0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

SF #ลอนด้อนที่ร้อนแรง_KY #KrisYeol ฟิคสั้นตอนเดียวจบ NC+

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

SkulLaeEy



“เรียบร้อยหรือยังครับ อีกไม่นานเครื่องจะออกแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยถามชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังหยิบสัมภาระส่วนตัวใส่กระเป๋าใบใหญ่ และแล้วก็ถึงวันที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อร่วมงานกับแบรนด์ดังระดับโลก

แขกในงานมีทั้งดารา นักร้อง เซเลปบริตี้ชื่อดัง แถวหน้าของวงการ คริสเป็นหนึ่งในศิลปินที่ได้รับเชิญจากแบรนด์เบอเบอรี่  ซึ่งเขาเองรับรู้ล่วงหน้าเป็นเดือนและเคลียร์ตารางงานที่อัดแน่นเพื่องานนี้โดยเฉพาะ

ใบหน้าคมขมวดมุ่นเมื่อกำลังนึกถึงบุคคลที่เขาไม่เจอนานแรมปี เด็กน้อยที่สร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ รวมถึงคราบน้ำตาเมื่อเกิดการจากลา ร่างสูงพยายามสลัดความคิดออกจากหัว และสิ่งที่กำลังกังวลเพื่อมุ่งมั่นในการทำงานต่อไป  

“ฉันฝากยกใบนั้นไปด้วย”  นิ้วเรียวชี้ไปทางกระเป๋าใบใหญ่ ซึ่งวางอยู่ไม่ไกลกันนัก

“ยกระวังๆล่ะ ในนั้นมีของสำคัญ” ร่างสูงเดินตรงมาตามทาง โดยมีชายร่างท้วมยกกระเป๋าตามมาไม่ห่าง

-ประเทศเกาหลี-

ขายาวรีบก้าวเข้าเกทสนามบินเพราะเกรงว่าจะสาย แค่ผ่านด่านแฟนคลับที่มารอส่งก็ทำให้เขาเสียเวลามากแล้ว ริมฝีปากเล็กพรูลมหายใจออกมาเบาๆเมื่อนึกถึงคำสั่งของผู้จัดการส่วนตัว

“คงรู้นะว่าต้องวางตัวยังไง งานนี้มีอดีตคนคุ้นเคยของนายไปด้วย อย่าทำให้เสียมาถึงต้นสังกัด”

เขาได้แต่พยักหน้าตอบรับช้าๆอย่างเข้าใจ ทั้งที่ใจจริงอยากขัดขืน แต่ก็ทำได้เพียงยิ้มรับกับคำสั่งเชิงบังคับนั้น

ใช้เวลากว่าหลายชั่วโมงกว่าจะเดินทางมาถึงลอนดอน เมืองใหญ่ที่คับคั่งไปด้วยอารยธรรม สถาปัตยกรรมที่สวยงาม ทั้ง พระราชวังบักกิงแฮม หอนาฬิกาบิ๊กเบน สะพานลอนดอน สถานท่องเที่ยวระดับโลกที่ใครๆต่างใฝ่ฝันจะมาเหยียบสักครั้งในชีวิต ร่างสูงก้าวตรงไปที่ประชาสัมพันธ์ของโรงแรมดังระดับห้าดาว สถานที่ต้อนรับแขกเหรื่อระดับตัวท็อปของประเทศ หญิงต่างชาติหน้าตาดีทักทายด้วยภาษาสากล เขากล่าวตอบรับตามมารยาท เพราะสำหรับคริส ภาษาไม่เคยเป็นอุปสรรคสำหรับการเดินทาง

ห้องพักของแขกชั้นนำอยู่ชั้น 9 แบ่งเป็นโซนเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวแก่ศิลปิน กระเป๋าสัมภาระถูกเก็บเข้าห้อง จัดเตรียมอย่างเรียบร้อยเพราะแม่บ้านส่วนตัวของโรงแรมช่วยอำนวยความสะดวกให้

“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าแขกห้อง 909 เช็คอินหรือยัง”

“ยังนะคะ เพราะเมื่อครู่ผ่านไปยังไม่มีใครเข้าพัก”

“ขอบคุณครับ เสร็จธุระแล้ว ที่เหลือผมจัดการเอง ขอบคุณอีกครั้งนะครับ” โค้งศีรษะลงด้วยความนอบน้อม แม้คนที่สนทนาด้วยจะเป็นเพียงแม่บ้านทำความสะอาด เธอยิ้มรับและแอบชื่นชมเขาในใจ หนุ่มจีนหน้าตาดีที่มีทั้งความถ่อมตัว เก่งภาษา แม้การแต่งตัวของเขาจะดูล้ำหน้าเหมือนมาจากโลกในอนาคต

เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองแล้ว ร่างสูงเตรียมที่จะไปเดินเล่นสำรวจบริเวณใกล้เคียง หลายครั้งที่ดวงตาคมแอบลอบมองตาแมวหน้าประตูห้อง เพื่อเฝ้าดูว่าเด็กหนุ่มห้องตรงข้ามจะเข้ามาเช็คอินเมื่อไร

เวลาผ่านไป…ไร้วี่แววผู้มาเยือนและทุกอย่างเงียบสงัด ขายาวพาร่างสูงเดินตรงไปยังลิฟท์ ล็อบบี้ชั้นล่างค่อนข้างวุ่นวาย คงมีแขกมีชื่อเสียงเข้ามาพักอีกตามเคย บอดี้การ์ดทยอยเดินกันแฟนคลับที่ไม่เกี่ยวข้องให้ออกนอกบริเวณ ฉับพลัน คริสเหลือบเห็นร่างโปร่งที่คุ้นเคยกำลังยืนเช็คอินหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ซึ่งห่างออกไปไม่กี่ก้าว

อุปสรรคในการสื่อสารคือภาษาเกาหลีกับภาษาสากลที่ชานยอลไม่ถนัดนัก ครั้นจะเรียกบอดี้การ์ดที่กำลังสาละวนกับแฟนคลับร่วมสิบคนก็กลับเกรงใจ หญิงต่างชาติหน้าตาสวยเอ่ยถามอีกครั้งว่าต้องการให้เธอช่วยเหลืออะไรหรือไม่ ริมฝีปากบางสั่นเล็กน้อยก่อนเอ่ยตอบไม่เป็นภาษา แต่แล้วเสียงสวรรค์ของใครคนหนึ่งฟังดูคุ้นหูได้โต้ตอบกับรีเซฟชั่นชาวอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติ

ดวงตาคมเหลือบมองดวงตากลมโตที่เบิกกว้างอย่างตกใจ  เขาอ้าปากค้างเมื่อเห็นใบหน้าของคริสชัดขึ้น คนคุ้นเคยที่ไม่เจอกันในระยะเวลาหลายปี

“เธอบอกว่าห้องพักของนายคือห้อง 909 แล้วเธอก็ขอโทษที่ทางโรงแรมไม่ได้เตรียมล่ามภาษาเกาหลีไว้”

ใบหน้าใสซื่อพยักตอบรับช้าๆและยังคงตะลึงงันกับชายหนุ่ม

“เลิกตกใจได้แล้ว ฉันจะไปส่งที่หน้าห้อง”

ฝ่ามือหนาคว้าข้อมือของคนตัวเล็กกว่าเดินดุ่มๆไปตามทาง  ร่างสูงถอดเสื้อคลุมลายสก็อตมาคลุมศีรษะร่างโปร่งเพราะรู้ดีว่าหนุ่มน้อยแพ้แสงแฟลชแรงๆ  นิ้วเรียวยาวขยับแว่นกันแดดเพื่อพรางใบหน้า เขาดึงปีกหมวกของตนเองปิดต่ำลง ทั้งแฟนคลับและนักข่าววิ่งตามทั้งสองคนไปทางลิฟท์ โชคดีที่ประตูปิดลงพร้อมๆกับบอดี้การ์ดที่เข้ามาช่วยกันผู้ไม่เกี่ยวข้องไว้

ทั้งตื่นเต้น ตกใจ จนชานยอลหายใจไม่ทัน ร่างสูงยืนพิงประตูลิฟท์อยู่กับเขาเพียงสองคน คำพูดมากมายในหัวเต็มไปหมด เขาฝึกพูดคำทักทายคนเดียวหลายครั้งตอนนั่งอยู่บนเครื่องบิน แต่แล้วก็ทำได้เพียงเอ่ยออกมาสั้นๆแบบคนไร้สติ

“ไม่เจอกันนานนะฮะพี่คริส” ดวงตากลมแสร้งมองไปทางอื่นเพราะเกรงว่าอีกคนจะจับพิรุธได้

“อืม นายสบายดีไหม” พรูลมหายใจออกช้าๆเมื่อรู้สึกหอบเบาๆหลังจากที่วิ่งหนีฝูงชนแฟนคลับและนักข่าว

“ผมสบายดี พี่ล่ะ”

“ถ้าฉันตอบว่าไม่สบายจะมาดูแลไหมล่ะ” อมยิ้มน้อยๆเมื่อได้หยอกคนคุ้นเคยจนหน้าแดง คริสรู้ดีว่าชานยอลเป็นคนขี้อาย และมักจะเผลอทำตัวประหลาดๆเมื่อโดนอีกคนกลั่นแกล้ง

ประตูลิฟท์เปิดออกช้าๆ ร่างสูงเดินนำร่างโปร่ง ไม่นานทั้งคู่ก็หยุดยืนอยู่หน้าห้อง 909 คีย์การ์ดถูกสอดเข้าตรงบานประตู ชานยอลก้าวเข้าไปในห้องเพื่อสำรวจความเรียบร้อย คริสยืนรอที่หน้าประตู ก่อนเอ่ยประโยคขอตัว

“ห้องฉันอยู่ตรงข้าม มีอะไรก็เคาะเรียกได้”

“ห้องพี่อยู่ตรงข้ามห้องผมเหรอ!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างเป็นครั้งที่สอง

“อืม ทำไม มีอะไรหรือเปล่า”

“เปล่าๆฮะ แล้วใครอยู่ข้างห้อง”

“นางแบบจากฝรั่งเศสมั้ง ฉันจำชื่อไม่ได้ เอ้อ ว่าแต่อย่าบอกเซฮุนล่ะ เดี๋ยวมันจะอิจฉา” หัวเราะในลำคอเมื่อนึกถึงรุ่นน้องที่สนิทกันเมื่อครั้งยังใช้ชีวิตอยู่ที่เกาหลี ทั้งตระเวนเที่ยว ตระเวนกิน จนช่วงหลังทำให้เซฮุนมีปัญหากับลู่หานบ่อยๆ

“ไปก่อนนะ ไว้เจอกัน” ฝ่ามือหนายกขึ้นมาโบกลาช้าๆโดยไม่ได้ฟังคำตอบจากคนตัวเล็กกว่า

ขายาวก้าวเดินไปตามทาง ก่อนโอกาสสุดท้ายจะหลุดลอยไป ก่อนความคิดถึงจนสุดหัวใจจะทำได้แค่คิดถึง ร่างโปร่งทิ้งกระเป๋าและสัมภาระไว้ในห้อง เขาวิ่งตามออกไปและตะโกนเรียกชายหนุ่มที่คุ้นเคยเพื่อยับยั้งให้มีเวลาอยู่ด้วยกันเพียงชั่วครู่ชั่วยามก็พอ

“พี่คริส ผมไปด้วย” ร่างสูงหยุดชะงัก ยกยิ้มละมุนให้กับหนุ่มน้อย ทั้งคู่เดินหายออกไปด้วยกันทางประตูขนของที่อยู่ด้านหลังโรงแรม

รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเจือปนอยู่บนริมฝีปาก ดวงตากลมโตยังคงสดใสเหมือนเคย อดีตที่ผ่านมาแม้มันจะแฝงไปด้วยความเจ็บปวดของการจากลา แต่มันก็ทำให้เขาทั้งสองโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ได้เรียนรู้ความพลัดพรากและอะไรๆหลายๆอย่างของชีวิตในวัยทำงาน

ลมหนาวพัดโชยมาจนร่างโปร่งต้องกระชับเสื้อกันหนาวให้อบอุ่นขึ้น หอคอย พระราชวัง รวมถึงอารยธรรมต่างๆของอังกฤษทำให้ทั้งสองได้พักสมองในการทำงานไปบ้าง บทสนทนาทั่วไปถูกนำมาใช้เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกจริงๆจากใจบางอย่างที่ต้องการสื่อออกไป

“ผมเคยยืนดูรูปพี่ที่เป็นแค่โปสเตอร์หนังใบหนึ่ง”

“น่าตลกนะฮะ..จากคนที่เคยอยู่เคียงข้าง กลับกลายเป็นมองเห็นได้เพียงห่างๆเท่านั้น” ก้อนหินเล็กๆถูกหยิบมาโยนในแอ่งน้ำตามธรรมชาติ ถ้อยคำที่ต้องการจะตัดพ้อมีมากมาย แต่คงจะสายไปสำหรับหลายปีที่ผ่านมา

“ฉันเป็นแฟนคลับนาย แล้วก็หวังให้นายเป็นแฟนคลับฉันเหมือนกัน” ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นยีผมอีกคนจนยุ่ง เขาแสร้งเอาใบไม้แห้งที่พื้นมาหย่อนใส่ผมสีดำขลับนั้น เพื่อให้บรรยากาศรอบข้างดีขึ้น

“พี่คิดถึงผมบ้างไหม” ดวงตากลมโตสั่นระริกเมื่อกลั้นใจถามประโยคที่แสนจะเสียดแทงหัวใจ

“งานฉันเยอะจนไม่มีเวลาคิดถึงใครหรอก” ดวงตาคมทอดมองไปยังสนามหญ้ากว้างใหญ่ที่มีผู้คนเดินผ่านไปมาอย่างไร้จุดหมาย

“…แต่ฉันคิดถึงนายนะชานยอล”

“ฉันก็ทำได้แค่คิดถึงวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น”

“ตอนนี้ผมอยู่ตรงหน้าพี่แล้ว คนที่พี่บอกว่าคิดถึงอยู่ตรงนี้” รอยยิ้มที่คล้ายจะดีใจแฝงไว้ด้วยความเศร้า แขนแกร่งดึงคนตัวเล็กกว่าเข้ามาสวมกอดแนบแน่น ปลายจมูกโด่งสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆจากต้นคอนิ่ม ชานยอลรู้สึกอบอุ่นหัวใจจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ อยากใช้เวลาที่เล็กน้อยนี้ให้คุ้มค่าและยาวนานมากที่สุด

“ไม่ได้ใช้น้ำหอมทอมมี่?” เสียงหัวเราะในลำคอทำให้ร่างโปร่งเขินอาย เพราะความจริงแล้วเขาแอบใช้สินค้าแบรนด์ที่คริสเป็นพรีเซนเตอร์เกือบจะทั้งหมด

“ก็ใช้บ้าง เบื่อๆก็เปลี่ยนกลิ่น”

“ผมว่าเราควรกลับกันดีกว่า ออกมานานเดี๋ยวจะผิดสังเกต” ร่างสูงพยักหน้า เขายันกายจากพื้นช้าๆ ก่อนยื่นมือให้คนตัวเล็กกว่าจับเพื่อพยุงตัวขึ้นมา

อากาศยามค่ำคืนหนาวเหน็บขึ้นทุกที ภาพเก่าๆย้อนกลับเข้ามาในหัวสมอง ช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตด้วยกันในประเทศเกาหลี รอยยิ้ม เสียงหัวเราะของร่างสูง มุกตลกต่างๆนาๆที่เขาชอบเล่น กิจกรรมที่คริสชอบทำ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ก่อร่างสร้างขึ้นมาเป็นความผูกพันในระยะเวลาหลายปี ความคิดถึงเมื่อยามไกลห่าง และวันสุดท้ายที่ดอกแดนดิไลออนได้ปลิวจากไป และเขาก็หาดอกใหม่ไม่ได้สักที ร่างโปร่งเดินไปมาในห้อง คิดทบทวนว่าควรเริ่มบทสนทนาอีกครั้งในตอนนี้ดีหรือไม่

ไวเท่าความคิด เสียงโทรศัพท์ในห้องของโรงแรมดังขึ้นถี่ๆ เสียงหัวใจเต้นระทึกแข่งกับเสียงโทรศัพท์ที่รอให้ใครสักคนมารับสาย

“ฮัลโหล”

“ยังไม่นอนเหรอ มากินไวน์ที่ห้องฉันไหม”

“กลัวใครเห็นแล้วเรื่องไปถึงต้นสังกัด”

“แค่เปิดประตูแล้ววิ่งเข้ามาห้องฉัน ใช้เวลาแค่ไม่กี่วิเอง อ่อ ใส่เสื้อผ้าหนาๆล่ะอากาศมันเย็น”

“โอเคฮะ”

ร่างโปร่งตัดสินใจเปลี่ยนเสื้อผ้าที่รัดกุม ผ้าพันคอผืนหนาใช้อำพรางสายตาจากผู้คน หมวกไหมพรมใบใหญ่สวมทับบนศีรษะ แค่เพียงสองสามก้าวก็เข้าไปในห้องของคริสได้อย่างง่ายดายและไม่มีใครสังเกตเห็น

“จะมาดื่มไวน์หรือมาปล้น” ฝ่ามือหนาแสร้งดึงหมวกไหมพรมออก ดวงตากลมโตหลุบลงเมื่อไม่กล้าสบตากับเจ้าของห้องมาดกวน

“ผมเห็นพี่ดื่มจังพวกของมึนเมา ไอ้ปาร์ตี้สระน้ำนั่นด้วย”

“มันเป็นปกติของการเข้าสังคม ฉันเป็นแร็พเปอร์ พวกเบียร์ ไวน์ เขาก็ดื่มเพื่อสุขภาพกันทั้งนั้น”

“ใช่สิ ก็พี่โตที่เมืองนอกนี่”

“อืมใช่ แล้วนายจะมาหงุดหงิดทำไม”

“ไม่รู้ ผมก็แค่ไม่ชอบเวลาเห็นรูปพวกนั้น”

“หวงเหรอ” แขนแกร่งโอบคอคนตัวเล็กกว่าโน้มกระซิบลงข้างหู กลิ่นแอลกอฮอล์ทำให้ชานยอลขนลุกผิดปกติ

“พี่เมาหรือเปล่า ตาเยิ้มเชียว” หันกลับไปจ้องมองใบหน้าคมที่ดวงตาปรือปรอยลง

“เมาก็ดี จะได้กล้าทำในสิ่งที่อยากทำ อยากพูด”

ร่างสูงเดินประชิดร่างบางจนเขาผละนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ เสื้อคลุมแบบยาวถูกถอดออกวางไว้ด้านข้าง ใบหน้าใสเลิ่กลั่กเพราะเกรงว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ร่างโปร่งเอนไปข้างหลัง ดวงตากลมจ้องใบหน้าคมเขม็งก่อนที่จะเอ่ยห้ามปราม

“พี่คริสจะทำอะไร”

“เปล่า ดื่มไวน์แล้วมันร้อน ก็แค่อยากถอดเสื้อ”

“ไม่ดื่มด้วยกันเหรอ” แก้วทรงสูงถูกหยิบยื่นให้ร่างโปร่งที่นั่งตะลึงงันอยู่ข้างๆ

ชานยอลค่อยๆจิบไวน์สีแดงในแก้ว แอลกอฮอล์ที่ผ่านลงลำคอร้อนผ่าวส่งผลให้ใบหน้าเปลี่ยนสีจากขาวเป็นแดงระเรื่อ คล้ายกับคนเขินอายอย่างไรอย่างนั้น

บทสนทนาเกี่ยวข้องกับเรื่องราวในอดีตของคนทั้งสอง เรื่องงานที่แม้จะอยู่สายบันเทิงเหมือนกัน แต่รายละเอียดปลีกย่อยบางอย่างอาจแตกต่างกัน กว่าหลายนาทีที่สอบถามสารทุกข์สุกดิบและเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น จนมาถึงเรื่องส่วนตัวของคริส

“พี่คบใครอยู่หรือเปล่า” ตัดสินใจเอ่ยถามแม้จะยังกล้าๆกลัวๆกับคำตอบ

“ก็มีบ้าง แค่ผ่านๆ” ร่างสูงกระดกแก้วไวน์เข้าปาก ดื่มรวดเดียวจนหมด

“นายสนใจเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ ต่างกับฉัน  เพราะต่อให้นายจะชอบใคร คบใครอยู่ ฉันก็ไม่สน เพราะตอนนี้เราอยู่ในห้องกันแค่สองคน เวลานี้มีเราแค่สองคน ฉันไม่คิดถึงเรื่องของคนอื่น รวมถึงเรื่องต้นสังกัดบ้าๆนั่นด้วย”

“พี่ก็ยังเหมือนเดิม” เสียงเปรยออกมาแผ่วเบาจากร่างของหนุ่มเกาหลี

“แล้วนายล่ะชานยอล เปลี่ยนไปบ้างไหม”

“ผมก็ยังเหมือนเดิม เคยเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น”

“จะเปลี่ยนไปก็แค่กล้ามนี่สินะ” ใบหน้าคมยกยิ้มขำ ฝ่ามือหนาจับใบหน้าใสไว้เพื่อให้เขามองตา

“ฉันเป็นพวกไม่สนใจโลก รวมถึงไม่สนใจกล้ามของนายด้วย” ริมฝีปากอุ่นทาบทับริมฝีปากเล็กสีแดงที่เจือด้วยไวน์สีสด

“เดี๋ยวก่อนพี่คริส” ฝ่ามือปิดปากตนเองไว้ด้วยความตกใจ

“ปฏิเสธฉันสิถ้าเราไม่ได้คิดตรงกัน หืม” ปลายจมูกโด่งคลอเคลียแก้มนิ่ม ทั้งสองค่อยๆเอนลงบนโซฟาตัวใหญ่ จากนั้นไม่นาน บทรักที่ร้อนแรงก็เริ่มต้นเปิดฉากขึ้นท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บ

ลำคอขาวถูกดูดเลียขบจนเป็นจ้ำบางๆ คริสรู้ดีว่าไม่ควรฝากรอยรักไว้บนร่างกายของน้องชายคนนี้ ฝ่ามือลูบไล้ไปตามร่างกำยำ ความมึนเมาและฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้ความกล้าเพิ่มมากขึ้น เสื้อผ้าถูกถอดกองไว้ที่พื้น นิ้วเรียวยาวสอดเข้าโพรงปากอีกคนให้ดูดเลีย ความเสียวซ่านแผ่ขยายไปทั่วทั้งร่าง เนินอกนิ่มมือแบบชายถูกเคล้นคลึงจนเกิดสีตามรอยนิ้ว ปลายลิ้นสะกิดเลียวนช้าๆก่อนที่จะใช้ปากกอบกุมดูดดุนมันไว้อย่างแผ่วเบา เสียงครางอื้ออึงดังขึ้น  ท่าทีตอนแรกคล้ายผลักไส แต่ทว่าชานยอลกลับแอ่นอกให้อีกคนปรนเปรอความสุขให้จนลืมตัว

ทั้งสองประกบปากแลกจูบดูดดื่มอยู่อย่างนั้นจนไม่สนใจเวลา นิ้วเรียวยาวสอดเข้าร่องคับแน่นด้านล่างจนหน้าตาเหยเก ลิ้นเล็กแลบเลียตามรอยสักกำยำของชายหนุ่มร่างสูง เขาจะเผลอส่งเสียงร้องครวญครางดังไม่ได้ แกนกายถูกชักขึ้นลงเบาๆเพื่อเตรียมความพร้อม คนตัวเล็กกว่าถดตัวลงด้านล่างอย่างรู้งาน ร่างสูงคร่อมบนปากของหนุ่มน้อยและขยับเอวเข้าออกช้าๆ อวัยวะแข็งขืนถูกเล้าโลมจนแทบสำลักความสุข

“อืมม ซี๊ดด แบบนั้นล่ะเด็กดี” เส้นผมดำขลับถูกกอบกุมแน่น สะโพกโยกเข้าใส่ริมฝีปากอิ่มสีแดง ความเสียวซ่านสุดบรรยายกำลังทำให้ขาดสติ

ร่างสูงถอนแกนกายออก ถูวนไปมารอบริมฝีปากเล็กก่อนยัดมันเข้าไปซ้ำอย่างนั้น เสียงครางระงมทั้งผู้ให้และผู้รับ ไม่นานร่างโปร่งก็ถูกพลิกโก้งโค้ง แอ่นสะโพกลอยเด่นท้าทายสายตาเล่น ใบหน้าคมโน้มลงฝังที่ร่องรักคับแน่น ปลายลิ้นเลียวนไปมา แหย่ชอนไชเข้าออกจนคนใต้ร่างสูดปากด้วยความสุขสม

“อ๊า..พี่คริส ผมจะทนไม่ไหวแล้ว เอามันเข้ามาที”

แกนกายขนาดใหญ่สอดเข้าด้านในร่องคับแน่น ขยับเข้าออกช้าๆ เนิบนาบ แต่แฝงไว้ด้วยความรุนแรง หนักหน่วง ไม่นานจากอารมณ์ละมุนละม่อมก็ถูกเปลี่ยนเป็นความร้อนแรง รุมเร้า ชานยอลรับบทหนักจนต้องถ่างขาออกให้กว้างขึ้นเพื่อรองรับการกระทั้นกระแทก ฝ่ามือหนาปิดปากเล็กเพื่อให้เขากลั้นเสียงร้องที่เกรงว่าจะเล็ดลอดออกไปนอกห้อง ร่างโปร่งลุกนั่งบนตัวชายหนุ่มรุ่นพี่ขย่มขึ้นลงเป็นจังหวะ บั้นท้ายเล็กถูกดึงเข้าหาตัวหลายครั้งจนเกิดเสียงเนื้อกระทบเนื้อทั่วทั้งห้อง สะโพกยกขึ้นลงตามแรงขับเคลื่อนของคนทั้งสอง ไม่นานก็ถึงฝั่งฝัน สวรรค์รำไรถูกฉีดพ่นเลอะเทอะโซฟาหรู เสียงหอบหายใจเหนื่อยแข่งกัน เหงื่อผุดพรายทั่วร่างขาวเนียน และตามรอยสักของชายหนุ่ม ใบหน้าคมโน้มขึ้นจูบใบหน้าใสก่อนขบปากดูดไว้จนบวมเจ่อเพราะความคิดถึง ไม่กี่อึดใจสงครามบนเตียง โซฟา และห้องน้ำ ก็เริ่มบรรเลงขึ้นอีกครั้งจนเกือบรุ่งสาง

แสงอาทิตย์ยามเช้ารำไรในประเทศอังกฤษสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างห้องนอน บนเตียงหนานุ่มมีร่างโปร่งนอนคุดคู้ใต้ผ้าห่มสีขาว ปลายจมูกโด่งแอบหอมแก้มกลมก่อนกระซิบที่ข้างหู

“พี่มีงานเช้า ถ่ายแบบเสร็จจะรีบกลับครับ”

“อื้ม งั้นเดี๋ยวผมจะกลับไปนอนต่อที่ห้อง” ร่างโปร่งลุกขึ้นมานั่งงัวเงีย ดวงตากลมค่อยๆเปิดขึ้นทีละน้อย

“ตอนออกจากห้องระวังใครเห็นล่ะ ช่วงบ่ายจะมีแม่บ้านมาทำความสะอาด” กำชับพลางขยับเสื้อแบรนด์หรูดูดีให้เข้าที่ กลิ่นน้ำหอมผู้ชายปะทะจมูกจนร่างโปร่งต้องลืมตา

“น้ำหอมเบอเบอรี่เหรอ”

ร่างสูงยกยิ้มขำก่อนเฉลย

“เปล่า น้ำหอมทอมมี่ อยากดมใกล้ๆไหมล่ะ”

เสียงหัวเราะหยอกล้อของทั้งสองบ่งบอกถึงความสุขที่ได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง

“คืนนี้มานอนด้วยกันที่นี่อีกนะ จบงานจะเลื่อนไฟล์ทกลับ มีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะ” ร่างสูงเอ่ยพลางหยิบเอกสารบางอย่างใส่กระเป๋า เสื้อโค้ทและเตรียมอุปกรณ์ในการทำงานเล็กๆน้อยๆ

“อะไรที่ต้องทำนี่มันหมายถึงอะไร” เด็กหนุ่มฉงนกับคำพูด

คริสเดินไปหมุนประตูลูกบิด เขาไม่ลืมเฉลยคำถามที่ค้างคาใจชานยอล

“อะไรที่ต้องทำก็คือที่เราทำกันเมื่อคืน.. อ่อ แล้ววันนี้จะสอนภาษาอังกฤษ จะได้พูดเก่งขึ้น คำแรกที่ต้องใช้คือ Fuck me please ไว้พูดกับพี่คนเดียว“

หมอนใบเล็กถูกขว้างใส่ประตูด้วยความเขินอาย แก้มกลมใสเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา… ลอนดอน สถานที่ที่ต้องมาทำงาน มีทั้งความสุข ความเศร้า ความหวาบหวาม ความเร่าร้อน สถานที่ที่คริสและชานยอลจะไม่มีวันลืม

-จบ-  

ฝากติดแทค #ลอนด้อนที่ร้อนแรง_KY เพื่อให้กำลังใจไรท์เตอร์ด้วยนะ เหตุการณ์ที่แต่งนี้เป็นเรื่องมโนที่อาจจะมีเค้าโครงเรื่องจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง โปรดใช้วิจารณญาณในการฟิน NC สั้นเพราะฟิคสั้น แต่อย่างอื่นไม่สั้นนาจา 555555555

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ