นกระปอดกระแปดขณะเดินกลับเข้ามาในบ้าน โดยมีมาร์คยืนหัวเราะเบาๆอยู่ข้างๆ


             ร่างสูงไม่หลงไปไหนเลย เขาใช้วิธีที่ฉลาดมากกว่านั้น อี้เอินเรียกวิญญาณออกมาแล้วย้ายจิต มองผ่านดวงตาของพวกมันก่อนจะจดจำแปลนบ้านทั้งหมดไว้ในหัว


“ที่นี่มีแค่หกห้อง ห้องอาหารกับห้องครัวที่เห็นตอนนั้น  ชั้นบนมีห้องทำงาน ห้องนอนอีกสามห้อง แล้วก็พรมอีกสิบแปดผืน สิบสี่ผืนเป็นชื่อประเทศ ส่วนที่เหลือฉันรู้จักแค่สองชื่อ”


“อะไรหรอ”


“โอลิมปัสกับนรก ส่วนอีกสอง ฉันไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไง มันเขียนว่า…” ร่างสูงพยายามนึกถึงพรมสองผืนที่อยู่ริมสุดของทางเดิน “ออกไปซะ เจ้าน่าโง่ กับกับดัก ระวัง” ถ้าคิดว่าคนอย่างต้วนอี้เอินจะอ่านด้วยน้ำเสียงตกใจล่ะก็….คุณฝันไปได้เลย เขาพูดด้วยเสียงโทนเดียว


“ถ้านายเจองู นายคงบอกมันว่า โอ นั่นงู แบบนี้แน่” แบมแบมแกล้งเลียนแบบ


“ไม่    ฉันจะฆ่ามัน”


“…………………..” ร่างบางหันมามอง ก่อนจะหุบปากฉับแล้วไม่พูดอะไรต่อจนแจบอมกับจินยองที่ลอบมองอยู่ถึงกับหลุดขำ


             แจ็คสันลงมาหาพวกเขาหลังจากนั้นไม่กี่นาที เพื่อนตัวล้ำเอารูปเสก็ตของเฟืองมาให้ดู ซึ่งขนาดของมันเล็กกว่ากระดุมเสื้อของมาร์คไปแค่นิดหน่อยเท่านั้นเอง และบังเอิญว่ากระดุมเสื้อของมาร์คก็เล็กมากอยู่แล้วด้วย ดังนั้นภารกิจครั้งนี้จึงดูง่ายมาก ไม่มีอะไรน่าวิตกสักนิด


“ถามจริงๆนี่ไม่ได้หลอกกันเล่นใช่มั้ย” จินยองเอ่ยถามขณะดูภาพเสก็ตเป็นรอบที่สิบ แจ็คสันส่ายหน้า


“ฉันไม่เคยโกหกนะ”


“ไม่เคยพูดความจริงต่างหาก!” ทั้งสี่พูดขึ้นพร้อมกันก่อนที่คนถูกว่าจะหัวเราะแห้งๆแล้วเปลี่ยนเรื่อง


“นี่ ฉันยังเล่าไม่จบเลย พวกนายอย่าคิดว่าจะหาไม่เจอซี่” ทุกคนเงียบตั้งใจฟัง


“มันมีชีวิตด้วยนะ มันชื่อ อัลเฟร็ด มันจะมาหาคนที่เรียกชื่อมัน เอ่อ แต่มันต้องถูกชะตา มันเหมือนแมว”


“งั้นมันก็คงไม่ถูกชะตากับนายสินะ” อี้เอินถาม แจ็คสันกรอกตาก่อนจะตอบ


“ฉันมั่นใจว่าถ้าไม่ใช่เพื่อนกัน ฉันจะบีบคอนายคนแรก” เสียงหัวเราะดังขึ้นหลังจากจบประโยคนั้น ก่อนที่จินยองจะนำทุกคนเข้าสู่ความจริงจังอีกครั้ง


“ครั้งล่าสุดที่นายเห็นมันคือที่ไหน เราจะได้เริ่มหากันถูก” แจ็คสันนิ่งคิดไป ทุกคนตั้งตารอคอย ก่อนที่ทุกอย่างจะสิ้นสุดเมื่อเพื่อนหุ่นล้ำสบตากับทุกๆคน


“ไม่ใช่ในบ้านหลังนี้อะ”


“เยี่ยม!!” พวกเขาพูดพร้อมกัน ถ้าไม่ใช่ในบ้านหลังนี้ นั่นหมายความว่าเป็นตามบ้านในประเทศต่างๆอีกสิบสี่ประเทศและหนึ่งที่ในโอลิมปัส อีกหนึ่งในนรก และอีกสองที่พวกเขายังไม่รู้ว่าคืออะไร และก็ไม่คิดอยากจะเดินเข้าไปหาคำตอบเองด้วย


“พรมอีกสองผืนที่ชื่อแปลกๆนั่นข้างในคืออะไร” อี้เอินเอ่ยถาม แจ็คสันตาโตก่อนจะเอ่ยตอบ


“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่พ่อฉันใช้เข้าออกเพื่อมาที่นี่กับไปที่ไหนสักแห่ง แต่ฉันไม่กล้าเข้าไปสักครั้ง”


“หมายความว่าครั้งนี้เราต้องเข้าไปในนั้นแบบไม่รู้อะไรเลยงั้นสินะ” ชายหนุ่มถามเสียงเข้ม แจ็คสันพยักหน้าหงึกหงักพร้อมกับส่งยิ้มกว้างมาให้


“เอาน่าๆ อย่าเครียดกันเลย ป่ะๆ รีบไปหากันดีกว่า อีกไม่กี่ชั่วโมงถ้าบ้านไม่ได้เฟืองคืนมามันก็จะระเบิดแล้ว”


พวกเขาไม่ค่อยเครียดกันเท่าไรเลย….



         ทั้งกลุ่มตกลงจะแบ่งการค้นหาออกเป็นสามทีม แต่จะใช้คำนี้ก็ดูจะไม่ถูกนัก เพราะแจ็คสันอาสาขอไปคนเดียวโดยขอรับผิดชอบหาในบริเวณบ้านหลังนี้ และพรมอีกสองผืนซึ่งบุตรแห่งเฮอร์มีสก็ชิงขอโอลิมปัสกับนรกไปก่อน ตัดหน้าอี้เอินที่หันขวับมามองเขาด้วยสายตาเย็นชาทันที ก่อนที่แจบอมและจินยองจะขอรับผิดชอบผืนพรมทางฝั่งตะวันออกและผืนที่เขียนคำว่า ออกไปซะไอ้หน้าโง่! ด้วยเหตุผลว่ามันฟังดูปลอดภัยกว่าอีกผืน ผลสุดท้ายความซวยจึงมาตกอยู่ที่ทีมของอี้เอินกับแบมแบม
กับดัก ระวัง!


“เชื่อเขาเลย” ร่างบางบ่นกระปอดกระแปดหลังจากที่พวกเขาเพิ่งแยกย้ายกันได้ไม่นาน อี้เอินที่เดินกอดอกตามหลังมาได้แต่อมยิ้มน้อยๆ


“นายกลัวพรมผืนนั้น” เสียงทุ้มดังขึ้นเบาๆท่ามกลางความเงียบและแสงสลัวของทางเดิน


“ใครจะไม่กลัว ขนาดแจ็คสันยังไม่เคยเข้าไปเลย” ร่างสูงหัวเราะเบาๆก่อนจะเอ่ยตอบ


“มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้”


“จะรู้ได้ยังไง หมอนั่น”


“แบม..” จู่ๆน้ำเสียงของอี้เอินก็เปลี่ยนไป ร่างสูงหยุดอยู่กับที่สีหน้าเรียบตึง ดวงตาคู่คมกำลังมองลึกเข้าไปในทางเดิน


“อะ อะ อะไรหรอ….” ร่างบางรีบคว้าแขนเข้าเอาไว้


“ฉันได้กลิ่นคนตาย...” คำพูดที่จู่ๆร่างสูงก็โพล่งออกมาทำให้ความกลัวจู่โจมจิตใจของแบมๆ ร่างบางเกาะแขนเขาแน่น ไล่สายตามองตามอีกฝ่าย เขาไม่ค่อยจะไว้ใจบ้านหลังนี้เท่าไรเลย บรรยากาศของมันน่ากลัว อากาศชื้น กลิ่นความเก่าคละคลุ้งอยู่ทั่ว แสงสว่างจากคบเพลิงข้างผนังคอยนำทางให้พวกเขาได้ไม่ไกลไปกว่าหนึ่งเมตร ยิ่งทำให้วิสัยทัศน์ในนี้ย้ำแย่มาก และเมื่อกำลังเดินอยู่กับลูกของเทพเจ้าแห่งอาณาจักรคนตายด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งรู้สึกกลัว


“…..ถ้าเห็นอะไร ไม่ต้องบอกฉันนะ แต่จัด”


“เขาอยู่นั่น”


“มาร์ค! รอก่อน” ร่างบางร้องเสียงแหว เมื่อจู่ๆคนรักก็หุนหันวิ่งเข้าไปในทางเดินที่เริ่มอับแสงลงเรื่อยๆ พร้อมกับตามหาใครสักคน หรือวิญญาณสักดวงที่วิ่งลึกไปตามทางเดิน ผ่านผืนพรมอื่นๆ และดันไปหยุดอยู่ที่….


ผืนพรมสุดท้าย

กับดัก ระวัง!



------------------------------------------------------



    แจบอมไม่ค่อยชอบภารกิจนี้เสียเท่าไร เขารู้สึกได้ถึงความล้มเหลว อะไรบางอย่างที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าไม่มีทางหาเจอ ซึ่งเขาก็ยังระบุไม่ได้ว่าทำไมถึงได้มั่นใจเสียขนาดนั้น แต่บรรยากาศของบ้านที่แปลกๆประกอบกับความเป็นไปได้ที่จะหาเจอ ทำให้เขาสรุปภารกิจนี้ว่าเสียเวลาเปล่า และแน่นอนว่าถ้าเป็นเขา เขาจะเลิกทำภารกิจนี้ซะ การเลิกตามหาของเป็นสิ่งที่เขาถนัด ก็ลองคุณมีบ้านเป็นท้องทะเลดูสิ การตามหาของจะกลายเป็นเรื่องเพ้อเจ้อทันที


“เมื่อไรนายจะหยุดทำหน้าบูดสักทีเจบี” ร่างโปร่งที่เดินอยู่เคียงข้างเอ่ยถามขณะทั้งสองกำลังเดินไปตามทาง


“ฉันว่ามันเปล่าประโยชน์”


“นี่บ้านแจ็คสัน ไม่ใช่ทะเล มันไม่ได้ใหญ่ขนาดตามหาของไม่เจอหรอก”


“ต่อให้เล็กเท่ารังหนู ฉันก็ไม่คิดว่าเราจะหาเจอหรอก แล้วพรมนั่น….ฉันไม่ไว้ใจ” ร่างสูงพูดตามที่คิด ขณะมองสำรวจทางที่เดินจากมา และเขาก็เริ่มเห็นความผิดปกติบางอย่าง…


“ถึงแจ็คจะไม่เคยเข้าไป แต่ก็ใช่ว่ามันจะอันตรายนี่”


“จินยอง” เสียงทุ้มเรียกชื่ออีกฝ่าย


“ฉันว่านายควรจะมองโลกในแง่ดี”


“จินยอง หลบ!” ร่างสูงตอนอีกฝ่ายก่อนที่จู่ๆทางเดินที่ร่างโปร่งกำลังจะก้าวเดินไปดันเปลี่ยนทิศทาง สลับกลายเป็นอีกทางหนึ่ง


“นี่มันอะไรกันเนี่ย!” จินยองร้องด้วยความตกใจขณะคว้าร่างอีกคนเอาไว้เป็นหลักยึด ทางเดินที่เขากำลังยืนอยู่สลับเปลี่ยนทางกันมั่วไปหมด จากที่เคยยืนอยู่ทางซ้ายกลับไปอยู่ทางขวา จากที่เคยยืนอยู่ปากทางกลายเป็นปลายทางก่อนที่ทุกอย่างจะถึงทางตัน


“นี่เราอยู่ที่ไหนกัน ทางเดินเปลี่ยนเองงั้นหรอ ทำไมมาร์คถึงไม่บอกเราเรื่องนี้”


“ฉันไม่คิดว่าหมอนั่นจะรู้หรอก”


“เราเดินกลับไปทางเดิมได้มั้ย” ร่างโปร่งเอ่ยถามขณะมองย้อนกลับไปทางเดิมที่คิดว่าจากมา ร่างสูงกว่าส่ายหน้าช้าๆก่อนจะเอ่ยตอบ


“ทางเดินเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราทะเล่อทะล่าไป บางทีอาจยิ่งหลงไปไกล” เกิดความเงียบขึ้นทันทีหลังจากจบประโยคนั้น จินยองผู้ที่มักจะหาทางออกได้อยู่เสมอกลับไม่รู้จะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้ ในขณะที่แจบอมผู้ที่มักเป็นเหตุผลของกลุ่ม ก็ไม่มีหลักการใดๆในการออกไปจากทางเดินวกวนนี่ พวกเขามืดแปดด้าน


“แล้วถ้าเรา” ร่างโปร่งพูดขึ้น “ออกจากที่นี่ผ่านพรมล่ะ พออยู่ข้างนอกนั่น เราค่อยหาทางกลับมาที่นี่” แจบอมพยักหน้าเห็นด้วย ทว่าสีหน้าของเขาไม่ได้ดูดีใจขึ้นเลยสักนิด…


“เราใช้วิธีนั้นได้” ร่างสูงขยับเบี่ยงตัวให้อีกคนเห็นสิ่งที่อยู่ด้านหลัง


“……….”


“ถ้าเราไม่ได้เหลือพรมแค่ผืนเดียว” และโชคร้ายที่ทางเลือกเดียวของพวกเขาคือ…



อย่าเข้ามา เจ้าน่าโง่!


ร่างโปร่งหันกลับไปมองยังทางที่จากมา หวังให้มีพรมประเทศอื่นอยู่ใกล้ๆ หากแต่โชคชะตากลับไม่เข้าข้าง เมื่อทางเดินส่วนอื่นๆที่มีพรมประเทศอื่นอยู่เรียงสลับกันมั่วไปหมด พวกเขาเลือกทางเลือกแค่หนึ่งเดียวซึ่งแจบอมไม่ค่อยจะชอบเสียเท่าไรด้วย เพราะเขา….


ได้ยินเสียงทะเลดังมาจากด้านหลังของพรม


“ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ชอบภารกิจนี้เลย” เอ่ยบอกก่อนจะเลิกพรมขึ้นแล้วเดินนำเข้าไปในนั้น…



------------------------------------------



             กร่อก แกร่ก …………………กร่อก  แกร่ก


             เสียงคนทำอะไรบางอย่างดังกร่อกแกร่กน่ารำคาญมานานกว่ายี่สิบนาทีภายในห้องที่มีกระดาษเอสี่เก่าๆใบหนึ่งแปะอยู่หน้าประตูห้องว่า ‘ห้องทำงาน’ แต่โดยรวมแล้วห้องนี้ไม่ได้มีลักษณะใกล้เคียงกับคำดังกล่าวเลยสักนิด มันควรเรียกว่าห้องเก็บของ หรืออะไรสักอย่างที่ให้ความหมายว่ากองขยะ เมื่อภายในนี้ถูกสุมไปด้วยข้าวของมากมายทั้งที่มีค่าแพงหูฉี่ และที่ไร้ราคาจนไม่อาจหาเหตุผลที่เจ้าของยังคงเก็บมันอยู่ในนี้ ไม่ใช่ถังขยะสักถังอย่างที่มันควรจะเป็น



              ร่างล่ำสันของใครคนหนึ่งกำลังง่วนอยู่กับการซ่อมกล่องดนตรีไขลานกล่องหนึ่งที่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ให้ความร่วมมือเสียเท่าไร เพราะมันดันขยับยุกยิกไปมาอยู่ไม่สุก ถูกต้องแล้วมันเอาแต่ขยับราวกับว่ามันมีชีวิต และไม่สบอารมณ์อย่างมากที่ผู้ชายคนนี้กำลังมายุ่งวุ่นวายอยู่กับร่างกายของมันอยู่


“นายควรเลิกยุ่งกับมัน” เสียงหนึ่งดังขึ้น ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกับยิ้มให้


“มันไม่รำคาญหรอกน่า มันออกจะชอบ  เนอะ อัลเฟร็ด” หยิบเจ้ากล่องดนตรีที่ขยับตัวอย่างฉุนเฉียวขึ้นคุยด้วยก่อนจะก้มลงไปซ่อมมันอีก


“ถามจริงๆเถอะ นายจะแกล้งให้พวกเขาหาอัลเฟร็ดจริงๆน่ะหรอ” คนเสียงหวานเอ่ยถามขณะย่อตัวนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆกัน


“ฉันไม่ได้จะแกล้งสักหน่อย ฉันแค่ช่วยให้พวกเขามีความสุข”


“ความสุข? แจ็คสัน ถ้าพวกเขาโกรธขึ้นมาล่ะ นายไม่แย่เอาหรอ”


“ฮ่ะฮ่ะ ไม่มีทางหรอก พวกนั้นไม่มีทางโกรธ” หัวเราะร่วนพร้อมกับวางอัลเฟร็ดไว้ที่พื้น เจ้ากล่องดนตรีส่งเสียงดนตรีอย่างดีใจที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระเสียที


“นายแน่ใจได้ยังไง เล่นไปหลอกให้หาของที่ไม่มีอยู่จริงแบบนี้” เอ่ยถามขณะที่เหลือบมองเจ้าอัลเฟร็ดกำลังวิ่งไปรอบๆ แจ็คสันยิ้มกว้างพร้อมกับตบอกตัวเอง


“ที่เรียกมานี่เพราะฉันจะให้ของขวัญกับพวกเขานะ….ยองแจ” เจ้าของชื่อกรอกตาไปมาก่อนจะมองสบตา


“แล้วมาดูกันว่านายจะรอดหรือจะตายตอนทุกคนรู้ความจริง” เสียงหวานดังขึ้นก่อนที่ร่างเล็กจะเดินหายเข้าไปยังห้องนอนอีกห้องหนึ่งที่แม้แต่อี้เอินยังไม่สามารถส่งวิญญาณเข้ามาสำรวจได้…


http://0ctogus.forumth.com

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ