0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

ChanyaMyAV EP9

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

1ChanyaMyAV EP9 Empty ChanyaMyAV EP9 Wed Feb 01, 2017 2:06 pm

SkulLaeEy



ภายในห้องสีขาวขนาดใหญ่มีร่างของชายหนุ่มสูงโปร่งนั่งสงบนิ่งบนโซฟาหนังสีน้ำตาล เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงแต่ก็ไม่มีทีท่าที่เขาจะเปลี่ยนอิริยาบถ ดวงตาคมทอดมองออกไปบนท้องฟ้า สลับกับเหลือบมองกรอบรูปพี่ชาย ริมฝีปากหนาอมยิ้มช้าๆเมื่อนึกถึงเรื่องราวครั้งก่อนที่ทั้งสองยังคงเยาว์วัย แค่เพียงไม่นานน้ำตาหยาดใสกลับไหลรินอาบแก้ม ภาพความโหดร้ายที่คนในครอบครัวนอนจมกองเลือดยังคงหลอกหลอนเขามาจนถึงทุกวันนี้


“พี่ครับ ผมขอโทษ..” เสียงแผ่วเบาเอ่ยขึ้นพร้อมใช้หลังมือปาดคราบน้ำตา


คริสเข้าใจถึงความรู้สึกของพี่ชาย แม้ในวันนั้นเขาจะมองว่าเป็นเรื่องโง่งม ไร้สาระ แต่บัดนี้กลับทรมานใจในสิ่งที่เขากำลังวิ่งหนี “ความรักกับผู้หญิงที่ไม่คู่ควร” ภายนอกที่แสดงออกมาอย่างเข้มแข็งเพื่อทำหน้าที่ดูแลครอบครัว แต่ภายในกลับอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงเดินต่อเมื่อนึกถึงหญิงสาวที่ชื่อชานยะ


เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องดังขึ้นตามมารยาทที่พึงมีของคนรับใช้


“เข้ามา” ใบหน้าคมเงยขึ้นเพื่อกักเก็บน้ำตาที่ยังไม่เหือดแห้ง


“ทนายประจำตัวคุณคริสขอเข้าพบค่ะ ตอนนี้รออยู่ที่ห้องรับรอง”


“เดี๋ยวฉันลงไป” สะบัดมือไล่คนด้านหน้าโดยไม่เหลือบหันไปมอง


ปลายจมูกโด่งพรูลมหายใจก่อนลุกขึ้น ขายาวก้าวลงไปตามบันไดที่ทอดตัวลงไปชั้นล่าง เขาโค้งศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพทนายประจำตระกูล เอกสารปึกใหญ่ถูกมือหนาหยิบขึ้นมาพิจารณาก่อนจรดปากกาเซ็นรับรอง


“คุณคริสตกลงตามตัวเลขที่ทางฝั่งนั้นเสนอมานะครับ”


“อืม” ขานรับแผ่วเบา กระดาษแผ่นบางถูกพลิกเพื่ออ่านรายละเอียดคร่าวๆอีกครั้ง


“พรุ่งนี้ใช่ไหมที่ชานยะจะเป็นอิสระ” แม้แววตาคมดูดุดัน น่าเกรงขาม แต่กลับแฝงความเศร้าสลดไว้ภายในจนยากจะเดาใจ


“ทางตระกูลโอแจ้งว่าเมื่อใดที่มีการโอนเงินเข้าบัญชีเป็นที่เรียบร้อย คุณชานยะจะเป็นอิสระตั้งแต่วันนั้นครับ”


ไม่ทันสิ้นประโยคสนทนา ฝ่ามือคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดอ่านข้อความที่ดังเตือน ยอดเงินมหาศาลถูกโอนเข้าบัญชีเป็นที่เรียบร้อยโดยที่ทนายฝั่งตระกูลโอเป็นผู้จัดการ ร่างสูงกล่าวขอตัวกับชายสูงวัยตรงหน้าเพื่อมาพบร่างบางที่หน้าห้องนอน เอื้อมมือที่ไร้เรี่ยวแรงเพื่อจะหมุนลูกบิดประตู แต่แล้วเขากลับชักมือออกเมื่อฉุกคิดได้ว่าไม่ควรถือวิสาสะ บัดนี้คริสเป็นเพียงคนอื่น ไม่มีสิทธิมีเสียงใดๆในตัวของเธออีกต่อไป


“ชานยะ…ฉันจะมาบอกว่า..”


ประตูไม้บานใหญ่ถูกเปิดออก ใบหน้าสวยหวานไร้ซึ่งความสดใส เธอผ่านการร้องไห้อย่างหนักเมื่อคืนนี้จนไม่ได้พักผ่อน ภายในห้องถูกเก็บข้าวของเครื่องใช้เรียบร้อย กระเป๋าใบใหญ่บรรจุเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัว ดวงตาคมกวาดมองรอบห้องช้าๆ แม้จะใจหายจนรู้สึกเจ็บหน่วงภายใน แต่อดีตนายจ้างกลับเก็บความรู้สึกนั้นไว้เงียบๆคนเดียว


“ฉันจะไปส่ง เก็บของหมดแล้วใช่ไหม”


“ไม่เป็นไรค่ะ คุณโอเซฮุนจะมารับที่นี่”


“อ่า ถ้าอย่างนั้นฉัน…” ร่างสูงหันหลังกลับเพื่อปลีกตัวออกมาจากบรรยากาศที่น่าอึดอัด


“คุณคริสคะ” แขนเรียวยกขึ้นโอบกอดรอบคนตัวสูงกว่า ใบหน้าสวยซุกที่แผ่นหลังกว้าง เธอพยายามกลั้นน้ำตาเพื่อเอ่ยคำลาสุดท้ายกับเขาก่อนที่จะไม่พบเจอกันอีก


“ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ อย่าทำงานจนดึกเหมือนเคย ขอบคุณสำหรับการดูแลฉันอย่างดีมาตลอด” ฝ่ามือหนากำหลวมๆเพื่อสะกดอารมณ์ของตนเองไว้ เขาต้องการดึงเธอเข้ามากอดให้แน่นจากส่วนลึกของหัวใจ


“เธอเองก็เหมือนกัน” ประโยคตอบรับสั้นๆที่แทบจะไม่แสดงความยินดียินร้ายกับการอยู่หรือไปของอดีตลูกจ้างสาว ขายาวก้าวเดินออกจากห้องเพื่อหลีกหนีความเจ็บปวดตรงหน้า แม้ต้องการรั้งเธอไว้ด้วยความจริงจากหัวใจ แต่ร่างกายและหน้าที่ลูกชายคนเดียวของตระกูลอู๋ กลับสั่งการให้ผลักไสเธอไปจากชีวิต


ประตูไม้บานใหญ่ถูกปิดลง ร่างสูงทรุดลงนั่งกับพื้นหน้าห้องนอน ร่างเล็กยืนหันหลังพิงผนังร่ำไห้ ฝ่ามือบางยกขึ้นมาปิดริมฝีปากกั้นเสียงสะอื้นเพราะเกรงจะเล็ดลอดจนคนภายนอกได้ยิน ความทรมานใจถูกนักธุรกิจหนุ่มเก็บงำไว้เงียบๆ ความรับผิดชอบมากมายยังคงรอเขาอยู่ เสียเวลาเกินไปแล้วกับการร้องไห้เสียใจให้กับผู้หญิงในครั้งนี้…


รถยนต์สีขาวคันหรูถูกขัดล้างจนสีของมันเงาวับ ร่างโปร่งเดินออกจากตัวบ้านด้วยท่าทางอารมณ์ดี แว่นตากันแดดสีชาถูกสวมใส่เพื่อป้องกันแสงจากอาทิตย์ในยามเช้า ห้องนอนขนาดใหญ่ถูกจัดเตรียมเพื่อต้อนรับชานยะ สาวน้อยที่โอเซฮุนหลงรักมานานแรมปี เขาสัญญากับตัวเองด้วยเกียรติของลูกผู้ชายว่า จะปกป้องดูแลเธออย่างดีที่สุดให้สมกับที่ได้เธอมาครอบครอง แม้ตระกูลโอจะไม่ได้คัดค้านกับความเห็นเรื่องนี้ แต่ส่วนหนึ่งกลับเกิดความกังวลว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้น อาจจะกระทบต่อธุรกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลอู๋และตระกูลของตน


“อีกครึ่งชั่วโมงผมจะเข้าไปนะครับ” เสียงปลายสายบอกให้ร่างบางรับรู้ว่าต้องเตรียมตัวขนสัมภาระลงไปด้านล่าง


“ค่ะ” นิ้วเรียวกดวางสาย กระเป๋าใบใหญ่ถูกหิ้วลงมาจากบันไดด้วยความทุลักทุเล


อดีตนายจ้างเหลือบมองร่างหญิงสาวที่คุ้นเคยกำลังทยอยขนของ ฝ่ามือหยิบยกกระเป๋าใบที่มีน้ำหนักมากที่สุดเดินลงมาส่งที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ไม่มีแม้เสียงสนทนาต่อกัน มีเพียงแววตาของคนสองคนที่ลอบมองอีกฝั่งตอนที่ไม่รู้ตัวเท่านั้น


โอเซฮุนขับรถมาตามเส้นทางอย่างไม่รีบร้อน จุดหมายคือบ้านตระกูลใหญ่ของนักธุรกิจจีน ขณะจอดติดไฟแดง เสาสัญญาณจราจรกำลังเปลี่ยนเป็นสีเขียว ร่างโปร่งเหยียบคันเร่งเริ่มออกตัว แต่แล้วก็ต้องเบรกจนศีรษะแทบกระแทกพวงมาลัยเมื่อมีสุนัขสีขาววิ่งมาตัดหน้ากะทันหัน


เสียงหวีดร้องของหญิงสาวริมถนนดังเสียจนแสบแก้วหู ฝ่ามือหนากดแตรถี่ๆให้เจ้าของสุนัขรับรู้ถึงความไม่พอใจของเขา


“เฮ้ ดูหมาประสาอะไรเนี่ยคุณ” สบถลั่นเมื่อจ้องมองร่างเล็กที่กำลังทรุดตัวลงเพื่ออุ้มสุนัขสีขาว


“วีวี่ลูกแม่ ปลอดภัยใช่ไหมลูก” หล่อนแทบไม่สนใจชายหนุ่มหน้าตาดีตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ เธออุ้มเจ้าขนปุยขึ้นแนบอกด้วยความตกใจ


“เห้ยคุณ ผมรีบ” ชะโงกตัวออกไปนอกรถเปิดประทุน และตะโกนเรียกสติจากเจ้าของสุนัขตัวเล็ก


“คุณชนวีวี่หรือเปล่า ออกมาจากรถเดี๋ยวนี้!” หญิงสาวร่างเล็กเดินตรงมากระชากคอเสื้อชายหนุ่มที่ตัวสูงกว่าอย่างไม่เกรงกลัว


“หมาคุณต่างหาก วิ่งออกมาไม่ดูสัญญาณไฟ ฝั่งผมไฟเขียวนะ”


“หมาบ้านคุณรู้จักสัญญาณไฟเหรอ หน้าตาก็ดีแต่ปากเหมือนวีวี่ซะอย่างนั้น”


ทั้งสองโต้เถียงกันด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น ชายสูงวัยท่าทางสุภาพที่อยู่บริเวณนั้นรีบเร่งเข้ามาดูเหตุการณ์เพราะเกรงว่าจะบานปลายไปมากกว่านี้


“คุณหนูครับ พาวีวี่ไปตรวจเช็คอาการที่โรงพยาบาลสัตว์แถวนี้ดีกว่าครับ” ฝ่ามือกร้านรับสุนัขสีขาวที่มีท่าทีตกใจไปอุ้มไว้หลวมๆ


“นายต้องไปโรงพยาบาลสัตว์กับฉัน ถ้าวีวี่เป็นอะไรไป ฉันจะฟ้องจนบ้านนายล้มละลาย!”


“ยัยบ้าเอ้ย นี่ปากเหรอ” แก้มกลมถูกมือหนาดึงจนเจ็บ คนขับรถเห็นท่าไม่ดีจึงตรงเข้าห้ามปราม


“นี่ๆ พ่อหนุ่ม ให้เกียรติคุณหนูของตระกูลฮานด้วย นายจะเดือดร้อนนะถ้าไม่เคารพเธอ”


โอเซฮุนยกยิ้มมุมปากเมื่อรับรู้แล้วว่าร่างเล็กคือ “ฮานนี่” บุตรสาวคนเดียวของตระกูลผู้ร่ำรวยติดอันดับของเกาหลี เขารู้สึกคุ้นหน้าเธอเมื่อนึกได้ว่าผ่านตาตามหนังสือแวดวงธุรกิจ รูปร่างหน้าตาสวยหวานที่โดดเด่นทำให้ชายหนุ่มเคยเปิดพลิกอ่านประวัติคร่าวๆ ครอบครัวของหญิงสาวที่เหวี่ยงวีนตรงหน้ามีชื่อเสียงด้านนำเข้ารถยนต์จากยุโรป มหาเศรษฐีส่วนใหญ่ในโซลมักเป็นลูกค้าของตระกูลนี้ ไม่น่าแปลกหากเธอจะมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเองจนไม่ฟังคนรอบข้าง


“ขอโทษหมาฉันเดี๋ยวนี้!” ฮานนี่ออกคำสั่งโดยไม่สนใจว่าเขาจะมีฐานะทางสังคมอย่างไร


“เธอมันบ้าไปแล้ว” โอเซฮุนกลับหลังหันเตรียมจะขึ้นรถ แขนแกร่งถูกกระชากไว้เพื่อรั้ง หล่อนต้องการฟังคำขอโทษต่อสัตว์เลี้ยงขนปุย


เวลาผ่านไปกว่าชั่วโมง ทั้งสองก็ยังตกลงกันไม่ได้ บรรยากาศรอบข้างเริ่มมีประชาชนคนมุงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้เสียงที่โต้เถียงกันจะไม่ดังมากนัก แต่ก็เรียกความสนใจจากคนบนท้องถนนได้ไม่น้อย รถราควักไขว่กลับหยุดชะงักแค่เพียงปัญหาระหว่างชายหนุ่มกับเจ้าของหมาเอาแต่ใจ


นาฬิกาข้อมือถูกยกขึ้นมาดูเวลาหลายครั้ง ร่างบางเดินวนเวียนไปมาบริเวณหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ชานยะหย่อนกายลงนั่งบนขอบบันไดสีขาวหน้าบ้าน ดวงตากลมจดจ้องไปยังสวนสีเขียวชอุ่มที่ครั้งหนึ่งเธอเคยดูแลมันเมื่อหลายเดือนก่อน ดอกไม้สีสวยเริ่มผลิดอกออกผลยามเข้าหน้าหนาว ลมเย็นพัดโชยเบาๆ ฝ่ามือเล็กลูบต้นแขนตนเองไปมาเมื่อรู้สึกถึงขนแขนที่ลุกชันขึ้นผิดปกติ


หญิงสาวเพ่งมองไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ห่างไปหลายเมตร ร่างของใครคนหนึ่งที่ไม่คุ้นเคยยิ้มบางๆให้หล่อน เขาย่อตัวลงวางสิ่งของบางอย่างใต้โคนต้นก่อนจะเดินหายลับตาไป ชานยะลุกขึ้นเดินตามเพื่อจะดูให้ชัดว่าชายคนนั้นหายไปไหน แต่แล้วก็มีเสียงเรียกจากเจ้าของบ้านหยุดการกระทำของเธอไว้


“นายนั่นยังไม่มาเหรอ” ร่างสูงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยพร้อมทั้งซ่อนแววตาที่เก็บงำความเศร้าโศกไว้


“ยังค่ะ”


“คุณคริส...เมื่อครู่ฉันเห็นใครไม่รู้ตรงนั้น” นิ้วเรียวชี้ตรงไปยังต้นไม้ขนาดใหญ่ ดวงตากลมฉายแววสงสัยใคร่รู้เนื่องจากเธออยู่บ้านหลังนี้เป็นเวลาหลายเดือน แต่กลับไม่เคยเห็นชายหน้าตาดีคนนี้เลยสักครั้ง


“คนสวนใหม่หรือเปล่า แต่ก็ไม่มีใครบอกฉัน” คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อใช้ความคิดกับสิ่งที่หล่อนพูด


ในขณะที่ทั้งสองยังคงฉงนกับชายแปลกหน้าที่หายไปไวดั่งสายลม แค่เพียงไม่นาน เสียงเครื่องยนต์ดังเล็ดลอดเข้ามาในบริเวณบ้าน รถสีขาวเงาวับจอดนิ่งสนิทในลานจอดรถ ร่างโปร่งก้าวลงมาพร้อมโค้งศีรษะให้กับเจ้าของบ้านอย่างไม่เต็มใจ ร่างสูงเบือนหน้าหนีเพราะไม่ถูกใจการกระทำของเซฮุนนัก แต่ด้วยแวดวงธุรกิจที่อาจจะต้องอาศัยวิธีน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า จึงไม่สามารถที่จะกระทบกระทั่งกันตรงๆได้


“เก็บของครบแล้วใช่ไหมครับ” ทายาทตระกูลโอเอ่ยถามร่างเล็กที่ยิ้มรับด้วยความเป็นมิตร


“คิดว่าครบแล้วนะคะ” ฝ่ามือบางยกกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นจากพื้นช้าๆเพราะน้ำหนักของมันมีไม่ใช่น้อย


“ถ้าไม่ครบก็ไม่ต้องกลับมาเอานะครับ ผมคิดว่าอย่างคุณโอเซฮุนซื้อของใหม่ได้สบายๆ อ่อ แต่ถ้าเป็นของเก่าๆชิ้นไหนที่เขาสนใจอยากได้จริงๆ เขาก็คงยอมจ่ายไม่อั้น” เน้นเสียงให้อีกฝ่ายเกิดอารมณ์ ร่างสูงยกยิ้มกวนประสาทร่างโปร่งที่ช่วยชานยะยกสัมภาระ ตากล้องหนุ่มเหลือบมองก่อนที่จะวางของลงที่พื้น


“ของเก่าบางชิ้นก็มีค่าครับ ของใหม่ๆที่คุณมองหาอาจทดแทนมันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ คนบางคนยอมเสียเวลาตามหาของเก่าเป็นเดือน เป็นปี หรือทั้งชีวิต นั่นก็เพราะคุณค่าของมัน ใครจะไปรู้ล่ะครับ สักวันหนึ่งผมอาจจะเห็นคุณเดิมตามหาของเก่าอยู่ก็ได้นะ” หัวเราะเสียงเรียบในลำคอพร้อมแววตาท้าทาย


ใบหน้าคมแสร้งเก็บอารมณ์สีหน้าเย็นชา คำพูดเชือดเฉือนบางลึกถึงจิตใจจนเขาสะดุ้ง ความจริงในจิตใจก็คือของเก่าที่หลุดมือไปนั้นคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของคริส หากแต่เพียงว่าบุคคลรอบตัวของเขา กลับมองว่าชานยะคือผู้หญิงไร้ค่า ที่ไม่คู่ควรทายาทคนเดียวของตระกูลอู๋เท่านั้น


“ขอตัวก่อนนะครับคุณคริส พอดีผมไม่อยากเสียเวลา” ฝ่ามือหนาโอบเอวหญิงสาวรั้งเข้าหาตัว


ศีรษะเล็กโค้งลง เธอเหลือบมองเขาช้าๆก่อนหันหลังเดินจากไปเงียบๆ ไม่มีแม้คำล่ำลา และไม่รู้ว่าในอนาคตข้างหน้าจะโคจรมาพบกันอีกหรือไม่ เสียงจังหวะหัวใจของคนทั้งสองเต้นช้าลงทีละนิด คล้ายคนที่หมดแล้วซึ่งความรัก พลังใจในการต่อสู้ให้ผ่านพ้นในแต่ละวัน


ร่างสูงตัดใจมองไปทางต้นไม้ใหญ่ขณะที่รถยนต์คันหรูเคลื่อนตัว ภายนอกที่ดูแข็งแกร่งคือบทบาทที่เขาต้องแสดงออกไปให้คนอื่นเห็น ดวงตาคมแดงก่ำ เมื่อภาพเหตุการณ์ความสุขในอดีตฉายขึ้นมาช้าๆในความทรงจำ


หญิงสูงวัยเดินตรงเข้ามายืนด้านข้าง เธอคล้ายจะรู้ความนัยน์บางอย่างของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นนายจ้าง ความรักของหนุ่มสาว ความผูกพัน หน้าที่ความรับผิดชอบที่ต้องแยกแยะ หล่อนเอื้อมฝ่ามือหยาบกร้านจับแขนชายหนุ่มเขย่าเบาๆเพื่อให้คริสตั้งสติจากเรื่องทุกข์ใจมากมาย


“ห้องของคุณชานยะจะให้ป้าทำความสะอาดเลยไหมคะ”


“อื้ม…ปิดตายห้องนั้นเหมือนกับห้องของพี่ ฉันไม่อยากมีความทรงจำอะไรแบบนั้นอีกแล้ว”


คนรับใช้สูงวัยพยักหน้ารับรู้ หล่อนเดินจากไปในตัวคฤหาสน์เพื่อทำหน้าที่ของตนเองอย่างเคร่งครัด เจ้านายน้อยของบ้านเปลี่ยนแปลงไปมากหลังจากเกิดเหตุการณ์ร้ายๆภายในครอบครัว แผงอกใหญ่ผ่อนลมหายใจออกเพื่อคลายความกังวล เขาเหลือบมองใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ถูกลมกรรโชกแรงจนกิ่งไม้หัก หล่นลงบนพื้นสนามหญ้า ขายาวพาร่างสูงเดินตรงไปช้าๆ หัวสมองพาลนึกถึงคำพูดของชานยะว่าพบใครคนหนึ่งยืนส่งยิ้มให้เธออยู่ตรงนี้


หลุมดินใต้ต้นไม้ใหญ่ถูกสัตว์ขุดขึ้นมาจนเผยให้เห็นกล่องสีดำกำมะหยี่ แหวนเพชรเม็ดเล็กสะท้อนแสงแดดแวววับยามที่เขาหยิบมันขึ้นมาพลิกดู จดหมายแผ่นเล็กๆถูกเขียนขึ้นด้วยลายมือที่คุ้นเคย แค่อ่านปราดเดียวคริสก็รับรู้ดีแล้วว่านี่คือลายมือพี่ชายคนเดียวของเขา


“คริส จำได้ไหม ที่เราเคยทะเลาะกันตอนเด็กเรื่องเจอแหวนของเล่นบนสนามหญ้า แหวนวงนั้นฉันเอามันไปฝังไว้เพราะไม่อยากให้นายแย่งไป จนบัดนี้นายก็คงยังหาไม่เจอและฉันก็จำไม่ได้ด้วยว่าฝังไว้ตรงไหน ฮ่าๆ ฉันซื้อแหวนวงนี้คืนให้ หวังว่ามันจะชดใช้อะไรบางอย่างได้และคงถูกสวมบนนิ้วมือของคนที่นายรัก ตอนที่นายเจอแหวนพร้อมกับจดหมายนี้ ฉันอาจจะไม่อยู่แล้ว เพียงแต่ก่อนที่ฉันจะเห็นแก่ตัวจากไป แค่อยากคืน ชดใช้กับสิ่งที่เราเคยติดค้างกัน อ่อ ขอให้ตามหาเจ้าของแหวนจนเจอ แล้วนายจะเข้าใจความรัก”


“รักนะ ไอ้น้องชาย” จากพี่ชายของนายเอง


ร่างสูงอ่อนแรงทรุดนั่งลงบนพื้นดิน ไม่มีแม้เจ้าของแหวนที่สวมใส่ ไม่มีแม้คนที่เขียนจดหมายฉบับนี้อวยพรเขา ใบหน้าคมฟุบลงที่แขนร่ำไห้ออกมาเงียบๆ โลกใบนี้มืดมนเหลือเกินกับการใช้ชีวิตเพียงลำพังของคริส ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบแค่เพียงภายนอก แต่ภายในกลับไร้ซึ่งกำลังใจ โหยหาความรักเพื่อมาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย…


บรรยากาศภายในรถเงียบสงบเสียจนโอเซฮุนต้องแสร้งเอื้อมมือเปิดเครื่องเล่นเพลง ดวงตากลมโตมองออกไปด้านนอก โดยไม่ได้สนใจว่ามีใครคนหนึ่งแอบเป็นห่วงอยู่ด้านข้าง เสียงกระแอมไอเบาๆดังขึ้นเพื่อสร้างบทสนทนาเพียงเพื่อไม่อยากให้ชานยะซึมเศร้ามากเกินไป


“เมื่อเช้าตอนผมขับรถมารับคุณ เกือบชนหมาตายแน่ะ”


“ตายจริง แล้วมีใครเป็นอะไรไหมคะ” ร่างเล็กเริ่มสนใจกับสิ่งที่เขาพูด สีหน้าตกใจของเธอทำให้เซฮุนยกยิ้มเมื่อแผนของตนเองได้ผล


“ไม่มีครับ โชคดีที่ไม่ได้ชน แต่พอเจอเจ้าของหมาเท่านั้นแหละ”


“ทำไมคะ”


“อยากชนเจ้าของหมาแทน” ความทะเล้นของเขาทำให้ชานยะเผลอหัวเราะตาม ฝ่ามือเล็กตีแขนแกร่งเบาๆขณะที่เขากำลังทำหน้าที่สารถี


“ผมพูดจริงๆนะครับ ผู้หญิงอะไรไม่รู้ปากจัดชะมัด” ฝ่ามือหนาหมุนพวงมาลัยบังคับรถเลี้ยวเข้าถนนด้านหน้าขณะคุยอย่างออกอรรถรส


“ผู้หญิงควรมีความน่ารักอ่อนหวานแบบคุณ แบบนี้ถึงจะยอมให้เป็นแม่ของลูก” ยิ้มอ่อนโยนส่งกลับไปเพื่อหยอดมุกจีบสาวใส่คนด้านข้าง


“คุณมันร้ายกาจ” นิ้วเล็กชี้หน้าชายหนุ่มรูปหล่อ ความว่องไวทำให้เขาคว้าฝ่ามือเล็กมากุมไว้ขณะที่ขับรถไปตามเส้นทาง จุดหมายคือคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลโอ


“ชานยะ…” ตัดสินใจเอ่ยความรู้สึกออกไปเพื่อหวังจะให้อีกคนเปิดรับ


“ทั้งหัวใจ ร่างกายของคุณที่มันบอบช้ำ ผมยินดีจะดูแลและซ่อมแซมมันเอง เชื่อใจผมนะ”


ริมฝีปากอุ่นจุมพิตลงบนหลังมือขาวนิ่ม แม้ฝ่ามือของโอเซฮุนจะไม่ใหญ่โตหรืออบอุ่นได้เท่ากับของคริส แต่ในช่วงเวลานี้ มันช่วยเยียวยาให้เธอรู้สึกดีขึ้นได้ทีละน้อย มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะทำให้ทุกอย่างกระจ่างชัดในความรู้สึกว่าความจริงแล้วชานยะต้องการใคร


หล่อนยิ้มรับในไมตรีของเขา ไม่มีคำปฏิเสธและตอบรับ มีแต่ความขอบคุณที่โอเซฮุนช่วยเหลือเธอมาโดยตลอด หวังว่าสักวันเธอจะเปิดใจตอบรับความรู้สึกเขาได้อย่างเต็มหัวใจ…


“ฮานนี่ เธออยู่ไหน” เสียงปลายสายร้อนรนเมื่อรับรู้ถึงข่าวดีที่ทำให้เธอตื่นเต้นจนถึงกับนั่งไม่ติด


“อยู่ที่บริษัท มีอะไรเหรอ” ตอบรับเพื่อนสาววัยเด็กอย่างลีอายองในขณะที่ตนเองกำลังเดินช็อปปิ้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง


“เธอต้องไปร้านตัดชุดเพื่อนเจ้าสาวให้ไวที่สุด” หัวเราะร่วน หลังจากได้รับโทรศัพท์คุณแม่สามีในอนาคต


“หมายความว่ายังไง ใครจะแต่งงาน” คิ้วเรียวขมวดมุ่นกับข้อสงสัย


“ฉันกำลังจะแต่งงานกับคุณคริสอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพิ่งได้ฤกษ์มาไม่นานนี้ ในที่สุดเขาก็เป็นของฉัน”


“อื้อ..ฉันดีใจกับเธอด้วยนะลีอายอง แต่ต้องดูก่อนว่าช่วงนั้นว่างหรือเปล่า แค่นี้ก่อนนะพอดีฉันติดธุระด่วน”


กดตัดสายขณะที่อีกคนยังงงกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ฮานนี่ไม่ค่อยชอบนิสัยส่วนตัวของลีอายองเท่าใดนัก และเธอก็ไม่เห็นว่าสมควรดีใจกับเพื่อนตรงไหน เมื่อผู้ชายที่แต่งงานด้วยเคยมีสัมพันธ์กับผู้หญิงประเภทอย่างว่า ทำงานขายเรือนร่างเพื่อเงินจนฉาวโฉ่ขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ สามีในอนาคตของเธอต้องดูดี สง่างาม มีประวัติใสสะอาดกว่านั้นแน่นอน


“เพ้อเจ้อ! คนบางคนก็อยู่กับความฝันหรือคาดหวังอะไรมากเกินไป” โอเซฮุนออกความคิดเห็นหลังจากฟังรายการวิทยุถกประเด็นเรื่องสามี ภรรยาในอุดมคติ


“ในโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก ผมเชื่อแบบนั้น คุณว่าไหม” เอ่ยถามหญิงสาวด้านข้างขณะที่รถจอดนิ่งสนิท


“ใช่ค่ะ ในโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ และเราอาจจะตกหลุมรักความไม่สมบูรณ์แบบของเขา”


“คนบางคนแค่ผ่านมาให้เราเรียนรู้ที่จะรัก แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้คู่กัน” ใบหน้าหวานเจือปนความเศร้า รอยยิ้มบางๆทำให้คนที่จ้องมองรู้สึกไม่สดใส


“ถ้าด้านหน้าไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น คงถึงบ้านผมนานแล้ว” เปลี่ยนเรื่องสนทนาเพื่อหลีกหนีความอึดอัดเมื่อบรรยากาศกลับกลายเป็นแบบเดิมอีกครั้ง


“ก็ถือว่านั่งรถเล่นไงคะ” ดวงตากลมเหม่อมองออกไปนอกตัวรถ อากาศเย็นยะเยือกในฤดูหนาวทำให้ลมพัดแรงกว่าปกติ เศษใบไม้บนถนนปลิวว่อนขึ้นสู่อากาศ รอบข้างชวนให้เงียบเหงาว้าเหว่ดังเช่นหัวใจของเธอในตอนนี้



“คุณคริสคะ..ฉันคิดถึงคุณ”


ไม่มีแม้เสียงปริปากออกไป มีแค่เสียงรำพันในใจที่บอกใครไม่ได้เท่านั้น


เรื่องราวของชานยะสาวน้อยเอวีและคริสนักธุรกิจหนุ่มจะดำเนินไปในทิศทางไหน โปรดติดตาม


END EP9

รบกวนติดแทคในทวิต #ChanyaMyAV เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยค้าบบ หายไปนานมากเพราะภาระหน้าที่มากมาย ขอโทษนะะ TwT

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ