0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

Part 5 invisible light

5 posters

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

1Part 5  invisible light Empty Part 5 invisible light Fri Dec 14, 2012 9:17 am

0ctogus

0ctogus
Admin



วันเกิดจันทรุปราคา วันนั้นมันเป็นวันทำพันธสัญญาชนิดที่มีผลเป็นนิรันดร์ แล้วถ้าจะให้ผมเดา ทั้งคู่คงจะทำสัญญากับคุณชานยอลและคุณเซฮุนแน่นอน เพราะถ้าไม่ใช่อย่างนั้นสองคนนี้คงถูกฆ่าตายไปนานแล้ว แล้วการที่คุณเซฮุนโดนหมากัด ก็คงเป็นแผนของคุณคริส มันแค่ช่วยยืดเวลาอยู่ที่นี่ไปจนถึงวันเกิดจันทรุปราคาเท่านั้นเอง ทุกอย่างมันสมบูรณ์แบบและลงล็อคเกินไป พวกคุณชานยอลจะต้องหนีไปจากทีนี่ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ไม่งั้นเขาจะต้องโชคร้ายแบบผม....



“คุณต้องหนีไปก่อนวันเกิดจันทรุปราคา ไม่งั้นคุณจะหนีจากคุณคริสไม่ได้อีกเลย” ชานยอลตกใจและสับสนกับคำพูดของอีกฝ่าย ทำไมจะต้องก่อนวันเกิดจันทรุปราคา แล้ววันนั้นมันวันที่เท่าไร แล้วคริสจะทำอะไรกับเขา


“เชื่อผมเถอะ ผมไม่อยากให้ใครต้องทรมานแบบผม แต่ตอนนี้คุณต้องรีบกลับไปที่ห้อง ผมจะพาคุณกลับไปที่ห้องเอง” ชายหนุ่มคนนั้นจับข้อมือชานยอลออกวิ่งไปตามทาง พาเข้ามาสู่บันใดขึ้นไปยังชั้นสอง


“เดี๋ยว คุณชื่ออะไร ผมจะพาคุณหนีไปด้วย แล้ววันเกิดจันทรุปราคานั่นคืออะไร ผมไม่เข้าใจ” ชานยอลรัวคำถาม


“ผมชื่อคยองซู คุณช่วยผมไม่ได้หรอก ส่วนวันเกิดจันทรุปราคานั่น ไอ้พวกแวมไพร์มันจะทำพันธสัญญากับคุณ แล้วคุณจะหนีไปจากมันไม่ได้อีกเลย ผมไม่อยากให้คุณเจอแบบที่ผมเจอ ไปจากที่นี่ซะ” คยองซูบอกชานยอล ก่อนที่เขาจะออกวิ่งกลับเข้าไปตามทางเดิม ด้านชานยอลเองก็รีบออกวิ่งขึ้นไปยังห้องนอนเช่นกัน



เมื่อมาถึงห้อง ชานยอลก็รีบเขย่าตัวเซฮุนแรงๆ ให้เขาตื่นขึ้นมา ไม่นานนักร่างขาวก็ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย


“เซฮุน เราต้องหนี เราต้องไปจากที่นี่”


“ห๊ะ อะไรของพี่เนี่ย ปลุกผมทำไม”


“ไอ้ฮุน คุณคริสกับคุณลู่ฮานนั่นไม่ใช่คน! เขาเป็นแวมไพร์!” เซฮุนที่กำลังสะลึมสะลือเบิกตาโพล่งด้วยความตกใจ


“ไม่ใช่คน??? แวมไพร์??? นี่พี่กำลังละเมออยู่รึเปล่า”


“ไม่ ฟังนะ เมื่อกี้พี่เห็นคุณคริสกินเลือดผู้หญิง แล้วเธอคนนั้นก็ตาย เซฮุนเราต้องหนี” เซฮุนเริ่มประมวลผลตามคำพูดที่ชานยอลบอก ถึงแม้เรื่องราวมันจะดูเหลวไหลเหมือนนิทานหลอกเด็ก แต่เซฮุนรู้นิสัยชานยอลดี พี่ชายเขาคนนี้ไม่เคยโกหกได้ เรื่องที่เล่ามามันเป็นเรื่องจริง


“แล้ว ละ แล้วพวกเราจะหนียังไง”


“ต้องมีสักทางแหละน่า แต่เราจะไม่หนีไปกันแค่สองคน เราต้องช่วยคยองซู”


“คยองซู?” เซฮุนขมวดคิ้ว


“เขาคงเป็นคนใช้ที่อยู่ทีนี่ เขาช่วยพี่ไว้ เขาเป็นคนเหมือนกับเรานะ เราจะทิ้งเขาไว้ที่นี่ไม่ได้”


“ แล้วเราจะช่วยเขายังไง”


“ตอนนี้พี่ยังคิดอะไรไม่ออก” ชานยอลส่ายหน้า เซฮุนเองก็ขบคิดหาวิธีหนีออกไปจากที่นี่เช่นกัน


“พี่...พี่คิดว่าที่ผมโดนหมากัดมันเป็นแผนมั้ย” ร่างขาวหันไปถามชานยอล


“จะยังไงก็ช่างเหอะ รู้ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร ตอนนี้คิดกันดีกว่าว่าจะหนียังไง”


“ขาผมยังไม่ดี คงเดินไปไหนไม่ได้ ตอนนี้ถึงมันจะปวดน้อยลงบ้างแต่ก็ไม่ได้ดีพอจะเดินไปไหนได้” เซฮุนมองไปที่ขาของตัวเอง


“พี่คิดไม่ออกเลยว่ะ วันเกิดจันทรุปราคาจะมีขึ้นในอีกกี่วันนะ”


“วันเกิดจันทรุ? แล้วเกี่ยวไรกัน”


“วันนั้นจะเป็นวันที่พวกมันจะทำสัญญากับเรา คยองซูบอกพี่ว่าถ้ามันทำได้พวกเราจะหนีไปจากมันไม่ได้อีกเลย” ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ เซฮุนกำลังเครียดหาวิธีหนีออกไปเช่นเดียวกับชานยอล ตอนที่ร่างกายเซฮุนปกติยังแทบหาทางหนีไม่ได้ แล้วตอนนี้ขาเซฮุนเจ็บก็ยิ่งหนียากขึ้นเข้าไปอีก ไม่สิ ต้องเรียกว่าหนีไปไหนไม่ได้เลยต่างหาก ทั้งสองขบคิดไปเรื่อยๆจนผล็อยหลับไปในที่สุด





---------------------------------------





ทางด้านเพื่อนๆของพวกเขา ตอนนี้ทุกคนกำลังเก็บของเตรียมตัวจะกลับ สีหน้าของทุกคนไม่ต่างกันมากนัก พวกเขาไม่อยากกลับไปโดยไม่มีชานยอลและเซฮุน 5วันแล้วที่สองคนนั้นหายไป ทางศูนย์ช่วยเหลือก็ยังคงหาตัวไม่พบเสียที พวกเขาจะรออยู่ที่นี่ตลอดก็ไม่ได้ นี่ก็ใกล้เปิดเทอมมากแล้ว อีกอย่างพ่อแม่ของพวกเขาก็เป็นห่วงพวกเขามากเช่นกัน


“ฉันไปคุยกับหัวหน้าทีมช่วยเหลือแล้ว เขาบอกว่าถ้าพวกเขาได้ข่าว เขาจะโทรกลับหาเราทันที” ซูโฮบอกกับน้องๆทั้ง5


“ขอให้เจอไวๆเถอะ ไม่มีไอ้เอ๋อกับไอ้มึนแล้วผมเหงา” แบคฮยอนพูด ที่เหลือพยักหน้าเห็นด้วยกับพวกเขา ทั้งหมดช่วยกันขนสัมพาระขึ้นรถ ไม่นานนักรถก็แล่นขับออกไป สายตาของทุกคนมองย้อนกลับไปยังเส้นทางที่พวกเขาจากมา...... ชานยอล เซฮุน ขอให้นายปลอดภัย นายต้องกลับมานะ



พวกเขานั่งรถเป็นเวลาหลายชั่วโมงกว่าจะถึงกรุงโซล ตลอดทางทุกคนต่างอยู่ในความเงียบ เศร้า และกังวล ถ้ามีสองคนนั้นมาด้วยคงจะมีเสียงหัวเราะและสนุกกว่านี้สินะ....



เมื่อมาถึงทุกคนพากันไปเล่าข่าวชานยอลกับเซฮุนให้กับครอบครัวทั้งสองฟัง ครอบครัวของทั้งสองต่างร้องห่มร้องไห้ เป็นกังวลว่าลูกชายของพวกเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากทั้งหกอยู่ปลอบครอบครัวของเซฮุนและชานยอลเป็นเวลานานพอสมควร ทั้งหมดก็ขอตัวแยกย้ายกันกลับบ้านของตนเว้นเสียแต่......ไค จู่ๆร่างผิวเข้มก็เดินหายไป





-------------------------------------------





“กะไว้แล้วไม่มีผิด” เสียงๆหนึ่งเอ่ยขึ้น


“ทำไม นายรู้จักสองคนนั้นหรอ”


“ก็เขาเป็นเพื่อนในกลุ่มผม แล้วทำไมพวกพี่ถึงต้องเลือกพวกเขา”


“งั้นดีเลย นายบอกฉันหน่อยสิว่าเซฮุนชอบอะไรไม่ชอบอะไร”


“พี่ลู่ฮาน! พี่จะไม่ปล่อยเพื่อนผมหรอ”


“ใช่ คริสก็ไม่ปล่อยชานยอลเหมือนกัน !!!”


“พี่คริส เฮ้อ พี่คริสสนใจอะไรแล้วไม่มีทางปล่อยแน่”


“ใช่ ไค”


“ถ้างั้นก็…...อย่ารุนแรงมากนะพี่” ไคหันมายิ้มให้กับคริส เขารู้ดีว่าคริสเป็นคนยังไง ก็เขาอยู่กับคริสมา.......70ปีแล้วนี่ เรื่องแค่นี้ทำไมจะไม่รู้


“เพิ่งกลับมาไม่ใช่หรอ คงจะหิว ไปหาของกินซะสิไค” คริสพูดเสียงเรียบตามนิสัย ไคโค้งศรีษะลาเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป



ไคเดินไปตามเส้นทางอย่างคุ้นชิน ก่อนจะหยุดอยู่หน้าห้องๆหนึ่ง เขาถือวิสาสะไม่เคาะประตูแล้วเปิดเข้าไปเลย ร่างๆหนึ่งกำลังหลับอยู่บนเตียง เขายกยิ้มน้อยๆกับภาพที่เห็นก่อนจะขึ้นคร่อมร่างนั้นก่อนจะก้มลงซุกไซร้ซอกคออีกฝ่าย คมเขี้ยวค่อยๆฝังเข้าไป เลือดสีสดหลั่งรินออกมาเป็นสาย....


“ยังหวานเหมือนเดิมนะ คยองซู” ร่างข้างใต้ มองเขาด้วยสายตานิ่งเฉย กลับมาแล้วสินะผู้ถือพันธนาการของเขา แวมไพร์ที่หยิบยื่นความผิดเพี้ยนของมนุษย์ให้กับเขา จะเป็นคนก็ไม่ใช่ จะเป็นผีก็ไม่เชิง อยู่โดยมีร่างกายและจิตใจเป็นมนุษย์ แต่อายุขัยและวัฎจักรการเวียนว่ายตายเกิดของเขา มันได้จบลงแล้ว.......นี่คือความตายอันเป็นนิรันดร์



ไม่เกิด ไม่ตาย แต่จะคงอยู่เช่นนี้ไปตราบนานเท่านาน...



--------------------------------







ท้องฟ้าเช้านี้ขมุกขมัวไปด้วยเมฆสีหม่น เม็ดฝนตกลงมาไม่ขาดสายตั้งแต่เมื่อคืน บางครั้งมีเสียงฟ้าผ่าฟ้าแลบสอดประสานมากับเสียงฝน ชานยอลยืนมองหน้าต่างด้วยดวงตาอมทุกข์ ใบหน้าฉาบไปด้วยความสับสนและกังวล เขาไม่อยากอยู่ที่นี่ ถึงแม้ว่าพักหลังการอยู่ที่นี่สำหรับเขาจะมาใช่เรื่องน่าเบื่อนัก ยอมรับว่าคริสทำให้เขารู้สึกดีขึ้นบ้าง ร่างสูงไม่ได้เงียบขรึม หรือเข้าใจยากอย่างที่เขาคิดอีกต่อไปแล้ว



ภาพเหตุการณ์ต่างๆค่อยๆไหลเข้ามาในสมองผม ตั้งแต่เจอกับคุณคริสระหว่างทางเดินไปห้องสมุด หนังสือของเขา มื้อเย็นคืนนั้นที่เขาตักอาหารให้ผม มื้อเย็นคืนก่อนที่ผมพูดจาแปลกๆเรื่องชื่อเขา ผมนึกถึงตอนที่เขาบอกว่าชอบเวลาผมหัวเราะ ยินดีจะดูผมนั่งเป็นคนบ้าหัวเราะทั้งวัน นึกถึงคำพูดที่เขาบอกให้เรียกชื่อเขา แทนคำว่าคุณ ทุกครั้งที่เราคุยกันคุณคริสมักจะยิ้มให้ผม และพูดจาดี ความอบอุ่นที่ผมเริ่มได้รับจากเขาทีละเล็กทีละน้อยในแต่ละวัน ทำให้ผมมองเห็นส่วนดีๆของคนคนนี้มากขึ้น



แต่ความรู้สึกตอนนั้นกับตอนนี้มันช่างต่างกันเหลือเกิน ความอบอุ่นใจกำลังถูกความกลัวแย่งพื้นที่ ผมคิดไม่ออกว่าผมจะอยู่ร่วมกับแวมไพร์อย่างสนิทใจได้ยังไงกัน แม้ว่าที่ผ่านมาเขาจะไม่ได้ทำร้ายผมแต่ไม่มีอะไรรับประกันได้นี่ว่าต่อไปเขาจะไม่ทำ.....



ผมอยากจะคิดว่าเขาไม่ใช่คนน่ากลัว อยากจะยิ้มให้เขาได้อย่างสนิทใจ อยากจะหัวเราะได้โดยไม่ต้องเสแสร้ง อยากจะนั่งข้างๆเขาโดยไม่ต้องกังวล ใจหนึ่งผมก็อยากย้อนเวลาไป ผมไม่อยากจะเห็นภาพในคืนนั้น แต่อีกใจผมก็ขอบคุณที่ผมได้เห็นมัน อย่างน้อยก็รู้ว่าที่อยู่ด้วยไม่ใช่คน แต่ทำไมนะ ทำไมผมกลับไม่ย้อนเวลาให้ตัวเองไม่เดินหลงเข้ามาในนี้ ทำไมผมถึงไม่คิดถึงเรื่องนั้นเลย....ทำไมกัน



รอยยิ้มของคุณ คำพูดของคุณ การกระทำของคุณ ทุกๆอย่างที่เป็นคุณ ได้โปรดเถอะคุณคริส คุณอย่าทำให้ผมต้องคิดถึงเรื่องคุณตลอดเวลาแบบนี้ อย่าทำให้ผมต้องเหม่อลอยหรือคิดหนักเพราะเรื่องของคุณ ได้โปรดอย่าทำให้ผมสับสนแบบนี้เลย...





“พักนี้พวกเขาทำตัวดีกับเราเนอะ พี่ว่ามั้ย” เสียงเซฮุนเอ่ยทักชานยอล ร่างโปร่งพยักหน้าแต่ไม่ได้หันไปมองคู่สนทนา ตากลมโตยังคงจับจ้องไปด้านนอก


“บางครั้ง….ผมก็....ไม่อยากให้เขาเป็นแวมไพร์” เซฮุนหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา เขาเลื่อนเปิดไปถึงหน้ากลาง กระดาษข้อความเล็กๆแปะอยู่กลางหน้ากระดาษ ลายมือของลู่ฮานถึงจะไม่ได้สวยไรมากแต่มันก็พออ่านออก





เย็นวันนั้นเซฮุนไม่สามารถลงไปกินข้าวได้เพราะขาของเขายังเจ็บอยู่ ลู่ฮานเลยต้องเอาข้าวมาให้ นอกจากจะเป็นคนเสิร์ฟแล้วยังต้องเป็นคนป้อนอีกต่างหาก แต่ดูเหมือนลู่ฮานจะไม่ขัดข้องอะไรเลย





วันนี้คุณเจ้าของบ้านตัวเล็กบอกว่าจะเอาข้าวมาให้ผมครับ แต่นี่ผมรอมาครึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มาสักที ระหว่างที่รอผมก็นั่งอ่านหนังสือที่พี่ชานยอลเอามาให้ มันสนุกดีครับ อย่างน้อยก็ทำผมแก้เซ็งแล้วก็เลิกสนใจพวกแผลได้ แผลผมมันชอบออกอาละวาดปวดตอนกลางคืน ไข้ก็เหมือนกัน ไม่รู้จะปวดทำไมตอนกลางคืน รบกวนเวลานอนชะมัด แต่โชคยังดีที่ผมได้ยาจากลู่ฮานมา มันเลยทำให้ดีขึ้นบ้าง เรื่องแผลช่างมันก่อนเถอะ ที่ผมสนใจตอนนี้คือท้องผมที่กำลังเปิดวงดนตรี ร้องเพลงประสานเสียงกันว่าหิวข้าว หิวข้าว หิวข้าว ผมนั่งรอคุณกวางนั่นไปเรื่อยๆ ระหว่างที่ผมรอ ผมก็อ่านหนังสือต่อไปเรื่อยๆจนเผลอหลับไป รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินคนเรียกชื่อตัวเอง



“เซฮุน!” ลู่ฮานนั่นเองที่เรียกผม ผมหันไปมองด้วยสายตาประมาณว่า....ไม่มาพรุ่งนี้เลยล่ะ ร่างเล็กแค่ฉีกยิ้มให้ผม เอ่อ ผมไม่อยากจะยอมรับเลยว่ามันก็.....น่ารักดี....มั้ง


“ขอโทษที่มาช้า ทำกับข้าวให้นายแล้วดันเผลอโดนมีดบาด”


“ซุ่มซ่าม เอาข้าวมาให้กินได้แล้ว หิวจะแย่”


“ไม่ห่วงกันเลยรึไง นี่ฉันเจ็บเพราะนายนะ”


“แล้ว...”


“แล้ว แล้วไงอ่ะ ไม่มีคำขอบคุณหรือแสดงความเป็นห่วงเลยหรอ”


“ไม่มี”

“เฮ้ นายกำลังทำให้ฉันโมโหนะ” ดูหน้าเขาสิ มันตลกชะมัด ฮ่ะฮ่ะ คิ้วขมวดเป็นปม ปากเล็กสีแดงสดเชิดขึ้นอย่างเอาแต่ใจ บอกผมทีว่านี่เขาโตกว่าผม


“โอเคๆ ขอบคุณครับคุณลู่ฮาน แล้วแผลเป็นยังไงบ้าง เจ็บมากมั้ยครับ........พอใจยัง” ลู่ฮานยืนกอดอกเชิดหน้าขึ้นเหล่ตามองผมนิดหน่อย ก่อนจะยื่นนิ้วให้ดู


“ดูสิ”


“ทำแผลแล้วนี่ งั้นก็ ป้อนข้าวให้ผมสักที”


“ค่าป้อน เป่า ” ร่างเล็กกว่ายืนเท้าเอวออกคำสั่ง เจ้ากี้เจ้าการชะมัด ผมเหลือบมองไปเห็นจานอาหารสุดน่ากิน โอ้ ต่อมน้ำลายผมทำงานเลย ผมรีบเป่าแผลให้เขาทันที


“ดีมาก” ลู่ฮานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ บอกตามตรงว่าน่ารัก เอ๊ย น่าหมั่นไส้มากครับ ร่างเล็กๆค่อยนั่งป้อนข้าวผม



มื้ออาหารผมเป็นไปอย่างเสียงดัง ทำไมน่ะหรอ ก็กินไปกัดกันไปไง ให้ตายเหอะ จะป้อนเงียบๆนิ่งๆไม่ได้รึไงครับ หลังจากกินเสร็จผมก็ไล่ให้เขากลับไป เพราะผมอยากพัก ความจริงเปล่าเลยครับ ผมขี้เกียจจะทะเลาะกับเขาต่างหาก เสียพลังงาน



พอลู่ฮานเดินออกไปผมก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อสายตาผมเลื่อนไปเห็นอะไรบางอย่าง มันเป็นกระดาษข้อความเล็กๆ //อ่านจนหลับเลยหรอ สงสัยจะสนุกมาก เล่มนี้เล่มโปรดของฉันเลยล่ะ ดีใจนะที่ชอบ//


“ใครว่าชอบ ก็แค่…แก้เซ็ง...มั้ง” ผมหัวเราะเบาๆ


“เฮ้ โอเซฮุนนายจะต้องไม่ยิ้มเพราะไอ้กวางนั่นสิวะ” ผมสะบัดหัวไปมา และผลที่ได้คือ ปวดหัวหนักกว่าเก่า ลืมไปว่าตัวเองเป็นไข้อยู่




ทำไมนะ ทำไมคนอย่างผมจะต้องยิ้มเพราะเขาด้วย เฮ้ยไม่ดิ่ ใครว่าผมยิ้ม ผมแค่....บริหารปากเท่านั้น





เช้าวันต่อมา จะเรียกว่าเช้ามั้ย ก็มันตี4 อยู่นี่ครับ ลู่ฮานก็เข้ามาหาผมอีก ถึงเขาจะพยายามทำตัวย่องเบาเดินเป็นแมวก็แต่ผมก็รับรู้ได้ว่าเขามา


“มาไรตอนนี้”


“เบาๆสิ เดี๋ยวชานยอลตื่น”


“มาทำไม”


“ก็กลัวคนแถวนี้ตาย เลยเอายาลดไข้มาให้” ลู่ฮานว่าก่อนจะยื่นซองยาให้ผม หน้าตามันไม่เหมือนยาพาราฯเลยสักนิดครับ มันเป็นพงยาสีหม่นๆ กลิ่นนี่ฉุนมากเลยครับ แค่ดมแค่นี้ยังได้กลิ่น


“มันขม แต่นายต้องกิน เข้าใจมั้ย จะได้หาย นายนอนต่อเถอะ ฉันจะไปละ อยู่นานแล้วเดี๋ยวนายจะเบื่อขี้หน้า” ร่างเล็กหันหลังเดินกลับไปที่ประตู


“เดี๋ยว”


“อะไรล่ะ”


“ขอบใจ” ลู่ฮานแอบยิ้มเล็กๆก่อนจะเดินออกจากห้องไป ....



หลายวันที่ผ่านมาลู่ฮานคอยมาดูแลผม ตอนกลางวันก็ชอบฝากยา ฝากอาหารสารพัดประโยชน์มากับแม่บ้าน หนังสือที่ฝากคุณคริสมาก็ด้วย ตอนกลางคืนก็คอยมาป้อนข้าวให้ผม เรียกว่าป้อนข้าวคงไม่ถูกหมด เพราะเราทะเลาะกันมากกว่าป้อนข้าว แต่มันก็สนุกดี....



กวางปัญญาอ่อนนั่นทำให้ผมเหมือนคนบ้า ผมยิ้มทุกครั้งที่เห็นกระดาษข้อความของเขา ผมว่าผมก็แค่....ตลกกับนิสัยเขา คงไม่ได้ชอบอะไรเขาหรอก แต่อย่างหนึ่งที่ผมไม่ปฎิเสธคือ.....เขาทำให้ผมหายเบื่อ อาจเพราะเราต้องมีเรื่องให้ทะเลาะกันได้ทุกวันก็ได้มั้ง ลู่ฮานทำให้ผมมองเขาในแง่ดีมากขึ้น เขาก็เป็นคนที่นิสัยน่ารักคนหนึ่ง แต่เหตุการณ์เมื่อคืน.....ทำให้ทุกๆอย่างมันเปลี่ยนไป



คุณจะรู้สึกยังไงถ้าคนที่มาดูแลคุณ คนที่ทะเลาะกับคุณแทบทุกวันเขาไม่ใช่คน แต่เขาคือแวมไพร์ คือคนที่จะฆ่าคุณเมื่อไรก็ได้ ผมจะไว้ใจเขาได้ยังไงว่าเขาจะไม่ทำอะไรผมกับพี่ชานยอล......



แต่รอยยิ้มนั่น เสียงหัวเราะแบบนั้น นิสัยเอาแต่ใจแบบเด็กๆของเขา คนๆนั้นน่ะหรอที่จะทำร้ายผม คนๆนั้นน่ะหรอที่จะฆ่าผม ผมคิดไม่ออกเลย ไม่สิ ต้องบอกว่าผมไม่คิดว่าเขาจะทำต่างหาก



ผมกำลังสับสนอยากจะไว้ใจแต่ก็ทำไม่ได้ อยากจะเกลียดก็ทำไม่ลง.....ผมควรทำยังไงดี



“นายคิดเหมือนพี่มั้ยเซฮุน” ชานยอลหันมาถามเซฮุน


“อื้ม เฮ้อ ผมไม่ได้ชอบเขาหรอก ผมไม่ได้ชอบเขา” เซฮุนเอาหนังสือปิดหน้า นอนแผ่อย่างหมดอาลัยตายอยาก


“พี่ไม่เข้าใจ คุณคริส…เขาจะทำอะไรแบบนั้นได้หรอ พี่ไม่เข้าใจ”


“พี่ยังไม่เก็ทตัวเอง แล้วผมจะเก็ทป่ะล่ะ”


“เฮ้อ พี่ก็แค่....รู้สึกดีๆด้วยแค่นั้นแหละ คงไม่ได้ชอบเขาหรอก” ถ้าคริสมาเห็นร่างโปร่งในตอนนี้เขาคงจะต้องผิดหวังมากแน่ๆ ชานยอลมีสีหน้าเศร้าสร้อย ดวงตาที่เคยสดใสซุกซนกลับหม่นหมองลง รอยยิ้มที่ชอบฉาบอยู่บนใบหน้ากลับจางหายไปเหลือแต่ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันอย่างคนกำลังขบคิด



ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอกขัดจังหวะบทสนทนาของทั้งคู่ ชานยอลเดินไปเปิดประตู


“คุณชานยอลคะ คุณคริสเชิญให้ไปทานข้าวที่ห้องของคุณคริสค่ะ ส่วนคุณเซฮุน คุณลู่ฮานจะยกข้าวมาให้


“ว่าไงนะ!” สองเสียงประสานกัน




..................................................................

http://0ctogus.forumth.com

2Part 5  invisible light Empty Re: Part 5 invisible light Fri Jan 25, 2013 2:18 am

Rouge


ผู้มาเยือน

ฮึ๊ยยยยย (. ////// . ) แอบดีดดิ้นตอนรู้ว่ามีไคซูด้วย /พราก
ดีใจจนเผลอจิกหมอน

3Part 5  invisible light Empty Re: Part 5 invisible light Mon Mar 25, 2013 9:42 pm

pachaam_

pachaam_

ไคโด้ทำละลาย งื้อร์ ~ ; _ ;
ฮุนฮันเริ่มซัมติงจิงเกอเบลแล้ว วี๊ดวิ่วววว

https://twitter.com/_5Qwc

4Part 5  invisible light Empty Re: Part 5 invisible light Wed Apr 10, 2013 12:27 am

rquniqa



กรี้ดไคโด้มากค่า > _ <
แหมๆชานยอลกะเซฮุนชอบสองคนนั้นแล้วดิ555555
คืนนี้พี่คริสเรียกยอลไปกินข้าวที่ห้อง...
คงไม่ได้แค่กินข้าวแหงๆ555555

5Part 5  invisible light Empty Re: Part 5 invisible light Wed Jun 26, 2013 6:04 pm

panaddaj



ชอบลู่ห่านแล้วอะดิเซฮุน 55+++
.
.
.
.
ชานยอลเสร็จพี่คริสแน่ ๆ
มาชวนไปกินข้าวที่ห้องเนี่ย

6Part 5  invisible light Empty Re: Part 5 invisible light Wed Jul 09, 2014 2:03 am

Galaxy_myeye



ไคซู ><

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ