0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

[ KaiDO Part ] วิญญาณของผู้ทำพันธนาการ 3

+5
Wisakha01
akanishibluecat
NikyNook
HANAMI
0ctogus
9 posters

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

0ctogus

0ctogus
Admin






เรื่องราวของผมไม่มีอะไรซับซ้อน ไม่มีอะไรน่าสนใจ มันไม่มีค่าพอให้คุณต้องหยุดอ่านหรอก คุณจะข้ามไปอ่านตอนจบของเรื่องก็ได้ หากคุณรู้สึกว่ามันน่าเบื่อเกินจะทน เรื่องราวของผมนั้นเต็มไปด้วยความกลัว ความเศร้า และ.....ความตาย




ย้อนกลับไปเมื่อสมัยครั้งที่ยังเป็นมนุษย์คนธรรมดา ผมหมายถึง ก่อนที่จะทำพันธนาการหน่ะนะ ผมเป็นแค่เด็กผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่อาศัยอยู่กับพ่อแม่และยายในบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากผู้คน ถนนที่ตัดอย่างลวกๆที่ทอดตัวอยู่หน้าบ้านของผม ถือเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยเชื่อมเราจากโลกภายนอก แต่ถึงจะลำบากยากแค้นแค่ไหน ผมก็ไม่เคยคิดอยากจะย้ายไปที่อื่น อย่างน้อยที่นี่ก็คือบ้านเกิดของผม พ่อของผมเป็นหมอชาวบ้าน ท่านพอรักษาอาการเจ็บไข้ได้ป่วยได้บ้าง วิธีการรักษาของท่านผสมผสานระหว่างภูมิปัญญากับไสยศาสตร์ ผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าท่านสามารถมองเห็นวิญญาณได้มั้ย ผมกับแม่จะคอยช่วยท่านอีกทีหนึ่ง ส่วนคุณยายไม่ได้ทำอะไร กิจการของเราถือว่าพออยู่ได้ เราใช้ชีวิตอย่างปกติสุขกันได้อยู่ระยะหนึ่งแต่ไม่เนิ่นนานพอให้สงบสุข......




บ่ายวันหนึ่ง ท้องฟ้ามืดมิดกว่าปกติ ห่าฝนกระหน่ำตกลงมา ผมกำลังเดินทางกลับบ้านอยู่ ถนนดินที่ทอดตัวยาวอยู่เบื้องหน้าดูจะกลืนหายไปกับม่านฝน ทิศทางการเดินจึงเริ่มผิดเพี้ยนไปเรื่อยๆ ผมเดินออกนอกเส้นทาง หลงเข้าไปในป่า ระหว่างที่เดินฝนที่ตกลงมาก็ค่อยๆลดลง ผมเริ่มหันไปมองทิวทัศน์รอบๆตัว สุสานหินที่ถูกทิ้งให้รกร้างมานานปรากฏสู่สายตา ป้ายหินหน้าหลุมทุกแผ่นล้วนผุพัง ตัวอักษรที่เขียนอยู่เลือนรางจนแทบอ่านไม่ออก ผมย่อตัวนั่งยองๆพยายามอ่านชื่อบนป้าย.......




ผมเบิกตากว้างตกใจ ชื่อที่ปรากฏคือชื่อคนที่หายไปจากหมู่บ้านเมื่อหลายเดือนก่อน ผมจำได้คร่าวๆจากคำบอกเล่าว่าจู่ๆกลางดึกคืนหนึ่ง เธอก็ละเมอลุกขึ้นมา แล้วเดินออกจากบ้าน หายลับเข้าไปในป่า ใครตะโกนเรียกก็ไม่สนใจ อีกทั้งยังไม่มีใครฉุดรั้งเธอไว้ได้เลย สภาพของเธอดูเหมือนคนจิตหลุด คืนนั้นไม่มีใครกล้าตามเธอไป พวกเขากลัวเกินกว่าจะลุกขึ้นมาปกป้องใคร หลังจากคืนปริศนานั้นไม่มีใครเจอเธออีก เธอหายสาบสูญไปเสียเฉยๆ แต่หลุมศพนี่.......มันคืออะไรกัน ถ้ามีหลุมศพนั่นก็หมายความว่าเจอร่างของเธอแล้วสิ....แต่มัน....




ก๊อบแก๊บบบบ.....





ผมสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงประหลาด ผมรีบหันไปมองรอบๆ แต่กลับไม่มีใครสักคน ผมเริ่มใจคอไม่ดี ลุกขึ้นยืน เตรียมจะเดินออกไป แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นลอยเลือดห่างออกไปจากจุดที่ยืนอยู่ราวๆหนึ่งฟุต ความกลัวเข้าเขย่าจิตใจของผม ตัวผมสั่นสะท้าน ทำอะไรไม่ถูก ผมจ้องเลือดสีแดงสดที่ถูกเจือจางด้วยน้ำฝนค้าง สมองสั่งการให้ผมวิ่ง แต่ร่างกายกลับแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น ครู่ต่อมาเสียงประหลาดนั้นก็บังเกิดขึ้นอีก คราวนี้มันดังขึ้น ถี่ขึ้น ต้นเสียงมาจากหลังป้ายหลุมศพผุพัง ผมค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ ทุกฝีก้าวที่เดินไป เสียงประหลาดนั้นก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ เท้าของผมหยุดอยู่หน้าป้ายหลุมศพ ผมยืนตัวแข็งทื่อ



“ชะ ช่วย......ด้วย”เสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือ ผมรีบเดินเข้าไปหาเธอ.....
ภาพที่เห็นทำผมตะลึง หญิงสาวคนหนึ่งเนื้อตัวแห้งเหี่ยวผิวหนังแทบจะติดกระดูก สิ่งเดียวที่ขยับได้นิ้วมือที่หงิกงอของเธอ เสียงกร็อบแกร็บที่เกิดขึ้น มีต้นตอมาจากกระดิกนิ้วที่ควานไปมาในกองใบไม้แห้ง


“คะ คุณ....”


“ชะ ช่วย.....”แล้วเธอก็หมดลมหายใจต่อหน้าต่อตาผม ผมยืนนิ่งจ้องศพของเธอค้าง.....



เธอไม่ได้มาที่นี่ด้วยตัวเอง สภาพร่างกายอย่างนี้แทบลุกไปไหนไม่ได้ แล้วใครกันล่ะ ที่พาเธอมา......



------------------------------------



หลังจากเหตุการณ์นั้นผมกลับมาที่บ้าน ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครทั้งนั้น ผมอยากพิสูจน์เรื่องราวทั้งหมดก่อน เพราะหากชาวบ้านรู้ พวกเขาจะแตกตื่น และคิดไปไกลถึงเรื่องอาเพศกาลกินีอะไรอีก ผมเชื่อว่าเรื่องนี้มันต้องมีที่มามากกว่านี้ จะต้องมีคนอยู่เบื้องหลังสิ หลุมศพที่มากมายอย่างนั้นเกิดขึ้นมาได้ยังไง แล้วใครกันที่เป็นคนไปเจอศพพวกเธอ แล้วพวกเธอถูกใครทำร้ายมา....




ผมวางแผนกับตัวเองว่าผมจะสืบหาความจริงมาให้ได้ ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง แต่แล้วบ่ายวันต่อมา ก็มีจดหมายฉบับหนึ่งส่งมาถึงผม หน้าซองไม่ระบุว่าส่งมาจากที่ไหน ผมค่อยๆหยิบกระดาษข้างในขึ้นมาคลี่อ่าน...





เรียน คุณโดคยองซู



น้องสาวของผมป่วยหนัก อาการของเธอประหลาดมาก ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ผิวของเธอขาวซีดเซียวและผอมจนผิวหนังติดกระดูก เธอไม่ยอมกินอะไรเลย และพร่ำเพ้อขอความช่วยเหลืออยู่เรื่อยๆ ยิ่งตอนกลางคืนเธอมักจะมีอาการผวา เหมือนกับมีใครจ้องทำร้ายเธออยู่ ผมให้หมอมากมายมาดูอาการของเธอแล้ว แต่ทุกคนไม่สามารถรักษาเธอได้เลย แต่การที่จะให้คุณพ่อที่อายุมากของคุณขึ้นมาตรวจรักษาเธอ ผมก็เกรงใจ เพราะหมอคงจะลำบาก ผมจึงมาขอความช่วยเหลือจากคุณ คุณเป็นความหวังสุดท้ายของผม ได้โปรดขอความกรุณาด้วยครับ



K.
ปล.ผมได้เขียนแผนที่บ้านของผมเอาไว้แล้ว ต้องขอโทษด้วยที่ไม่สามารถไปรับคุณด้วยตัวเอง เนื่องจากผมต้องอยู่ดูแลอาการของน้องสาว



มือไม้ของผมสั่นเทา อาการของน้องสาวของเขาเหมือนกับผู้หญิงคนนั้นที่ผมเจอ ผมรีบหยิบแผนที่ที่แนบมากับจดหมาย ระยะทางไกลพอสมควร แต่ผมต้องไป หนึ่งเพราะต้องช่วยคน และสืบหาความเป็นของเรื่องนี้ จากจดหมายผู้หญิงคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ ถ้าเรารักษาเขาให้หายได้ เธออาจบอกอะไรให้ผมรู้ได้บ้าง



ผมรีบวิ่งขึ้นไปบนบ้าน หยิบชุดอุปกรณ์แบบพกพาของแพทย์ออกมา ก่อนจะรีบวิ่งลงมาข้างล่าง พ่อกับแม่กำลังนั่งบดยาอยู่ ผมบอกท่านว่าผมได้รับจดหมายด่วน ต้องเข้าเมืองไปทำธุระ เดี๋ยวเย็นๆผมจะรีบกลับ ผมจำเป็นต้องโกหกพวกท่าน เพราะผมรู้สึกสังหรณ์ใจว่า หากบอกความจริงไป.....ท่านคงไม่ให้ผมไป





----------------------------------------




ชายร่างสูงคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ในห้องห้องหนึ่ง แววตาคมอย่างสัตว์ร้ายของเขาเพ่งมองออกไปนอกหน้าต่าง นิ้วเรียวยาวเคาะที่โต๊ะเป็นจังหวะเนิบๆ รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก ข้างตัวของเขามีกระดาษและขวดน้ำหมึกวางอยู่ เขาอยู่ในท่าทีสงบอย่างนั้นพักหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืน เหลือบตาไปยังมุมหนึ่งของห้อง....



“หึ ได้เวลาสนุกของนายแล้วสินะ” มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ตอบกลับเขามา เขาแสยะยิ้ม เผยให้เห็นคมเขี้ยวอย่างสัตว์ป่า ก่อนจะหันกลับไปมองวิวนอกหน้าต่าง คนปริศนาที่อยู่ในมุมมืดค่อยๆเผยรอยยิ้มสนุกออกมา ก่อนจะค่อยๆเลือนหายไปในเงามืด



--------------------------------------------




ผมเดินไปตามแผนที่ในจดหมาย ยิ่งใกล้ถึงที่หมายมากเท่าไร สองข้างทางก็ยิ่งห่างไกลและร้างผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ มันไม่น่าจะมีคนอยู่อาศัยได้เลยจริงๆ ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณผู้ชายในจดหมายถึงได้มาสร้างบ้านอยู่เอาแถวๆนี้ ทั้งเปลี่ยว และอันตราย ผมเกือบถอดใจหนีกลับบ้านอยู่หลายรอบ แต่พอนึกถึงจุดประสงค์ของตัวเอง ผมก็สูหายใจลึกแล้วออกเดินหน้าต่อ เดินทางมาได้สักสองชั่วโมงกว่า ความเหนื่อยล้าเริ่มเข้าเกาะกุมร่างหาย และเขย่าเอาความตื่นตัวหลุดหายไป ผมก้มลงมองแผนที่ในมืออีกครั้ง ก่อนจะออกเดินต่อ มันน่าจะอีกไม่ไกล ผมออกเดินไปเรื่อยๆ อีกประมาณสามสี่เมตร ในที่สุดก็เจอรั้วบ้านคน ผมมองเข้าไปข้างใน คฤหาสน์สีหม่นหมองหลังใหญ่ตั้งตระหง่านสู่สายตา สายลมแรงญาณที่บอกถึงฝนตกพัดผ่านมา หอบเอากลีบกุหลาบสีเลือดปลิวว่อนไปทั่วบริเวณ ยิ่งขับความน่ากลัวของที่แห่งนี้ให้ประจักษ์และเขย่าขวัญมากยิ่งขึ้น ผมยืนรออยู่ครู่หนึ่งหญิงชราคนหนึ่งก็เดินมาเปิดประตูบ้าน สีหน้าของเธอดูราวกับกังวลอะไรบางอย่าง มือเหี่ยวของเธอกุมกันไว้แน่น ก่อนจะคว้าแขนผมเอาไว้ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความลังเล และวินาทีนั้นเอง เธอก็อ้าปากพูดกับผม



“ออกไป”เธอพูดเสียงสั่นเครือ


“ทำไมครับป้า”


“ที่นี่มี......”


“ คุณโดคยองซู” ชายร่างสูงแต่งกายด้วยชุดเรียบหรูเดินเข้ามาหาผม ผมจำได้ว่า.........เมื่อกี้ไม่มีคนอยู่ตรงนั้นนี่ เขามาได้ยังไงกัน


“สวัสดีครับ คุณคงเป็นคนที่เขียนจดหมาย”


“ผมชื่อคริส เข้าข้างในเถอะครับ ฝนจะตกแล้ว อีกอย่างน้องสาวของผมก็กำลังต้องการคุณด้วย” ผมหันมามองยายคนนั้น ก่อนจะเดินตามผู้ชายที่ชื่อคริสคนนั้นไป





ภายในบ้านไม่ได้น่ากลัวน้อยกว่าภายนอกเลย จะว่าไปน่ากลัวกว่าด้วยซ้ำ ทั่วทั้งบ้านให้ความรู้สึกหดหู่ และน่ากลัว ทุกย่างก้าวที่เดินเข้าไป เหมือนมีดวงตาปริศนาจ้องมาเราอยู่ จากเท่าที่เห็นที่นี่มีคนอาศัยอยู่กันแค่สามคน คุณยาย คุณคริส แล้วก็น้องสาวของเขา พวกเขาทนอยู่ในบ้านหลังนี้ไปได้ยังไงกัน ผมไม่เข้าใจพวกเขาเลยจริงๆ ผมเดินตามคุณคริสไปตามทางเดินที่ทอดตัวยาวไปไหนสักแห่ง สองข้างทางมีห้องเรียงรายอยู่มากมาย ยิ่งเดินไปลึกเท่าไร แสงสว่างและเสียงก็ยิ่งลดลงมากเท่านั้น แต่แล้วผู้ชายร่างเล็กคนหนึ่งก็ร้องทักขึ้นจากด้านหลัง ณ ตำแหน่งที่พวกเราเดินผ่านมาแล้ว.....




“คริส”


“ก็แค่......ให้คนมาดูแลน้องสาวของเราแค่นั้นเอง ลู่หาน”


“คริส แต่มัน....”


“เดี๋ยวฉันจัดการเอง” คุณคริสหันกลับไปหาคุณลู่หาน แสงสีแดงประหลาดวาบขึ้นในดวงตาของเขา ก่อนจะกลับมาเป็นปกติ อาจจะ อาจจะ........โดนแสงก็ได้ คงจะเป็นอย่างนั้น




คุณคริสออกเดินต่อ เราเดินไปเรื่อยๆ จนในที่สุดคุณคริสก็มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องห้องหนึ่ง มือแกร่งค่อยๆบิดกรประตู......




“ไม่ ไม่นะ ไม่ อย่าทำฉันนะ!!!” เด็กสาวอายุราวๆสิบเจ็ดคนหนึ่งร้องขอ เธอรีบถอยกรูไปจนสุดกำแพง ชุดที่ยาวกร่อมเท้าของเธอมีรอยเปื้อนดิน โคลน และ......เลือด ที่สำคัญ มันเป็นชุดแบบเดียวกับที่ผู้หญิงคนนั้นใส่


“นี่ครับ น้องสาวของผม เธอช่างน่า..........สงสารมากทีเดียว” คุณคริสพูด ก่อนจะทรุดตัวย่อนั่งข้างหน้าเด็กสาวคนนั้น ฝ่ามือใหญ่ลูบแก้มเธอเบาๆ


“อย่านะ อย่านะ ไม่เอา ฉันกลัวแล้ว”เธอส่ายหน้ารัวพร้อมกับร้องไห้ คุณคริสตีหน้าเศร้าก่อนจะหันมาหาผม


“อย่างที่เห็น เธอค่อนข้างจะกลัวผมมากทีเดียว ผมคิดว่าน้องชายผมอีกคน น่าจะช่วยคุณได้มากกว่าผม”


“น้องชาย.....”ผมหันไปหาเขาอีกที เขาก็เดินหายออกไปเสียแล้ว


“โทษที ที่ผมมาช้า”เสียงหนึ่งดังขึ้นด้างข้าง ผมรีบหันไป เห็นชายหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ที่ขอบเตียงด้านหนึ่ง ดวงตาดำขลับ ทอประกายซุกซนระคนสนุกมาให้ผม ริมฝีปากยกยิ้มนิดๆ เขาไม่ได้ดูดีเท่าคุณคริส แต่กลับมีเสน่ห์ลึกลับซ่อนเอาไว้อยู่


“สวัสดีครับ ผมชื่อไค” เขายื่นมือมาให้ผมจับ แต่อะไรบางอย่างสั่งให้ผมถอย เขาทำหน้าเสียดายเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองเด็กสาวที่ริมห้องคนนั้น


“ไค ไค ไคหรอ” เขาเดินเข้าไปหาเธอ เธอรีบโผเข้ากอดเขาทันที


“คุณคงสงสารเธอ” เขาหันมามองผม ผมนิ่งเงียบทำอะไรไม่ถูก


“น่าเศร้า ที่เธอทำตัวของเธอเอง ผมไม่ได้ต้องการให้เธอเป็นอย่างนี้สักหน่อย” น้ำเสียงของเขาเจือไปด้วยความเศร้า


“คุณ.....หมายความว่ายังไง”


“เรื่องมันค่อนข้างซับซ้อนน่ะนะ แต่ทีนี่คงไม่ค่อยสะดวกคุยเท่าไร”เขาหันมาพูด พร้อมกับเหลือบตาไปมองเด็กสาวที่แทบจะเลื้อยไปบนร่างกายของเขา ผมรีบเบือนหน้าหนี..........นี่มันพี่น้องบ้าอะไรกัน ไม่ใช่แล้ว มันไม่ใช่แล้ว ผมรีบถอยหลังออกห่าง เขาหันมายิ้มเศร้าให้ผม ก่อนจะเดินเข้ามา สมองสั่งให้ผมออกวิ่งทันที


“คุณอยากรู้เรื่องของเด็กผู้หญิงในหมู่บ้านไม่ใช่หรอ” ผมชะงัก ชั่งใจว่าควรจะตัดสินใจยังไงดี


“งั้นก็มาที่ห้องของผมสิ มันคุยสะดวกกว่า” ดวงตาซื่อที่แฝงไปด้วยพิษร้ายอย่างเสือจ้องมองมาที่ผม ผมรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อหัวสมองขาวโพลนไปหมด กว่าจะรู้ตัวอีกทีผมก็มาหยุดอยู่ที่ห้องของเขาเสียแล้ว.....


“นั่งก่อนสิ”เขาชี้ไปที่เก้าอี้ไม้สีดำที่อยู่เลยผมไปหน่อย ผมค่อยๆทรุดตัวนั่งอย่างว่าง่าย.....นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน






ชายคนนั้นเดินไปยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง เขาทอดตามองเหม่อออกไปยังด้านนอกที่ค่ำแล้วผ่านม่านฝนที่โรยตัวลงมาด้วยแววตาเศร้า แต่เพียงชั่วครู่เท่านั้นมันก็กลับมาร่าเริงเหมือนเดิม เขาหันมามองหน้าผม ผมพยายามจะลุกหนี แต่ร่างกายกลับไม่ยอมเชื่อฟัง




“คุณทำให้ผมคิดถึงอดีต สมัยตอนที่ผมยังไม่ลืมวิธีรักคนอื่น” เขายิ้มเศร้ากับตัวเอง ก่อนจะพูดต่อ


“อ่า นั่นไม่ใช่ประเด็นนี่นะ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า คุณคงจะสงสัยเรื่องผู้หญิง น้องสาวที่พี่คริสว่านั่นแหละ ก่อนอื่นตอบคำถามผมหน่อยสิ คุณเชื่อเรื่องแวมไพร์มั้ย” ผมชะงัก พูดอะไรไม่ออก เขาโบกมือปัดกลางอากาศก่อนจะพูดต่อ


“โทษที ที่เริ่มต้นด้วยอะไรแปลกๆ เรื่องผู้หญิงพวกนั้น ความจริงก็คงเป็นความผิดของผมด้วยส่วนหนึ่ง ผมแค่ชอบพวกเธอ เธอทำให้ชีวิตผมมีสีสันขึ้นมาอีกนิด ผมไปหาพวกเธอ คุยกับเธอ และ.......มีความสุขร่วมกับเธอ แรกๆมันก็ดีอยู่หรอก แต่มนุษย์น่ะเปราะบาง พอรู้ว่าตัวเองมีสัมพันธ์กับ.......แวมไพร์” ผมเบิกตากว้าง แต่ไม่กล้าลุกหนี มือไม้ของผมสั่นเทาไปหมด คนตรงหน้าไม่ใช่คน เขาไม่ใช่คน เขาคือแวมไพร์ ปีศาจดูดเลือดนั่น!!!


“ขอที อย่ากลัวผมนักเลย ผมไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นหรอกนะ เล่าถึงไหนแล้วล่ะ อ้อ พอเธอรู้ว่าผมเป็นแวมไพร์ พวกเธอก็เริ่มเสียสติ ไม่ใช่เพราะรับไม่ได้ แต่เพราะต้องการมากต่างหาก พวกเธอต้องการความเป็นอมตะของแวมไพร์ ต้องการเป็นแวมไพร์เหมือนที่ผมเป็น”เขายิ้มเศร้าให้กับตัวเองก่อนจะพูดต่อ


“ผู้หญิงบางครั้งก็มักจะเดินมาหาผมกลางดึกเอง อย่างที่เห็นนั่นล่ะ ละเมอเหมือนจิตหลุด ผมไม่รู้ว่าเพราะผมสะกดจิตมากเกินเหตุรึเปล่า เธอเลยหลอนประสาทอย่างนั้น แต่เมื่อเข้ามาที่นี่แล้ว.........ผมไม่อาจช่วยเธอได้ พี่คริสเป็นเจ้านายของที่นี่ และแน่นอน......เขาไม่ปล่อย ‘เหยื่อ’ ที่ติดกับเอง ออกไปหรอก ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากสร้าง........สุสานให้พวกเธอ ส่วนตัวคยองซู เพราะดันไปเห็นความลับของพวกเราเข้า พี่คริสก็เลยล่อให้นายมาที่นี่ รู้ใช่มั้ยว่าเขาจะไม่ปล่อยออกไป........อย่างเป็นๆ” ผมตัวแข็งทื่อ บีบมือแรง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน บอกผมทีว่ามันคือความฝัน นี่ผมเข้ามาที่นี่เพื่อมาตายงั้นหรอ ไม่นะ ไม่!



“ผมไม่ชอบหน้าคุณตอนกลัวเลยนะ คนเราจะดูดีตอนยิ้มนะ”เขาเกลี่ยมือไล้ไปตามผิวแก้มเบาๆ ผมเบือนหน้าหนีทันที


“อย่ามายุ่งกับผม”ผมปัดมือของเขาออก เขามองฝ่ามือของตัวเองด้วยแววตาตัดพ้อ ก่อนจะหันมาพูดกับผม


“คุณต่างจากคนอื่นนะ ผมช่วยคุณได้ ขอคุณบอกผมมาแค่นั้นเอง”แววตาวิบวับถูกส่งมาให้ผม ผมได้แต่จ้องหน้าเขาค้างอยู่อย่างนั้น ไม่ใช่ว่าอยากมอง แต่เพราะมันหลบตาไม่ได้ ความเป็นตัวของตัวเองเริ่มหลุดลอยไปเรื่อยๆ



“คุณทำอะไรกับผม” เขาค่อยๆยิ้ม



“แค่นิดหน่อย ผมรู้ว่าผมดูเจ้าชู้ นิสัยไม่ดี และอันตรายในสายตานาย แต่...........คุณอยากจะตายเพราะพี่คริสจริงๆน่ะหรอ ทั้งๆที่ผม........ช่วยคุณได้นะ”


“ผมไม่ต้องการ”


“ทั้งๆที่ฉันจะให้ความเป็นอมตะกับนายน่ะหรอ นายไม่ต้องการมันงั้นหรอ”เขาเริ่มเปลี่ยนสรรพนามลดลงมาใช้คำที่เป็นกันเองมากขึ้น


“อย่ามาทำตัวสนิทกับผม”


“ฉันคิดว่าเราสนิทกันแล้วซะอีก เฮ้อออ......นายไม่ต้องการให้ฉันช่วยจริงๆหรอ”เขาถามหยั่งเชิงอีกครั้ง แววตาดำยิบหยี่นั่นหรี่ลง แต่มันก็ยังคงส่องประกายวิบวับในดวงตา



“ไม่!!!” เขายิ้มพร้อมกับทอดตามองพระจันทร์ที่อยู่นอกหน้าต่าง ก่อนจะหันมากระซิบข้างๆหูผม พร้อมกับไล่มือไปตามผิวแก้มเบาๆ


“ถ้างั้นฉันยิ่งต้องการให้เลยล่ะ” ดวงตาทรงเสน่ห์คู่นั้นจ้องมองมาที่ผม ราวกับกำลังฝังรากของจิตใจตัวเองเข้าไปในทุกอณูของร่างกายผม ผมพยายามต่อต้าน ไม่ยอมมองตาเขา แต่ในที่สุด ความพยามยามก็ไม่เป็นผล สติของผมก็ค่อยๆหลุดหายไป....





เขาค่อยๆดันผมให้นอนราบลงกับพื้นเตียง ตาของเขาที่ทอดมองมาเต็มไปด้วยประกายความสนุกและขี้เล่น หากแต่ก็แฝงไปด้วยพิษสงให้ต้องระวังอยู่ในนั้น เขาไล้นิ้วมือไปตามสีข้างของผม ก่อนจะเปลี่ยนมาลูบริมฝีปากของผมเบาๆ เขายกยิ้มพึงพอใจก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูผม




“รู้มั้ยว่าปากนายน่าจูบแค่ไหน” เขาพูดพร้อมกับจูบที่กกหูเบาๆ ก่อนจะสอดมือเข้าไปลูบไล้เรือนร่างของผมช้าๆ ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนอยู่เฉยๆปล่อยให้เขาทำ ร่างกายของผมไม่ได้แข็งทื่อ กระดุกกระดิกไม่ได้ แต่การเคลื่อนไหวของมันดูเหมือนจะสอดคล้องเป็นไปตามสัมผัสจากคนข้างบนมากกว่า ผมพยายามขืนตัว เพ่งจิต สวดอ้อนวอนต่างๆนานา ขอให้ผมพ้นจากสภาพนี้เสียที แต่ก็เปล่าประโยชน์!!! ยิ่งต่อต้าน เขาก็ยิ่งควบคุมผมได้ง่ายขึ้น แล้วนี่ผมจะต้องโดนเขาทำอย่างนี้จริงๆน่ะหรอ ผมจะต้อง......... แค่คิดน้ำตาผมก็เอ่อท้นอยู่ที่ขอบตา ทั้งกลัว ทั้งรังเกลียด ตรงหน้านี่เพิ่งจะรู้จักกัน และที่สำคัญเขาไม่ใช่คนด้วยซ้ำ เป็นปีศาจน่าเนื้อใจเสือ ผมพยายามขืนตัวอีกครั้ง ทุ่มพลังให้มากที่สุด แล้วคราวนี้มันก็ได้ผล ผมเบี่ยงตัวหลบเขาที่ก้มลงไซร้ซอกคอได้



“อย่า!!!” เขาตาโตตกใจเล็กน้อย ผมคิดว่ามันอาจทำให้เขาโมโห หงุดหงิด แล้วเลิกทำ แต่มันกลับ......



“ขอโทษที ฉันจะอนุญาตให้พูดได้แต่สิ่งที่ฉันอยากได้ยินก็แล้วกัน”เขาพูดทีเล่นทีจริง ก่อนจะเลื่อนหน้าขึ้นมาประกบปากจูบกับผม ดวงตาดำยิบหยี่สบตากับผม เรียวลิ้นร้อนแลบเลียริมฝีปากของผมเล่น ก่อนจะสอดเข้าไปข้างในโพรงปาก ผมพยายามกัดลิ้นของเขา แต่มันก็ไม่เป็นผล ซ้ำยังยิ่งเปิดช่องให้เขาเกี่ยวลิ้นตัวเองได้อีกด้วย ลิ้นร้อนของเขาเกี่ยวกระหวัดลิ้นของผม ราวกับว่ามันคือสิ่งที่น่าลิ้มรสมากที่สุดในชีวิตของเขา ฟันคมกัดเบาๆที่ริมฝีปาก สลับกับปากที่ดูดเม้มจนริมฝีปากผมแดงเจ่อ มือที่ว่องไวของเขาเลิกเสื้อของผมขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆถอดมันออก ความอับอายอันน่าอปยศอดสูรัดรึงหัวใจของผมจนปวดร้าว มันทรมานที่เราทำอะไรไม่ได้เลย ได้แต่นอนอยู่เฉยๆให้เขาทำตามที่ต้องการ น้ำตาไหลออกมาจากหางตาของผม แต่มันก็จางหายไปแทบจะทันทีเมื่อไคจูบซับมันเบาๆ



“ฉันเฝ้ามองนายมานานแค่ไหน นายรู้มั้ย”เขาพูดก่อนจะเลื่อนหน้าไปซุกไซร้ซอกคอของผม


“อื้ออออ”แม้จะพยายามห้าม แต่เสียงครางน่าเกลียดนั้นก็เล็ดรอดออกมาอยู่ดี


“นานกว่าหนึ่งปี ที่ผมพยายามเข้าหา”ลิ้นร้อนลากเลียไปตามกระดูกไหปลาร้าของผม ผมถดคอหนี แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก มือแกร่งลูบไล้ไปตามเรือนร่างของผม ก่อนจะสะกิดเบาสลับแรงที่ยอดอก


“อ๊ะ อ้า”ผมกัดปากตัวเองอย่างแรงจนเลือดออก พลางคิดถึงสิ่งที่เขาพูด..............เข้าหาผมตลอดหนึ่งปีงั้นหรอ อย่างน้อยผมต้องจำหน้าเขาได้บ้างสิ แต่เดี๋ยวนะ หรือว่า หรือว่า.......


“ใช่ แกล้งทำตัวเป็นคนป่วยไปที่บ้านบ่อยๆ แต่...........กลับไม่สนใจเลย” ดวงตาที่มักจะร่าเริงนั้นถูกบดบังด้วยความเศร้าระคนตัดพ้อแทน


“แล้วฉันจะขอตักตวงช่วงเวลาที่เสียไปหนึ่งปีไม่ได้เลยหรอ คยองซู” แววตาเว้าวอนถูกส่งมาให้ผม ไม่รู้ว่านี่คือการแสดงหรืออะไร แต่แวบหนึ่งผมก็รู้สึกสงสารเขาขึ้นมาทันที ขณะที่ผมกำลังเผลอ เขาก็ก้มลงมาเลียที่ยอดอกของผม ความเสียวซ่านแล่นผ่านเป็นริ้วไปทั่วทั่งร่าง


“อ้ะ อื้มมมม” รอยยิ้มพราวเสน่ห์ฉาบอยู่บนใบหน้าของเขา นิ้วแกร่งสะกิดยอดอกอีกข้างเล่นจนมันเริ่มแดง ในขณะที่เรียวลิ้นก็ดูดเม้มยอดอกอีกข้าง ร่างกายของผมบิดไปมา รู้สึกดีอย่างประหลาด เขาสบตาผม แววตาเจือไปด้วยความซุกซนและความต้องการที่ปิดไม่มิด มืออีกข้างที่ว่างอยู่ของเขาเลื่อนต่ำลงมาสารวนอยู่กับข้างล่าง เมื่อไรไม่รู้ที่เนื้อตัวของผมเปลือยเปล่าไร้ซึ่งอาภรณ์ใดๆ อยากจะขืนตัว กรีดร้องก็ทำไม่ได้ ความอึดอัดเริ่มถาโถมในใจมากขึ้น มากขึ้น แต่ก็ไร้ทางให้ปลดปล่อย.....





ไคจับขาข้างหนึ่งให้ชันขึ้น ก่อนจะลูบไล้ตั้งแต่ข้อเท้าเรื่อยมาจนถึงโคนขา ปากได้รูปก้มลงดูดเม้นบริเวณนั้นเบาสลับแรง มืออีกข้างก็เคล้นคลึงสะโพกจนขึ้นรอยมือเต็มไปหมด




“อื้ออออ อื้มมม” กระแสอารมณ์ตีกันวุ่นวายไปหมด ทั้งรู้สึกดี ทั้งโกรธ จิตใจของผมต้องการอีกอย่าง แต่ร่างกายกลับต้องการอีกอย่าง และเมื่อมันไปด้วยกันไม่ได้ สุดท้ายเจ้าของของมันเลยตกที่นั่งลำบาก




แววตาแพรวพราวคู่นั้นเหลือบไปมองพระจันทร์นอกหน้าต่าง แสงเหลืองนวลของมันถูกแสงสีส้มกลืนกินเข้าไปบางส่วน ไคยกยิ้มก่อนจะก้มลงมาพรมจูบไปทั่วท้องหน้าของผมไล่ต่ำลงมาเรื่อยๆแกล้งให้เฉียดส่วนนั้น แต่พอเห็นสีหน้าของผม เขาก็หัวเราะในลำคอก่อนจะยกสะโพกผมขึ้นเล็กน้อย




“อ๊ะ!!!”ผมร้องเสียงหลงเมื่อรู้สึกเปียกชื้นที่ช่องทางด้านหลัง เรียวลิ้นร้อนแลบเลียปากทางเร็วๆจนมันเริ่มเต้นตุบๆ ดวงตาดำขลับสบตามองผมเป็นเชิงหยอกล้อ เขากำลังสนุกที่ร่างกายของผมตอบสนอง และกำลังบอกให้ผมรู้ว่าผมพ่ายแพ้ให้กับเขาอย่างราบคาบ




มือแกร่งปัดป่ายไปทั่วโคนขา แกล้งเฉียดให้โดนส่วนนั้น ร่างกายที่ทรยศของผมยิ่งต้องการสัมผัสที่มากขึ้น มันร่ำร้องหาสิ่งที่จะทดทนการเสียดายรสความเสียวซ่านของมันในแต่ละครั้ง ด้วยการเขยิบตัวเข้าหาเขามากขึ้น ทั้งยังหยัดสะโพกขึ้นให้เขาเห็นอะไรต่อมีอะไรของตัวเองอีก ผมกลอกตาขึ้นด้านบน รับไม่ได้หากจะต้องมาเห็นร่างกายตัวเองตอบรับสัมผัสของเขาไปมากกว่านี้




“อ๊ะ อ้า อึก”เสียงครางน่ารังเกียจดังขึ้นเมื่อปลายนิ้วแกร่งสอดเข้ามาในช่องทางของผม น้ำตาลื่นอยู่ที่ขอบตา เตรียมพร้อมจะไหลออกมาได้ทุกเมื่อแม้เพียงกระพริบตาครั้งเดียว




มือข้างที่ว่างอยู่บีบนวดสะโพกของผมเพื่อระบายอารมณ์ อยากจะปฏิเสธ อยากจะหนีไปให้ไกลจากขุมนรกอันน่าอปยศนี่ แต่ก็ทำไม่ได้ ผมได้แต่ก่นด่ากู่ร้องอยู่ในใจเท่านั้น นิ้วที่สอดเข้าไปค่อยๆถูกช่องทางของผมดูดกลืนเข้าไปมากยิ่งขึ้น นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่ ไคยกยิ้มมาให้ผมอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า ผมไม่แม้แต่จะหลบตาเขาได้เลย นิ้วที่สองค่อยๆถูกสอดเข้ามาช้าๆ แต่ก็เร็วพอที่ความเจ็บปวดจะแล่นผ่านไปทั่วร่างได้




“อื้อ!! จะ เจ็บ” ผมประท้วงเขาได้เท่านั้น เขาแทบจะไม่สนใจคำพูดของผมด้วยซ้ำ ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ดวงจันทร์ด้านนอก นิ้วทั้งสองค่อยๆขยับควงอยู่ข้างในช้าๆก่อนจะเปลี่ยนมาเร็วขึ้นเรื่อยๆเมื่อเห็นว่าช่องทางเริ่มตอบรับ ความเจ็บปวดในคราแรกค่อยๆจางหายไป ความเสียวซ่านและรู้สึกดีเข้ามาทักทายผมอย่างช้าๆ




ผมหลุดครางออกมาอีกหลายครั้ง นิ้วมือจิกผ้าปูที่นอนแน่นเมื่อเขาสัมผัสกับจุดนั้น สะโพกของผมบิดเร้าๆอย่างทรมาน ไคยกยิ้มให้ผม ก่อนจะเลื่อนหน้าขึ้นมาประกบปากกับผมอีกครั้ง ความเร่าร้อนที่แฝงไปด้วยความอบอุ่นถูกส่งมาให้ผม จนร่างกายวูบวาบไปหมด ระหว่างที่กำลังเผลอไผลไปกับรสจูบ ไคก็ค่อยๆสอดนิ้วที่สามเข้ามา ผมเจ็บจนร้องไม่ออก นิ้วทั้งสามถูกแช่ค้างอยู่ภายในครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆขยับเข้าออกช้าๆจนเร็วขึ้นเรื่อยๆ




“อื้อออ อืออ” ช่องทางของผมเต้นตุบๆ ความเสียวซ่านแล่นไปทั่วร่าง ไคขยับนิ้วเข้าออกอีกสองสามทีก่อนจะถอนออก แล้วสอดใส่ส่วนนั้นของตัวเองเข้ามาแทน


“อ๊ะ อ้า !!”ผมสะดุ้งโหยง กระถดหนีตามสัญชาตญาณ


“นิดเดียว.....นะ นะครับ...”ไคอ้อนวอน จะด้วยอะไรก็ตาม ผมแพ้สายตาแบบนั้นของเขา ท้ายที่สุดก็ยอมให้เขาเข้ามาข้างในตัว.....




ผมเหลือบออกไปมองนอกหน้าต่าง พระจันทร์สีเหลืองนวลแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มอ่อนแล้ว กลีบกุหลาบสีแดงฉานดั่งโลหิตปลิวว่อนไปทั่วบริเวณ ความแรงของลมจากภายนอกปะทะเข้ากับหน้าต่าง จนบานกระจกทนไม่ไหว ต้องยอมเปิดออกให้มันเข้ามา กลีบกุหลาบปลิวไปทั่วห้อง กลิ่นหอมรัญจวนของมันคละคลุ้งไปทั่ว แต่ผมไม่มีเวลาดื่มด่ำความงามของมันมากหนัก เมื่อเบื้องหลังกำลังถูกรุกราน ช่องทางของผมตอดรัดผู้บุกรุกอย่างหนัก จนผมปวดหนึบไปหมด ไคผ่อนลมหายใจเข้าออกหนักๆ ก่อนจะเลื่อนหน้าขึ้นมากระซิบข้างหู




“อย่าเกร็งสิ นะ คยองซู”น้ำเสียงที่อบอุ่นเอ่ยขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ ผมเบนสายตาไปทางอื่น เขายกยิ้มก่อนจะผละออกไป จังหวะการขยับเข้าออกที่ช่องทางด้านหลังเป็นไปอย่างเนิบนาบ ไคดูจะไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็พยายามไม่เร่งจังหวะให้เร็วจนเกินไป ใช้เวลาสักพักช่องทางก็เริ่มผ่อนคลาย จากนั้นไคก็ขยับค่อยออกเร็วขึ้น


“อ้า อื้อออ”ผมเผลอไปสบตากับเขา แล้วสติก็พาลหายไปอีกครั้ง


“ไค ไค อื้มมมม อื้อออ” เขายกยิ้มพึงพอใจ ก่อนจะกรีดเล็บที่แหลมคมดุจกงเล็บของเสือที่ฝ่ามือของตัวเอง เลือดสีสดไหลออกมาจนเปรอะเปื้อนผ้าปูที่นอน เขาเลื่อนมือข้างนั้นขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปากของผม พร้อมกับกระแทกส่วนนั้นเข้ามาในช่องทางมากขึ้น


“อ๊ะ อ้า”เลือดสีสดหยดลงมาในปาก รสชาติขมปร่าและคาวจนน่าสะอิดสะเอียน อยากจะเบือนหน้าหนีแต่ก็ถูกตรึงด้วยสายตาคู่นั้น ไคเหลือบไปมองพระจันทร์ด้านนอก สีของมันเริ่มส้มมากขึ้นแล้ว เขาหันมายกยิ้มให้ผม พร้อมกับกระแทกเข้าออกเร็วขึ้นอีก สายลมหอบหนึ่งถูกพัดเข้ามาในห้องอีกครั้ง กลีบกุหลาบปลิวไปทั่วห้อง พวกมันลอยพลิ้วไหวอยู่ท่ามกลางสายลมราวกับนักเต้นระบำลอยตัวกลางอากาศ ไคเลื่อนหน้าขึ้นมาซุกไซร้ซอกคอผมอีกครั้ง พร้อมกับลากลิ้นเลียไปด้วย


“สุดยอดจริงๆ”น้ำเสียงหยอกล้อถูกกระซิบอยู่ข้างหู จากนั้นคมเขี้ยวสีขาวก็ค่อยๆฝังเข้ามาในลำคอของผม ความเจ็บปวดแล่นแปลบไปทั่วร่าง เลือดสีสดไหลซึมออกมาจากปากแผล ไคค่อยๆดูดเลือกของผมช้าๆ กลิ่นคาวผสมปนเปไปกับกลิ่นหอมของกุหลายลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง ยิ่งตอกย้ำความอปยศให้กดทับหัวใจของผมจนจมดิ่งสู่ก้นบึงของความเศร้าน้ำตาที่พยายามกั้นเอาไว้ ร่วงเผาะอาบสองแก้มอย่างสุดที่จะเหนี่ยวรั้ง ผมเหลือบมองไปยังหน้าต่าง กระจกสะท้อนภาพการเคลื่อนไหวของเราทั้งคู่ ลายเส้นประหลาดค่อยๆปรากฏขึ้นที่ลำคอของผม ความเจ็บปวดของมันมากราวกับใครเอามีดเหล็กที่กำลังหลอมละลายมากรีดที่ลำคอของผมช้าๆ แต่รอยกลับบาดลึกเข้าไปจนร่างกายปวดแสบปวดร้อนไปหมด ทำนบน้ำตาพังทลายลงมาอย่างไม่เป็นท่า




ขณะที่ลายเส้นกรีดไปตามลำคอของผม ช่องทางด้านล่างก็ถูกกระแทกเข้ามาแรงๆเสียจนร่างกายสั่นโยกคลอนไปหมด ผมเหลือบตามองกระจกอีกครั้ง ลายเส้นของมันเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง กรอบนอกที่เป็นรูปสามเหลี่ยมและซ้อนด้วยวงกลมข้างในถูกวาดเสร็จแล้ว ลายละเอียดภายในค่อยๆปรากฏขึ้น ในขณะที่สติของผมเริ่มพร่าเลือน




“อื้ออออ อ้า ไค” ผมครางลั่น เมื่อไคกระแทกส่วนนั้นโดนจุดกระสัน เขาเหลือบตาขึ้นมามองผมด้วยแววตาพอใจ ก่อนจะก้มลงเลียเลือดของผมต่อ ผมเม้มปากแน่น ความปวดแสบปวดร้อนทวีมากขึ้นเรื่อยๆ กลีบกุหลาบไปว่อนไปทั่ว พระจันทร์เริ่มกลายเป็นสีแดง ไคเหลือบตาไปมองพระจันทร์ก่อนจะยกยิ้มให้ผม


“อีกนิด นะ” เขาก้มลงเลียแผลที่เกิดจากคมเขี้ยวของเขา ก่อนจะดูดกลืนเลือดต่อ ลายเส้นต่างๆเริ่มมากขึ้น กงจักรในวงกลมใกล้จะเสร็จแล้ว เหลือเพียงอีกแค่ลายเส้นเดียวเท่านั้น ไคขยับเข้าออกที่ช่วงล่างถี่ๆ ก่อนจะถอนส่วนนั้นออกมาทั้งหมด แล้วกระแทกย้ำเข้าไปจนสุด


“อ้า อื้อออ ไค ไค” เขาขยับเข้าออกอีกสองสามทีก่อนจะปลดปล่อยออกมา พร้อมกับลายเส้นสุดท้ายของรูป.......
สามเหลี่ยมที่ล้อมดวงตาเอาไว้ข้างใน....




สติของผมพร่าเลือนเรื่อยๆ ภาพสุดท้ายที่เห็นคือ ไคที่มองสัญลักษณ์ของตัวเองกำลังยิ้มอย่างสุขสม ราวกับการรอคอยอันยาวนานของเขาได้สิ้นสุดลงแล้ว แล้วภาพทุกอย่างก็ดับวูบพร้อมกับสติของผม...




ไคหันกลับมามองคนที่หมดสติไปแล้ว ก่อนจะก้มหน้าลงจุมพิตเบาๆ นิ้วเรียวยาวเกลี่ยไปตามผิวแก้มเนียนเล่น ก่อนจะปาดเอาเลือดที่เลอะอยู่ที่มุมปากออก เขาจ้องมองของเหลวสีแดงฉานในมือด้วยแววตามีความสุข จากนั้นก็ค่อยๆเลียมันช้าๆ พร้อมกับหันไปมองพระจันทร์ด้านนอก



“ไม่ได้ทดแทนเวลาที่เสียไป แต่เพิ่มพูนเวลาของเรา............”เขาหันไปมองคนที่หลับใหล “ไปตลอดกาลต่างหาก”







หนึ่งค่ำคืน แลกกับ หนึ่งนิรันกาล
...ใครเล่าจักไม่อยากได้....




http://0ctogus.forumth.com

HANAMI

HANAMI

กรี๊ดดดด ไคโด้

สนุกมากกกก

ชอบเรื่องนี้มากๆเลย ขอบคุณค่ะ

NikyNook

NikyNook

หนูโดโด้น่าสงสารอะ ;0;
พี่คริสใจร้าย...ไคดูเห็นแกตัวจัง
ถ้าไคไม่ทำแบบนี้คยองซูก็คงถูกพี่คริสฆ่าใช่มั๊ย
เฮ้อ! คยองซูน่าสงสารจัง...กว่าจะรักกันได้ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด

akanishibluecat

akanishibluecat

แหมม แบบนี้ ไค ก่ บังคับ โด้ ทางอ้อมเลยนะ
ท่าไม่ทำแบบนี้ คงไม่ได้ คู่กันสินะ

Wisakha01



ทำไม ทำกับศรีแบบนี้หล่ะ!!!! ไคใจร้ายจัง บังคับโด้ แต่เค้าชอบ55 #อ้าวเห้ย=.,=
แต่ถ้าไม่ทำโด้ก็ต้องตายอ่ะ ชิมิ!!
ง่าส์~~~แอบรักมานานอ่ะดิ ฮิ้ววววววว ไคจ๋าาาาาาาาาาาา
Twisted Evil Twisted Evil Twisted Evil สติกเกอร์เท่ห์จัง ชอบบบบ ใส่เล่นเยอะๆไม่ว่านะไรท์555 Very Happy
afro lol! affraid cyclops

KellySc



Laughing Laughing Laughing Laughing Laughing Laughing Laughing Laughing Laughing Laughing Laughing Laughing Laughing Laughing -................- ขอเลือดอย่างด่วน เลือดหมดตัวแบ้ววว โด้น่าสงสาร ไม่เป็นไรนะโอ๋เอ๋ ไคจะดูแลโด้เอง กร้ากก rabbit rabbit rabbit Laughing Laughing

Sky_fff

Sky_fff

ไคเอาแต่ใจตัวเองอ่ะ สงสารโด้
เจอกันปุ๊บก็จับเค้าทำพันธะเลย Shocked

pachaam_

pachaam_

นี่กำลังจะกลับมาอ่านรอบสอง สนุกมาก คิดถึงด้วย
เปิดมาเจอไคโด้ ขออ่านก่อนแล้วกัน ..

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด T / / / / / T
สนุกไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ไคแอบรักโด้มานอนแล้ว สุดยอด รอมานานกว่า 1 ปี
ไคนี่รีบมาก ไม่ถามโด้สักคำ จับทำพันธะสัญญาเลย
55555555555555555
ดีแล้วๆๆ
ชอบประประโยคของไรต์มากเลยอ่า กลอนก็แต่งเพราะ
ตรงท้ายประโยคก่อนจบอ่ะของพาร์ทนี้ T _ T
จะติดตามผลงานของไรต์ต่อไป สนุกมาก !!!

https://twitter.com/_5Qwc

poy_honey



ทำไมแกไม่ถามคยองซูเลยหล่ะ

เอาแต่ใจอ่ะ แต่ชอบ เอ๊ะยังงัย

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ