0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

Black day [Bad valentine part2]

+2
FERNERY
0ctogus
6 posters

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

1Black day [Bad valentine part2] Empty Black day [Bad valentine part2] Wed Mar 06, 2013 8:14 pm

0ctogus

0ctogus
Admin


Black Day




Black day [Bad valentine part2] 120214152296f64






14 มีนาคมวันไวท์เดย์ วันแห่งการสารภาพรักของฝ่ายชาย ผมเคยคิดว่าจะมีผู้ชายที่ไหนที่จะทำอย่างนั้นบ้าง มันดู......เด็ก อ่อนหัด และดูไร้ประสบการณ์ แต่ก็นั้นแหละ ผมคิดผิดไป เพราะสุดท้ายตัวเองดันไปสารภาพรักกับคนคนหนึ่ง....แล้วเราก็คบกันวันนี้ วันครบรอบของเราเลยตรงกับวันที่14ของทุกเดือน แต่ทุกอย่างมันกลายเป็นอดีตไปแล้ว หลังจากวันวาเลนไทน์มื่อปีที่แล้ว...




วันแห่งความรัก วันครบรอบ และวันเลิกกันของเรา ผมแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าเมื่อคืนเขาแอบไปมีอะไรกับรุ่นน้องของผม ผมซื้อทั้งเค้ก ทั้งดอกไม้ และมีของขวัญชิ้นพิเศษ ไปให้เขา คลิปที่เขาเริงรักอยู่กับชู้ของเขา หึ คิดว่าผมไม่เจ็บหรอที่ทำอย่างนั้น คิดว่าไม่รู้สึกอะไรรึไง เปล่าเลย ต่อให้ต้องดูอีกกี่ล้านรอบ ผมก็ทำใจให้ชิน และเพิกเฉยกับมันไม่ได้ มันเจ็บ ทรมาน โกรธ ผิดหวัง เศร้า และเต็มไปด้วยคำถาม ความรู้สึกที่เสียไปของผมถูกตอบแทนด้วยน้ำตาและคำขอโทษของเขา แต่.......มันจะมีประโยชน์อะไร แผลผมไม่ได้หาย และความรัก.....ไม่ได้กลับมา




ถ้าถามว่าผมยังรักเขามั้ย ก็ตอบโดยไม่ต้องคิดเลยว่า ผมยังรักอยู่ รักมากที่สุด ไม่มีใครแทนเขาได้ แต่หัวใจของผมไม่ได้มีไว้ให้เขาทำร้ายอีกแล้ว มันถึงวันหมดอายุของหัวใจเสียที




หลังจากเลิกกัน ผมมีเหตุให้ต้องกลับไปแคนนาดา ซึ่งนั่นก็ดี เพราะผมไม่แข็งแรงพอจะพบเจอสิ่งแวดล้อมเดิมๆที่เปรอะเปื้อนไปด้วยภาพความทรงจำของเรา มันติดแน่น แทรกซึม ราวกับมีใครไปผสานมันไว้ด้วยกัน ความอ่อนแอของผมถูกรักษาด้วยมิตรภาพจากเพื่อน และกิจกรรมบ้าบอต่างๆที่พวกมันขุดหามาให้ทำ เพื่อไม่ให้ผมฟุ้งซ่าน มันก็ดีขึ้นในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้มากพอจะชำระล้างความเจ็บปวดทั้งหมดที่มี




ผมอยู่ที่แคนนาดาเกือบปีได้ แล้วก็ต้องกลับเกาหลีอีก แม้วันเวลาจะล่วงเลยมานานแล้ว แต่ผม ผม.......ยังลืมเขาไม่ได้ ความกลัวเริ่มเข้าเกาะกุมผมตั้งแต่วินาทีแรกที่รู้ว่าต้องกลับ และดูเหมือนมันจะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆตามระยะไมล์ของเครื่องบินที่หดสั้นลง ผมภาวนาอยู่ทุกขณะจิตว่าขอให้ไม่เจอเขาอีก ซึ่งพระเจ้าก็ตอบรับคำขอของผมดี ผมไม่เจอเขามาหนึ่งอาทิตย์นับจากวันที่มาถึง ชีวิตของผมจึงไม่ต้องรับพายุโหมอะไร ตื่นเช้ามา ก็ทำงาน เสร็จก็สังสรรค์นิดหน่อย แล้วก็กลับคอนโด ทุกอย่างก็ผ่านไปสเต็ปเดิมๆ วันนี้ก็เช่นกัน




ผมขับรถไปผับแห่งหนึ่งตั้งแต่ช่วงสองทุ่มได้ ไม่ได้เป็นพวกติดเหล้า หรือชอบเสเพลหาความสุขในสถานที่อโคจร แต่ที่ไปเพราะไม่อยากอยู่คนเดียว ความเงียบและความเหงาดูร้ายแรงและอันตรายสำหรับคนอย่างผม ผมจอดรถเอาไว้ที่ลานก่อนจะเดินเข้าไปในผับ เลือกนั่งแถวหน้าเค้าเตอร์ ผมหันไปสั่งเครื่องดื่ม รอแปบนึงเขาก็เอามาให้ผม ผมมองเปลวไฟสีม่วงอมน้ำเงินนั่นอย่างเหม่อลอย ก่อนจะยื่นมือไปลูบเปลวไฟที่เต้นระริกอยู่บนปากแก้วเล่น ความทรงจำเก่าๆย้อนกลับมาชานยอลไม่ชอบให้ผมกิน ผมค่อยๆผลักแก้วออกห่างตัว




ผมนั่งเหม่อลอยอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน เสียงเพลงที่อึกกะทึกคึกโครม ความสนุกสนานของผู้คน ไม่ได้แทรกซึมเข้ามาในหัวใจผมเลย คริสคนเก่ามันหายไปไหนกัน ที่เป็นอยู่นี่ดูห่างไกลจากตัวตนผมเสียเหลือเกิน ผมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายในอารมณ์ ผมน่าจะรู้อยู่แล้วว่าที่นี้ไม่ได้ช่วยให้ผมลืมความเจ็บปวดลงได้ และเมื่อมันไม่มีประโยชน์ ก็ไม่มีความจำเป็นที่ผมจะต้องอยู่ในสถานที่อโคจรนี่อีกต่อไป




ผมขับรถกลับบ้านโดยแทบจะไม่สนใจท้องถนน เหม่อลอยจนเกือบจะฝ่าไฟแดงไปสองครั้งสองหน ผมคุมสติพาตัวเองไปถึงคอนโด คอนโดใหม่ ห้องใหม่ ที่ไม่มีเขาคนนั้นอยู่ด้วย แต่เลขห้องเลขชั้นก็ดันเป็นวันเกิดเขาอยู่ดี....




อยากจะลืม แต่ก็ดันคิดถึงอยู่ดี




ผมเดินเข้าลิฟท์ กดชั้นที่11 เมื่อถึงที่หมายก็ค่อยๆเดินออกไป เท้าของผมมาหยุดอยู่หน้าห้องที่ 27 ผมหัวเราะความคิดตัวเองที่เลือกห้องนี้เบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง....
ไฟในห้องเปิด





ผมขมวดคิ้ว มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้หลงลืมจนลืมปิดไฟก่อนออกไปทำงาน แล้วก็มั่นใจมากด้วยว่าต้องไม่ใช่โจร ระบบรักษาความปลอดภัยที่นี้จู้จี้ยิ่งกว่าอะไรดี แล้วจู่ๆก็มีเสียงหนึ่งบอกเหตุที่ผมสงสัย



“พี่คริส” เหมือนเลือดในตัวกลายเป็นน้ำแข็ง ผมตัวชาไปหมด


“พี่หายไปไหนมา ผม ผมคิดถึงพี่มากเลยนะ” เขาโผเข้ากอดผมแน่น


“ชาน...ยอล” หัวสมองเหมือนถูกช็อต พูดอะไรไม่ออก มึนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น


“ผม ผม ไม่ได้ยุ่งกับเขาแล้วนะ ผมเลิกยุ่งแล้ว ผม ผมจะรักพี่คนเดียว” ผมหลับตาแน่น สติกลับมาทันทีที่ได้ยินเขาพูดเรื่องนั้น


“ออก-ไป” ผมไม่สนใจว่าเขาจะเข้ามาได้ยังไง แต่ผมสนแค่ว่าเมื่อไรเขาจะออกไป!


“พี่ พี่ยังโกรธผมอยู่หรอ ผม ผมขอโทษ แต่ แต่”


“ออก-ไป”ผมยืนนิ่ง ไม่อยากแตะต้องตัวหรืออะไรทั้งนั้น


“ผม ผมเลิกจริงๆนะ ผมไม่ยุ่งกับ....”


“อย่าได้รื้อฟื้นเรื่องเลวๆของนายกลับขึ้นมาให้ฉันฟังอีก ปาร์คชานยอล”


“ขอโทษ พี่คริส ผมรักพี่นะ รักแค่คนเดียว วันนี้ วันนี้วันครบรอบเรานะ”ชานยอลผละออกมา ตากลมลื่นไหลไปด้วยหยาดน้ำตา สองมือเรียวจับมือผม ก่อนจะจูงมือพาไปที่โต๊ะ ผมสะบัดมือเขาทิ้งอย่างไม่ใยดี


“ออก-ไป”


“วันนี้วันครบรอบนะ ผม ผมมีเค้กให้ด้วยนะ”ชานยอลยื่นเค้กมาให้ผม ผมมองมันด้วยสายตาเรียบเฉย ชานยอลเอื้อมมือจะไปหยิบเทียนมาปัก เมื่อเขาหันกลับมาอีกที ผมก็ทิ้งเค้กลงถังขยะต่อหน้าต่อตาเขา


“พี่คริส.....”


“มันจบแล้วชานยอล อย่ามารื้อฟื้นอะไรอีก”


“ดอกไม้ มีดอกไม้ด้วยนะ ผมเลือกที่กลิ่นอ่อนที่สุด เพราะ.....”


“เชิญออกไปเดี๋ยวนี้ครับ” ชานยอลเริ่มร้องไห้ ส่ายหน้าไปมา ไม่ยอมออกไป ผมเดินไปกระชากแขนเขา ลากให้ออกไปจากห้อง


“ผมไม่ไป ฮึก พี่คริส ผมขอโทษ ผมขอโทษ”ชานยอลทรุดฮวบลงกับพื้น กอดขาผมเอาไว้แน่น ร้องไห้ อ้อนวอนขอให้ผมอย่าเลิกกับเขา ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เรากลับมารักกัน


“น่าสมเพช” ผมมองเหยียด


“ผมยอมทำ ยอมทุกอย่าง เพื่อให้พี่กลับ แม้แต่ตัวผม ทุกอย่าง ผมก็ให้ได้ ถ้าพี่ ถ้าพี่ต้องการ” ชานยอลแหวกชุดคลุมอาบน้ำจนผยให้เห็นหัวไหล่เนียน


“ไร้ค่าได้ขนาดนี้เลยหรอ” การกระทำของเขามันยิ่งทำให้ผมสมเพชมากขึ้นเรื่อยๆ


“ฮึก ผมยอม ยอมทุกอย่าง” ชานยอลกระชับมือที่กอดขาผมเอาไว้แน่น ผมมองเหยียด ก่อนจะกลอกตาไปมาอย่างคนที่กำลังหมดความอดทน


“อยากคืนดีขนาดนั้น? อยากจนยอม.....ทิ้งแม้กระทั่งศักดิ์ศรีของตัวเอง”ชานยอลพยักหน้า


“จะยอมทำทุกๆอย่างเลย”


“ผมยอม ยอมทุกอย่าง ผมขอร้อง กลับมาคบกันนะ ฮึก” ผมเหลือบตามองชานยอลที่สะอื้นไห้จนตัวโยน


“ได้! ฉันจะให้นาย”ชานยอลคลี่ยิ้ม แต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อได้ยินประโยคต่อไป “แต่ในฐานะชู้!!! เหมือนกับที่นายเคยให้มันกับฉัน!!!” ผมหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาต่อสายหาใครบางคน


“เทาหรอ” ผมกดปุ่มลำโพง ให้ชานยอลได้ยินด้วย ตลอดเวลาที่พูดก็จ้องหน้าเขาไปด้วย


“พี่คริส!!!”


“ใช่พี่เอง วันไวท์เดย์นี่ มีฉลองกับใคร เป็นพิเศษ รึเปล่า” ผมจงใจเน้นคำว่าพิเศษ


“พี่ก็รู้ว่าผมยังไม่เลิกชอบพี่ จะให้ฉลองกับใครล่ะ”เทาหัวเราะ ผมยิ้มก่อนจะตอบ


“ถ้าฉลองกับพี่ล่ะ.......”ผมเว้นช่วง พร้อมกับจ้องหน้าชานยอลที่เอาแต่ส่ายหน้า ก่อนจะพูดต่อ “แบบพิเศษๆ ที่..........คอนโดนาย”


“ไม่!!!” ชานยอลตะโกนสุดเสียง


“นั่นเสียงใครน่ะพี่”


“สัมภเวสีขอส่วนบุญมั้งครับ อย่าใส่ใจเลย เดี๋ยวพี่จะไปหาเราที่คอนโดนะ”ผมกระตุกยิ้มก่อนจะกดตัดสายไป แล้วหันไปเปิดประตู แต่ก็ถูกชานยอลรั้งไว้เสียก่อน


“ไม่ ผมไม่ให้ไป พี่คริส ทำไม”


“อย่าได้รั้งเวลาเสวยสุขของฉัน ชานยอล” ผมเชยคางเขาให้ขึ้นมาสบตาตัวเองก่อนจะพูดต่อ “ตอนนายเสวยสุขกับเซฮุน ฉันก็ยังไม่ห้ามเลยไม่ใช่หรอ” ผมฉีกยิ้มให้ ก่อนจะเดินออกมา ช่องประตูที่ยังปิดไม่สนิท เผยให้เห็นชานยอลที่ร้องไห้ ยืนทุบประตูอย่างบ้าคลั่ง


“อยากอยู่นักไม่ใช่หรอ ก็อยู่เฝ้าบ้านไปสิ”


“พี่คริส!!....”ผมปิดประตูใส่หน้าเขา จึงไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรต่ออีก ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พิงหลังกับประตู ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมองเพดานด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะค่อยๆหลับตาลง แล้วหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาเทา


“เทา พี่ไปไม่ได้แล้วนะ โทษที” ผมพูดเสร็จก็กดวางทันที โดยไม่รอให้ปลายสายตอบ ผมเหลือบตามองประตูเล็กน้อย ชานยอลคงร้องไห้อยู่ไหนนั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อน ก็คงจะรีบวิ่งเข้าไปกอด แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ผมค่อยๆเดินไปขึ้นลิฟท์ ผมเดินออกจากลิฟท์ตรงไปยังรถของตัวเองด้วยท่าทางที่ไร้ชีวิตชีวา ถ้ามีคนมาเห็นผมตอนนี้ก็คงคิดว่าเป็นซอมบี้ ผมไม่ได้เข้มแข็ง ผมไม่ได้เก่งอย่างที่แสดงออกมา ความจริงผมมันก็แค่ผู้ชายคนหนึ่ง ที่เจ็บเป็น ร้องไห้เป็น เศร้าเป็น เหมือนคนอื่นๆ





ผมเข้าไปนั่งในที่นั่งคนขับ ฟุบหน้าลงกับพวงมาลัย ในขณะที่มือก็จับมันไว้นิ่ง ตาของผมเหลือบไปเห็นหน้าจอมือถือ ผมหยิบมันขึ้นมาดู ก่อนจะโยนมันไว้เบาะข้างๆ




รูปชานยอล.....





ผมสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา แล้วขับรถออกไปตามทางเรื่อยๆ ไม่รีบร้อนอะไร ผมหักเลี้ยวเข้าไปซอยหนึ่ง ตรงไปอีกไม่กี่เมตร ก็จอดหน้า อาคารๆหนึ่งที่ทาด้วยสีชา สถาปัตยกรรมเป็นแบบโมเดิร์น และที่สำคัญ มันคือ..




คอนโดเก่าของผม





ผมเดินไปที่เค้าเตอร์ ก่อนจะขอคีย์การ์ดห้องตัวเองมา จากนั้นก็ตรงขึ้นห้องไป ผมหวังให้ห้องมันเปลี่ยนไป หวังให้มีเซฮุนนอนอยู่ในนั้น เพราะนั้นจะทำให้ผมโกรธเกลียดปาร์คชานยอลเพิ่มขึ้นไปอีก แต่เมื่อเปิดประตูออก......



ความหวังของผมก็พังทลายลง




ทีนี่ยังคงเหมือนเดิม ชานยอลไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย ผมเดินเข้าไปเปิดประตูห้องนอน เตียงเก่าหายไป ชานยอลเลือกเตียงแบบที่ผมเคยอยากได้มาแทน การกระทำของเขามันยิ่งทำให้ผมรู้สึกไขว่เขว จะเก็บไว้ทำไม จะยังรักษาความรักของเราไว้ทำไม ในเมื่อเขา ในเมื่อเขาเป็นคนทำร้ายผมก่อน อย่าทำเหมือนรัก ทั้งๆที่ทำร้ายกันเลย ชานยอล ผมเบือนหน้าหนี ก่อนจะปิดประตูลงช้าๆ แล้วทิ้งตัวลงนอนกับโซฟา




ความเหนื่อยล้ามากมายถาโถมเข้ามาใส่ร่างกายของผม มันร่ำร้องให้ผมพักผ่อน ฟื้นพลังให้ตัวเอง แต่ปัญหาและความเครียดต่างๆกลับเข้าขัดขวางมันเอาไว้ ผมจึงหลับไม่ได้ ผมแหงนหน้าเหม่อมองเพดานราวกับมันมีอะไรน่าดูนัก ผมปล่อยให้คลื่นความคิดไหลไปตามที่ใจสั่ง ผมคิดถึงเรื่องวันนั้น วันที่ชานยอลมีอะไรกับเซฮุนในห้องของเรา วันที่14เดือนที่แล้วที่ผมบอกเลกเขา เรื่อยไปจนถึงวันนี้ที่เขากลับมาหาผม ที่รู้สึกไม่ใช่ดีใจ แต่มันคือความตกใจ และไม่เข้าใจ...


จะกลับมาทำไม

จะกลับมารื้อฟื้นแผลที่แห้งแล้วทำไม...




ผมถอนหายใจ ยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง ก่อนจะพยายามข่มตัวเองให้หลับ ใช้เวลาอยู่นานกว่าผมจะหลับ ตลอดทั้งคืนผมเอาแต่ฝันเรื่องของชานยอล ภาพที่เขามีอะไรกับเซฮุนฉายซ้ำกลับไปกลับมาในความฝัน ต่อให้ผมอยากจะหนีจากภาพนั้นมากเท่าไร มันก็ยังไม่ยอมหายไปไหน ซ้ำร้ายยังยิ่งหลอกหลอนหนักกว่าเดิม ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยเสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่ข้างตัว…




เจ้าของคอนโด



“ฮัลโหล”


“ใช่ครับ แต่ผมไม่ได้กลับห้อง ทำไมหรอครับ ”


“ว่าไงนะครับ!!! ครับๆ แล้วผมจะรีบไป” ผมรีบขับรถกลับที่คอนโดทันที เจ้าของคอนโดโทรมาบอกว่าห้องข้างๆได้ยินเสียงอะไรบางอย่างหล่นพื้น แต่ที่แย่กว่านั้นคือมีเลือดไหลออกมาจากประตู ไม่ว่าจะโกรธแค่ไหน แต่ แต่ มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ ผมเร่งความเร็วรถ ไม่นานผมก็มาถึงคอนโด ผมกระโจนลงจอดรถ ตรงไปที่ลิฟท์ เวลาดูยืดออกยาวนานกว่าที่ควรจะเป็น แต่เมื่อมันมาถึงชั้นที่ผมต้องการ ผมก็รีบวิ่งไปที่ห้องทันที...



เลือดค่อยๆไหลออกมาจากช่องใต้ประตู



ผมรีบเปิดประตูออก...



“ชานยอล!!!”



ชานยอลนอนแน่นิ่งกับพื้นบริเวณที่เขากอดขาผมเอาไว้ ข้างตัวมีมีดปลอกผลไม้หล่นอยู่ เลือดจากข้อมือทั้งสองข้างเจิงหนองไปทั่วบริเวณ ผมรีบอุ้มชานยอลลงไปข้างล่างทันที



“ชาน ชานยอล!!!”


“ชานยอล ชานยอล!!!”ไม่มีเสียงตอบกลับ ผมรีบวิ่งพาชานยอลขึ้นรถ ขับตรงไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด แล้วทุกอย่างก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว บุรุษพยาบาล อุ้มชานยอลขึ้นเตียงคนไข้ เข็นเขาเข้าห้องฉุกเฉิน นายแพทย์และพยาบาลวิ่งกรูกันเข้าไปในห้อง ผมทรุดตัวนั่งลงกับพื้น มองชานยอลที่หายลับเข้าไปในห้องนั้น ก่อนจะเหลือบมองดูเลือดที่เปื้อนมือและเสื้อของตัวเอง... ผม ผมเป็นสาเหตุที่เขาคิดฆ่าตัวตายใช่มั้ย....ผม...



น้ำตาค่อยๆไหลออกมา




แล้วจากนั้นผมก็เหมือนคนบ้า ผมร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ หนักที่สุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะร้องได้ มือไม้และร่างกายทุกส่วนเย็นเยียบ และไร้เรี่ยวแรง ถ้าชานยอลตาย ผมจะทำยังไง ถ้าเขา ไม่ ผมต้องไม่คิดอย่างนั้น ชานยอลจะไม่ตาย ไม่ เขาต้องไม่ตาย ผมก้มลงมองเลือดบนมือตัวเองอีกครั้ง ความโกรธทั้งหมดมลายหายไปจนหมดสิ้น เหลือไว้แต่ความกลัว ผมกลัว กลัวว่าจะเสียเขาไป และผมเกลียดตัวเองที่ทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้ ผมเม้มปากแน่น หลับตาลง แหงนหน้าขึ้น ก่อนจะค่อยๆลืมตา ภาพที่เขานอนจมกองเลือดติดตาผมแม้กระทั่งตอนลืมตา ผมกำมือขึ้นมาสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้า เทพยาดา และสิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลาย



‘อย่าให้เขาเป็นอะไร อย่าให้เขาเป็นอะไร เอาชีวิตผมไปก็ได้ แต่ แต่อย่าเอาเขาไป’




ผมเอาแต่สวดวกวนอยู่อย่างนั้นไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกวินาทีที่รอคอยดูยาวนาวเป็นชั่วโมง เป็นวันๆ เงาของคนในห้องเดินไปเดินมาอยู่อย่างนั้น ทุกการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นยิ่งทำให้ผมไม่สบายใจ ผมอยากจะเข้าไปดูเขา อยากเข้าไปบอกว่าผมขอโทษ ผมไม่อยากรออยู่เฉยๆตรงนี้



“ชานยอล ชานยอล”ผมเอาแต่พร่ำเรียกชื่อเขาซ้ำๆอยู่อย่างนั้น เข้มนาฬิกาแต่ละนาทีที่เคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้า ยิ่งทำให้ผมเครียดมากขึ้น และยิ่งผมรอนานเท่าไรความเครียดก็ยิ่งพอกพูนจนกลายเป็นความกลัว ผมไม่รู้ว่าเขาเสียเลือดไปเท่าไร ไม่รู้ว่าหมดสติไปนานแค่ไหน และความไม่รู้เหล่านั้นก็กำลังทำให้ผมกังวล ผมไม่อาจปลอบใจตัวเองได้ว่าเขาอาจจะเสียเลือดไม่มาก อาจจะเพิ่งหมดสติไป ผมทำอย่างนั้นไม่ได้ ผมได้แต่ติดอยู่ในความเวิ้งว้าง ไม่มีความหวังให้ยึดเอาไว้ ผมนั่งรอเขาอยู่อย่างนั้น จนเวลาล่วงเลยผ่านไปจากหนึ่งชั่วโมง เป็นสองชั่วโมง สามชั่วโมง แล้วการรอคอยของผมก็สิ้นสุดลง เตียงของชานยอลถูกเข็นออกมา ผมรีบถลาเข้าไปหาเขา




“เขา เขา รอดใช่มั้ยครับ รอดใช่มั้ย เขาไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ” ผมถลาเข้าไปจับมือชานยอลที่นอนหลับอยู่บนเตียง



“เราต้องทำการสแกนสมอง เพราะหมอเห็นรอยช้ำที่หน้าผาก เกรงว่าอาจจะมีเลือดคั่งในสมองได้” ผมยืนนิ่ง เหมือนถูกไฟช็อตไปทั้งตัว.....เลือดออกในสมอง เลือดออกในสมอง.....



สติของผมหลุดกระเจิงหายไปพร้อมกับคำพูดของหมอ ผมเดินตามเขาไปที่ห้องสแกน ใช้เวลาสักพักนายแพทย์คนหนึ่งก็ออกมาพูดกับผม



“เราต้องทำการผ่าตัดด่วน คนไข้มีเลือดออกในแกนสมองมาก”


“เขา เขาจะฟื้นใช่มั้ยครับ”


“………….รับรองผลไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นครับ” ผมยืนจ้องหน้าหมอค้าง หัวสมองไม่รับรู้อะไรอยู่ระยะหนึ่ง สักพักผมก็กระพริบตาไหลน้ำตาถี่ๆ หมอเดินเข้าห้องผ่าตัดไปนานแล้ว ผมเดินไปรออยู่หน้าห้องผ่าตัด ดวงตาเหม่อลอยอย่างคนไร้สติ ‘รับรองผลไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์’ อาจจะไม่ฟื้นงั้นหรอ อาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้วหรอ....



ดวงตาของผมสั่นระริก น้ำตาค่อยๆไหลออกมา ผมนั่งร้องไห้อย่างคนเสียสติอยู่นั่งห้องผ่าตัด ร้องไปตลอดเวลาที่นั่งรอให้เขาออกมา ไม่ฟื้นหรอ ไม่ฟื้นงั้นหรอ...



“ชาน..”ผมหยิบแหวนออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะจูบมันค้างไว้อย่างนั้น...



นี่หรอคือความเสียใจ

มันเป็นอย่างนี้เองหรอ...




ที่ผ่านมา ที่รู้สึกกับทุกเรื่องที่ทำให้ต้องร้องไห้ ไม่เคยมีครั้งไหนเทียบได้กับครั้งนี้ เขา เขาเป็นอย่างนี้เพราะผม ผมทำให้เขาต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทรา ผมอยากให้เขาตื่นขึ้นมา ตื่นขึ้นมาฟังคำพูดของผม ว่าผมไม่ได้โกรธเขาอีกแล้ว ผมไม่โกรธ ไม่เสียใจเลย ผมจะไม่ จะไม่




“ชานยอล!!!” ผมตะโกนเรียกชื่อเขา ก่อนจะทุบตักตัวเองแรงๆ แล้วฟุบหน้าลงกับมือ ทึ้งผมตัวเองอย่างคนที่หมดหนทาง ปล่อยให้ความเสียใจ และน้ำตาทะลักออกมาอย่างไม่อายใคร ผมร้องไห้อยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน ร้องจนไม่มีน้ำตาให้ไหล ผมเริ่มลุกขึ้นยืน เดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องผ่าตัด เอาแต่พร่ำชื่อชานยอลซ้ำๆ มือไม้ของผมสั่นเทา ร่างกายเย็นเยียบ ผมกลัว กลัว กลัวว่าเขาจะไม่ฟื้นขึ้นมา....



“ต้องตื่น ต้องตื่นนะชานยอล พี่ ชาน” น้ำตาทะลักออกมาอีกครั้ง ผมจูบแหวนนั้นซ้ำๆ พร่ำเพ้อพูดกับมาราวกับว่ามันคือชานยอล


“ตื่นขึ้นมานะชาน พี่ พี่ขอโทษ” ทั้งน้ำตาทั้งเลือดของชานยอลเปื้อนแหวนจนสีขมุกขมัวไปหมด ผมรีบเช็ดมันออก แต่คราบเหล่านั้นก็ไม่หายไปเสียที เลือดไหลซึมเข้าไปตามร่องที่สลักชื่อของชานยอลอาบไล้ให้มันกลายเป็นสีแดง หัวใจของผมกระตุบวูบ เหมือนรับรู้ได้ถึงเรื่องร้าย ผมพยายามเข้มแข็ง พยายามไม่คิดอะไรล่วงหน้า ผมไล่ความคิดนั้นออกไป ก่อนจะออกเดินวนไปวนมาหน้าห้องผ่าตัดต่อ ผมรออยู่นานหลายชั่วโมง จากกลางคืน กลายเป็นเช้า กลายเป็นสาย แล้วในที่สุดเตียงของชานยอลก็ถูกเข็นออกมา


“เป็นไงบ้างครับ! เขาจะฟื้นมั้ย!” ผมวิ่งเข้าไปถามนายแพทย์คนหนึ่ง ผมเงียบไป ก่อนจะเอ่ยตอยเสียงเครียด


“………สมองส่วนการรับรู้ได้รับการกระทบกระเทือน เขาจะกลายเป็นเจ้าชายนิทรา” ผมทรุดลงกับพื้น หัวสมองขาวโพลน ไม่ประมวลผมอะไรอีก ทำนบน้ำตาทะลักออกมา ผมร้องไห้อย่างคนบ้า


“ไม่ ไม่ มันต้องไม่เป็นแบบนี้ หมอต้องช่วยเขาได้สิ หมอ หมอ ช่วยเขาที”


“เราพยายามเต็มที่แล้วครับ”


“ไม่ เขาต้องฟื้น เขาต้องฟื้น หมอ หมอต้องช่วยเขา ผมขอ...ร้อง”ผมเขย่าตัวหมอแรงๆ พยาบาลเริ่มเข้ามาจับแยกผมออกไป


“ใจเย็นนะครับ เราพยายามเต็มที่แล้ว” ผมเหลือบไปมองชานยอล ภาพที่เห็นทำผมนิ่งอึ้งไป


“ชานยอล!!!!!!!!!!!!!” ผมถลาเข้าไปหาเขา กอดเขาเอาไว้.....




ชานยอลถูกโกนผมออกจนหมด ทั้งศีรษะถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผล ที่จมูกมีเครื่องช่วยหายใจครอบเอาไว้ ข้อมือทั้งสองข้างถูกพันด้วยผ้าพันแผล สีผิวซีดเซียวจนเห็นเส้นเลือดข้างใน




“ชาน!!! ชาน!!! ชาน!!! ” ผมเขย่าตัวเขาอยู่อย่างนั้น พยาบาลเข้ามาแยกผมออกไป ผมดิ้น สะบัดแขนไปมาอย่างคนขาดสติ ก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้น เตียงคนไข้ถูกเข็นออกไป ผมยันร่างที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงของตัวเองขึ้นมา เดินตามเขาไป ตลอดทางที่เดินก็เอาแต่ร้องไห้ พร่ำเรียกชื่อเขาซ้ำๆ แต่..............เขาก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย....




หลังจากวันนั้น ชีวิตของผมก็มืดมิดลงเรื่อยๆ ผมหายใจทิ้งไปวันๆ ไม่รู้ความหมายของค่าการมีชีวิต ผมมาเยี่ยมชานยอลทุกวัน อยู่คุยกับเขาตั้งแต่เย็นยันค่ำ วันนี้ก็เช่นกัน ผมเดินเข้าห้องพักผู้ป่วยของเขา ในมือถือช่อดอกไม้สีขาวมาด้วย ผมเปิดประตูเข้าไป ชานยอลยังนอนอยู่บนเตียง ด้วยท่าทางแบบเดิมเหมือนวันที่ออกมาจากห้องผ่าตัด ผมพิงหลังกับประตู ทอดตามองเขาที่นอนอยู่ด้วยความรู้สึกผิด ที่เขาต้องเป็นอย่างนี้ก็เพราะผม ถ้าคืนนั้นผมไม่ออกไป เขาก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้ ผมเหลือบตามองเพดาน ไล่น้ำตาไม่ให้ไหลออกมา ก่อนจะเดินเอาดอกไม้ไปใส่แจกัน เสร็จแล้วก็เดินไปนั่งข้างๆเตียงเขา



"พี่มาแล้วนะ" ประโยคเดิมที่ออกจากปากผมในทุกๆวัน และก็เหมือนเคย ไม่มีเสียงตอบกลับ ผมยื่นมือไปลูบแก้มเขาเบาๆ ก่อนจะเลื่อนมือไปขยับหมวกให้เข้าที่ ผมถอยห่างออกมา พิงหลังกับพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อล้า พลังในการดำเนินชีวิตดูจะหดหายไปพร้อมๆกับคนตรงหน้า ผมนั่งมองเขาอยู่อย่างนั้น หยาดน้ำตาไหลออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่มีมือที่คอยซับน้ำตาให้ ผมเอื้อมมือไปกุมมือชานยอลเอาไว้


“พี่ขอโทษ" เสียงที่ตอบกลับมามีเพียงเสียงหายใจของชานยอล ทำนบน้ำตาพังทลายลง ผมร้องไห้อย่างคนบ้า พร่ำเพ้อแต่คำว่าขอโทษ ขอโทษ ทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไร


"พี่ขอโทษ ขอโทษ”ผมพร่ำแต่ขอโทษเขาซ้ำๆ ร้องไห้และเริ่มโวยวายมากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามามากขึ้นราวกับแปรผันตามความเศร้าของผม มันกดทับร่างผมจนอึดอัดแทบแตกสลาย ผมกอดเขาเอาไว้แน่น แนบแก้มตัวเองกับแก้มเขา ลูบศีรษะที่มีหมวกสวมไว้อยู่อย่างนั้น พรมจูบไปทั่วใบหน้าของเขา ร่ำร้องให้เขาตื่นขึ้นมา แต่เขา.......ก็ไม่ตื่นมารับคำขอโทษของผมอีกเลย....



ผมเหลือบตาไปมองปฏิทิน ความจริงของวันเวลาที่เดินไปข้างหน้า ยิ่งตอกย้ำให้รู้ว่าผมไม่มีโอกาสกลับไปแก้ไขเรื่องคืนนั้นได้ ไม่มีโอกาสได้ชานยอลกลับมา...




" ไม่มีอดีตให้แก้ไข
ไม่มีปัจจุบันให้รักษา
และ
ไม่มีอนาคตให้แก้ตัว"

Wu Yi Fan

Black Day 14 March 2013

http://0ctogus.forumth.com

2Black day [Bad valentine part2] Empty Re: Black day [Bad valentine part2] Thu Mar 14, 2013 11:42 pm

FERNERY

FERNERY

ฮือออออ ทำไมมันเศร้าแบบนี้อ่ะไรท์ T__________T

ชานยอลอุส่าฟ์สำนึกผิด แต่พี่คริสก็ใจแข็ง

ถ้าพี่คริสไม่ออกไปคืนนั้น ชานยอลกฌคงไม่เป็นแบบนี้

จบแบบ อ้ากกกกกกกก อ่านไปร้องไห้ไป สงสารทั้งพี่คริสทั้งชายอล หน่วง กรี๊ดดดด นอนไม่หลับ ฮืออออ T_________T

3Black day [Bad valentine part2] Empty Re: Black day [Bad valentine part2] Sun Mar 17, 2013 6:38 pm

Wisakha01



จะสมน้ำหน้าใครดีล้ะ หึหึ #มาซะนางร้ายเลยนะ55555

ง่าส์~~~~~ ทำไม่ต้องให้แต่เฮียทรมานด้วย
ยอลก็ทำร้ายเฮีย โอ้ยยย
เป็นเจ้าชายนิททรา ก็เหมือนกับตายทั้งเป็น มันทรมานนะ ฮื้ออออออออ

จะมีภาคต่ออีกไหมค่ะ อยากให้ทั้งสอง มีโอกาสได้เเก่ตัว ว่ะฮ่ะฮ่า!!!!55^0^ Laughing

4Black day [Bad valentine part2] Empty Re: Black day [Bad valentine part2] Wed Aug 21, 2013 2:39 pm

KrisYeol5125

KrisYeol5125

อ่านตอนแรกแอบเกลียดชานยอลนะ (เกลียดอิเน่ด้วย) #อันนี้เค้าเรียกว่าพาล

T^T แต่ทำม้ายทำไม ต้องเป็นแบบนี้อ่า งื้อๆๆ
พี่คริสนะพี่คริส พี่น่าจะทำตามใจตัวเองเรียกบ้าง (น้ำตาท่วมบ้าน)

สรุปคือสงสารทั้งสองคนอ่ะ ดราม่าไปไหน TOT

5Black day [Bad valentine part2] Empty Re: Black day [Bad valentine part2] Wed Dec 11, 2013 3:13 pm

Bumye



สงสารทั้งคู่อ่ะ  ทำไมทำอย่างนี้  เศร้ามาก ๆๆๆๆๆ
จะมีตอนต่ออีกไหมอ่ะ แบบให้ชานยอลฟื้น แล้วสมหวังกับคริสอ่ะ

6Black day [Bad valentine part2] Empty Re: Black day [Bad valentine part2] Sun Jan 19, 2014 9:56 pm

wappa



ทำไมมันบีบหัวใจเยี่ยงนี้คะ ไรท์..เค้าเศร้าอ่ะ ไม่ยอมๆๆๆๆๆ TT.TT

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ