0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

DELIVERY WATER ภาค 2 : ตอนที่ 1 Bodyguard : CYEOL

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

0ctogus

0ctogus
Admin

ภายในห้องนอนสีขาวสะอาดถูกความเงียบโอบล้อมไว้อย่างประณีต ไฟหลายดวงถูกเปิดสว่างโล่ราวกับเจ้าของห้องที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงเป็นโรคกลัวความมืด ในมือเรียวมีหนังสือเล่มหนึ่ง ทว่ากลับไม่ได้กำลังอ่านอยู่ ความจริงแล้วเขาปิดมันลงไปตั้งแต่ได้ยินเสียงประหลาดนั่น…



ครืดด ครืดด




         เสียงคล้ายคนกำลังคลานดังแว่วมาจากทางเดินด้านนอก มันดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอราวกับเจ้าของเสียงนั้นไม่ได้กำลังรีบร้อน ทว่ากลับดังขึ้นเรื่อย  ๆ  เมื่อมันยิ่งเข้าใกล้



         ร่างโปร่งกำผ้าห่มในมือแน่น ดวงตาคู่โตสั่นระริกมองตรงไปที่ประตูด้วยความหวาดกลัว ช่องว่างใต้ประตูมีแสงวูบวาบไปมาบ่งบอกให้รู้ว่าด้านนอกนั่นมีอะไร ‘บางอย่าง’อยู่จริงๆ มือเรียวรีบคว้ามือถือขึ้นมาต่อสายหาใครคนหนึ่งอย่างร้อนรน  



“ฮ ฮ ฮัลโหล มันดังอีกแล้ว มันดังอีกแล้ว!”เสียงทุ้มกรอกสายอย่างตื่นตระหนก หยาดน้ำตาคลอเบ้า สองตายังคงจับจ้องไปที่ประตู


“มันอาจจะไม่มีอะไร คิดในแง่ดีไว้  ฉันจะอยู่กับนายจนกว่าเสียงมันจะเงียบลง”


“มันใกล้เข้ามาแล้ว มันใกล้เข้ามาแล้ว ฉันจะทำยังไงดี ฉันจะทำยังไงดี”เจ้าของเสียงยิ่งรนราน น้ำตาแห่งความกลัวไหลอาบแก้ม รีบลงมาจากเตียง ยืนไปติดกับประตูระเบียง


“ใจเย็นๆชานยอล ใจเย็นๆก่อน มันต้อง” สองตายังคงจ้องไปที่ช่องว่างใต้ประตู


“พี่…”เสียงทุ้มเบาหวิว


“…….”


“มันหยุดอยู่ตรงหน้าประตูแล้ว…” หัวใจเต้นถี่ มือกำโทรศัพท์ไว้แน่น พื้นที่ช่องว่างใต้ประตูถูกแทนที่ด้วยเท้าคน!!!


           เกิดความเงียบอันน่าสะพรึงกลัวขึ้น ชานยอลพยายามนิ่งเงียบ ยืนตัวแข็งทื่อ นิ้วเรียวกดลดเสียงของซูโฮที่ดังอยู่ในสายจนแทบไม่ได้ยิน เขากลัว เขากลัวว่า ‘บางอย่าง’ ที่อยู่นอกห้องจะรู้ว่าเขาอยู่ในนี้


ก๊อก ก๊อก



            เสียงเคาะประตูดังขึ้น ชานยอลยกมือขึ้นปิดปากพยายามกลั้นเสียงร้องไห้ เบียดตัวแทรกติดกับผนังมากขึ้นทั้ง ๆ ที่ไม่มีช่องว่างให้เบียดแล้ว



ก๊อก ก๊อก ก๊อก




            มันดังขึ้นอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้กลับมีของเหลวสีแดงข้นคลั่กราวกับเลือดไหลซึมเข้ามาในประตู ร่างโปร่งสั่นระริกค่อย ๆ เปิดประตูระเบียงเพื่อหนีออกไปอยู่ด้านนอก  เลือกมุมที่ปลอดภัยที่สุดเพื่อนั่งขดอยู่ตรงนั้น ภาวนาให้เสียงนั้นเงียบเสียที ให้เสียงนั้นเงียบเสียที



ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!!



            ประตูถูกเคาะรัวอย่างแรง ห้องทั้งห้องราวกับจะสั่นสะท้านไปทั้งห้อง ร่างโปร่งพยายามกลั้นเสียงร้องไห้


ปึง!! ปึง!! ปึง!!


“ฮึก!”


“ชานยอล ชานยอลเกิดอะไรขึ้น” เสียงซูโฮดังรอดสาย ชานยอลรีบกรอกเสียงลงไป


“พี่ พี่มาที่ห้องผมที! มาที่ห้องผมที!” บอกอย่างสุดจะทน  เสียงทุบประตูกำลังทำให้เขาสติแตก กลัว ‘อะไรบางอย่าง’พังประตูเข้ามาได้ แล้วพอถึงตอนนั้นเขาก็คงไม่รอดแล้ว…



                เสียงสั่นประสาทนั่นทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มันกระหน่ำทุบประตู เสียงคลืบคลานดังแว่วไปมา ชานยอลค่อยๆเลื่อนหน้าไปดูที่บานเลื่อนกระจก ด้วยความที่คอนโดของเขามีห้องนอนกับโซนด้านนอกเชื่อมต่อกันด้วยระเบียง ดวงตาคู่กลมค่อยๆมองเข้าไปข้างในผ่านช่องว่างม่านประตู แล้วความหวาดผวาถึงขีดสุดก็เริ่มขึ้น


                  ร่างนั้นสูงกว่าเขาไม่กี่เซนติเมตร แต่รูปร่างใหญ่กว่า หน้ามีรอยเย็บขวางตั้งแต่กลางหน้าผากลงมาถึงแก้มซ้าย กำลังก้มหน้าเอาหัวโขกกับประตูซ้ำๆ แขนข้างหนึ่งมีรอยกรีด เลือดหยดลงบนพื้น มืออีกข้างค่อยๆเลื่อนลูบแผลช้าๆก่อนจะทำในสิ่งไม่คาดฝันขึ้น



                  เขาค่อยๆใช้มือแหวกแผลให้ถ่างออก ฝ่ามือล้วงเข้าไปข้างใน  เลือดสีสดยิ่งทะลัก แล้วร่างนั้นก็ถลกหนังตัวเองออกมาสดๆ ชานยอลรีบยกมือขึ้นปิดปาก ถอยกรูออกจากบานเลื่อน ทว่ากลับโชคร้ายเผลอชนราวระเบียงจนเกิดเสียงขึ้น ร่างนั้นหันขวับมาทางเขา ดวงตาทะมึนทึ่ง ค่อยๆคลืบคลานเข้ามาหาเขา


“ไม่! ไม่! ฮึก” ร่างโปร่งกรีดร้อง ยกมือขึ้นมาปิดปากร่ำไห้ ร่างนั้นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ฝ่ามือที่ผิดรูปของมันกำลังเอื้อมเปิดประตูแล้ว


“ฮึก! อย่านะ อย่า!” เขาร้องห้าม หลับตาปิดการมองเห็น ทว่าหูกลับได้ยิน เสียงคืบคลานเข้ามาใกล้  ก่อนที่ข้อเท้าของเขาจะถูกคว้า!!



         ชานยอลหวีดร้องลั่น                



“ชานยอล!! เกิดอะไรขึ้น ชานยอล!!” เสียงซูโฮดังขึ้นพร้อมกับรีบวิ่งเข้ามาหา ร่างโปร่งลืมตาโพล่ง


“พี่ พี่! มันดึงขาผม มันดึงขาผม พี่ พี่!” ชานยอลสติแตกร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร


“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว ไม่มีอะไรเลย ดูสิ” ซูโฮพยายามปลอบน้อง แม้ว่าเขาจะยังไม่เข้าใจอะไรเลยก็ตาม เมื่อกี้พอเขาเปิดประตูห้องเข้ามาก็ได้ยินชานยอลกรีดร้อง แต่ไม่เห็นมีใครอื่นนอกจากนี้


“ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว พี่ พี่ผมขออยู่กับพี่สักพักได้มั้ย ผมขอร้อง”


“โอเค โอเค ไม่ต้องกลัวแล้วชานยอล ไม่ต้องกลัวแล้ว” เอ่ยบอกพร้อมกับลูบหลังเบาๆ ขณะมองสำรวจในห้อง ที่นี่ไม่มีอะไรผิดปกติเลยแม้แต่น้อย เว้นเสียต่อ รอยมือที่ข้อเท้าชานยอล…






                ซูโฮพาชานยอลกลับบ้านตามที่คนอ่อนวัยกว่าขอ ตลอดทางที่อยู่บนรถด้วยกัน ร่างโปร่งไม่พูดอะไรเลยสักคำ เอาแต่ร้องไห้และบีบมือเขาเอาไว้แน่น ถ้าเป็นเมื่ออาทิตย์ก่อนเขาคงจะหาว่าชานยอลกำลังแกล้งเขาเล่น จนกระทั่งเมื่อสามวันก่อนที่เขาได้ยินเสียงประหลาดนั่นตอนที่ชานยอลโทรมา


                เรื่องประหลาดนั่นเกิดขึ้นหลังจากที่พวกเรา  EXO ถ่ายทำมิวสิควีดีโอเพลง Monster เสร็จ ชานยอลเป็นสมาชิกคนเดียวที่เจอเหตุการณ์ประหลาด รุ่นน้องของเขาคนนี้เล่าให้ฟังว่ามักจะได้ยินเสียงประหลาด เสียงคลาน เคาะประตู หรือเสียงคำราม แต่ไม่เคยมีครั้งไหนรุนแรงเท่าครั้งนี้มาก่อน ชานยอลแทบจะเข้าใกล้กับคำว่า ‘สติแตก’ เลยด้วยซ้ำ


“แม่พี่จะว่ารึเปล่า” นั่นเป็นประโยคแรกที่ออกมาจากปากชานยอล ขณะที่เขาขับรถเข้าโรงจอดเรียบร้อยแล้ว


“แม่ฉันจะว่าคนที่มาเซอร์ไพส์วันเกิดฉันได้ยังไงกันล่ะ” ซูโฮพยายามพูดล้อเล่นเพื่อคลายบรรยากาศก่อนที่จะเดินนำเข้าไปในบ้าน


                ไฟทั้งบ้านถูกปิดสนิท มีเพียงแสงสว่างจากโคมไฟเล็กๆที่โซนรับแขกเท่านั้นที่ส่องสว่าง แม่ของซูโฮทักทายชานยอลเล็กน้อย เธอไม่ได้พูดหรือถามอะไรมากกว่านั้น เพียงแค่บอกให้รีบพักผ่อนก่อนที่จะขอตัวเข้านอน ซูโฮเดินนำไปที่ห้องของตนเอง ไฟถูกเปิดเอาไว้บอกให้รู้ว่าก่อนออกไปเจ้าของห้องรีบร้อนมากแค่ไหน พวกเขาตัดสินใจจะนอนก่อนที่จะถามเรื่องราวกันในตอนเช้า โดยชานยอลขอให้เปิดไฟไว้ทั้งคืน



----------------------------------




                ตอนเช้าเวียนมาถึงอีกครั้ง พวกเขาตื่นและจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยในตอนแปดโมงกว่า ก่อนจะตรงไปที่ห้องอาหารเป็นอย่างแรก การเป็นศิลปินทำให้พวกเขาติดนิสัยการตื่นเช้า แต่โดยมากแล้วมักไม่ได้นอนยันเช้าเสียมากกว่า



“นายพร้อมจะเล่าเรื่องเมื่อคืนหรือยัง” ซูโฮเอ่ยถามขณะที่ปาดตับบดไปบนแผ่นขนมปัง วัฒนธรรมของบ้านเขาคือการกินขนมปังดีๆสักแผ่นกับตับบดที่ผู้เป็นแม่เป็นคนทำ


           ชานยอลไม่ได้ตอบคำถามโดยทันที สีหน้าและท่าทางที่ชะงักมีดปาดเนยอยู่บ่งบอกได้ดีว่าเขาไม่ได้มีความสุขที่จะตอบคำถามมากนัก อย่างน้อยก็ไม่ได้รู้สึกปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์


“เขามาอีกแล้ว”


“…….”


“เสียงคลานดังมาจากข้างนอกห้องนอน แล้วเขาก็หยุดอยู่ตรงหน้าห้อง ตอนแรกผมคิดว่ามันจะหยุดเหมือนทุกๆครั้ง ไม่รู้สิ แต่เขาไม่เคยทำอะไรมากกว่านั้น ถ้ามีเสียงคลาน ก็จะไม่มีเคาะประตูหรืออย่างอื่น เขาทำอย่างใดอย่างหนึ่ง” ซูโฮวางแก้วน้ำเปล่าที่ยกขึ้นจิบเมื่อครู่ลงกับโต๊ะ


“นายกำลังจะบอกว่าครั้งนี้มันมากกว่าทุกทีหรอ”


“อืม เขาเคาะประตู เคาะอยู่หลายรอบมาก แถมยังมีเลือดซึมเข้ามาด้วย ผมทนไม่ไหวเลยรีบวิ่งหนีออกไปที่ระเบียง เสียงเคาะประตูดังมาก มันดังอยู่ในหัวผมเลย เมื่อคืนผมแทบหลับๆตื่นๆทั้งคืน” ถึงตรงนี้ตาของชานยอลก็แดงเรื่อขึ้นราวกับจะร้องไห้อีกครั้ง


“ถึงผมจะกลัว ผมก็อยากรู้ว่าเขาคืออะไร ผมยื่นหน้าไปดู พี่ … เขาคือสัตว์ประหลาด สัตว์ประหลาดชัดๆ!”


“หมายความว่ายังไง”


“ตัวเขาพิการ แขนกับมือผิดรูป ที่หน้ามีรอยเย็บขวางมาถึงแก้ม  ตาเป็นสีแดง เขาควักแผลตัวเอง อ้อ แล้วพี่ เขามีน็อตอยู่ที่คอด้วย” มาถึงตรงนี้ซูโฮก็หันกลับไปสบตากับคนเด็กกว่าพร้อมกับเลิกคิ้ว


“เหมือนโลโก้ของเราน่ะหรอ” ชานยอลพยักหน้ารับ โลโก้ที่พูดถึงคือโลโก้ใหม่ของวงพวกเขา ขีดกลางของตัวอีเป็นรูปน็อตขวางอยู่


“มันอาจจะแค่บังเอิญ แต่ฉันไม่เข้าใจเลย ทำไมถึงมีนายคนเดียวที่โดน”


“ผมก็ไม่รู้”


“นายแน่ใจนะว่าวันที่เราถ่ายทำกันนายไม่ได้เผลอไปทำอะไรแผลงๆเข้า” ชานยอลส่ายหน้า เขาจำได้ว่าไม่ได้ทำอะไรเลย ถ้าจะมี ก็แต่…


“เรายังทำอะไรตอนนี้ไม่ได้ ถ้าไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ ยังไงตอนนี้นายก็น่าจะปลอดภัยแล้ว เรารีบไปกันเถอะ เช้านี้มีต้องไปถ่าย Music bank อีก” หัวหน้าวงพูดขึ้นพร้อมกับลุกนำไปที่โรงรถ ชานยอลเดินตามไปติดๆ ด้วยภาระหน้าที่ทำให้เขาต้องทิ้งความกลัวของตัวเองไปชั่วครู่หนึ่ง



          พวกเขาทั้งหมดมาสมทบกับสมาชิกที่เหลือที่หอพักแล้วเดินทางไปที่สถานีโทรทัศน์ด้วยกัน เพราะเป็นเรื่องสะดวกสบายและปลอดคำถามจากแฟนคลับมากกว่าการที่จะเห็นสมาชิกคนใดคนหนึ่งแยกกันไปกับคนอื่นๆ เมื่อมากๆเข้า แฟนคลับจะตั้งข้อสังเกตว่า พวกเขาไปไหนมา ทำไมถึงไม่มาพร้อมคนอื่น มีความสัมพันธ์กับสมาชิกไม่ดีหรอ ซึ่งเป็นเรื่องวุ่นวายมากสำหรับพวกเขา



          รถของ EXO มาจอดใกล้กับตึกสถานี และต่อจากนี้พวกเขาต้องเดินเข้าตึกกันเอง ถึงแม้ว่าจะให้รถเข้าไปจอดยังลานจอดรถก็ได้ หากแต่มันเป็นธรรมเนียมที่ศิลปินจะต้องเดินเข้าเพื่อให้แฟนคลับได้ถ่ายรูป หรือในทางธุรกิจเรียกมันว่า การเรียกกระแสนั่นเอง



          มีการ์ดมากมายคอยคุ้มกันพวกเขาอยู่ห่างๆ มีผลักแฟนคลับออกไปบ้างสำหรับคนที่เข้ามาใกล้เกินไป หรือแสดงท่าทีจะคุกคาม แรกๆที่เห็นเขาค่อนข้างตกใจ แต่พอหลังๆก็เริ่มชิน เพราะรู้ว่าต่อให้ร้องห้ามไป ยังไงก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี


“คุณชานยอลครับ ของหล่นแล้ว” เสียงหนึ่งเรียกเขาให้ตื่นขึ้นจากภวังค์ ร่างโปร่งรีบก้มลงไปหยิบหูฟังตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นขอบคุณ


“ขอบคุณครั” เสียงทุ้มขาดห้วงเมื่อสบตากับอีกฝ่าย คนนั้น! คนคนนั้น! สัตว์ประหลาดเมื่อคืนนั่น!!


“พี่ เป็นอะไรรึเปล่า” เซฮุนที่เดินรั้งท้ายมาเอ่ยถาม ร่างโปร่งรีบคว้าแขนคนเด็กกว่าเอาไว้แล้วรีบเดินออกจากตรงนั้น เขาเห็นไม่ผิด  เขาไม่มีทางลืม ผู้ชายคนเมื่อคืนจริงๆ แต่ทำไม ทำไมเขาถึงไม่พิการแล้ว ใบหน้าไม่มีบาดแผล และทำไม ทำไมเขาถึง….


มาเป็นการ์ดให้พวกเรา


ชานยอลไม่อาจคุมสติให้กลับมาเป็นปกติได้ ร่างโปร่งรีบบอกซูโฮทันทีที่เข้ามาในตึก  ซูโฮบอกให้รอดูไปก่อน ชานยอลอาจจะกลัวจนคิดไปเองก็ได้ ทว่าร่างโปร่งไม่คิดแบบนั้น เขาไม่ได้คิดเอง และเขามั่นใจว่าเห็นไม่ผิดแน่
           

             ตลอดเวลาที่ทำงานเขาเอาแต่หวาดระแวง คอยลอบมองรอบๆอย่างระแวดระวังภัย  ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายแต่ชานยอลไม่เห็นผู้ชายคนนั้นอีกเลย  ทั้งๆที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ วันนี้ใช้การ์ดไม่มากเท่าปกติ ซึ่งโดยปกติเวลาที่เขาไม่ได้ต้องไปเจอแฟนคลับอย่างนี้ การ์ดจะวนเวียนอยู่แต่ในสตูดิโอ เขาไม่ชอบความรู้สึกค้างคาใจแบบนี้เลยจริงๆ


“พี่ครับ ขอโทษนะครับ ผมขอถามอะไรหน่อย” ร่างโปร่งอาศัยจังหวะที่กำลังรออัดครั้งต่อไปเอ่ยถามการ์ดที่เขาพอจะสนิทกันอยู่บ้าง   “วันนี้พี่รับการ์ดใหม่มารึเปล่า คนที่ดูตัวสูงกว่าผมนิดหน่อย ผมสี….ซีดๆ ตาสีเทาๆหน่อย”


“โอ้ คุณชานยอลครับ จากที่คุณพูดมานี่การ์ดคนนี้ท่าทางจะดูดีไม่ใช่หยอกเลยนะครับ เราไม่มีคนแบบนั้นหรอก หล่อที่สุดก็มีพี่นี่ล่ะ” ร่างโปร่งหัวเราะไปตามน้ำก่อนจะถามย้ำ


“ไม่มีเลยจริงๆหรอ ครั…” พลันสายตาเหลือบไปเห็นคนท่าทางคล้ายผู้ชายคนนั้นกำลังเดินหายไปทางลานจอดรถ


“คุณชานยอลครับ คุณ”


“เดี๋ยวผมมา” เอ่ยบอกก่อนจะรีบเดินตามไป แม้ว่าใจหนึ่งจะกลัวมากแค่ไหน แต่เขาก็อยากรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่ เขาเบื่อกับสภาพที่ต้องนอนไม่หลับ ตื่นขึ้นมากลางดึก ผวาตลอดคืนอย่างนี้เต็มทนแล้ว


“คุณครับ คุณ!” เสียงทุ้มตะโกนเรียกอีกฝ่ายที่เดินห่างไปหลายเมตร ฝีเท้าของผู้ชายคนนั้นไม่มีท่าทางจะลดลงให้เขาตามทันเลย


“คุณ! คุณครับ หยุดก่อนได้มั้ย” ชานยอลกิ่งเดินกึ่งวิ่ง เมื่อเริ่มตามไม่ทันแล้ว


“คุณ! ผมจำได้นะว่าคุณเป็นใคร คุณต้องการอะไรจากผม เฮ้ คุณหยุดคุยกันก่อนได้มั้ย!”


กึก…


คราวนี้อีกฝ่ายหยุดเดิน หากแต่ยังไม่ยอมหันกลับมาเผชิญหน้า ไฟในลานจอดรถเริ่มกระพริบติดๆดับๆ ชานยอลเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวพร้อมกลับเริ่มกวาดตามองหาคนช่วย


“ต้องการอะไรงั้นหรอ” เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียง ร่างโปร่งบอกไม่ได้ว่ามันเป็นอย่างไร มันเกลือบจะคล้ายเสียงมนุษย์ แต่ก็ดูแห้งสากเหมือนเสียงใบไม้แห้งเสียดสีกัน และถ้าหากลองคิดแผลงๆให้สัตว์ทั้งโลกพูดได้ เสียงมันก็คงคล้ายกับ....งู


“ถ้าฉันบอกไป นายจะให้ได้มั้ยล่ะ”



      ร่างโปร่งนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างย้อนกลับเข้ามาในหัว เสียงคลืบคลาน รอยเลือด เมือก ภาพความน่ากลัวต่างๆเหล่านั้นที่เขาต้องเผชิญมาเกือบหนึ่งอาทิตย์ เขาเบื่อเต็มทนแล้วที่จะต้องอยู่ในสภาพเหมือนติดอยู่ในความฝันร้ายนั้นอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นถ้าเลือกได้ เขาก็อยากจะจบมันลงทุกอย่าง แม้ว่าทางเลือกนั้นจะน่ากลัวกว่าก็ตาม...


“คุณอยากให้ผม...ช่วยอะไร”


พรึบ!

ไฟทุกดวงดับลง ชายผู้นั้นค่อยๆหันกลับมา ดวงตาของเขาสว่างเรืองรองราวกับดวงตาของสัตว์ รอยยิ้มที่สยดสยองที่ค่อยๆฉีกไปถึงใบหู และเผยให้เห็นเขี้ยวสองคู่ที่ยาวมากพอจะเจาะเส้นเลือดใหญ่ของเขาได้ในการกัดเพียงครั้งเดียว

“ฉันต้องการ…”


“….อึก” ชานยอลผวา ใบหน้าหวานเชิดขึ้นเพราะถูกอีกฝ่ายพุ่งเข้ามาประชิดตัวจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว สัมผัสเย็นๆไหลลื่นไปตามซอกคอ ลมหายใจถูกเป่ารดรินผิวเนื้อ ก่อนที่เสียงแหบแห้งนั่นจะกระซิบอยู่ข้างหู



“ชีวิตของนาย” อีกฝ่ายตวัดลิ้นเลียพวงแก้มของเขาอย่างรุ่มร่าม และเขาคงจะกลัวน้อยกว่านี้ถ้าเรียวลิ้นนั่น...



ไม่ใช่ลิ้นสองแฉกอย่างงู












แก้ไขล่าสุดโดย 0ctogus เมื่อ Fri Dec 30, 2016 7:03 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง

http://0ctogus.forumth.com

0ctogus

0ctogus
Admin

----------------------ต่อ---------------------------



ชานยอลไม่อาจลืมเลือนเหตุการณ์เมื่อเย็นได้ตลอดการถ่ายทำมิวสิควิดีโอและยิ่งเวลาล่วงเลยมากเข้าเท่าไร เขาก็ยิ่งตื่นกลัวมากขึ้นเท่านั้น การเลิกกองกลายเป็นสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น การต้องกลับไปอยู่ที่คอนโดคนเดียวเป็นเรื่องสุดท้ายที่เขาจะทำ ร่างโปร่งหลีกเลี่ยงการอยู่คนเดียวตลอดการถ่ายทำมิวสิควิดีโอ สายตามักคอยกวาดสายตามองหาการ์ดปริศนาคนนั้นอยู่เสมอ แม้ว่าซูโฮจะพยายามปลอบเขาว่าทุกอย่างไม่มีอะไร ไม่มีทางที่คนคนเดียวจะสามารถเข้ามาเอาชีวิตเขาได้ท่ามกลางคนมากมายขนาดนี้ต่อให้เขาจะแฝงตัวมาในคราบของผู้รักษาความปลอดภัยก็ตาม…


“เขาไม่ใช่คน” ชานยอลยังคงยืนกรานกับซูโฮอย่างนั้นขณะที่พวกเขาอยู่กันสองคนระหว่างรอคิวถ่ายต่อไป ชายหนุ่มผู้พี่แสดงสีหน้าเคร่งเครียด แลบลิ้นเลียริมฝีปากพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอย่างคนจนปัญญา


“นายกำลังบอกว่าถูกรังควานจากผีหรอ” ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นสบตากับคนถาม


“ไม่ ไม่ใช่ เขามีตัวตน แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเขาคืออะไร เขาบอกแต่ว่าต้องการชีวิตผม”


“ไม่มีทางหรอก เราอยู่กันในกองถ่ายนะ และต่อให้เป็นเวลาอื่นฉันก็นึกไม่ออกเลยว่าเขาจะทำร้ายนายได้ยังไง เราเป็นดาราดังนะ ลำพังแค่ไปกินข้าวยังมีคนถ่ายรูป ไม่ต้องเทียบกับตอนจะมีคนทำร้ายเลย แถมเรายังมีการ์ด  ฉันหมายถึง…การ์ดที่เป็นคนจริงๆอยู่อีกตั้งเยอะ” ซูโฮพยายามย้ำเตือนกับน้อง แม้เขาจะไม่ได้เชื่อเรื่องนี้มากเท่าไร แต่ก็ไม่ดูถูกความตื่นกลัวของชานยอล


“พี่ช่วยอยู่กับผมตลอดช่วงนี้ได้มั้ย” ชานยอลมองอย่างอ้อนวอน ซูโฮพยักหน้ารับพร้อมกับตบบ่าอีกคนเบาๆ


“เลิกคิดมากแล้วไปถ่ายกันต่อเถอะ”




การถ่ายทำฉากต่อไปดำเนินขึ้นหลังจากนั้น ชานยอลดูมีสมาธิกับการทำงานมากขึ้น ฉากที่เขาต้องถ่ายทำเป็นฉากสุดท้ายเป็นฉากที่ง่าย ทว่ากลับสูบพลังของเขาไปเยอะมาก ร่างโปร่งต้องนอนราบไปกับเตียงสแตนเลสที่ไว้ใช้ทำการทดลองโดยมีเหล่าทหารสวมหน้ากากกว่าสิบคนคอยยื้อจับขึงเอาไว้ สิ่งที่เขาต้องทำคือพยายามแสดงท่าทางดิ้นรนหนี


“โอเค ทุกคนพร้อมนะ 5  4  3  2 Action!”


วูบบบ

จู่ๆ สัมผัสเย็นเฉียบก็เลื้อยขึ้นมาจากขาของเขา ปลายหางแหลมเป็นเกล็ดผลุบหายเข้าไปในขากางเกง


“งู!!!” ชานยอลร้องลั่นดิ้นพล่านพยายามดึงหางงูตัวนั้นออกมา


“เกิดอะไรขึ้น!” เสียงผู้กำกับดังขึ้น ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นต่างวิ่งกรูกันเข้ามาช่วยชานยอล


“งู! งู! ผมเห็นงูเลื้อยเข้าไปในขากางเกงผม!”


“พี่ เดี๋ยว ใจเย็นๆก่อน งูที่ไหน” เสียงเซฮุนรุ่นน้องคนสนิทเอ่ยถาม ชานยอลคว้าแขนไว้แน่นพร้อมกับชี้บอก


“มันเลื้อยเข้ามาในขากางเกงพี่”


“ตรงไหน มันไม่เห็นจะมีอะไรเลยนะพี่” เด็กหนุ่มยังคงถามด้วยความฉงน คนเป็นพี่ค่อยๆรวบรวมสติ กวาดสายตาไปมองรอบๆ  แล้วความจริงที่ปรากฎก็ทำให้เขาต้องประหลาดใจ ทุกอย่างไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิตเลื้อยคลาน เป็นไปได้แค่ทางเดียวคือชานยอลคิดไปเอง…


“ต ต แต่เมื่อกี้มันมีจริงๆนะ”


“ผมว่าพี่คิดไปเอง”


“ฉ ฉัน…”


“รีบถ่ายต่อเถอะ เอาไว้ค่อยคุยกันทีหลัง” เซฮุนเอ่ยบอกก่อนจะเดินออกไป ชานยอลจำต้องขอโทษขอโพยทีมงานที่ทำให้วุ่นวายก่อนที่หางตาจะเหลือบไปเห็นดวงตาสีแดงคู่หนึ่งที่เรืองรองอยู่ท่ามกลางความมืดด้านหลังผู้กำกับ…



ผู้ชายคนนั้น…


ใบหน้าหล่อคมคายนั่นค่อยๆคลี่ยิ้มให้กับเขา ฉับพลันนั้นร่างกายของเขาก็ขนลุกซู่ สัมผัสเจ็บปวดเหมือนถูกกัดวาบขึ้นมาบริเวณข้อเท้า รอยงูฉกเล็กๆปรากฏอยู่ที่ตรงนั้น…



‘พิษจะออกในอีกสามสิบนาที ขอให้โชคดี’



“โอเคเอาล่ะ งั้นเริ่มถ่ายใหม่ 5 4 3 2 Action!” ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง ทว่าสายตากลับไม่ได้หยุดอยู่ที่ผู้กำกับ เขามองเลยไปทางด้านหลัง หากแต่ก็ไม่พบใครแล้ว…




ความตายกำลังคืบคลาน…


ชานยอลรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของร่างกาย ศีรษะของเขาเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นเข้าไปกวนสมอง ระบบทางเดินหายใจติดขัด ปลายนิ้วของเขาเริ่มชา การเคลื่อนไหวของเขาชะลอลง หัวใจเต้นไม่เป็นระส่ำ ดวงตาของเขาเริ่มพร่ามัว



“พี่… พาผมไปโรงพยาบาลที” ชานยอลจับแขนซูโฮเอาไว้


“ชานยอลฉันว่านายวิตกจริตมากไป นายอาจจะแค่เครียด” คนเตี้ยกว่าพยายามควบคุมอารมณ์เมื่อคิดว่าน้องชายของเขากำลังวิตกจริตมากเกินไป เขาไม่ว่าถ้าชานยอลจะฟุ้งซ่านแต่ถ้าถึงขั้นทำให้เสียงาน เขาไม่ยอม


“พี่ ผม ไม่ไหว แล้ว พาผมไปที” ร่างโปร่งพยายามจับแขนอีกคนไว้เป็นที่ยึด ทว่าอีกฝ่ายกลับเดินหนีเขา


“ชานยอลนายจะเครียดแค่ไหนก็ได้นะ แต่นายห้ามทำให้เสีย   ชานยอล!!” ซูโฮร้องเสียงหลงเมื่อชานยอลกำลังจะหมดสติ ร่างกายทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น


“ชานยอล! ชานยอล!  มีใครอยู่ข้างนอกมั้ย! รีบมาช่วยชานยอลเร็ว!” ผู้เป็นพี่ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ เหล่าสมาชิกที่อยู่ด้านนอกและผู้คนที่อยู่ใกล้รีบเปิดประตูเข้ามาช่วย


“เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆชานยอลถึงเป็นแบบนี้” ผู้จัดการวงที่กำลังประครองชานยอลอยู่ร้องถามอย่างร้อนรนเมื่อเข้ามาเห็นเหตุการณ์เข้า


“ผมก็ไม่รู้ ชานยอลเอาแต่รบเร้าให้ผมพาเขาไปโรงพยาบาล ผมคิดว่าเขาแค่เครียด”


“พี่  รีบปลุกพี่ชานยอลให้ตื่นเร็ว!” เสียงเซฮุนดังแทรกขึ้น เด็กหนุ่มเบนสายตามามองที่รอยงูฉกที่ข้อเท้าของผู้เป็นพี่ ก่อนจะฉีกชายเสื้อของตัวเองรัดเหนือรอยฉกอย่างเร่งรีบ


“รอยฉก…  ชานยอล ชานยอลตื่นก่อน อย่าเพิ่งหลับ” ซูโฮพยายามเรียกให้น้องได้สติ ดวงตาของชานยอลปรือปรอยใกล้จะหลับเต็มทน เพื่อนในวงต่างพากันกรูเข้ามาหา ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างพากันตะลึงพรึงเพริด งูที่พวกเขาพากันลงความเห็นว่าไม่มีจริง แท้จริงมันกลับมีตัวตน…


“เราต้องรู้ว่าพี่ถูกงูอะไรฉก   งูที่เอามาเข้าฉากนั่นพันธุ์อะไร” น้องเล็กสุดในวงถามพร้อมก้มลงดูดพิษงูจากปากแผล


“งูนั่นไม่มีพิษ” แบคฮยอนเป็นคนเอ่ยตอบ เพราะเป็นคนเดียวในวงที่ชื่นชอบเจ้างูตัวนั้นมากเป็นพิเศษ เขาก็เลยไปถามข้อมูลจากเจ้าของอย่างที่คนทั่วไปมักจะทำ


“ถ้าอย่างนั้นมันเป็นพันธุ์อะไรกันล่ะ” ซูโฮเอ่ยถาม


“แบลคแมมบ้า” ชายแปลกหน้าคนหนึ่งพูดขึ้น ขณะที่สายตาเบนไปมองยังเซฮุน “และถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไม่โง่ดูดพิษมันหรอกนะ” แม้ผู้ชายคนนี้จะสวมเครื่องแบบการ์ดและพูดถ้อยคำที่ดูราวกับหวังดี ทว่ารัศมีที่แผ่ออกมาก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่า ‘ปลอดภัย’ เลยสักนิด


“แบลคแมมบ้า คุณรู้ได้ยังไง มันเป็นไปไม่ได้ มันไม่ใช่งูถิ่นแถวนี้ แล้วผมไม่ได้เอามันมาด้วย” ชายที่เป็นเจ้าของสัตว์ที่นำมาเข้าฉากแย้ง ก่อนจะหุบปากฉับไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก เมื่อร่างสูงปริศนาตวัดดวงตาสีดำด้านไร้แสงเงาคู่นั้นมามอง พร้อมกับพูดด้วยเสียงเย็นยะเยือก


“ถ้ามัวแต่หาคำตอบ เด็กคนนี้คงได้ตายก่อนถึงโรงพยาบาล” เอ่ยบอกก่อนจะเข้ามาช้อนร่างอีกคนขึ้นมาอุ้มแล้วเดินตรงไปที่รถคันที่จอดอยู่ใกล้ที่สุดโดยมีผู้จัดการวิ่งตามมาด้วย


“ผมจะพาเขาไปเอง ไม่ต้องรบกวนคุณหรอก” เสียงแหบแห้งที่เอ่ยบอกไม่ได้ฟังดูเกรงใจหรือหวังดีใดๆเลยสักนิด กลับกันมันคือการบังคับให้ยอมทำตามเสียมากกว่า


“แต่ว่า”


“กลับไปทำงาน” แวบหนึ่งที่ดวงตาของชายผู้นั้นแวววับด้วยแสงสีแดง ผู้จัดการที่ตั้งท่าจะเถียงแต่แรกกลับลืมเลือนเจตนาของตัวเองไปเสียสนิท เขาได้แต่ยืนนิ่งๆมองชายคนนั้นขับรถพาชานยอลออกไปจากตรงนั้นอย่างคนเหม่อลอย แสงไฟหน้ารถสว่างวาบไปตามถนนรกร้างที่แสนเปลี่ยว ก่อนที่จะค่อยลับสายตาไป


“น  น นี่เรา….มาทำอะไรที่นี่กัน”





ทัศนวิสัยน์ของชานยอลกำลังย่ำแย่ เปลือกตาที่กำลังจะปิดเผยอแย้มอนุญาตให้เขาได้มองเห็นสิ่งแวดล้อมรอบตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทัศนียภาพที่เขาไม่คุ้นเคย ป่ารกชัฎ สองข้างทางไร้วี่แววผู้คน สิ่งก่อสร้างหน้าตาประหลาดราวกับหลุดออกมาจากปราสาทสไตล์ยุโรปสีเขียวหม่นจนเกือบดำตั้งตะหง่านอยู่ท่ามกลางผืนป่าที่ไม่น่ามีมนุษย์คนไหนอาศัยอยู่ได้ รถที่เขากำลังนอนอยู่ค่อยๆขับลึกเข้าไปเรื่อยๆ ชานยอลพยายามยันตัวลุกขึ้น หากแต่ร่างกายกลับขยับไม่ได้ แขนขาของเขาชาอย่างสมบูรณ์แบบ มีเพียงดวงตาของเขาที่มองเห็นแผ่นหลังของผู้ชายคนนั้น


“ ค ค คุ..” เขาแทบไม่มีแรงจะขยับปากพูด ความชาค่อยๆกลืนกินประสาทสัมผัสของเขาไปทั่วร่าง หัวใจเต้นถี่ เหงื่อกาฬผุดขึ้นเต็มร่าง


“ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะประหยัดพลังงานตัวเองให้มากที่สุด” ชายคนนั้นหันเสี้ยวหน้ามาหาเขาพร้อมกับฉีกยิ้มให้  “เพราะจากนี้เราต้องใช้พลังงานกันอีกเยอะ” ว่าก่อนจะจอดรถยังหน้าคฤหาสน์  ชานยอลเบิกตาโพล่ง พยายามขืนตัวหนี ทว่ากลับป่วยการ ชายคนนั้นเดินอ้อมมาเปิดประตูรถก่อนจะช้อนตัวอุ้มเขาออกมา



รูปปั้นนาคาขนาดยักษ์บริเวณน้ำพุเป็นสิ่งแรกที่เขาเห็น  ประตูคฤหาถน์ที่ทำมาจากเกล็ดแวววับของตัวอะไรสักอย่างซึ่งเขาไม่อยากรู้ที่มาเปิดผ่างออกทันทีที่เจ้าของบ้านมาถึง ข้ารับใช้ที่หน้าตาแปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอออกมารับผู้เป็นนาย พวกเขามีร่างกายท่อนล่างเป็นงู ท่อนบนเป็นคน ชายปริศนาผู้นั้นพูดอะไรบางอย่างกับพวกเขาด้วยภาษาอื่นที่ไม่ใช่ของมนุษย์ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดตรงไปยังห้องหนึ่งที่มีขนาดใหญ่มากกว่าห้องอื่นๆ ประตูเปิดให้เองโดยอัตโนมัติ ร่างของเขาถูกโยนลงบนเตียงสีเขียวขนาดใหญ่ ก่อนที่อีกฝ่ายจะตามขึ้นคร่อม



“ถึงเวลาที่นายต้องชดใช้เสียที” เสียงแหบแห้งนั่นกระซิบอยู่ข้างหู ลิ้นสองแฉกถูกแลบออกมาตวัดเลียใบหูอีกฝ่ายให้คนลุกซู่


“ฮึก…  ฉ ฉ ฉัน”  


“อัมพาตถึงปากแล้วหรอเนี่ย แบบนี้ฉันก็ไม่ได้ยินเสียงนายครางน่ะสิ” มือแกร่งที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีดำค่อยๆลูบไล้ใบหน้าของอีกอย่างหยาบโลน ชานยอลตัวสั่นระริก น้ำตาแห่งความกลัวที่กลั่นออกมาไหลอาบแก้ม


“ชู่ว์  เศร้าทำไมกันเล่า เรากำลังจะมีความสุขกันนะ” ริมฝีปากหนาพรบจูบไปทั่วสันกรามเรียวลิ้นสองแฉกตวัดเลียชอนไชไปทั่วซอกหูก่อนจะกระซิบเสียงพร่า “ความสุขที่นายพรากจากฉันไปเมื่อหลายปีก่อน”


หัวใจของชานยอลหยุดเต้นไปหนึ่งจังหวะ แม้ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดถึงเรื่องอะไร หากแต่น้ำเสียงที่ใช้มันเต็มไปด้วยความอาฆาต และเกลียดชัง ทว่ายังคงไว้ซึ่งความเย็นยะเยือกได้อย่างน่าสะพรึงราวกับความโกรธแค้นที่สั่งสมมาหลายปีได้ข้นขลั่กจนกลั่นออกมาเป็นความพยาบาท  



“ฉ ฉ ฉันไป ทำอะไร ให้” ชานยอลพยายามเปล่งเสียงออกมา ปีศาจนาคาตนนั้นแสยะยิ้ม นัยน์ตาเปล่งประกายไปด้วยความขำขันระคนโกรธา


“จะบอกว่านายจำเรื่องทุกอย่างไม่ได้เลยงั้นหรอ” มืออีกข้างสอดเข้าใต้เสื้อลูบไล้ผิวละเอียด เร่งเพิ่มความแรงมากขึ้นราวกับจิตใจกำลังถูกความโกรธครอบงำ


“อึก ฉ ฉันไม่เคยทำอะไรให้นาย ไม่เคย!! อั่ก!” ชานยอลถูกบีบคางแน่น ความเจ็บแล่นแปลบไปทั่วใบหน้า


“ได้ ฉันจะทบทวนความทรงจำให้แกฟัง ไอ้มนุษย์โสโครก!!!” ดวงตาสีดำสว่างวาบเป็นสีแดง ภาพเหตุการณ์ในอดีตไหลย้อนกลับเข้ามาในหัว  



สถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่เขาลืมไปแล้วว่าชื่ออะไรปรากฏเด่นในความทรงจำ เขาในตอนเด็กๆกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานกับพี่สาว ก่อนเขาจะสะดุดโพรงดินขนาดใหญ่ งูสีดำสนิทตนหนึ่งชูหัวขึ้นแผ่แม่เบี้ยเพื่อปกป้องบรรดาลูกๆของมันที่ยังคงเป็นไข่ เขาหวีดร้องลั่น อาวุธที่ใกล้ตัวที่สุดคือไข่งูที่อยู่ตรงนั้น เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่โง่ที่สุดด้วยการปาไข่งูใส่แม่งูตนนั้น แม่งูชูหัวสูงขึ้น เห็นได้ชัดว่ามันกำลังโกรธจัด มันพุ่งเข้ามาหมายจะฉกเขา ทว่ากลับมีกิ่งไม้ปัดมันให้ออกห่างจากเขาพร้อมกับแขนของพ่อที่รีบดึงเขาขึ้นมา


“ไม่เป็นไรใช่มั้ยชานยอล”


“พ่อ! มันเลื้อยมาแล้ว ฆ่ามันเลย ฆ่ามัน!!!” งูตัวนั้นพุ่งเข้ามาเตรียมจะฉก พ่อของเขาตัดสินใจต้องฆ่ามันเพื่อปกป้องลูก เขาในตอนนั้นไม่มีแม้แต่ความสงสาร กลับกันกลับโล่งอกเสียด้วยซ้ำที่พ่อกับเขารอดตายมาได้โดยที่ไม่ทันได้คิดเลยว่ากำลังสร้างความเคียดแค้นให้กับใคร…


“พวกคุณทำอะไรลงไปน่ะ!”เสียงมัคคุเทศน์ท้องถิ่นที่มากับพวกเขาด้วยถามอย่างตกใจทันทีที่เห็นซากแม่งูและไข่ที่แตก


“แบบนี้ไม่ดีแน่ ผมบอกพวกคุณแล้วใช่มั้ยว่าอย่าฆ่าสัตว์ที่อยู่แถวนี้ พวกเขาอาจเป็นจิตวิญญาณของป่า” เขาไม่ได้สนใจในคำเตือนของมัคคุเทศน์คนนั้นเลยสักนิด กลับต่อต้านในใจด้วยซ้ำว่าจิตวิญญาณธรรมชาติไม่มีจริง…




“จำได้บ้างรึยังล่ะ!” เสียงแหบแห้งนั้นถามอย่างโกรธแค้น ร่างกายของเขาแข็งทื่อ ท่าของพวกเขาตอนนี้สยดสยองยิ่งกว่าเมื่อครู่ ปีศาจตนนั้นแปลงกายกลับเป็นนาคาสีดำขนาดใหญ่กำลังเลื้อยพันร่างของเขาไว้แน่น โดยส่วนหัวคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอ สัมผัสลื่นๆทำเอาเขาขนลุก


“ฉันตามหานายมาหลายปี และในวันนี้ฉันจะทำให้นายทรมานอย่างที่ฉันเคยเป็น!” สิ้นเสียงนั้นนาคาตัวใหญ่ก็แปลงกลับกลายเป็นคนนั่งซ้อนหลังเขา มือแกร่งกระชากขาของเขาให้แยกออกก่อนจะจับเปลื้องผ้าอย่างป่าเถื่อน นิ้วแกร่งบี้บดปากช่องทางอย่างไร้การเล้าโลม มืออีกข้างจับเขาไปประกบปากจูบด้วยอย่างกระหาย



ภายในโพรงปากนั้นเป็นสีดำสนิทน่าขนลุก คมเขี้ยวสีดำขบกัดริมฝีปากของเขาจนเลือดซิบ ลิ้นสองแฉกนั่นสอดเข้ามาในโพรงปากของเขาก่อนจะเกี่ยวกระหวัดลิ้นของเขา น้ำลายหนืดเหนียวไหลเยิ้มเข้ามาในปากของเขา ชานยอลแทบอยากจะอ้วกออกมาเสียเดี๋ยวนั้น เขากำลังจูบกับงู เขากำลังจูบกับงู



นิ้วแกร่งค่อยๆชำแรกแทรกสอดเข้ามาในช่องทางของเขา ชานยอลส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด แต่อีกฝ่ายกลับตอบรับเขาด้วยการกระแทกนิ้วเข้ามาอย่างแรง ก่อนจะหมุนวนควงให้ทั่วรูร้อนแล้วใช้นิ้วโป้งบี้ซ้ำย้ำๆให้ช่องทางเริ่มขมิบตอดรัด



“ฮึก” หยาดน้ำตาไหลหยดอาบแก้ม ชานยอลทั้งตื่นกลัวทั้งเจ็บปวด อับจนหนทางราวกับลูกนกที่ได้แต่กรีดร้องรอวินาทีที่งูนักฆ่าจะกลืนกินเข้าไป



“ไม่สนุกหรอ เรากำลังจะมีความสุขด้วยกันนะ” แม้ถ้อยคำจะดูอ่อนโยน หากแต่นิ้วที่กระแทกเพิ่มเข้ามาแล้วชักเข้าออกถี่รัวพร้อมกับฝ่ามือเกล็ดหยาบกร้านที่บีบขย้ำไปทั่วอกของเขากลับตรงกันข้าม


“อ๊ะ อึก!” ร่างโปร่งตัวกระตุกด้วยความเจ็บปวดที่แล่นลิ้วขึ้นมา ก่อนที่จู่ๆจะถูกปลอบประโลมด้วยสัมผัสเสียวซ่านที่ยอดอก เรียวลิ้นอีกฝ่ายกำลังตวัดเลียไม่หยุด อีกข้างก็ใช้มือเขี่ยสลับดึงไปมาจนชูชันทั้งสองข้าง ชานยอลมวลท้องไปหมดทั้งเจ็บปวดทรมานหากแต่ก็เสียวซ่านระคนวาบหวาม


“อืมมม ม” เสียงทุ่มต่ำครางอยู่ข้างหู ก่อนที่จะบดเบียดสะโพกถูเป้าตุงกับร่องก้นของเขาเป็นจังหวะ ร่างโปร่งขนลุกซู่ สัมผัสได้ถึงความใหญ่โต



คริสขยับสะโพกให้เร็วขึ้นขณะที่มือแกร่งก็เลื่อนรูดซิปกางเกงลงแล้วจับแก่นกายใหญ่ออกมาก่อนจะผลักร่างโปร่งให้ล้มตัวอยู่ในท่าคลาน มือแกร่งจับแก่นกายมาถูสีกับร่องก้นของอีกคนตามแรงอารมณ์ ในขณะที่อีกข้างก่อนสอดไปบีบขย้ำคลึงยอดอกอีกคนเร็วขึ้นเรื่อยๆ


“ดี อื มมม แบบนี้สินะที่พวกมนุษย์ถึงได้ชอบกันนักหนา” มือใหญ่ฟาดก้นอีกคนขนขึ้นรอยก่อนจะบีบขย้ำเล่นแล้วจับแก้มก้นได้รูปแหวกออกเป็นจังหวะจนเห็นช่องทางผ่านในที่กำลังตอดรัดถี่ๆ คริสแลบลิ้นสองแฉกเลียปากตัวเองก่อนจะจับสอดลำกายเข้าไปทีเดียวจนสุด


“อ่าห์ // อึก! ” สองเสียงดังขึ้นพร้อมกันเมื่อหนึ่งคนกำลังสุขสม แต่อีกคนกำลังทรมาน ชานยอลปล่อยน้ำตาให้ไหลระบายความเจ็บปวด ในขณะที่คริสเองก็ไม่ได้ใส่ใจในความรู้สึกอีกฝ่าย ร่างสูงจับเอวอีกคนให้เข้าประชิดแนบเข้ามาก่อนจะกระแทกกระทั้นตัวเองเข้าออกภายในเร็วๆจนเสียงดังทั่วห้อง



ปีศาจนาคาผลักชานยอลให้นอนคว่ำราบไปกับเตียง ซอยสะโพกเข้าออกไม่หยุดก่อนจะกดบี้ปลายแกนที่จุดกระสันในร่างอีกฝ่ายหนักๆจนชานยอลเผลอครางออกมา ผนังช่องทางขมิบตอดรัดอีกฝ่ายถี่ๆอย่างทรยศเจ้าของ ร่างสูงค่อยๆโน้มกายซ้อนหลัง ใบหน้าหล่อเหลาซุกสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆอย่างหลงใหล กลิ่นที่หอมหวานอันโอชะอย่างนี้เขาไม่เคยได้กลิ่นที่ไหนมาก่อน ช่างเป็นกลิ่นที่ชวนให้ลุ่มหลงเสียจริง


“กลิ่นนายหอมมาก” ริมฝีปากหนาพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังช้าๆ เรียวลิ้นลากเลียไปตามกระดูกสันหลังอย่างวาบหวามเสียจนชานยอลเสียวซ่านมวลท้องน้อย


“อ้ะ!” เสียงทุ้มหวานเผลอร้องคราง ปีศาจนาคาส่งมือเข้าไปเขี่ยยอดอกอีกคนเร็วๆตามแรงขยับด้านหลัง ผนังช่องทางตอดรัดเร็วรัวขึ้น จังหวะการสอดใส่เร็วแรงขึ้นเรื่อยๆ ร่างสูงจับพลิกอีกคนให้หันตะแคงข้างแล้วจับขาเรียวข้างหนึ่งมาเกี่ยวเอวตัวเอง โดยที่ด้านหลังก็ยังคงสอดใส่แรงขึ้นไม่หยุด



เสียงเนื้อกระทบเนื้อถี่ขึ้นเรื่อยๆ ปลายฝั่งฝันใกล้สุดมือเอื้อม คริสเร่งซอยสะโพกเร็วขึ้นอีก ช่องทางบีบรัดดีเสียจนเขาแทบปลดปล่อย ชานยอลเผลอครางออกมาบ้างเป็นระยะๆ ก่อนที่จะร้องเสียงหลงเมื่อคริสกระแทกโดนจุดเสียว



“อ๊ะ อ๊า!!” ร่างสูงกระตุกยิ้มร้าย ถอนก่อนแกนออกจนเกือบหลุดแล้วกระแทกกลับเข้าไปโดนจุดกระสันเต็มแรงหลายๆครั้งเสียจนชานยอลเสียวซ่านจนเกือบทนไม่ไหว คริสเร่งจังหวะให้เร็วแรงขึ้นอีก แก่นกายขยับเข้าออกอีกสองสามทีก่อนที่จะกระแทกปลายแกนย้ำที่จุดกระสันหนักๆแล้วขยี้ค้างก่อนจะปลดปล่อยออกมาพร้อมกับร่องโปร่ง


“อื้อออออ ” ร่างโปร่งครางลั่น นอนหอบหายใจกอบโกยอากาศเข้าปอด เหงื่อกาฬท่วมทั่วร่าง กลิ่นของพวกเขาคละคลุ้งอยู่ในอากาศยิ่งปลุกเร้าความต้องการของสัตว์ป่าให้ปะทะขึ้นอีก


“มนุษย์นี่หมดแรงกันง่ายจริงๆ” เสียงแหบแห้งดังอยู่ข้างหู สัมผัสชื้นแฉะไล่เลียไปมา ชานยอลพยายามขืนตัวหนีแต่ร่างกายก็แทบไม่ขยับเขยื้อนเลย


“พ พ พอ” ปฏิเสธออกไปทั้งๆที่ก็รู้ดีว่าไม่มีวันสมหวัง คริสเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับแสยะยิ้ม


“งูผสมพันธุ์กันครั้งล่ะ1-3ชั่วโมงนะ นี่ยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงดีเลย” ริมฝีปากหนาประกบปากจูบอีกฝ่ายก่อนจะพลิกตัวให้อีกฝ่ายขึ้นมานอนแนบไปกับร่างตัวเอง แก่นกายที่เคยสงบไปแล้วในช่องทางค่อยๆตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่บทเพลงรักแห่งงูจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง


“ชาน ชานยอล! ไอ้พี่ชานยอลโว๊ย!” จู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังแทรกเข้ามา ชานยอลสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ ใบหน้าแรกที่เห็นไม่ใช่ใบหน้าของคริส แต่กลับเป็นน้องชายคนสนิทของเขา


“ตื่นโคตรยากเลยว่ะ เมื่อคืนทำเพลงดึกหรอ” เซฮุนบ่นไปตามเรื่องขณะที่เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเขาเพื่อหาหมวกแก็ปมาใส่  น น นนี่เข้ากลับมาที่ห้องตัวเองหรอ ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่



ชานยอลกระพริบตามองตามอย่างไม่เข้าใจ ร่างโปร่งค่อยๆไล่ลำดับเหตุการณ์ในหัว เขาถูกคริสพาไปที่คฤหาสน์หลังนั้น เขาโดนข่มขืน แล้ว แล้ว แล้วเขาก็สลบไป จากนั้นเขาก็มาตื่นขึ้นที่นี่



“เซฮุนเมื่อคืนนายนอนที่นี่หรอ  จำได้มั้ยว่าใครมาส่งพี่” เอ่ยถามไปทั้งๆที่ตนเองก็ยังไม่เข้าใจนัก เขาจำได้ว่าเมื่อวานเซฮุนแยกกลับไปนอนที่บ้าน คนถูกถามหันกลับมาเลิกคิ้วมองด้วยความฉงน


“พี่พูดอะไรน่ะ ก็เมื่อวานเราแอบโดดไปกินราเม็งด้วยกันตอนเที่ยงคืนแล้วก็พากันมานอนคอนโดพี่เพราะใกล้ร้านที่สุด”


“ว่าไงนะ!?” ชานยอลอุทานเสียงดัง “เมื่อคืนเราไม่ได้ถ่ายMVกันหรอ”


“Monsterน่ะนะ ถ่ายพรุ่งนี้ดิ นี่มันวันที่20เองนะ” เซฮุนชูตารางในมือถือให้เขาดู ร่างโปร่งรีบคว้ามาดูอีกครั้งก่อนจะเปิดหน้าปฏิทินดูอีกรอบ


20 พค 2016

.

.

.


“น น น นี่มัน…เรื่องบ้าอะไรกัน” ชานยอลลูบหน้าตัวเองอย่างสับสน ท่ามกลางความงุนงงของเซฮุนที่ยืนดูด้วยความไม่เข้าใจ


“อ่านวันพีชมากไปหรอวะ  เลิกเพ้อๆ ไปอาบน้ำได้แล้ว พี่ซูโฮโทรจิกแล้ว” เด็กหนุ่มลากเขาเข้าห้องน้ำก่อนจะปิดประตูตามดังลั่น ร่างโปร่งมองตัวเองในกระจกด้วยความสับสน ทว่าสายตาก็พลันไปเห็นรอยอะไรบางอย่างที่ต้นคอ





รอยงูกัด…






‘นี่คือตราประทับของฉันเพื่อไม่ให้นายลืมเรื่องนี้ ถ้านายกลับไป จงไปสักการะครอบครัวของฉันซะ เพราะถ้าไม่…’ เขาจำภาพนั้นได้คริสกระซิบบอกกับเขาในตอนที่ใกล้จะหมดสติ













‘ความฝันทั้งหมดนี้จะกลายเป็นความจริง!’






“นี่คำขู่สินะ” ร่างโปร่งพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะหยิบมือถือที่เผลอหยิบติดมือมาด้วยขึ้นต่อสายหาใครบางคน




“พ่อครับ วันอาทิตย์นี้ว่างมั้ย จำวิหารที่ผมเคยเกือบโดนงูฉกนั่นได้มั้ย ผมอยากไปอีกรอบ” แล้วเสียงทุ้มหวานก็ดังขึ้นต่อเนื่องหลังจากนั้น โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าได้มีรอยสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ตัวหนึ่งกำลังเลื้อยผ่านกำแพงด้านหลังของเขาไป…



http://0ctogus.forumth.com

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ